อารดาเอ่ยยังไม่ทันจะขาดคำ สตรีหุ่นผอมเพรียวในชุดฟอร์มของธนาคารก็เปิดประตูเข้ามา ใบหน้าเจ้าหล่อนหามีความยินดีไม่
“ลูกค้าเรียกหาค่ะคุณผู้จัดการ” รสิกาบอกธัตธรเสียงแข็ง
อารดาทำไม่รู้ไม่ชี้ เสหยิบแฟ้มงานบนโต๊ะให้ดูยุ่งวุ่นวาย ธัตธรเหมือนอยากเอ่ยบางอย่างกับเธอ แต่พอมีรสิกามายืนมอง เขาเลยต้องเก็บปากเก็บคำแล้วก้าวออกไป
“เธอไม่ไปทำงานเหรอ” อารดาท้วง
รสิกามองคนถามอย่างไม่ค่อยพอใจนัก หันมองประตู พอเห็นว่าไม่มีใครรออยู่ข้างนอกก็เดินเข้ามาหาคนที่นั่งอยู่ เจ้าตัวดักทางตั้งแต่เธอยังไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรด้วยซ้ำ
“ฉันไม่คุยเรื่องส่วนตัวในเวลางาน ถ้าอยากถามเรื่องเมื่อกี้ รอเที่ยง หรือไม่ก็กลับไปคุยกันที่บ้าน”
รสิกาชักสีหน้าในวินาทีนั้น อารดาสบตาเธอแล้วจ้องนิ่งๆ อยู่หลายวิฯ และสุดท้ายเธอก็ไม่อาจทานทนต่อความเย็นชาที่สาดออกมาจากดวงตาของคนที่นั่งอยู่
“ไว้คุยกันที่บ้านก็แล้วกัน” รสิกาเอ่ยแล้วก้าวฉับๆ ออกจากห้องไป
อารดาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เธอบอกธัตธรไปหลายคราแล้ว เรื่องให้ย้ายเธอไปทำงานที่สาขาอื่น แต่ไม่เคยสำเร็จเลย หรือว่าทางที่ดีที่สุด เธอควรลาออกไปเสีย เจอสองคนนี้ที่ที่ทำงานยังไม่พอ ยังต้องไปเจอกันที่บ้านอีก เพลียใจเหลือเกิน
หญิงสาวนั่งทำงานของตัวเองไปเรื่อยๆ มีลูกค้าสองสามรายเข้าพบเธอจนสมองของเธอถูกเติมเต็มด้วยเรื่องงาน
ช่วงบ่ายมีลูกค้าเข้ามาอีกหลายราย เธอทำหน้าที่ของเธอเหมือนเช่นวันที่ผ่านมา เหมือนหุ่นยนต์ที่ถูกโปรแกรมเอาไว้ ชีวิตของเธอหยุดนิ่งตั้งแต่วันนั้น วันที่ธัตธรทิ้งเธอไป
อันที่จริงชีวิตของเธอไร้สีสันแห่งความสุขมานานมากแล้ว ครอบครัวของเธอเป็นครอบครัวใหญ่ มีบ้านสองหลังในรั้วเดียวกัน บ้านหลังเล็กนั้น ป้าของเธออยู่กับลูกสาวลูกเขย นั่นคือรสิกากับธัตธร ส่วนเธออยู่บ้านหลังใหญ่กับบิดา แม่เลี้ยง และน้องสาวต่างมารดา
เหมือนในละครที่ทุกคนอาจเคยดู ลูกสาวคนโตของบ้านเริ่มขาดแคลนความรักตั้งแต่มารดาแท้ๆ ตายจากไป บิดาพาภรรยาใหม่เข้าบ้าน และทุกอย่างเริ่มเลวร้ายเมื่อน้องสาวของเธอเกิดมา
เธออยู่ในบ้านหลังงามเหมือนส่วนเกิน มีแค่พี่พุดซ้อนที่พอให้เธอได้พึ่งพิง ยังดีที่เธอมีย่าพร้อม คุณย่าที่เคารพคอยหนุนหลัง เลยทำให้เธอพอมีที่ยืนในบ้านของตัวเองบ้าง หากไม่มีย่า บางที...เธออาจต้องออกไปเช่าบ้านอยู่ก็เป็นได้
เกือบหกโมงเย็นตอนที่อารดากลับเข้าบ้านมา ความล้าจากการทำงานทำให้เธอเดินทอดน่องไปตามทางเดินที่ทอดจากโรงรถเข้าสู่ตัวบ้าน กลิ่นดอกโมกข์ที่ปลูกเป็นแนวไปตามทางเดินยังหอมจรุง แต่หัวใจของเธอกลับไร้ซึ่งความเสน่หาใดๆ
เธอเพลียๆ อยากหลับสักงีบแล้วค่อยลุกมากินมื้อค่ำ หรือบางทีก็หลับยาวถึงเช้าไปเลยเพราะพรุ่งนี้วันเสาร์ด้วย
“เดี๋ยว! อย่าเพิ่งไป!”
