น้ำฟ้ากลับมาที่ห้องของตัวเองในค่ายมวย วางของที่ซื้อมาแล้วเปิดกระป๋องเบียร์ หยิบโน้ตบุ๊กขึ้นมาทำงานต่อ
เธอจมอยู่กับการออกแบบชุดกีฬา ปรับดีไซน์ เพิ่มรายละเอียด ลบแล้วแก้ใหม่ซ้ำไปซ้ำมา เบียร์กระป๋องแรกหมดไป จากนั้นก็กระป๋องที่สอง
เธอไม่ได้ตั้งใจจะดื่มเยอะ แต่ยิ่งดึก สมองเธอยิ่งแล่น ความคิดพุ่งพล่านจนไม่อยากหยุดทำงาน แม้ว่าเปลือกตาจะเริ่มหนักขึ้น
กระทั่งเสียงไก่ขันดังขึ้นแว่วๆ จากด้านนอก
น้ำฟ้าหยุดมือ เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกา—หกโมงเช้า
เธอเบิกตากว้าง รู้ตัวว่าไม่ได้หลับเลยทั้งคืน
มือข้างหนึ่งยกขึ้นนวดขมับเล็กน้อย ก่อนจะพ่นลมหายใจ หันไปมองโต๊ะที่เต็มไปด้วยร่างแบบกับกระป๋องเบียร์ที่ว่างเปล่า
“ตายแล้ว...” เธอพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นไปล้างหน้า หวังให้ความง่วงหายไปบ้าง
วันนี้เธอต้องลงไปค่าย เจอธาราและเด็กๆ …แค่หวังว่าเขาจะไม่จับได้ว่าเธออดนอนทั้งคืนก็พอ
น้ำฟ้าล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเป็นเสื้อยืดกับกางเกงสบายๆ แล้วพยายามทำตัวให้สดชื่นที่สุด แม้ในหัวจะเริ่มหนักอึ้งจากการอดนอนและแอลกอฮอล์เมื่อคืน
เธอลงมาที่ค่ายมวย เด็กๆ กำลังวอร์มร่างกาย บรรยากาศเช้าในค่ายเต็มไปด้วยเสียงพูดคุย เสียงรองเท้ากระทบพื้น และเสียงนวมกระแทกกระสอบ
เธอกำลังจะเดินไปหามุมสงบๆ เพื่อจดบันทึก แต่แล้ว—
“เมื่อคืนไม่นอนเหรอ?”
เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นจากข้างหลัง
น้ำฟ้าสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปเจอธารายืนกอดอกมองเธออยู่ แววตาของเขาดูจับผิดเล็กน้อย
“ฉันนอนค่ะ” เธอตอบทันที แต่เสียงแหบเล็กน้อย ทำให้ธาราเลิกคิ้ว
“แน่ใจ?”
“ก็... นิดหน่อย” เธอหลบตา ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ?”
ธารามองเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ “มากินข้าวก่อนเถอะ เดี๋ยวเป็นลมไปจะยุ่ง”
น้ำฟ้าทำท่าจะปฏิเสธ แต่ท้องของเธอดันร้องขึ้นมาก่อน
ธาราหัวเราะเบาๆ “เห็นมั้ย ไปเถอะ”
สุดท้ายเธอก็ต้องเดินตามเขาไปที่โรงอาหารของค่ายอย่างเสียไม่ได้…
น้ำฟ้านั่งลงที่โต๊ะอาหารของค่าย ธาราตักข้าวใส่จานแล้วยื่นให้เธอ
“กินซะ เดี๋ยวจะไม่มีแรงทำงาน”
เธอรับจานมา แม้ว่าจะยังรู้สึกมึนๆ จากการอดนอน แต่กลิ่นอาหารร้อนๆ ก็ช่วยให้เธอเริ่มหิวขึ้นมา
ขณะที่เธอกำลังจะตักข้าว ธาราก็พูดขึ้นมาเหมือนนึกอะไรได้
“อ้อ แล้วก็...” เขาหันมามองเธอด้วยสายตานิ่งๆ “ของในตู้เย็นที่บ้านคุณ พวกอาหารแช่แข็ง ผมแจกเด็กๆ หมดแล้วนะ”
น้ำฟ้าชะงัก มือที่ถือช้อนค้างกลางอากาศ “หา?!”
