เข้าสู่ระบบ
เช้าของวันใหม่บรรยากาศช่างอึมครึม ที่บ้านของฮันน่าในเวลานี้ เต็มไปด้วยความโศกเศร้าโดยเฉพาะเจ้าสิงโต เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าชีวิตนี้ จะต้องพรากจากกันยา ตุลาและแม่ฮันน่า คำบอกเล่าของมารดาจึงเป็นดั่งหอกแหลมคมที่ทิ่มลงมากลางใจของเขา เมื่อความผูกพันที่มีให้กันมันมากเกินกว่าที่จะทำใจให้ชินได้ นับจากวันนี้ไปไร่กวางกมลคงแห้งเฉา เหมือนดั่งต้นไม้ที่ไร้การรดน้ำพรวนดินและอีกไม่นาน ต้นไม้นั้นก็อาจจะตายได้ถ้าหากเจ้าของไม่ใส่ใจกลับมาเหลียวแล
"เขากับตุลาไม่อยู่ ตัวก็ตั้งใจเรียนด้วยนะ ถ้ามีอะไรสงสัยก็โทรไปถามเขาก็ได้ เดี๋ยวจะติวให้ สมัยนี้เทคโนโลยีได้พัฒนาไปมาก ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ได้เจอกัน แต่ก็สามารถเห็นหน้ากันทุกวันได้ อย่าทำหน้าแบบนี้สิสิงโต"
กันยาเดินเข้าไปหาสิงโต ที่นั่งอยู่ด้านนอกระเบียงของบ้านสายตาของเขามองออกไปอย่างไร้จุดหมาย มารดาน่าจะบอกเขาเร็วกว่านี้ เขาเพิ่งทราบข่าวจากคุณย่าเมื่อคืน และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้สิงโตไม่ได้หลับไม่ได้นอนทั้งคืนเขาเอาแต่นั่งเหม่อและไม่รู้ว่านับจากวันนี้ต่อไป เขาจะอยู่ได้ยังไง ซึ่งเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนถ้าไม่เจอกับตัวก็คงจะไม่เข้าใจ
"ตัวรู้เรื่องนี้นานหรือยัง ทำไมไม่บอกเขาก่อน ตัวใจร้ายมากเลยรู้หรือเปล่า" สิงโตพูดจาตัดพ้อกันยาออกมาพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง เพราะไม่มีใครบอกเขาก่อนเลย เพื่อให้เวลาทำใจ เขากลายเป็นคนไม่สำคัญสำหรับทุกคนไปแล้วหรือยังไงนั่นคือความน้อยใจที่กำลังเกิดขึ้นกับสิงโต
"เขาก็เพิ่งรู้ไม่กี่วันนี่เอง ขอโทษนะที่ไม่ได้บอก" น้ำเสียงที่อ่อนหวานนุ่มนวลของกันยา แม้จะแผ่วเบาแต่ทุกครั้งที่ได้ยินมันกลับก้องกังวานอยู่ในหัวใจของสิงโต จนในเวลานี้เขารู้สึกเหมือนกับโลกได้กลายเป็นสีเทาทุกอย่างในไร่มองออกไปไม่เห็นมีสีเขียวเลย เมื่อสายตาของเขากำลังมืดมนเพราะความเสียใจ จึงทำให้ทุกอย่างรอบกายกลายเป็นสีเทาๆ
"ก็อย่างว่าเราคงไม่มีความสำคัญสำหรับเธอ ยังไงก็ขอให้เธอโชคดีก็แล้วกัน ลาก่อนนะกันยา" น้ำเสียงที่แข็งกร้าว แต่แฝงไปด้วยความเย็นชา กับสรรพนามที่เรียกเธอและใช้แทนตัวเขาได้เปลี่ยนไป บ่งบอกให้กันยารับรู้ว่าสิงโตโกรธเธอมากแค่ไหน ที่ไม่ได้บอกเขาล่วงหน้า "สิงโต! อย่าเพิ่งไปสิสิงโต! กลับมาฟังเขาอธิบายก่อน กันยาไม่ได้ตั้งใจที่จะโกหกตัวเลยนะ" กันยาวิ่งลงบันได พร้อมกับตะโกนตามหลังสิงโตออกไป แต่เขากลับไม่หันมามองเธอเลยแม้แต่น้อย จึงทำให้กันยารู้ว่าการจากกันครั้งนี้ มันช่างเป็นการจากลาที่แสนจะเจ็บปวด
