“ผู้หญิงด่าเขาว่าผู้หญิงรักครับ คุณอุ่นคงจะรักและเอ็นดูผมมากเลย เอาละนะ คุณคงต้องลางานแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นผมคงเอาทะเบียนสมรสไปอวดย่าพร้อมไม่ได้แน่ๆ”
เธอส่ายหน้ารัวๆ ไม่จริงนะ เธอต้องจดทะเบียนกับเขาจริงหรือ แต่ถ้าไม่จด สิ่งที่หวังไว้ ย่าคงไม่ให้เธอแน่ โธ่เอ๋ยอารดา ทำไมไม่ตรวจสอบดีๆ ก่อนหน้านี้นะ
“ฉันไม่ไป ฉันไม่จด ฉันไม่แต่งงานกับเด็ก”
“ผมไม่ใช่เด็ก ผมโตพอจะทำลูกกับคุณได้นั่นแหละ” โต้กลับหล่อนแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ อารดากัดฟันจนกรามขึ้นเป็นสันนูน
“คุณตัดสินใจแล้วคุณอุ่น ผมอุตส่าห์ปลีกตัวมานะ อย่าทำให้ผมเสียเวลาสิ”
อารดาสูบลมหายใจเข้าลึก ถามตัวเองว่าจะต่อต้านทำไม ในเมื่อได้รับปากคนเป็นย่าไปแล้วว่าจะแต่งงานกับคนที่ย่าเลือกให้ ไม่ว่าเขาจะเป็นคนหนุ่มหรือคนแก่ เธอ...ก็คงต้องแต่งด้วยอยู่ดี
“ฉันต้อง...โทรไปลางานก่อน”
“ดีครับ อย่างนี้ค่อยเหมือนผู้ใหญ่คุยกันหน่อย ผมจะไปรอที่รถแล้วกัน รีบตามมาไวๆ นะครับ ผมตื่นเต้นน่ะ อยากมีเมียจะแย่แล้ว”
อารดามองเขา ศรัณมิใช่แค่เพียงสั่งความ แต่ยังเดินมาหา มาจ้องหน้านิ่งๆ อยู่หลายวิฯ ก่อนจะ...
จุ๊บ!
หน้าผากมนๆ โดนจุ๊บเต็มแรง เธอได้แต่อ้าปากค้าง จะด่าจะว่าแต่หาเสียงตัวเองไม่เจอ ใครก็ได้โยนเด็กบ้านี่ออกไปจากบ้านเธอที โยนออกไปเลย!!!
อารดากลับมาทำงานหลังจากไปสำนักเขต จิตใจเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย อาจเพราะทะเบียนสมรสที่อยู่ในกระเป๋า หรือไม่ก็เพราะจูบของเด็กบ้านั่น ดีที่วันนี้เป็นวันศุกร์ ไม่ใช่วันจันทร์ ธนาคารที่เธอทำงานอยู่ลูกค้าเลยไม่เยอะมากนัก เธอทำงานที่ธนาคารเอกชนแห่งหนึ่ง รายได้ไม่มากอะไร เธอเคยมีความสุขตอนเรียนจบแล้วได้เข้าทำงานที่นี่ แม้ว่าวันนี้...ความสุขของเธอจะหมดลงแล้วก็ตาม
“เฮ้อ...นี่ฉันแต่งงานแล้วจริงๆ เหรอ” ถามตัวเองแล้วดึงเอากระดาษแผ่นบางลายกุหลาบที่มีชื่อเธอกับศรัณปรากฏอยู่บนนั้นออกมา เธอมองมันเป็นรอบที่ร้อย มองแล้วก็พับเก็บไว้ในกระเป๋าถือเช่นเดิม ยังทำใจไม่ได้หรอก แต่ก็ต้องทำใจให้ชิน
“อุ่น...อุ่น!?”