“ผมบอกแล้วให้มากินที่โรงอาหาร ถ้ามาไม่ทัน แม่ครัวก็ทำใหม่ให้” เขาพูดเสียงเรียบ
น้ำฟ้ากะพริบตาปริบๆ ก่อนจะร้องออกมา “แล้วใครให้คุณยุ่งกับของในตู้เย็นฉันล่ะ?!”
ธาราไม่สะทกสะท้านกับเสียงโวยของเธอ “คุณกินแต่อาหารแช่แข็งแบบนั้นไม่ดีหรอก แถมยังไม่ค่อยมาโรงอาหารอีก”
“ฉันสะดวกแบบนี้” เธอเถียงกลับทันที “อีกอย่าง ฉันซื้อเองนะคะ!”
ธารายักไหล่ “ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมเลี้ยงข้าวคุณแทน”
“มันไม่เหมือนกัน!”
ธาราหัวเราะเบาๆ มองเธออย่างเอ็นดู “ก็ลองกินข้าวแบบนี้ทุกวันดูสิ แล้วคุณอาจจะติดใจก็ได้”
น้ำฟ้ามองเขาอย่างขุ่นๆ ก่อนจะถอนหายใจแรงๆ แล้วตักข้าวเข้าปากอย่างจำใจ.....น้ำฟ้านั่งมองจานข้าวตรงหน้าด้วยสีหน้าหนักใจ
ในจานมีข้าวกล้อง ไก่ต้ม ผักลวก แล้วก็น้ำซุปใส ทุกอย่างดูคลีนและเฮลตี้มาก... แต่สำหรับเธอที่ชอบกินของมันๆ เค็มๆ นี่มันทรมานสุดๆ
เธอตักไก่ต้มเข้าปากเคี้ยวช้าๆ ก่อนจะเบ้หน้าเล็กน้อย "จืดชะมัด..."
ธาราที่นั่งกินข้าวอยู่ฝั่งตรงข้ามเงยหน้ามองเธอแล้วยิ้มนิดๆ "อาหารนักกีฬาก็ต้องเน้นสุขภาพแบบนี้แหละ"
น้ำฟ้าวางช้อนลง ถอนหายใจเฮือกใหญ่ "ฉันกินแบบนี้ทุกวันไม่ไหวแน่ๆ"
"ก็ดีกว่าอาหารแช่แข็งล่ะน่า" ธาราพูดเรียบๆ ก่อนจะตักข้าวกินต่อ
น้ำฟ้าทำหน้ามุ่ย มองซ้ายมองขวาหาอะไรที่พอจะทำให้รสชาติอาหารดีขึ้นได้ สุดท้ายเธอก็เห็นขวดน้ำปลาอยู่ไม่ไกล
เธอรีบเอื้อมมือไปหยิบ แต่ยังไม่ทันจะได้เทลงจาน ธาราก็พูดขึ้นมา
"อย่าคิดแม้แต่จะเติมน้ำปลา"
เธอชะงักแล้วหันไปมองเขาอย่างเหลือเชื่อ "คุณเป็นตำรวจโภชนาการรึไง?!"
ธาราหัวเราะเบาๆ "ก็ถ้าคุณอยากกินอาหารอร่อยกว่านี้ ก็มากินให้ทันตอนแม่ครัวทำใหม่ๆ ไง"
น้ำฟ้ากลอกตา ก่อนจะจำใจตักข้าวเข้าปากอีกคำ
ให้ตายเถอะ... อยู่ที่นี่สองเดือน ฉันจะรอดมั้ยเนี่ย?!
หลังจากมื้อเช้าที่ไม่ค่อยถูกปาก น้ำฟ้าก็กลับไปนั่งทำงานที่มุมหนึ่งของค่าย ส่วนธาราก็เดินตรวจความเรียบร้อยของเด็กๆ ที่กำลังฝึกซ้อม
ในขณะที่เขากำลังยืนดูเด็กคนหนึ่งซ้อมปล่อยหมัด โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น
"ว่าไง?" ธารารับสายโดยไม่ต้องดูชื่อ เพราะจำเสียงเรียกเข้าของเพื่อนได้ดี
"น้ำฟ้าเป็นไงบ้าง ปรับตัวได้รึยัง?" เสียงของภูวินดังมาจากปลายสาย
ธาราหันไปมองหญิงสาวที่นั่งขมวดคิ้วจ้องจอคอมพิวเตอร์ สีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าเธอยังไม่ค่อยโอเคกับบรรยากาศของค่ายเท่าไหร่
เขายิ้มนิดๆ ก่อนตอบเสียงเรียบ "ก็... พอได้อยู่"
"แปลว่าไง?"
