“ขอบัตรประชาชน”
หญิงสาวร้องขอ ศรัณลุกขึ้นเพื่อดึงเอากระเป๋าสตางค์ในกระเป๋ากางเกง เขาดึงบัตรประชาชนออกมา ขยับมาหาเจ้าบ้าน ส่งบัตรให้หล่อน ก่อนจะนั่งลงยังเก้าอี้ที่ใกล้หล่อนยิ่งกว่าเดิม
เธอมองเขาแล้วนิ่วหน้า “กลับไปนั่งที่เดิม”
“จะนั่งนี่ คุณเอาบัตรประชาชนผมไปนะ ผมต้องปลอดภัยไว้ก่อน”
หญิงสาวเม้มปากแรงๆ เมื่อทำอะไรเขาไม่ได้ก็หันมาตรวจชื่อในบัตรกับรายละเอียดในแฟ้ม และก็แน่นอน แม้จะตรวจมันหลายครั้งหลายคราก็สรุปได้ว่าผู้ชายตรงหน้าคือว่าที่สามีของอารดาจริงๆ
“โอ…ฉันจะบ้าตาย อายุเท่าไหร่กันเนี่ย” ถามเขาแล้วมองลงยังบัตรประชาชน อย่างน้อยก็ดีที่เขาอายุยี่สิบหกแล้ว แต่คงดีกว่านี้ถ้าเขาไม่ได้อายุน้อยกว่าเธอ ไม่ใช่แค่น้อยกว่าปีสองปีนะ แต่น้อยกว่าตั้งห้าปี!
มือเรียวรีบควานหาโทรศัพท์ เธอต่อสายหาคุณย่าที่รักในนาทีนั้น
“ย่าคะ!? นี่มันเรื่องอะไรกัน!”
ศรัณมองเจ้าบ้านสาวตาปริบๆ ท่าทีที่ปากเล็กๆ ขยับเคลื่อนไหวช่างน่ามองเสียจริง ยิ่งตอนที่หล่อนยืนขึ้นเพื่อเจรจาด้วยแรงอารมณ์กับคนปลายสาย เขาที่นั่งอยู่อย่างนี้จึงได้โอกาสลอบมอง ทรวดทรงองค์เอวช่างถูกใจเขานัก ยิ่งบั้นท้ายงอนๆ ใต้กระโปรงตัวสวยนั่นยิ่งน่าตีสักทีสองที
“ไม่ได้นะ!”
อารดาคุยโทรศัพท์ แต่ศรัณสะดุ้งโหยง
“คุณย่าไม่พูดความจริง ใครจะรู้ว่าเขาอายุเท่านี้”
พอสาวเจ้าเอื้อนเอ่ย ศรัณก็ได้เลิกคิ้วสูง เขาลุกขึ้นเพื่อพิจารณาสตรีตรงหน้า หรือว่าหล่อนคือ...
ความคิดของศรัณยุติเพียงเท่านั้น เมื่อเจ้าบ้านสาวกดวางสายอย่างเคืองใจ หล่อนช้อนสายตามองเขา เขาเลยขยับเข้าไปใกล้
“ออกไปนะ อย่ามาใกล้ฉัน!” เธอสั่งเสียงขุ่น แต่คนตรงหน้ากลับยิ้มมีเลศนัย แล้วจู่ๆ มือเขาก็แตะเข้าที่ปลายคางของเธอ “นี่!?”
“คุณคืออารดา?”
หญิงสาวไม่ตอบ แต่จับมือเขาไว้ ดึงมันออกห่างกายแต่เขาไม่นำพา แล้วเขาก็โน้มหน้าลงมาหา
“ตอบสิ คุณคือคุณอุ่นใช่ไหม คืออารดาใช่ไหม”
“ไม่ใช่!”
ศรัณมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวย แล้วเขาก็ได้ยิ้มออกมา
“คุณคือ...อารดาจริงๆ” เขาเอ่ยเสียงเบาแทบจะเป็นเสียงคราง
อารดา ม่านมุก ทำหน้าไม่พอใจ เธอถูกเขาจับได้เสียแล้ว
“ผมชอบจัง”
“อะไร!”