อารดาหยุดยืนข้างแนวต้นโมกข์ ละอองน้ำจากสปริงเกอร์ที่อยู่ในสวน กระเด็นมาโดนแก้มเธอให้รู้สึก วันนี้เหมือนคนสวนจะขยันเป็นพิเศษ ค่ำมากแล้วยังรดน้ำต้นไม้อยู่เลย
ซ่า!!!
เสียงเทน้ำลงที่โคนต้นโมกข์ อารดาหันมอง แต่ไม่เห็นลุงคนสวน เห็นแต่หลังไวๆ สปริงเกอร์คงจ่ายน้ำไม่ทันใจ ลุงถึงได้หิ้วถังน้ำมาเทรดต้นโมกข์อย่างนี้
“นี่! ฉันเรียกน่ะ สนใจกันบ้างสิ”
เสียงแวดๆ ที่ดังอยู่ทำเอาอารดาต้องหันมา เจอกันที่ที่ทำงานว่าน่ารำคาญแล้ว ยังต้องมาเจอกันที่บ้านอีก
“มีอะไร” ถามคนที่อายุอานามไล่เลี่ยกัน เธอกับรสิกานั้น เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่เด็กก็ว่าได้
“เมื่อกลางวัน แกคุยอะไรกับพี่ธี”
“เรื่องงาน”
“ตอแหล! นึกว่าฉันไม่รู้หรือว่าแกแอบอ่อยเขาลับหลังฉัน!”
อารดาพ่นลมหายใจร้อนๆ เหนื่อยกับความขี้หึงของลูกพี่ลูกน้องเหลือเกิน
“เธอได้อะไรจากการหาเรื่องฉันนะรุ้ง”
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง”
“แล้วจะให้ฉันทำยังไง เรายังต้องทำงานด้วยฉัน แล้วเราก็อยู่บ้านเดียวกัน มันยากนะที่จะไม่มีปฏิสัมพันธ์กันเลย”
อารดาอธิบาย ยังได้ยินเสียงเหมือนใครเทน้ำอยู่ใกล้ๆ แก้มข้างหนึ่งของเธอเริ่มชื้น เพราะสปริงเกอร์ยังจ่ายน้ำรดต้นไม้ไม่หยุด
รสิกาทำหน้าเหม็นเบื่ออารดาเต็มทน
“ข้ออ้างน่ะสิ ทำไมนะ เธอไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีหรือไง เขามีเมียแล้วแท้ๆ”
การวางเฉยของอารดาเกิดขึ้นอีกคราเมื่อได้ยินวาจาที่รสิกาเอ่ยอ้าง เป็นเธอสิที่ควรเอ่ยคำนั้น
“ฉันไม่ได้ทำอะไร ไม่เคยทำเรื่องเสื่อมเสีย อย่าคิดว่าคนอื่นจะทำเหมือนที่ตัวเองเคยทำสิรุ้ง”
เผียะ!