"ก็ยังมีบ่นนิดหน่อย โดยเฉพาะเรื่องอาหาร" ธาราหัวเราะเบาๆ "เธอไม่ชอบอาหารคลีนของนักกีฬา แต่ฉันก็ทำให้เธอกินจนได้"
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนภูวินจะหัวเราะ "ก็แน่ล่ะ น้ำฟ้าน่ะเป็นพวกกินของอร่อยไว้ก่อน ไม่แปลกที่จะบ่น"
"ฉันก็พอจะดูแลเธอได้น่า" ธาราตอบเสียงสบายๆ
"ก็ดี ฝากดูแลหน่อยละกัน อย่าให้เธอหนีกลับก่อนกำหนดล่ะ"
"อืม" ธาราพูดสั้นๆ ก่อนจะกดวางสาย
เขามองไปทางน้ำฟ้าอีกครั้ง หญิงสาวกำลังถอนหายใจแล้วบ่นพึมพำอะไรสักอย่างกับตัวเอง
สองเดือนที่ต้องอยู่ด้วยกัน... คงจะสนุกไม่น้อยเลยแฮะ
窗体顶端
窗体底端
หลังจากวางสายไปได้ไม่นาน โทรศัพท์ของธาราก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้พอเห็นชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจอ เขาถอนหายใจยาวๆ ก่อนจะกดรับ
“ว่าไง?”
เสียงของภูวินดังมาแทบจะทันที “ทำไมนายดูเป็นห่วงจังวะ?”
ธาราขมวดคิ้ว “หมายถึงอะไร?”
“ก็ตอนนี้แหละ น้ำเสียงนายดูใส่ใจผิดปกติ” ภูวินหัวเราะเบาๆ “หรือว่าสนใจน้ำฟ้าจริงๆ?”
“เลอะเทอะ” ธาราตอบเสียงเรียบ “ฉันแค่ทำตามที่นายขอ ฝากให้ดูแล ฉันก็ดูแล”
“แน่ใจ?”
“แน่”
ภูวินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าเดิม “ก็ดี เพราะกูไม่อยากให้น้ำฟ้าต้องลาออกเพราะมึง”
ธาราชะงักไปเล็กน้อย “พูดเหมือนฉันเป็นตัวปัญหา”
“ก็นิดหน่อย” ภูวินหัวเราะ “แต่น้ำฟ้าน่ะเป็นดีไซเนอร์ที่เก่งมาก ฉันไม่อยากเสียเธอไปเพราะนายทำให้เธออยู่ที่นั่นไม่ได้”
ธารายกมือขึ้นขยี้หัวตัวเองเบาๆ “เธอไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นหรอก”
“ก็ใช่ แต่เธอก็ไม่ใช่พวกที่อยู่กับชีวิตนักกีฬาได้ง่ายๆ เหมือนกัน”
ธาราหันไปมองน้ำฟ้าที่กำลังนั่งจ้องจอคอมพิวเตอร์ด้วยสีหน้าหงุดหงิดเล็กๆ เหมือนกำลังพยายามทำความเข้าใจอะไรสักอย่าง
เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย “เดี๋ยวฉันก็ทำให้เธออยู่ได้เอง”
ภูวินหัวเราะ “เออ ก็ดี ถ้าเธออยู่ครบสองเดือนโดยไม่หนีกลับไปก่อน ถือว่านายสอบผ่าน”
“หึ ไว้คอยดู” ธาราพูดก่อนจะกดวางสาย
เขาเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าแล้วเดินตรงไปหาน้ำฟ้าที่กำลังพ่นลมหายใจแรงๆ กับหน้าจอ
“ติดปัญหาอะไรหรือไง?” เขาถามพลางยืนกอดอกมองเธอ
น้ำฟ้าสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้ามองเขา “ชุดพวกนี้ ฉันออกแบบให้ดูสวย แต่พอเอามาคิดเรื่องการใช้งานจริง มันกลับไม่เวิร์ค”
ธารายิ้มมุมปาก “ก็ต้องเรียนรู้กันไป”
น้ำฟ้าทำหน้ายุ่ง “มันไม่ง่ายนะ!”