"กันยาใกล้จะถึงเวลาออกเดินทางแล้ว ไม่ต้องตามสิงโตหรอกเดี๋ยวแม่จัดการเอง ไปลาคุณย่าเถอะเดี๋ยวพ่อเสือจะไปส่งที่สนามบิน" กันยาทำได้แค่เพียงมองสิงโตค่อยๆ เดินหายไปหลับตาความรู้สึกที่เกิดขึ้น ทำให้เด็กหญิงเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก เขาจะรู้หรือเปล่าว่าเธอเองก็เจ็บปวดไม่ต่างกับเขาเลยสักนิดกับการจากลาครั้งนี้
"แม่ขวัญขาาา... ดูเหมือนว่าสิงโตจะโกรธกันยามากเลยนะคะ จากคำพูดของเขาฟังดูห่างเหินเหมือนกับคนแปลกหน้า จนกันยาไม่รู้ว่าสิงโตจะเกลียดกันยาไปแล้วหรือเปล่า ที่ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังก่อน" ใบหน้าและแววตาของเด็กหญิงที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวดนั้น กำลังทำให้แม่ขวัญข้าวรู้สึกพลอยเศร้าไปด้วย
"สิงโตแค่โกรธ เขาไม่มีทางเกลียดกันยาหรอกเชื่อแม่สิ" กันยาโผเข้าไปกอดแม่ขวัญข้าวด้วยความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวในหัวใจ นับจากวันนี้ไป ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้พบกัน
"กันยาคิดถึงแม่ขวัญจังเลยค่ะ ไม่รู้อีกเมื่อไหร่เราถึงจะได้พบกันอีก แม่ขวัญดูแลตัวเองดีๆ นะคะ แล้วอย่าลืมไปเยี่ยมกันยาบ้าง" ขวัญข้าวเอามือลูบลงที่ศีรษะของกัญญาเบาๆ ในขณะที่ขวัญข้าวร้องไห้ออกมาจนตัวโยน ยิ่งมีคนปลอบโยนความรู้สึกก็ยิ่งถูกระบายออกมาด้วยน้ำตา นั่นคือการได้ร้องไห้
ภาพของเด็กหญิงร่างเล็ก ซึ่งกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นปิ่มจะขาดใจ สร้างความรู้สึกเวทนาให้กับฮันน่าและทุกคนเป็นอย่างมาก แต่มารดาของเธอก็ไม่อาจที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไปได้ เมื่อฮันน่าตัดสินใจที่จะไปเริ่มต้นใหม่ พร้อมกับความฝัน และต้องการให้ลูกๆ ของเธอนั้นมีอนาคตที่ดีด้วยน้ำพักน้ำแรงของเธอเอง เพราะรู้สึกเกรงใจ ครอบครัวของอัครเดชที่ช่วยเหลือเธอมาตลอด
"ไปเถอะกันยาเราไปลาคุณย่ากัน" ฮันน่าเดินเข้าไปกุมมือลูกสาวเอาไว้เพื่อปลอบโยน ก่อนที่ทุกคนจะเดินไปที่บ้านหลังใหญ่ ซึ่งคุณย่าท่านแก่มากแล้ว ในเวลานี้แม่เลี้ยงกวางกมลไม่สามารถที่จะลุกเดินเองได้ หญิงวัยชรานั่งอยู่ในรถเข็น โดยมีนางพยาบาลคอยดูแลอย่างใกล้ชิด แต่ลูกหลานก็ไม่ได้ทอดทิ้งคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ เช่นกันโดยเฉพาะขวัญข้าวที่คอยดูแลมารดาไม่ห่าง ตามคำแนะนำของนางพยาบาล อะไรที่พอทำด้วยตัวเองได้ เธอก็จะทำเอง โดยไม่ปริปากบ่นเลยสักคำ เพราะความรักความผูกพันที่มีให้แก่กันยิ่งกว่าสายเลือด
"คุณย่าขาาา... พวกเราจะไปอยู่กรุงเทพฯ กันแล้ว เอาไว้ให้อะไรมันลงตัวฮันน่าจะพาลูกๆ มาเยี่ยมนะคะ" ฮันหน้า เดินเข้าไปใกล้แม่เลี้ยงกวางกมล พร้อมกับคุกเข่านั่งลงตรงหน้าหญิงชรา แล้วจับมืออันเหี่ยวย่นของนางมากุมเอาไว้