“ชอบคุณไง”
“….!?....”
“ชอบทุกอย่างเลย ตาคุณ จมูกคุณ ปากคุณ แล้วก็...บั้นท้ายงอนๆ” ไม่ใช่แค่ชม แต่มืออีกข้างเลื่อนลูบที่บั้นท้ายงอนงาม
อารดาตาเบิกโต อ้าปากจะร้องแต่บางอย่างขวางกั้นเสียงกรี๊ดของเธอ
“อื้อ...”
เสียงร้องอู้อี้บังเกิดขึ้นเมื่อปากเขาบดจูบลงมา เธอดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนของว่าที่สามีที่เพิ่งเคยเจอหน้า ลิ้นร้อนๆ ของเขากำลังเกี่ยวกระหวัดลิ้นเธอ เขาทำมันอย่างรวดเร็ว อย่าว่าแต่ผลักเขาออกเลย นาทีนี้แรงจะหายใจยังไม่มี เขาจูบเอา...จูบเอา จ้วงปลายลิ้นเข้ามาซ้ำๆ ดูดกลืนลิ้นเธอถี่ๆ หัวใจเธอก็ได้เต้นรัวๆ เรี่ยวแรงที่มีพลันหดหาย เขาจูบที่ปากแต่กลับชาไปทั้งร่างกาย นี่รสจูบของผู้ชายหรือสุรายาเมากันนะ
อารดาผวาเฮือกเมื่อปากร้อนๆ ถูกถอนออกไป เธอต้องดึงเสื้อเขาไว้ไม่อย่างนั้นคงได้เข่าอ่อนร่วงลงไปข้างล่าง
“ทะ...ทำ...ทำบ้าอะไรกับฉันฮะ!”
เธอร้องถามเมื่อตั้งสติได้ ปากเขายังคลอเคลียแถวแก้มเธอ บางครายังรู้สึกได้ว่าเขาแอบจุมพิต
“จูบไงครับ จะเป็นผัวเมียกันแล้ว จูบไม่ได้เหรอ”
“ใคร? ใครจะเป็นผัวเมียกัน”
“สงสัยว่าที่เมียผมจะเมาจูบแฮะ ผมไง ผมเอง ศรัณ ว่าที่สามีของคุณ”
อารดาเงยหน้าขึ้นมอง ผู้ชายตรงหน้าคือว่าที่สามีเธอจริงๆ เธอตัดสินใจแต่งงานกับเขาเพราะความต้องการของคุณย่า เธอไม่เคยคิดว่าเขาจะเด็กขนาดนี้ แต่ว่า...ให้ตายเถอะ ทำไมเด็กบ้านี่จูบเก่งเหลือเกิน
“ปล่อยฉัน ได้โปรดเถอะ”
“ปล่อยไม่ได้ครับ ขืนปล่อย คุณก็ได้ร่วงไปกองกับพื้นน่ะสิ ทำเหมือนไม่เคยจูบนะเนี่ย อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ”
“นี่!? ปากหรือที่พูด”
“มีอย่างอื่นที่พูดได้นอกจากปากด้วยหรือครับ”
อารดาผลักเขาออกเต็มแรง ต้องค้ำมือกับพนักเก้าอี้แล้วนั่งลงที่เดิม ศรัณยังจ้องเธออยู่ เธอรีบเอามือตะครุบปากไว้ รสจูบร้อนๆ ยังติดที่ปากอยู่เลย
“ผมจูบเก่งละสิ”
“ลามปาม”
“ว้า...จูบว่าที่เมียก็หาว่าลามปาม”
“ออกไปจากบ้านฉัน!”
“ไม่ไปครับ ตอนแรกแค่จะแวะมาทำตามสัญญา จดทะเบียนกันให้เรียบร้อยแล้วจะกลับ แต่พอเห็นหน้าคุณ แถมได้จูบอย่างนี้ สงสัยได้อยู่ยาว...”