“คะ? อ่า...ค่ะ...ผู้จัดการ”
“ลูกค้าเริ่มมาแล้ว เป็นอะไร ดูเหม่อๆ นะ”
บุรุษที่เปิดประตูเข้ามาถามไถ่ ใบหน้านั้นยังดูมึนงง เธอส่ายหน้าปฏิเสธ เสหยิบแฟ้มเอกสารบนโต๊ะแล้วพยักพเยิดให้เขารู้ว่าเธอพร้อมแล้ว ตำแหน่งงานที่เธอทำนั้นต้องเจรจากับลูกค้าโดยตรง โดยเฉพาะลูกค้ารายใหญ่ที่มาปรึกษาเรื่องเงินกู้ เธอจะไม่เป็นไรหรอก ไม่เป็นไรจริงๆ หากคนที่ยืนอยู่ใต้กรอบประตูกระจกจะไม่ก้าวเข้ามา
“หน้าซีดๆ ไม่สบายเหรอ”
มิเพียงแค่ถามไถ่ แต่เอื้อมมือข้ามโต๊ะทำงานของเธอมา คล้ายว่าจะวางหลังมือลงบนหน้าผาก เธอรีบเบี่ยงหน้าหนี เขาดูอึ้งไปเมื่อเธอทำอย่างนั้น
“ขอโทษ...พี่ลืมตัวน่ะ”
อารดาตวัดหางตามองเขา แววตาอบอุ่นของผู้จัดการหนุ่มยังมองเธออย่างหวังดี แต่มันไม่มีประโยชน์แล้ว ไม่มีประโยชน์ตั้งแต่วันที่เขาแต่งงานไปกับลูกพี่ลูกน้องของเธอนั่นแหละ
“อย่ารุ่มร่ามสิคะ มันไม่เหมาะ”
เธอเอ่ยให้เขาได้คิด และหวังว่าเขาจะคิดได้สักที หัวใจในอกนี้ยังเจ็บแปลบก็จริง แต่สักวันมันคงดีขึ้น เธอเชื่ออย่างนั้น
“พี่เสียใจ ที่ไม่ได้เลือกอุ่น”
อารดายกยิ้มที่มุมปากอย่างเยือกเย็น ต่อให้เขาพูดอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นมา ความรู้สึกของคนที่ถูกทอดทิ้งน่ะ มันเจ็บปวดและจำฝังใจเหลือเกิน
“อย่าพูดแบบนั้นค่ะ ฉันไม่ใช่ตัวเลือกของใคร เมื่อพี่แต่งงานกับยัยรุ้ง เราก็แค่ต้องจบกัน”
“พี่เชื่อว่าอุ่นยังคงรักพี่อยู่”
อารดาไม่เข้าใจว่าธัตธรจะเอ่ยขึ้นมาทำไม เธอไม่เคยนึกรำคาญเขาเลย กระทั่งประโยคนี้หลุดออกจากปากของคนที่ทำให้เธอเจ็บช้ำ เธอจ้องเขา จ้องมองแล้วพิจารณาว่าจะตอบเขาอย่างไรดี
“พี่รู้ได้ยังไง ขนาดฉันเป็นเจ้าของหัวใจ ฉันยังไม่เคยเชื่อใจตัวเองเลย”
“อุ่น...” ธัตธรครางออกมาอย่างไม่รู้จะทำเช่นไรดี
“อย่าพูดเรื่องนี้อีกเลย เราสองคนไม่ควรเอ่ยเรื่องที่อาจทำให้เราเดือดร้อนด้วยกันทั้งคู่”
“พี่รู้ว่าอุ่นเจ็บ”
“แล้วทำทำไมคะ ทำให้ฉันเจ็บทำไม”
“พี่ขอโทษ...”
อารดาเผยยิ้มเย็นชาเกินจะกล่าว “ฉันแต่งงานแล้ว”
“หา!?” ธัตธรเป็นงง ทำไมอารดาพูดอะไรพิลึกปานนั้น หล่อนจะแต่งงานไปได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้
“คืนนี้มากินข้าวที่บ้านสิคะ จะแนะนำให้รู้จัก”
“แนะนำใคร?” ธัตธรยังงง
“สามีของฉันเอง”
“อารดา!?”
อารดาไม่แยแสต่อน้ำเสียงขุ่นเคืองของหัวหน้างาน เธอหยิบแฟ้มมาเรียงกันซ้ำๆ ก่อนจะเอ่ย
“ลูกค้ามาแล้วไม่ใช่หรือคะ บอกเข้ามาเลยค่ะ ฉันจะได้ทำงาน” บอกเขาด้วยเสียงอันราบเรียบราวคุณครูระเบียบผู้คร่ำเคร่งกฎเกณฑ์
“อุ่น...นี่พูดจริงเหรอ แต่งงานแล้วจริงๆ เหรอ?”