ธาราหัวเราะเบาๆ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ “ฉันก็ไม่ได้บอกว่าง่าย”
เธอเหล่มองเขา “จะช่วยฉันเหรอ?”
“ก็ไม่แน่” เขายักไหล่ “แต่อย่างน้อย ถ้าทำให้น้ำฟ้าของเพื่อนฉันไม่หนีกลับไปก่อนกำหนดได้ ฉันก็ถือว่าภารกิจสำเร็จ”
น้ำฟ้าขมวดคิ้ว “ฉันไม่หนีกลับหรอก!”
ธาราหัวเราะในลำคอ “เดี๋ยวก็รู้”
เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหลัง ทำให้น้ำฟ้าชะงัก หันไปมองธาราที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ สายตาของเขามีแววบางอย่างที่อ่านไม่ออก"พูดเรื่องอะไรคะ?" เธอถามกลับ รู้ดีว่าเขาน่าจะได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วธาราไม่ตอบ แต่กลับเดินเข้ามาใกล้จนเธอต้องเงยหน้าขึ้นมอง"เธอรู้ไหมว่าเด็กในค่ายเชียร์เธอกันขนาดไหน?" เขาพูดเสียงต่ำ จ้องเธอราวกับจะจับผิดน้ำฟ้ายักไหล่ "พวกเขาไม่ชอบโมนาของคุณไงคะ"ธาราหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอื้อมมือมาแตะปลายคางเธออย่างถือสิทธิ์ "แล้วเธอล่ะ?""อะไรคะ?""หงุดหงิดที่ผู้หญิงคนนั้นมายุ่งกับฉันเหรอ?"น้ำฟ้าชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเบือนหน้าหนี "เปล่าค่ะ ฉันแค่รำคาญ"ธารายิ้มมุมปาก เขารู้จักผู้หญิงตรงหน้าดีกว่าที่เธอคิด"งั้นเหรอ?" เขาโน้มหน้าเข้าใกล้เธอมากขึ้น เสียงของเขาแผ่วต่ำจนน้ำฟ้ารู้สึกเหมือนมันสะกิดเข้าไปในหัวใจ"ไม่หึงเลย?"น้ำฟ้ากำมือแน่น พยายามคุมสีหน้าให้เป็นปกติ "คุณไม่ใช่ของฉัน ฉันไม่มีสิทธิ์หึงหรอกค่ะ"ธาราหัวเราะในลำคอ ก่อนจะกระซิบใกล้หูเธอ "งั้นคืนนี้ฉันจะทำให้เธอรู้เองว่าเธอมีสิทธิ์แค่ไหน"หัวใจของน้ำฟ้าเต้นกระหน่ำทันที แต่เธอก็ยังคงเชิดหน้าไม่ยอมแพ้"มั่นใจเกินไปแล้วค่ะ""ลองด
ธารายืนมองเธอที่กอดอกแน่น สายตาแข็งกร้าวราวกับปิดกั้นทุกความรู้สึกที่เขาพยายามค้นหา"สองวันนี้เป็นวันหยุดของฉัน ฉันแค่กลับมาจัดการธุระ งานฉันยังไม่เสร็จ อีกอย่าง..." น้ำฟ้าสูดหายใจเข้า ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "คุณยังไม่ตกลงเรื่องชุดที่ฉันเสนอ"ธารายังคงนิ่ง จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอที่ดูจะตั้งใจพูดให้ชัดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่มีผลอะไรกับงาน"เรื่องแค่นี้ ฉันไม่เอามาทำให้เสียงานหรอกนะ"คำพูดนั้นทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอย่างประหลาดเธอคิดว่าเรื่องระหว่างพวกเขาเป็นแค่ "เรื่องเล็กๆ" งั้นเหรอ?ธาราหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้ขึ้น น้ำฟ้าถอยหลังไปเพียงก้าวเดียว ก่อนจะหยุด ราวกับไม่อยากแสดงให้เห็นว่าเธอหวั่นไหว"งั้นเหรอ?" เขาถามเสียงต่ำ ก่อนจะโน้มหน้าเข้าไปใกล้เธอ"ใช่ค่ะ" น้ำฟ้ายืนยัน ดวงตาไหววูบไปวินาทีหนึ่ง แต่เธอยังคงเชิดหน้าขึ้นธาราเลื่อนมือไปแตะปลายคางเธอเบาๆ สัมผัสนั้นทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบเบือนหน้าหนี"ถ้างั้น..." เขาหรี่ตาลง "ฉันควรถือว่าเธอไม่ได้หนีฉันใช่ไหม?"น้ำฟ้ากำมือแน่น ก่อนจะตวัดสายตามองเขา "ฉันไม่ได้หนี ฉันแค่กลับมาอยู่ในที่ของฉัน"ธารายิ้มมุ