"คุณพระรักษานะลูกไปดีมาดีค้าขายก็ให้เจริญร่ำรวย เจ้าสิงโตคงเสียใจมากสินะถึงไม่เห็นมาด้วยวิ่งแจ้นไปไหนแล้วล่ะ คงไม่พ้นที่บ้านท้ายไร่อีกตามเคย กันยามานี่สิย่ามีอะไรจะให้" กันยาคลานเข่าเข้าไปใกล้หญิงชรา พร้อมกับก้มลงกราบที่เท้าของนาง เด็กหญิงพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้สุดกำลัง เมื่อเธอนั้นรักและผูกพัน หญิงชราไม่แพ้กว่าทุกคน
"สวมเอาไว้สิ ความจริงมันมีเป็นคู่ สักวันหนึ่ง ถ้ามันคือพรหมลิขิต จะมีคนมอบกำไลอีกวงให้หนู แล้ววันนั้นย่าก็เชื่อว่าหนูจะได้ใส่เป็นคู่ และมันจะดูดีสวยกว่าตอนนี้มาก ถ้าวันนั้นมาถึงไม่ว่าจะเป็นกำไลหรือกันยาก็จะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนเช่นวันนี้" ทุกคนไม่รู้ว่าหญิงสูงวัยกำลังหมายถึงสิ่งใด แต่ที่แน่ๆ กำไลนี้มีค่ากับนางมาก เพราะมันคือของคุณปู่ซึ่งเป็นสามีของนาง เคยให้ไว้เมื่อคราวที่รักกันหวานชื่น ที่นางนั้นรู้สึกหวงแหน แต่ในวันนี้หญิงชรากลับปรารถนา ที่จะมอบความรักนี้ให้กับกันยา และก็เชื่อว่าสักวันกำไลอีกวงนั้นมันจะอยู่ที่ข้อมือของเธอเป็นคู่พร้อมกันสองวง
"สวยมากเลยค่ะคุณย่าขอบคุณมากนะคะ" กันยาลุกขึ้นไปสวมกอดหญิงชราเอาไว้ ก่อนจะก้มลงไปกราบที่เท้าของคุณย่าอีกครั้ง จากนั้นทุกคนก็ได้ร่ำลากัน ในเวลานี้บรรยากาศที่ไร่กวางกมลเต็มไปด้วยความรู้สึกห่วงหาฮันน่าและลูกๆ ของเธอ
อัครเดชขับรถออกจากไร่ เพื่อไปส่งทั้งสามที่สนามบิน ในขณะที่นั่งอยู่บนรถกันยามองไปรอบๆ จนกระทั่งรถกำลังจะแล่นออกไปพ้นไร่กวางกมล หญิงสาวก็ไม่มีวี่แววว่าจะพบสิงโต เธอหวังให้เขามาส่งทางแต่แล้วความหวังที่มีก็พังทลายจนสิ้น เขาไม่แม้แต่จะมาส่งเธอ สิงโตคงโกรธมาก และนับจากวันนี้เป็นต้นไปความสัมพันธ์ของทั้งคู่คงกลายเป็นเพียงแค่เส้นขนาน เมื่อทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิม เขาคงเห็นเธอเป็นเพียงแค่คนเคยรู้จักกันเท่านั้น
"เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น มันใช้การได้ฉันรับประกัน และที่สำคัญมันพร้อมที่จะเข้าไปสำรวจในถ้ำของเธอแล้วกันยา" ผมพูดพร้อมกับโน้มตัวกันยาให้นอนลงราบกับเตียง จากนั้นผมจึงรีบจัดการกับชุดที่ตัวเองสวมใส่ ซึ่งผมใช้เวลาไม่ถึงเสี้ยววินาที ร่างกายของผมก็ล่อนจ้อน เผยให้เห็นมวลกล้าม พร้อมทั้งเจ้ามังกรตั้งลำเขื่องนั้นด้วย กางเกงของหญิงสาวพร้อมทั้งกางเกงชั้นในของเธอ ถูกชายหนุ่มรั้งลงต่ำ จากนั้นเขาได้ดึงลงให้พ้นจากขาเรียวของเธอ ลงไปรวมกับชุดของเขาอย่างไม่เป็นระเบียบ "อื้ม..อ้า สะ สิงโต" เสียงหวานครางเรียกชื่อชายหนุ่มออกมาอย่างกระท่อนกระแท่น เมื่อเขาจับลงไปที่ต้นขาของเธอแล้วง้างออก ชายหนุ่มมุดใบหน้าลงไปเชยชมกลีบกุหลาบงามบานเบ่งด้วยความสุขในอุรา เมื่อเขากำลังจะนำพาหญิงตรงหน้าให้ไปแตะขอบฟ้าด้วยกัน จากนั้นเพลงรักก็เริ่มบรรเลงขึ้น ปลายลิ้นร้อนแตะลงไปที่เม็ดสีแดงระเรื่อ หญิงสาวสัมผัสได้ถึงความเสียวซ่าน จนก้นของเธอกระตุกขึ้นลง เพื่อเด้งรับกับปลายลิ้นร้อนอย่างอัตโนมัติ "อื้ม สิงโต ฉะ ฉาน ฉันว่ามัน