อารดาถอนหายใจ เธอพูดความจริงทำไมถึงทำเหมือนรับไม่ได้ล่ะ
“ออกไปค่ะ ก่อนที่ยัยรุ้งจะมาเห็นเข้า” เธอหมายถึง รสิกา หรือรุ้ง ลูกพี่ลูกน้องของเธอเอง เจ้าหล่อนยังเป็นภรรยาของผู้จัดการด้วย อันที่จริง ก่อนหน้านี้ ธนาคารนี่มีแค่เธอกับธัตธรที่ทำงานด้วยกัน ทว่าพอรสิกาก้าวเข้ามาทำงานที่นี่ด้วยอีกคน ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป จนสุดท้าย เธอ...จากสถานะแฟนเขา ก็กลายเป็นแค่อดีตแฟน
“มีอะไรกันแน่รุ้ง ท่าทีถึงเป็นอย่างนี้”อารดาถามไถ่อย่างใจเย็น ไม่ใช่ไม่โกรธหรอกนะ แต่อย่างที่รู้ โกรธหรือไม่โกรธอย่างไร สุดท้ายคนที่เจ็บแล้วต้องเงียบก็คงเป็นเธออยู่ดี“ลูกค้าแกน่ะสิ”“อะไร ลูกค้าฉันทำไม”“เขาโทรมาหาพี่ธีเมื่อเช้า เขาติดเชื้อ โควิด” เธอหมายถึงโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจชนิดหนึ่งซึ่งกำลังระบาดอยู่ในช่วงนี้ มันสามารถติดกันได้ง่ายๆ ทางสารคัดหลั่งเมื่อคนที่มีเชื้อไอหรือจาม“หา!?” อารดาอ้าปากค้างอย่างตื่นตระหนก“แต่คุณก็ไม่ควรมาทำร้ายคุณอุ่นอย่างนี้” ศรัณตำหนิ แต่รสิกาเชิดหน้าใส่“ขอโทษที มันชินมือน่ะ” รสิกาว่าแล้วยิ้มเย้ยศรัณกำหมัดแน่นหนึบ อารดาคว้ามือเขามากุมไว้ ปรามเบาๆ ไม่ให้เขาใจร้อนเกินไปอรุณฉายมองภาพนั้นแล้วแอบเบะปากใส่ เธอถอยหลังเข้าใกล้หน้าต่างอีกนิด ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงมาปิดปากปิดจมูกไว้ กันโรคภัยไว้ก่อน“คนไหนล่ะ เมื่อวานลูกค้าก็มีพอสมควรนะ”“คนสุด
[4]ไม่ทันตั้งตัว__________อารดายังไม่เห็นศรัณเลยตั้งแต่ตื่นนอน เธออาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินลงมาข้างล่างเพราะวันนี้วันเสาร์ ไม่ต้องไปทำงาน เธออยากคุยกับศรัณอีกสักนิดเรื่องความเป็นมาของเขา อย่างน้อยเผื่อคนที่บ้านถามไถ่เรื่องสามี จะได้ตอบถูกเธอไม่ต้องตามหาอะไรมากมาย เขาอยู่ในห้องรับแขกกับพี่พุดซ้อนที่กำลังแกะกล่องอะไรสักอย่างอยู่ มีอรุณฉายยืนเหล่มองทั้งคู่อยู่ใกล้บานหน้าต่าง“ทำอะไรอยู่คะ”พุดซ้อนหันมองเจ้านาย ยิ้มให้เจ้าหล่อนก่อนจะแกะห่อต่อ ศรัณเดินไปหาภรรยา โอบบ่าแล้วพาเดินเร็วๆ ไปยังโต๊ะที่พี่พุดซ้อนกำลังจัดการกับลังกระดาษใบหนาแล้วอารดาก็ได้ตาเบิกโต เมื่อเห็นกล่องสี่เหลี่ยมเรียบหรูเรียงอยู่ในลังถึงหกใบด้วยกัน ถ้าไม่รู้จักแพ็กเกจมาก่อน คงเข้าใจว่าในกล่องคือเครื่องเพชร“พอไหม หามาได้แค่หกขวดเอง”อารดายังงงอยู่ พี่พุดซ้อนเปิดกล่องให้ดูก็เห็นขวดน้ำหอมอยู่ในนั้น ขวดแก้วสีสวยมีฝาปิดรูปมงกุฎที่ทำจากทองคำแท้ยี่สิบสี่กะรัต ใช่แล้วล่ะ มันคือน้ำหอม CLIVE CHRIS