น้ำฟ้ายืนนิ่งอยู่หน้าประตู มือที่ถือแฟ้มเริ่มกำแน่นขึ้น เธอไม่รู้ว่าตัวเองกำลังรู้สึกอะไร—หรือจริงๆ แล้วเธอรู้… แต่เธอแค่ไม่อยากยอมรับมันธาราไม่ได้ดึงมือกลับ ไม่ได้ผละออกจากโมนาทันที นั่นอาจเป็นสิ่งที่ทำให้หัวใจของเธอกระตุกแรงที่สุดเธอสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามรักษาสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนจะก้าวเข้าไปวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะเบาๆ"นี่ค่ะ ตัวอย่างงาน ฉันเอามาให้คุณตรวจสอบ" น้ำเสียงของเธอราบเรียบจนน่าตกใจธาราหันขวับมาทันทีเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าเธออยู่ที่นี่ ดวงตาของเขามีแววผิดแปลกไปเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดอะไร น้ำฟ้าก็เอ่ยขึ้นเสียก่อน"ถ้ายังไงฉันขอตัวก่อนนะคะ"เธอไม่แม้แต่จะรอให้เขาตอบกลับ เดินออกไปโดยไม่หันกลับไปมองอีกเลย…เพราะเธอกลัวว่าถ้ามอง เธออาจจะไม่สามารถควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้อีกต่อไปน้ำฟ้าขับรถ กลับไปคอนโดเธอช่วงดึกคืนนั้น โดยเอารถที่เขาให้เธอไว้ใช้ไป แค่ไปสงบสติตัวเอง ระยะทางเกือบเจ็ดสิบกิโล (บนถนน – เวลาห้าทุ่มกว่า)เสียงเครื่องยนต์ดังแผ่วเบา ขับเคลื่อนไปตามถนนที่ทอดยาวไร้รถสวน น้ำฟ้านั่งหลังพวงมาลัย สายตาจดจ่ออยู่กับเส้นทางข้างหน้า แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยภาพเหตุกา
ปลายนิ้วร้อนลากไล้ผ่านแนวกรอบหน้าลงมายังลำคอ น้ำฟ้าสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อสัมผัสแผ่วเบานั้นไล่ต่ำลงไปถึงแผ่นหลังเปลือยที่โชว์ผ่านลูกไม้บางบอดี้สูทสีดำที่เธอใส่ เป็นเหมือนคำท้าทายสำหรับเขาน้ำฟ้าเม้มปาก พยายามเก็บเสียงหายใจที่เริ่มติดขัด“คุณ... เดี๋ยว...”แต่ยังไม่ทันพูดจบ เขาก็โน้มหน้าเข้ามาใกล้ ริมฝีปากร้อนแตะลงที่ซอกคอ ไล้ไปตามผิวเนียนที่เขาอดใจไม่แตะต้องมาทั้งคืนน้ำฟ้าหลับตาแน่น ฝ่ามืออุ่นสอดเข้าที่ช่วงเอว ลูบไล้ผ่านเนื้อผ้า ราวกับต้องการให้แน่ใจว่าสิ่งที่อยู่ใต้ชุดนั้นจะเป็นของเขาเพียงคนเดียวเธอรู้ดีว่าเขากำลังพยายามอดทน แต่สัมผัสที่ร้อนจัดและลมหายใจที่แผ่วกระทบผิวบอกชัดว่า... ความอดทนนั้นคงเหลือไม่มากแล้วค่ำคืนนี้... คงไม่มีใครได้นอนง่าย ๆ แสงแดดยามบ่ายส่องลงมาเต็มที่ อากาศร้อนอบอ้าวจนทำให้พื้นปูนหน้าค่ายมวยแผ่ไอร้อน แต่สิ่งที่ร้อนยิ่งกว่านั้นคือสายตาของทุกคนที่จ้องมองไปยังประตูบ้านพักของธาราเมื่อคืนนี้ไม่มีใครเห็นน้ำฟ้ากลับเข้าห้องของตัวเอง และจนถึงตอนนี้... บ่ายแล้ว คนทั้งค่ายก็ยังไม่เห็นเธอออกมาจนกระทั่งเสียงประตูเปิดออกทุกสายตาหันขวับไปทางเดียวกันน้ำฟ้าเดินนำออกมาก