เสียงตบดังๆ เกิดขึ้นในทันทีที่อารดาว่าจบ คอเสื้อของเธอยังถูกดึงทึ้งด้วย
“ปากดีตั้งแต่เมื่อไหร่นะ หมาหัวเน่าก็เป็นหมาหัวเน่าต่อไปสิ อยู่เงียบๆ ไม่ต้องมีปากมีเสียง ถ้ามันยากนักก็เข้าครัวไปอยู่กับพวกคนใช้โน่น งานถนัดไม่ใช่เหรอ”
“ปล่อยฉัน” อารดาเอ่ยเสียงเรียบ แก้มที่ถูกตบยังชาอยู่
“อย่ามายุ่งกับพี่ธีอีก ไม่อย่างนั้นเจ็บตัวแน่ ยังไม่เข็ดเหรอ ที่โดนไปคราวนั้นยังไม่เข็ดใช่ไหม หรืออยากโดนอีกฮะ!”
รสิกาเงื้อแขนขึ้นสุด เตรียมจะฟาดลงที่แก้มขวาของอารดา แต่ทว่า...
ซ่า!!!
“กรี๊ดดด!!!” เสียงกรีดร้องของรสิกาดังลั่นทางเดิน มือของเจ้าหล่อนหลุดจากคอเสื้อของอารดา “นี่อะไร!? นี่มันน้ำอะไร ใคร!? ใครทำฉัน!”
ส่งท้ายขึ้นหลังพี่ไหม______________วันหนึ่งเมื่อครั้งอดีตเสียงพูดคุยกันของผู้ใหญ่บนเรือนเคร่งเครียดขึ้นมา เมื่อบิดาของเด็กน้อยพาภรรยาคนใหม่มาเยี่ยมมารดาของท่าน อารดาในวัยย่างสิบเอ็ดขวบเข้าใจย่าดี ย่าเมตตามารดาของเธอมาก จนรับไม่ได้เมื่อลูกชายแต่งงานใหม่ เธอไม่ได้ไม่ชอบใจ ดีแล้วที่บิดามีรอยยิ้มหลังจากมารดาของเธอจากไป แต่คงดีกว่านี้ หากท่านใส่ใจลูกสาวอย่างเธอบ้าง มิใช่คอยดูแลแต่แม่คนใหม่ และเด็กน้อยอีกคนที่อยู่ในท้องของแม่เลี้ยง เธอเลี่ยงหลบลงมาจากบนเรือน เจอกับพี่พุดซ้อนกับน้าพุดตานกำลังเร่งทำมื้อเที่ยงกันอยู่“คุณอุ่น หิวหรือคะ เอาขนมไหม พี่หยิบให้”“ไม่หิวค่ะ ไปเดินเล่นได้ไหม อยากเห็นกล้วยหอมของย่า”“ค่า...แต่อย่าไปไกลนักนะคะ เดี๋ยวหลง”เด็กหญิงอารดายิ้มให้พี่เลี้ยงคนดี เธอไม่หลงหรอกน่า ยิ่งแปลงปลูกที่สิบสี่ ย่าพาเธอเดินดูจนทั่วหมดแล้วเด็กหญิงตัวน้อยเดินไปเรื่อยๆ ชื่นชมใบกล้วยสีเขียวสด ปัดเรื่อ
ในเวลาที่ผัวหนุ่มเมียสาวคู่หนึ่งกำลังบรรเลงเพลงรักอยู่ในห้องข้างๆ ผัวหนุ่มเมียสาวอีกคู่ กลับต้องลืมตาปริบๆ ใต้แสงสลัว เพราะไม่อาจบรรเลงเพลงรักได้อย่างที่ใจคิด“ฮึ่ม! พังแน่...เสาเรือนมีหักแน่ๆ คุณอุ่น”อารดายิ้มขันวาจาของสามี เสียงร้องครางของชนนท์กับอรุณฉาย ดังแทรกความเงียบสงัดของยามราตรีมาให้พวกเขาได้ยิน“สงสัย...ยัยออมจะไม่ได้นอนห้องฟีฟ่า”“แน่นอน!” ศรัณเอ่ยออกมา ยิ่งยามได้ยินเสียงไอ้บ้านั้นครางกระเส่า เขาก็ยิ่งอยากกระโจนใส่เมียรัก แต่ว่า...“โอ้ว...