ภายในห้องนอนอารดาทิ้งกายลงปลายเตียง เสียดายน้ำหอมก็เสียดาย แต่ก็เท่านั้นแหละ ต่อให้ไม่มีศรัณมาช่วยเร่งเร้า อย่างไรเสียคืนนี้น้ำหอมขวดนั้นก็ต้องไปอยู่ในมือของอรุณฉายอยู่ดี กำลังใจในการสู้คนมันหมดลงตั้งนานแล้ว หมดลงตั้งแต่วันที่บิดาเลิกกอดลูกสาวคนโตกระมังหมับ!อยู่ๆ แขนแข็งแรงของสามีก็สวมกอดเข้ามาแนบแน่น มันอบอุ่นและสื่อให้รู้ถึงการปกป้องคุ้มภัย เธออยากผลักไส อยากด่าสักนิด แต่ตอนที่มีแขนเขาโอบรัดร่างอยู่ มันก็อุ่นดีเหมือนกัน“พรุ่งนี้หวังว่าจะไม่เป็นอย่างนี้นะ”“เป็นยังไง” เธอย้อนทันควัน“เป็นคนที่ยอมทุกอย่างยังไงล่ะ”อารดาแกะแขนเขาออก เจ้าเด็กคนนี้ชอบบงการเสียจริง“บางครั้งมันก็เรื่องเล็กน้อย ช่วยได้ก็ช่วยไป คนในบ้านก็ไม่ใช่คนอื่น ครอบครัวแท้ๆ”“แต่เหมือนว่าทุกคนไม่ได้เห็นคุณเป็นครอบครัวเลย พร้อมที่จะเบียดเบียน รังแก และสร้างความกดดันต่างๆ นานาให้แก่คุณ”อารดาไม่ชอบเลยที่เขาพูดอย่างนั้น มันแทงใจดำจนเธอเจ็บแปลบเหลือเกิน“ถ้าคุณไ
ศรัณส่งสายตายั่วเย้าเฝ้ามองเธอ แผ่นอกหนั่นแน่นของเขาลอยอยู่เบื้องบน เธออธิบายเป็นคำพูดไม่พูด รู้แต่ว่าในวินาทีที่เขาพามือเธอไปลูบไล้ลอนกล้ามแน่นๆ เหล่านั้น หัวใจในอกก็ได้สั่นรัวๆ ให้ตายเถอะ ไม่ว่าจะกล้ามเขา ใบหน้าเขา หรือเสียงเขา เธอตอบรวมๆ ได้แค่ว่ามันละลานตาไปหมด!ก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูยุติบทรักในตอนเริ่ม อารดาได้ยินมันก่อนและพยายามบอกให้ศรัณรู้ เขาเองก็ได้ยิน แต่เลือกที่จะเมินเฉย ผิวเนื้อตรงซอกคอของอารดาน่าชื่นชมกว่าเสียงเคาะนั่นนักก๊อกๆๆเสียงเคาะดังขึ้นอีกตามด้วยเสียงของคนที่อยู่ด้านนอก อารดาจำต้องผลักศรัณออก หัวหูยุ่งเหยิง พวงแก้มเห่อร้อน ต้องรีบลุกมาจัดการเสื้อผ้าหน้าผมให้ไว ก่อนจะตรงดิ่งไปที่ประตูแอ๊ด...บานประตูเปิดอ้าพร้อมหน้ายุ่งๆ ของอรุณฉาย“ทำอะไรอยู่ฮะ เรียกตั้งนานก็ไม่ขานรับ”อรุณฉายถามพี่สาวแต่ตานั้นมองไกลเข้าไปถึงเตียงนอน แลเห็นผู้ชายตัวใหญ่กำลังสอดกายเข้าใต้ผ้านวม เธอเห็นบ่าเขาแวบๆ คล้ายว่าเขาจะไม่ได้สวมเสื้อ หรือว่าสองคนนี้กำลัง...“มีอะไรหรือเปล่า” อารดาถามน้อง“ก็...เปล่า คือ...จำได้ว่าพี่มีน้ำหอมยี่ห้อเดียวกันกับฉันน่ะ ของฉันหมดพอดี ขอยืมใช้สักวันสองวันสิ”อารดา
