หลิวซินหน่าเพิ่งพูดจบก็รีบใช้มือปิดปากตํารวจถลึงตาใส่เธอ ซะหันหน้าไปทางหลินจืออี้้ยิ้มพลางยื่นมือออกมา “คุณหลิน ในเมื่อมีหลักฐานก็ควรเอาออกมาเร็วหน่อย ให้ผมดูหน่อยครับ”หลินจืออี้้กลับหลบมือเขา “ฐานะของคุณไม่เหมาะที่จะทําคดีของฉัน ฉันขอเปลี่ยนคน ไม่งั้นฉันจะเอาหลักฐานไปโพสต์บนอินเทอร์เน็ต ให้ชาวเน็ตส่วนใหญ่ช่วยตัดสินให้ฉันแทน”“คุณ......” ตํารวจหายใจหอบหนักสองที สุดท้ายก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าว ชี้ไปที่ตํารวจหนุ่มอีกคนหนึ่ง “นายไปดู”ตํารวจหนุ่มรีบก้าวไปข้างหน้าทันทีหลินจืออี้้ขอให้เขาเปิดกล้องบันทึกของตำรวจ ซะเปิดโทรศัพท์“คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือของฉันเชื่อมต่อกัน เมื่อคอมพิวเตอร์ป้อนรหัสผ่านก็จะเปิดฟังก์ชั่นกล้องโดยอัตโนมัติ ซะอัปโหลดไปยังโทรศัพท์มือถือของฉัน”ตั้งแต่ซ่งหว่านชิวขโมยร่างการออกแบบของเธอ เธอก็ได้ค้นหาวิธีการมากมายบนอินเทอร์เน็ตนี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่เธอสามารถคิดได้ในตอนนี้ดังนั้นตอนที่เธอถูกหลิวซินหน่าเหยียบตาจนเกือบจะระเบิด เธอก็จงใจส่งรหัสผ่านให้โดยสมัครใจ เพื่อให้หลิวซินหน่าเปิดคอมพิวเตอร์ของเธอและเปิดหน้ากล้องแม้ว่ากล้องที่เธอตั้งไว้จะไม่นาน แต่จาก
หลินจืออี้กวาดตามองคนตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา สุดท้ายสายตาจึงหยุดอยู่ที่ตํารวจวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า“คุณเป็นลุงของหลิวซินหน่าเป็นไหมคะ?”“ผมกําลังบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นกลาง มีเหตุผลและมีหลักฐาน หวังว่าคุณจะเข้าใจนะครับ”เขาไม่ได้ตอบคําถามของหลินจืออี้โดยตรง แต่กลับยืนหลังตรง เหมือนแสดงออกว่าตัวเองเป็นคนเถรตรงเป็นพิเศษแต่สายตาที่เขาเหลือบมองหลิวซินหน่าโดยไม่รู้ตัวก็ยังทรยศเขาอยู่ดีหลินจืออี้ยิ้มเบาๆ แล้วพูดว่า “ขอโทษนะคะ แต่ฉันไม่เห็นด้วยกับการบังคับใช้กฎหมายของคุณ ฉันเพิ่งแจ้งตํารวจได้ไม่นาน คุณหลิวคนนี้ก็ได้รับรายงานการตรวจบาดแผลทั้งหมดแล้ว แต่รายงานของฉันตอนนี้ยังมีอีกสองฉบับที่ยังไม่ออกมา”“คุณหลิวนี่ช่างทํานายอนาคตได้แม่นยำจริงๆ เลยนะคะ”“นอกจากนี้ พวกคุณก็ไม่ได้ขอให้ฉันให้ปากคํา ตั้งแต่เมื่อไรที่ผู้เสียหายแจ้งตํารวจแต่กลับใช้คําให้การของผู้ก่อเหตุเป็นหลักแทน?”"สําหรับรายงานทางจิตเวช ฉันให้ความร่วมมือในการรักษาอย่างแข็งขันมาโดยตลอด อาการป่วยของฉันในระบบการแพทย์ปัจจุบันคือได้รักษาให้หายขาดแล้ว ดังนั้นทําไมฉันถึงได้อาการกําเริบและจงใจผลักคุณหลิวกันล่ะ?”“นอกจากนี้ คุณม