เฉียงแมวที่ไหนอ่า” เสียงเล็กๆ ดังแทรกเสียงบิดามารดา พ่อตัวแสบลุกขึ้นมานั่ง เอียงคอฟังเสียงที่ไม่คุ้นเคย“โอ๊ะ!? ยังไม่หลับอีก นอนได้แล้วลูก” อารดาดึงลูกชายลงมากอด ให้เขานอนหนุนแขน“ก็เฉียงดัง แม่ได้ยินมะ มันดัง...โอ้วๆ อ๊าๆ อุ๊บ!”ศรัณเอามือปิดปากลูกในนาทีนั้น“โอ๊ย...เจ้าเด็กแสบ นอนสักทีเถอะ เดี๋ยวแมวจะมากินตับนะ ได้ยินไหม นั่นน่ะ มันกำลังกินตับเด็กน้อยคนอื่นอยู่” บอกลูกน้อยแล้วเลื่อนมือที่
[27]ผู้ชายคนนี้เมื่อวันนั้น_____________________คุณแม่ลูกหนึ่งนั่งเล่นอยู่แถวนั้น นั่งรออยู่นานแต่ชนนท์ก็ไม่พาลูกสาวออกมาเสียที จนต้องลุกไปเคาะประตูห้องเขา เคาะอยู่สองสามทีเจ้าตัวก็มาเปิด“ลูกล่ะ”“หลับแล้ว”“หือ?” เธอมองเข้าไปในห้องที่เปิดไฟเลือนราง แม่ตัวแสบของเธอนอนอยู่กลางฟูกหนา หลับปุ๋ยโดยที่สองมือกอดตุ๊กตาหมูตัวโปรดเอาไว้ “ฉันจะพาลูกไปนอนห้องฟีฟ่า”“นอนห้องนี้จะเป็นไรไป ฟูกหลังเบ้อเร่อ”เธอค้อนเขาวงใหญ่ พูดไม่คิดนะ ถ้าลูกนอนอยู่นี่ เธอก็ต้องนอนนี่สิ ใครจะไปนอนห้องเดียวกับเขาสองต่อสองกันล่ะ“มันไม่เหมาะ” บอกเขาแล้วก้าวข้ามธรณีประตูของบ้านเรือนไทย แต่เธอทำผิดมหันต์ เพราะเพียงแค่ร่างพ้นประตูเข้ามา ประตูห้องก็ถูกปิดและล็อกแน่น “นั่นล็อกประตูเหรอ”“อือ...จะนอนแล้วก็ต้องล็อกสิ” ไม่ใช่แค่บอกกล่าว แต่เสื้อที่สวมอยู่ก็ถูกถอดทิ้งอรุณฉายหันหน้าหนี เธอไม่ได้เห็น
“เรื่องไร้สาระที่ไหน เวลาที่ผ่านมายังไม่ได้พิสูจน์หรอกหรือว่าฉันโคตรจริงจังเลย ฉันยอมเธอทุกอย่างทำไมไม่สงสารฉันบ้าง”“ฉันอาจกลับไปเป็นอรุณฉายคนเดิมก็ได้ ฉันเอาแน่เอานอนไม่ได้หรอก”“ให้วันนั้นมันมาถึงก่อนได้ไหมล่ะ ตั้งแต่ลูกเกิด ฉันยังไม่เห็นเลยว่าเธอจะเป็นคนเหลวไหล เธอเป็นคนดีมากแล้วออม เธอดีพอ...ให้คนอื่นรักได้แล้ว”อยู่ๆ กระบอกตาของอรุณฉายก็ร้อนผ่าวขึ้นมา ทำไมเขาถึงล่วงรู้ความรู้สึกของเธอ“หรือฉันยังไม่ดีพอ” เขาย้อนถามบ้าง“ดีแล้ว ดีขึ้นมากแล้ว สำนึกผิด ไม่เจ้าชู้ ไม่หลายใจ ในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง ได้เจอผู้ชายแบบนนท์ก็นับว่าดีมากแล้ว”“แล้วทำไมถึงไม่ใจอ่อนสักที”“นั่นสิ...ทำไมกันนะ”ถ้อยวาจานั้น อยู่ๆ ก็กระจ่างในใจของชนนท์ สามสี่ปีมาแล้วที่เขาอยู่ตรงนี้ เฝ้ารอความรักของอรุณฉาย แต่ทุกอย่างเหมือนเสียเวลาเปล่า หล่อนก็ยังอยู่ในจุดเดิม จุดที่ไม่อยากมีเขาในชีวิต“ฉันคิดว่า...ฉันรู้แล้วล่ะ”“อะไร”“