น้ำเสียงของใบหม่อนดังมาก่อนตัว จนทำให้กันยาถึงกับเอามือขึ้นมาป้องปาก เพราะที่บ้านของไผ่เปิดไฟเอาไว้ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ไผ่หันหน้าจอสมาร์ตโฟน ไปทางต้นเสียงของหญิงสาวพอดี จึงมองเห็นใบหม่อนได้อย่างถนัด เมื่อเธอกำลังเดินเข้ามาหาไผ่พร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันรอบอกเอาไว้ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าผู้หญิงที่ไผ่พูดถึง ที่เขาบอกกับสิงโตว่าเป็นภรรยานั้น คงต้องเป็นใบหม่อนอย่างแน่นอน "ฉันพูดกับสิงโต ไม่มีสาวที่ไหนหรอกน่า" ไผ่รีบพูดแทรกขึ้นราวกับคนที่กำลังกลัวเมีย เมื่อใบหม่อนเห็นว่าเป็นสิงโตเธอจึงไม่พูดอะไรขึ้นมาอีก "แค่นี้นะสิงโต... กูค้าง" "อืม... เชิญมึงไปทำธุระของมึงต่อให้เสร็จ กูไม่กวนละ" "ต่อให้มึงโทรมาอีกกูก็ไม่รับ แค่นี้นะเมียกูนอนรอแล้ว โชคดีเพื่อน" พูดจบไผ่ก็ตัดสายทันที ในขณะที่กันยายืนน้ำตาไหลอาบแก้มสองข้าง เมื่อเธอกำลังรู้สึกเสียใจ ที่เข้าใจ
"รับสักทีสิ ไอ้เชี้ยไผ่ มึงทำอะไรอยู่เนี่ย คนยิ่งร้อนใจมันก็ยิ่งลีลา" ผมพูดออกมาอย่าอารมณ์เสีย เมื่อกดวิดีโอคอลหาไผ่แต่มันไม่ยอมรับสาย "ทำไม... ถึงต้องหาตัวช่วยเลยเหรอ ต่อให้ไผ่มาเป็นพยานฉันก็ไม่มีทาง ที่จะเออออห่อหมกกับพวกนายหรอกนะ ในสายตาของนายฉันคงเป็นผู้หญิงที่โง่ ถึงคิดที่จะหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า" ฉันยังคงพูดจากระแทกแดกดันออกไป เพราะฉันคิดว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรที่เราสองคนจะดึงดันคบกันต่อไป "พูดจบหรือยังยัยตัวแสบ ยังไม่แก่ก็บ่นเป็นหมีกินผึ้งเสียแล้ว" "นายว่าฉันบ่นเก่งเหรอ ฉันกำลังพูดความจริงอยู่ต่างหาก...ชิ! ถ้าไม่มีอะไรจะพูดฉันขอตัวเข้าบ้านก่อน" ฉันเริ่มขี้เกียจที่จะต่อปากต่อคำกับสิงโตแล้ว เพราะยิ่งพูดก็ยิ่งดูแย่ เมื่อเขามองฉันเป็นเพียงเหมือนยายแก่ขี้บ่นคนหนึ่งเท่านั้น "เดี๋ยวก่อน ฉันขอโทรหาไผ่อีกเพียงแค่ครั้งเดียว ถ้ามันไม่รับจริงๆ
ซึ่งเขาและครอบครัวกลับปิดบังเรื่องนี้เอาไว้ แม่ขวัญกับพ่อเสือก็น่าจะบอกความจริงกับฉัน ทำไมทุกคนต้องเห็นดีเห็นงามกับสิงโตด้วย ฉันเองก็ไม่เข้าใจ แต่ก็ต้องยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นให้ได้ เพราะชีวิตนี้ต้องเดินต่อไป แม้ว่าจะไม่มีสิงโตอยู่ข้างๆ ก็ตามที ~เวลาสิบเก้านาฬิกา~ ฉันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ แล้วมานั่งลงที่เตียงนอน กลิ่นอาหารที่โชยเข้ามาภายในห้องนั้นทำให้ฉันรู้สึกหิว