“สวัสดีค่ะ”“คุณหลิน ผมเป็นคนของสถานีตํารวจ อยู่ในวอร์ดของคุณแล้ว คุณล่ะครับ?น้ำเสียงของอีกฝ่ายทุ้มลึก แต่แฝงไว้ด้วยความรําคาญหลินจืออี้คิดว่าตอนนี้ก็สายมากแล้ว อีกฝ่ายออกตํารวจแล้วยังหาตัวเธอไม่เจออีก ก็ควรจะหงุดหงิดจริงๆ “ขอโทษค่ะ เดี๋ยวฉันกลับไปค่ะ”“เร็วๆ เข้า”หลังจากวางสายแล้ว หลินจืออี้ก็ถือโอกาสผลักกงเฉินออก แล้วยัดเสื้อนอกเข้าไปในอกของเขา“อาเล็ก ฉันไปก่อนนะคะ”เธอไม่กล้ามองกงเฉิน จึงหันหลังวิ่งหนีไปทันทีกงเฉินมองร่างที่หายลับไป มือถือในกระเป๋าก็สั่นขึ้นมา เขากวาดตามองข้อความ แววตาเย็นชาขึ้นหลายส่วนแล้วก็ออกจากห้องบันไดเช่นกัน……ณ ห้องพักผู้ป่วยหลินจืออี้ผลักประตูเข้าไป คิดว่าจะเห็นเพียงตํารวจที่รอเธออยู่แต่นึกไม่ถึงว่านอกจากตํารวจแล้ว ยังมีหลิวซินหน่าที่นั่งอยู่บนรถเข็น มีผ้าพันแผลที่มือและเท้าหลิวซินหน่าดูได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ใบหน้าของเธอแดงเปล่งปลั่ง ไม่มีความเจ็บปวดใดๆ ในดวงตาของเธอเลย ตรงกันข้ามกลับเธอรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมากหลินจืออี้อึ้งไปไม่รอให้เธอเอ่ยปากถาม ประตูห้องด้านหลังก็ถูกผลักออกอีกครั้งคุณท่านกงเดินเข้ามาอย่างเคร่งขรึม ด้านห
มือของชายคนนั้นขาวและเรียวยาว ปลายนิ้วของเขาเหมือนหยก ลื่นเข้าไปในฝ่ามือตามข้อมือของหลินจืออี้ และจับนิ้วทั้งห้าของเธอไว้เขาออกแรงนิดหน่อย ดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอดหลินจืออี้อึ้งไป ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ผู้ชายอยู่ใกล้แค่เอื้อม กำลังก้มตัวลงจ้องมองเธอเป็นกงเฉินนี่เองดวงตาของเขาล้ำลึกเหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืน มีแสงระยิบระยับ ไม่มีที่สิ้นสุดทําให้ผู้คนหวาดกลัวและดึงดูดผู้คนภายใต้สายตาของเขา หัวใจของเธอถูกบีบแน่นอย่างแรง ข้างหูเป็นเสียงนุ่มๆ ของลูกสาว“แม่คะ ทําไมหนูชื่อซิงซิงเหรอคะ?”“ก็เพราะดวงตาของหนูสวยเหมือนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวไงล่ะ”เหมือนพ่อของหนูท่ามกลางการจ้องมองที่เงียบสงบและยาวนาน ดวงตาของเธอเริ่มพร่ามัวเธอไม่อยากให้ใครเห็นถึงความอ่อนแอของเธอ เธอรีบหลบสายตาของกงเฉินและหลุบตาลงวินาทีต่อมา บนหัวของเธอก็มีเสื้อโค้ทผู้ชายคลุมอยู่ ปกปิดใบหน้าของเธอไปครึ่งหนึ่งพอดีลมหายใจอันหนักหน่วงของชายหนุ่มห่อหุ้มเธอไว้อย่างแน่นหนา ดวงตาของเธอพุ่งพล่าน กําหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัวปลายนิ้วฝังลึกเข้าไปในหลังมือของเขา แต่เขาก็ไม่ได้ดึงออก“ไปกันเถอะ”กงเฉินจูงเธอเดินไปข้างหน้าเดินออ