“จะมาอยู่นี่ทำบ้าอะไร กลับสวนกล้วยไปเลย”
“ไม่กลับครับ วันนี้วันดี ฤกษ์ดี เรารีบไปจดทะเบียนกันให้เรียบร้อยดีกว่า จะได้เข้าหอสักที”
“จะบ้าเหรอ! เข้าหอบ้าบออะไร”
“แหม...ไม่รู้จักละสิ ไม่เป็นไร ถึงผมจะเด็กกว่าแต่ผมพอจะสอนคุณอุ่นได้ครับ”
อารดากลั้นเสียงกรี๊ดจนตัวสั่น ประสาทจะกินแล้วนะ!
“เด็กบ้าเอ๊ย!”
ส่งท้ายขึ้นหลังพี่ไหม______________วันหนึ่งเมื่อครั้งอดีตเสียงพูดคุยกันของผู้ใหญ่บนเรือนเคร่งเครียดขึ้นมา เมื่อบิดาของเด็กน้อยพาภรรยาคนใหม่มาเยี่ยมมารดาของท่าน อารดาในวัยย่างสิบเอ็ดขวบเข้าใจย่าดี ย่าเมตตามารดาของเธอมาก จนรับไม่ได้เมื่อลูกชายแต่งงานใหม่ เธอไม่ได้ไม่ชอบใจ ดีแล้วที่บิดามีรอยยิ้มหลังจากมารดาของเธอจากไป แต่คงดีกว่านี้ หากท่านใส่ใจลูกสาวอย่างเธอบ้าง มิใช่คอยดูแลแต่แม่คนใหม่ และเด็กน้อยอีกคนที่อยู่ในท้องของแม่เลี้ยง เธอเลี่ยงหลบลงมาจากบนเรือน เจอกับพี่พุดซ้อนกับน้าพุดตานกำลังเร่งทำมื้อเที่ยงกันอยู่“คุณอุ่น หิวหรือคะ เอาขนมไหม พี่หยิบให้”“ไม่หิวค่ะ ไปเดินเล่นได้ไหม อยากเห็นกล้วยหอมของย่า”“ค่า...แต่อย่าไปไกลนักนะคะ เดี๋ยวหลง”เด็กหญิงอารดายิ้มให้พี่เลี้ยงคนดี เธอไม่หลงหรอกน่า ยิ่งแปลงปลูกที่สิบสี่ ย่าพาเธอเดินดูจนทั่วหมดแล้วเด็กหญิงตัวน้อยเดินไปเรื่อยๆ ชื่นชมใบกล้วยสีเขียวสด ปัดเรื่อ
ในเวลาที่ผัวหนุ่มเมียสาวคู่หนึ่งกำลังบรรเลงเพลงรักอยู่ในห้องข้างๆ ผัวหนุ่มเมียสาวอีกคู่ กลับต้องลืมตาปริบๆ ใต้แสงสลัว เพราะไม่อาจบรรเลงเพลงรักได้อย่างที่ใจคิด“ฮึ่ม! พังแน่...เสาเรือนมีหักแน่ๆ คุณอุ่น”อารดายิ้มขันวาจาของสามี เสียงร้องครางของชนนท์กับอรุณฉาย ดังแทรกความเงียบสงัดของยามราตรีมาให้พวกเขาได้ยิน“สงสัย...ยัยออมจะไม่ได้นอนห้องฟีฟ่า”“แน่นอน!” ศรัณเอ่ยออกมา ยิ่งยามได้ยินเสียงไอ้บ้านั้นครางกระเส่า เขาก็ยิ่งอยากกระโจนใส่เมียรัก แต่ว่า...“โอ้ว...เฉียงแมวที่ไหนอ่า” เสียงเล็กๆ ดังแทรกเสียงบิดามารดา พ่อตัวแสบลุกขึ้นมานั่ง เอียงคอฟังเสียงที่ไม่คุ้นเคย“โอ๊ะ!? ยังไม่หลับอีก นอนได้แล้วลูก” อารดาดึงลูกชายลงมากอด ให้เขานอนหนุนแขน“ก็เฉียงดัง แม่ได้ยินมะ มันดัง...โอ้วๆ อ๊าๆ อุ๊บ!”ศรัณเอามือปิดปากลูกในนาทีนั้น“โอ๊ย...เจ้าเด็กแสบ นอนสักทีเถอะ เดี๋ยวแมวจะมากินตับนะ ได้ยินไหม นั่นน่ะ มันกำลังกินตับเด็กน้อยคนอื่นอยู่” บอกลูกน้อยแล้วเลื่อนมือที่