เขาครางเบาๆ เมื่อแรงที่กระแทกเข้าใส่หล่อนก่อเกิดความรื่นรมย์อย่างหาที่เปรียบมิได้ โพรงเนื้อนุ่มอ่อนที่อยู่ข้างในกำลังกอดรัดเอาตัวตนเขาจนปวดไปหมด“รัณ...เร็ว...อ๊า...รัณ”เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังพั่บๆๆ มิมีหยุดหย่อน ยามที่ศรัณโยกกายท่อนล่างเข้าหาร่างของอารดา ความลื่นด้วยแรงปรารถนาอันมากล้น ส่งผลให้การเสพสมดำเนินไปได้ด้วยดี พอโยกกายเข้าหาหล่อนจนพอใจ อารดาก็เปลี่ยนมาเป็นฝ่ายคุมเกม หล่อนผลักเขาให้อยู่เบื้องล่าง ในขณะที่หล่อนควบขี่เขาอยู่เบื้องบน ผมสลวยของหล่อนแผ่สยายและเคลื่อนไหวรัวเร็วตามแรงที่หล่อนกระแทกลงมา พุ่มทรวงอวบใหญ่ก็กระเพื่อมไหวในทุกคราที่หล่อนร่อนส่ายสะโพกอย่างงดงาม“ดี...คุณอุ่น โยกเร็วๆ แรงๆ เลยได้โปรด...อา...”เสียงครางกระเส่าของสามียังดังอยู่เนืองๆ กระทั่งอารดานำพาเขาถึงฝั่งฝัน ให้เขาได้ปลดปล่อยเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตเข้าสู่ร่างของเธอ เม็ดเหงื่อของสองร่างไหลรวมเป็นหนึ่ง และแม้ว่าบทรักจะสิ้นสุด แต่ปลายลิ้นของสามีก็ยังแตะชิมที่พุ่มทรวงของเธอ“พอแล้ว...ไม่ไหวแล้ว”“เหงื่อคุณอุ่นออกเยอะนี่นา ผมเช
[26]เศษใจที่ถูกเติมเต็ม__________________วันเวลาเคลื่อนผ่านไปช้าๆ แต่ช่างรวดเร็วในความรู้สึกของอารดา เพียงพริบตา ลูกน้อยในครรภ์ก็ลืมตาขึ้นมาดูโลก เจ้าลูกชายแข็งแรงสมบูรณ์ดี และมีหน้าตาที่ถอดแบบมาจากศรัณอย่างกับฝาแฝด เจ้าตัวอายุน้อยกว่าลูกพี่ลูกน้องราวสี่ห้าเดือนได้ แต่เชื่อไหม พอเลี้ยงไปเลี้ยงมาก็โตทันกันอยู่ดี บางวันที่อรุณฉายเข้าเมืองไปทำธุระให้ย่า ชนนท์ก็จะไปรับลูกมาอยู่ที่นี่ ให้น้ามาลาช่วยเลี้ยง พอเขากลับจากสวน ก็จะเล่นกับลูกสาวจนหนำใจแล้วค่อยพากลับเรือนย่า มันเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เด็กน้อยเริ่มเดินได้เมื่อตอนขวบเศษ กระทั่งบัดนี้สามขวบเข้าไปแล้ววันนี้ก็เป็นเช่นวันที่ผ่านมา ชนนท์ไปรับลูกสาวมาแต่เช้า น้ามาลาช่วยเลี้ยงแกตอนลูกชายเข้าสวน และเธอช่วยพาลูกหลานนอนกลางวัน พอกล่อมเด็กน้อยจนหลับปุ๋ย เธอเองก็ผล็อยหลับตามไป...ทว่าหลับได้ไม่เท่าไหร่ ก็ถูกกวนจนได้เธอรู้สึกเย็นๆ แถวเนินอก แต่เหนื่อยเกินกว่าจะปรือตาขึ้นมอง พอรู้สึกเย็นๆ นานเข้า จึงได้ฝืนร่างกายปรือตาขึ้นมาดู เจ้าตัวเล็กในเปลยังหลับอยู่