แต่ตอนนี้เธอมีสิ่งที่สําคัญกว่าที่ต้องทําถ้าจะแจ้งตํารวจจริงๆ เธอต้องตรวจบาดแผลแน่นอน เธอต้องไปถามเธอว่ารายงานการตรวจของเธอยังขาดอะไรอีกหลังจากลงจากเตียง หลินจืออี้เพิ่งลุกขึ้นยืน ขาทั้งสองข้างก็อ่อนปวกเปียกเหมือนเหยียบสําลีเธอกัดฟันและเดินไปที่ห้องทํางานของหมอทีละก้าวๆเดินไปได้ครึ่งทาง จู่ๆ ประตูห้องทํางานก็ถูกเปิดออกอย่างแรงหลี่ฮวนที่ยังรับสายอยู่รีบวิ่งออกมา "นี่นายอยากตายใช่ไหมเนี่ย ทำอะไรเหลวไหล!"ด้วยความร้อนใจ เขาจึงวิ่งไป ไม่ได้สังเกตเห็นหลินจืออี้เลยหลินจืออี้มองแผ่นหลังของเขา นึกถึงคนที่หนีออกไปจากห้องแต่งตัวคนนั้น เหมือน......แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เหมือนเมื่อกี้หน้ากากของหลี่ฮวนถูกกงเฉินต่อยแตกแล้ว แถมยังชนตู้หลายตู้ด้วย ทําไมตอนนี้เขาถึงดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยและกงเฉินก็รู้ถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างหลี่ฮวนกับซ่งหว่านชิว ทําไมยังเชื่อใจหลี่ฮวนขนาดนั้นความสงสัยต่างๆ วนเวียนอยู่ในใจของหลินจืออี้เธอไม่สนใจร่างกายที่อ่อนแรงของเธอ พยุงกําแพงและเดินตามหลี่ฮวนไปหลี่ฮวนเข้าไปในศูนย์ฉุกเฉินหลินจืออี้ยืนอยู่นอกประตูที่แง้มไว้ แอบมองเข้าไปข้างในภายในมีเตี
พยาบาลจึงรีบฝังเข็มและแขวนน้ำเกลือให้หลินจืออี้ใหม่หลังจากจัดการเรียบร้อยแล้ว กงเฉินก็มองไปที่หลี่ฮวน“นายออกไปก่อน”หลี่ฮวนกุมท้องน้อยอีกครั้ง ลูบแขนที่ถูกกงเฉินดึงออกเมื่อกี้อีกครั้ง “ถือว่าฉันบาดเจ็บจากการทํางานนะ”ประตูห้องผู้ป่วยค่อยๆ ปิดลง ในห้องเหลือเพียงหลินจืออี้และกงเฉินหลินจืออี้ดึงสติกลับมา หมายจะดิ้นหลุดจากอ้อมกอดของผู้ชายแต่กลับถูกเขารัดจากด้านหลังอย่างแน่น หน้าอกที่อบอุ่นมีร่องรอยของความแข็งแกร่ง กลิ่นอายที่แข็งแกร่งและเผด็จการห่อหุ้มเธอเอาไว้เสียงของเขาทุ้มต่ำและเย็นชา “รู้แต่แรกเหรอว่าเขาจะมาหาเธอ?”“ไม่รู้สิ อาเล็กบอกว่าฉันไม่ฉลาดพอไม่ใช่เหรอ? ฉันจะเดาความคิดของคนอื่นได้ยังไง?” หลินจืออี้พึมพํา“ยังจะดื้อดึงอีกเหรอ?”ชายคนนั้นนั่งอยู่ข้างหลังหลินจืออี้ มองไม่เห็นสีหน้าและฟังอารมณ์ไม่ออกเพียงแค่เอื้อมมือไปดึงผ้าห่มมาคลุมตัวทั้งสองคนร่างกายของผู้ชายอบอุ่นมาก ผ้าห่มที่เย็นเยือกก็อบอุ่นทันทีหลินจืออี้รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ก็ขยับไม่ได้ในห้องกลับสู่ความเงียบสงบ มีเพียงเสียงพลิกผ้าห่มเบาๆ เผยให้เห็นท่วงทํานองที่คลุมเครือหลังจากนั้นไม่นาน หลินจืออี้ก