[27]ผู้ชายคนนี้เมื่อวันนั้น_____________________คุณแม่ลูกหนึ่งนั่งเล่นอยู่แถวนั้น นั่งรออยู่นานแต่ชนนท์ก็ไม่พาลูกสาวออกมาเสียที จนต้องลุกไปเคาะประตูห้องเขา เคาะอยู่สองสามทีเจ้าตัวก็มาเปิด“ลูกล่ะ”“หลับแล้ว”“หือ?” เธอมองเข้าไปในห้องที่เปิดไฟเลือนราง แม่ตัวแสบของเธอนอนอยู่กลางฟูกหนา หลับปุ๋ยโดยที่สองมือกอดตุ๊กตาหมูตัวโปรดเอาไว้ “ฉันจะพาลูกไปนอนห้องฟีฟ่า”“นอนห้องนี้จะเป็นไรไป ฟูกหลังเบ้อเร่อ”เธอค้อนเขาวงใหญ่ พูดไม่คิดนะ ถ้าลูกนอนอยู่นี่ เธอก็ต้องนอนนี่สิ ใครจะไปนอนห้องเดียวกับเขาสองต่อสองกันล่ะ“มันไม่เหมาะ” บอกเขาแล้วก้าวข้ามธรณีประตูของบ้านเรือนไทย แต่เธอทำผิดมหันต์ เพราะเพียงแค่ร่างพ้นประตูเข้ามา ประตูห้องก็ถูกปิดและล็อกแน่น “นั่นล็อกประตูเหรอ”“อือ...จะนอนแล้วก็ต้องล็อกสิ” ไม่ใช่แค่บอกกล่าว แต่เสื้อที่สวมอยู่ก็ถูกถอดทิ้งอรุณฉายหันหน้าหนี เธอไม่ได้เห็น
“เรื่องไร้สาระที่ไหน เวลาที่ผ่านมายังไม่ได้พิสูจน์หรอกหรือว่าฉันโคตรจริงจังเลย ฉันยอมเธอทุกอย่างทำไมไม่สงสารฉันบ้าง”“ฉันอาจกลับไปเป็นอรุณฉายคนเดิมก็ได้ ฉันเอาแน่เอานอนไม่ได้หรอก”“ให้วันนั้นมันมาถึงก่อนได้ไหมล่ะ ตั้งแต่ลูกเกิด ฉันยังไม่เห็นเลยว่าเธอจะเป็นคนเหลวไหล เธอเป็นคนดีมากแล้วออม เธอดีพอ...ให้คนอื่นรักได้แล้ว”อยู่ๆ กระบอกตาของอรุณฉายก็ร้อนผ่าวขึ้นมา ทำไมเขาถึงล่วงรู้ความรู้สึกของเธอ“หรือฉันยังไม่ดีพอ” เขาย้อนถามบ้าง“ดีแล้ว ดีขึ้นมากแล้ว สำนึกผิด ไม่เจ้าชู้ ไม่หลายใจ ในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง ได้เจอผู้ชายแบบนนท์ก็นับว่าดีมากแล้ว”“แล้วทำไมถึงไม่ใจอ่อนสักที”“นั่นสิ...ทำไมกันนะ”ถ้อยวาจานั้น อยู่ๆ ก็กระจ่างในใจของชนนท์ สามสี่ปีมาแล้วที่เขาอยู่ตรงนี้ เฝ้ารอความรักของอรุณฉาย แต่ทุกอย่างเหมือนเสียเวลาเปล่า หล่อนก็ยังอยู่ในจุดเดิม จุดที่ไม่อยากมีเขาในชีวิต“ฉันคิดว่า...ฉันรู้แล้วล่ะ”“อะไร”“