หลังจากคืนนั้น ทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามปกติ น้ำฟ้ายังคงทำหน้าที่ของเธอ ศึกษาการออกแบบชุดกีฬาตามที่ได้รับมอบหมายจากภูวิน ส่วนธาราก็ยังคงเป็นเจ้าของค่ายมวยที่จริงจังกับงานของตัวเองไม่มีใครพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ไม่มีคำว่ารัก ไม่มีคำสัญญา ทุกอย่างเป็นไปอย่างเงียบงันที่ทั้งสองต่างก็ยินยอมรับมันโดยไม่ต้องเอ่ยปากแต่กระนั้น… ก็ไม่เคยมีครั้งเดียวทุกครั้งที่สายตาสบกัน ทุกครั้งที่มือสัมผัสกันโดยบังเอิญ มีบางอย่างซ่อนอยู่ภายใต้ความเงียบงันนั้น บางครั้งระหว่างที่น้ำฟ้ายืนร่างแบบเงียบๆ ธาราก็จะเดินเข้ามาใกล้ มองเธอด้วยสายตาที่เธอรู้ดีว่าหมายถึงอะไรบางคืน หลังจากที่ทั้งสองต่างแยกย้ายกันไปทำงานมาทั้งวัน น้ำฟ้าก็จะพบว่าตัวเองถูกตรึงอยู่กับผนังห้อง ซุกอยู่ในอ้อมแขนของธารา ลมหายใจร้อนกระซิบอยู่ข้างใบหู ริมฝีปากคุ้นเคยแนบลงมาโดยที่ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความและเมื่อความต้องการถูกเติมเต็ม เขาก็จะถอยออกไปอย่างเงียบๆไม่มีการถามหาความหมาย ไม่มีข้อผูกมัด มีเพียงแรงดึงดูดที่รุนแรงเกินกว่าที่ทั้งคู่จะต้านทานได้กลางวันพวกเขาคือคนรู้จักที่ร่วมงานกัน กลางคืนพวกเขาคือสิ่งที่ไม่มีชื่อเรียก...น้ำฟ้ารู้ด
ธารากำหมัดแน่นแนบข้างตัว พยายามสะกดอารมณ์ที่เริ่มปั่นป่วนเพราะท่าทีของเธอ หญิงสาวไม่ได้รู้ตัวเลยว่าการยืนอยู่ตรงหน้าเขาในชุดนี้ ทำให้เขารู้สึกอยากฉีกทึ้งการควบคุมตัวเองแค่ไหน"กลับขึ้นไปเปลี่ยนชุดซะ" เขาสั่งเสียงแข็ง พยายามทำให้ตัวเองดูดุเข้าไว้แต่แทนที่น้ำฟ้าจะเชื่อฟัง เธอกลับหัวเราะเบาๆ พลางเอนตัวพิงตู้เย็น "ฉันใส่ชุดนอนของฉันในที่ของฉัน ฉันไม่เห็นว่ามันจะผิดตรงไหน"ธาราขบกรามแน่น จ้องเธออย่างไม่พอใจ "มันผิดตรงที่เธอทำให้ฉันอดใจไม่ไหว"คำพูดนั้นทำให้น้ำฟ้าชะงัก หัวใจเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว เธอไม่คิดว่าเขาจะพูดตรงขนาดนี้ ดวงตาคู่นั้นของเขามีบางอย่างที่ทำให้เธอต้องเม้มปากแน่น สับสนไปชั่วขณะบรรยากาศรอบตัวเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่เริ่มไม่เป็นจังหวะ...มีเพียงเสียงลมหายใจและเสียงเครื่องปรับอากาศที่ทำงานอยู่เบาๆ ธารายืนจ้องน้ำฟ้า ดวงตาคมเข้มของเขามืดลงด้วยอารมณ์บางอย่างที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ห้ามไม่อยู่ร่างของเธออยู่ตรงหน้า ชุดนอนบางเบานั้นแทบจะไม่ได้ช่วยปิดบังอะไรเลย ยิ่งแสงไฟสลัวสะท้อนผิวเนียนละเอียดของเธอ เขาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนกำลังทดสอบความอดทนของตัวเอง"กลับขึ้นไปเปลี่