แต่ก็พยายามฝืนร่างกายไม่ให้เผลอไปกับกลิ่นที่ได้รับ เพราะฉันรู้ดีว่ามันคงเป็นฝีมือของสิงโตอย่างแน่นอน เขาคงตั้งใจที่จะอยู่ให้ฉันหิวแล้วเปิดประตูออกไป แต่ขอบอกไว้เลยว่าไม่มีทาง ต่อให้ฉันต้องหิวจนตายก็จะไม่ยอมเปิดประตูออกไปกินอาหารที่เขาทำ เพราะฉันยังจดจำทุกถ้อยคำของใบหม่อนไม่เคยลืม ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูดังขึ้น แต่ฉันก็ไม่ได้คิดที่จะลุกขึ้นไปเปิด ฉันไม่รู้หรอกนะว่าความอดทนของคนเรามันมีขีดจำกัดมากแค่ไหน แต่สิ่งที่ฉันต้องการคืออยากให้สิงโต ออกไปให้พ้นๆ จากไร่กุหลาบสัก
"ทำไมที่นี่ ถึงมีแต่คนมาพักใจ หรือเป็นเพราะว่าผู้ชายส่วนมากไม่รู้จักพอ คุณย่ารู้เปล่าคะ ว่ากันยาเจ็บปวดแค่ไหน คุณย่าอยู่บนฟ้าสบายดีไหมคะ ทำไมกันยาถึงรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าจังเลย กำไลของคุณย่าสองวงนี้มันได้อยู่ด้วยกันแล้วนะคะ แต่ไม่รู้ว่ากันยากับสิงโตจะใช่คู่ครอง ที่คุณย่าเคยหมายปองเอาไว้หรือเปล่า เราอาจจะไม่ใช่เนื้อคู่กันก็ได้ค่ะ" ฉันพูดออกมาพร้อมกับมองไปที่เจดีย์เก็บอัฐิคุณย่า เพราะก่อนสิ้นลมหายใจคุณย่าได้กำชับทุกคนเอาไว้ ท่านอยากมาอยู่ที่ไร่กุหลาบนี้เพราะมันสงบดี และที่สำคัญที่ไร่กุหลาบนี้ มันเป็นสถานที่เดียวที่มีความทรงจำดีๆ ระหว่างคุณปู่กับคุณย่าหลงเหลือ ก่อนที่ท่านจะเดินออกไปจากชีวิตของคุณย่า โดยไม่หันกลับมามองแม้แต่หางตา เมื่อคุณปู่มีผู้หญิงอีกคนเข้ามาในหัวใจ ในขณะที่คุณย่าเองไม่มีใคร นางยอมปิดประตูหัวใจตราบจนสิ้นลมหายใจ สิงโตขับรถมาที่ไร่กุหลาบ เขาจอดรถเอาไว้แล้วรีบตามหากันยา เพราะเข้าไปในบ้านแล้วไม่พบเธอ ชายหนุ่มจึงเดินออกมาที่ไร่ และก็พบว่า
"ไม่เป็นไรหรอกครับแค่นิดหน่อยเอง แม่เลี้ยงกวางกมลมีบุญคุณกับผมมากมาย ต่อให้ชดใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด การที่ผมช่วยคุณกันยามันเป็นเพียงค่าเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น อย่าคิดมากเลยครับ" อ้ายคำปันพูดออกมาจากใจ เพราะสิ่งที่เขาทำไปนั้นไม่ได้หวังผลตอบแทน "แพนด้าลงมาพอดี หยิบเงินมาในเก๊ะมาให้พ่อสักหมื่นสิลูก" "ได้ค่ะพ่อ" แพนด้าพูดพร้อมกับเดินไปหยิบ ธนบัตรมาหนึ่งปึก แล้วส่งให้บิดาของเธอ "รับไปสิอ้ายคำปัน" อัครเดชพูดพร้อมกับส่งธนบัตรให้กับชายตรงหน้า แต่เขาก็มีท่าทีที่ไม่อยากรับมันเลยสักนิด "นายครับมันเยอะเกินไปผมรับไม่ได้หรอก" อ้ายคำปันรีบปฏิเสธออกไปทันที เพราะเขาซื้อของไปแค่พันกว่าบาทเอง "ความจริงฉันต้องให้อ้ายคำปันมากกว่านี้ด้วยซ้ำ ที่ช่วยกันยาเอาไว้ รับไว้เถอะ คิดว่าเป็นทุนการศึกษาให้ลูกก็แล้วกัน" "ขอบคุณมากครับนาย" อ้ายคำปันยกมือไหว้ด้วยความจำใจ "ไม่เป็นไรหรอกฉันคิดว่าน้อยไปด้วยซ้ำ ถ้าเทียบกับน้ำใจที่อ้ายคำปันมีให้กับกันยา"