เขาครางเบาๆ เมื่อแรงที่กระแทกเข้าใส่หล่อนก่อเกิดความรื่นรมย์อย่างหาที่เปรียบมิได้ โพรงเนื้อนุ่มอ่อนที่อยู่ข้างในกำลังกอดรัดเอาตัวตนเขาจนปวดไปหมด“รัณ...เร็ว...อ๊า...รัณ”เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังพั่บๆๆ มิมีหยุดหย่อน ยามที่ศรัณโยกกายท่อนล่างเข้าหาร่างของอารดา ความลื่นด้วยแรงปรารถนาอันมากล้น ส่งผลให้การเสพสมดำเนินไปได้ด้วยดี พอโยกกายเข้าหาหล่อนจนพอใจ อารดาก็เปลี่ยนมาเป็นฝ่ายคุมเกม หล่อนผลักเขาให้อยู่เบื้องล่าง ในขณะที่หล่อนควบขี่เขาอยู่เบื้องบน ผมสลวยของหล่อนแผ่สยายและเคลื่อนไหวรัวเร็วตามแรงที่หล่อนกระแทกลงมา พุ่มทรวงอวบใหญ่ก็กระเพื่อมไหวในทุกคราที่หล่อนร่อนส่ายสะโพกอย่างงดงาม“ดี...คุณอุ่น โยกเร็วๆ แรงๆ เลยได้โปรด...อา...”เสียงครางกระเส่าของสามียังดังอยู่เนืองๆ กระทั่งอารดานำพาเขาถึงฝั่งฝัน ให้เขาได้ปลดปล่อยเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตเข้าสู่ร่างของเธอ เม็ดเหงื่อของสองร่างไหลรวมเป็นหนึ่ง และแม้ว่าบทรักจะสิ้นสุด แต่ปลายลิ้นของสามีก็ยังแตะชิมที่พุ่มทรวงของเธอ“พอแล้ว...ไม่ไหวแล้ว”“เหงื่อคุณอุ่นออกเยอะนี่นา ผมเช
[26]เศษใจที่ถูกเติมเต็ม__________________วันเวลาเคลื่อนผ่านไปช้าๆ แต่ช่างรวดเร็วในความรู้สึกของอารดา เพียงพริบตา ลูกน้อยในครรภ์ก็ลืมตาขึ้นมาดูโลก เจ้าลูกชายแข็งแรงสมบูรณ์ดี และมีหน้าตาที่ถอดแบบมาจากศรัณอย่างกับฝาแฝด เจ้าตัวอายุน้อยกว่าลูกพี่ลูกน้องราวสี่ห้าเดือนได้ แต่เชื่อไหม พอเลี้ยงไปเลี้ยงมาก็โตทันกันอยู่ดี บางวันที่อรุณฉายเข้าเมืองไปทำธุระให้ย่า ชนนท์ก็จะไปรับลูกมาอยู่ที่นี่ ให้น้ามาลาช่วยเลี้ยง พอเขากลับจากสวน ก็จะเล่นกับลูกสาวจนหนำใจแล้วค่อยพากลับเรือนย่า มันเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เด็กน้อยเริ่มเดินได้เมื่อตอนขวบเศษ กระทั่งบัดนี้สามขวบเข้าไปแล้ววันนี้ก็เป็นเช่นวันที่ผ่านมา ชนนท์ไปรับลูกสาวมาแต่เช้า น้ามาลาช่วยเลี้ยงแกตอนลูกชายเข้าสวน และเธอช่วยพาลูกหลานนอนกลางวัน พอกล่อมเด็กน้อยจนหลับปุ๋ย เธอเองก็ผล็อยหลับตามไป...ทว่าหลับได้ไม่เท่าไหร่ ก็ถูกกวนจนได้เธอรู้สึกเย็นๆ แถวเนินอก แต่เหนื่อยเกินกว่าจะปรือตาขึ้นมอง พอรู้สึกเย็นๆ นานเข้า จึงได้ฝืนร่างกายปรือตาขึ้นมาดู เจ้าตัวเล็กในเปลยังหลับอยู่