“ถ้ามันไม่สนุกแล้วคุณอยู่ในนั้นทำไม ผมเป็นพวกขี้ร้อนด้วย ผมไม่เข้าไปอยู่ในลิ้นชักกับคุณหรอก แต่ผม...จะดึงคุณออกมา เชื่อสิ...โลกของผมสนุกกว่าโลกของคุณเยอะเลย”อารดามองเด็กน้อยคนหนึ่งที่กำลังทำทุกวิถีทางเพื่อให้เธอก้าวออกจากโลกแคบๆ ในลิ้นชัก เขาคงต้องใช้เวลาอีกนาน และเขาอาจทำสำเร็จหากไม่ท้อถอยเสียก่อน“กลับไปได้แล้ว ฉันจะนอน”เธอบอกแต่เขาไม่ลุกจากเตียง แถมยังทิ้งกายลงบนฟูกนุ่มของเธอ“ไม่กลับ จะนอนนี่ ห้องผมร้อนจะตาย นอนนี่เย็นดี”เขาว่าแล้วยิ้ม ไม่สนไม่แคร์ อารดาได้แต่มุ่นคิ้ว“ให้เวลากันบ้างสิ อย่างน้อยฉันควรได้เวลาทำใจที่ต้องมีสามีอายุน้อยกว่า”“ไม่ต้องคิดมากเรื่องนั้นหรอกน่า ทีคุณอายุมากกว่าผมยังไม่คิดมากเลย”“ศรัณ!”“ครับโผ้มมม...” เขาขานรับด้วยเสียงที่โอเว่อร์เกินจริงอารดาส่ายหัวระอา เมื่อกี้ฟังคำพูดคำจาแล้วช่างน่าฟังนัก แต่เพียงพริบตาดูเหมือนว่าเขาจะกลับมาป่วนประสาทกันอีกแล้ว“ฉันไม่ชิน เรารู้จักกันยังไม่ถึงยี่สิบ
คนถูกสอนสั่ง ฟังวาจาของคนที่อ่อนวัยกว่า นี่เธอต้องให้เด็กอย่างเขามาสั่งสอนแล้วหรือ“ฉันจะไม่เปลี่ยนอะไรทั้งนั้น”“งั้นผมจะหย่ากับคุณ”อารดาเม้มปากแน่น มองคนตรงหน้าราวกับว่าเธอเป็นเพียงแมวตัวน้อยๆ แล้วเขาคือราชสีห์ตัวใหญ่แต่วัยขบเผาะ“มาแต่งงานกับฉันเพราะอะไรกันแน่นะ”“สักวันหนึ่งผมจะบอก ผมไม่ได้ต้องการแค่ภรรยา แต่ต้องการผู้หญิงคนหนึ่งที่เข้มแข็ง เด็ดเดี่ยวและมีหัวใจโอบอ้อมอารี จากที่ย่าพร้อมสาธยายความดีงามของคุณให้ผมฟัง ผมไม่ลังเลเลยที่จะยอมแต่งงาน เพราะฉะนั้น อย่าทำให้ผมผิดหวังสิ” มิใช่เพียงร้องขอ แต่ปลายนิ้วแข็งแรงเลื่อนไปหาปลายคางของสาวเจ้า บีบมันเบาๆ แต่ถูกอารดาปัดทิ้ง“ฉันจะไม่เปลี่ยนตัวเองเพื่อใคร”“งั้นพรุ่งนี้เราไปหย่ากัน และคุณ...จะไม่ได้เงินสักบาทจากย่าพร้อม”“นี่รู้เหรอ?” เธอประหลาดใจที่เขารู้เรื่องนี้ด้วย“ก็...พอจะรู้มาบ้าง ไม่มีผู้หญิงที่ไหนยอมแต่งงานกับคนที่ไม่เคยเจอหน้าหรอก ถ้าไม่มีเรื่องเงินเข้ามาข้องเกี่ยว”