“ผมชอบใจคุณมากเลย คุณเวทานนท์ รุ่นใหม่ไฟแรง เก่งเหมือนกับเจ้าสัวคุณเลย ผมยินดีมากเลยนะครับ ที่ร่วมโปรเจคนี้กับบริษัทของคุณ” คุณไกรสร คู่ค้าของเวทานนท์กล่าวขึ้นระหว่างการรับประทานอาหาร
คุณไกรสร เป็นชายหน้าตาคมเข้มแบบไทยแท้ อายุ 45 ปี เป็นเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ “ผมล่ะอิจฉาคุณเวทานนท์จริงๆ เลย นอกจากตัวคุณจะเก่งแล้ว คุณยังมีเลขาเก่งๆ หน้าตาดีอย่างคุณนวพรรษอยู่ข้างๆตัวด้วย” คุณไกรสรยิ้มพร้อมทำหน้ากะลิ้มกะเหลี่ย มองนวพรรษ ด้วยสายตาเจ้าชู้อย่างไม่ปิดบัง เขาชอบผู้ชายขาวๆ ที่ไม่ได้ตัวเล็กตุ้งติ้งออกแนวแมนๆแบบนวพรรษเวลาควงไปไหนมาไหนเหมือนไปกับเพื่อนหรือน้องชายมากกว่าจะได้ไม่เป็นจุดเด่น สายตาและคำพูดของไกรสรชวนให้เวทานนท์หงุดหงิดไม่น้อย “ถ้าคุณเลขาเบื่องานแบบเดิมๆ อยากลองเปลี่ยนประสบการณ์ใหม่ บอกผมได้นะครับ ผมยินดีต้อนรับ มาเป็นเลขาส่วนตัว อยากได้เงินเดือนเท่าไรเรียกมาได้เลย ถ้าเป็นคุนนวพรรษผมทุ่มไม่อั้น” ไกรสรสายเปย์บอกนวพรรษ “ขอบคุณ คุณไกรสรมากเลยนะครับ ที่ให้โอกาสผม ผมยังไม่เก่งหรอกครับ ยังต้องเรียนรู้งานจากท่านประธานแล้วเจ้าสัวอีกมากครับ และผมก็ชอบทำงานกับท่านประธานครับ” คำตอบขอบนวพรรษ ทำเอาคุณไกรสรโกรธนิดๆเหมือนโดนหักหน้า ส่วนอีกคนที่หงุดหงิดก่อนหน้านี้ยิ้มออกมาได้ เพราะถูกใจกับคำตอบยิ่งนัก “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมกับเลขาของผมขอตัวกลับบริษัทก่อนนะครับ ยินดีอีกครั้งที่ได้ร่วมงานกันครับ สวัสดีครับ” เวทานนท์เอ่ยปากลาคู่สัญญาและเดินนำนวพรรษออกมาอย่างรวดเร็ว “ถ้าคุณจะลาออกไปอยู่กับหมอนั่นก็ได้นะ คุณเลขา ผมไม่ติดอะไร ดูแล้วเค้าน่าจะเปย์ให้คุณถึงใจ” เวทานนท์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงประชดประชัน เมื่อทั้งสองมานั่งบนรถหรูของเวทานนท์เรียบร้อยแล้ว “ผมว่า ผมตอบคุณไกรสรชัดเจนแล้วนะครับ ท่านประธานน่าจะได้ยิน ถ้าหูยังใช้การได้ดีอยู่” นวพรรษตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ “โอเค ผมได้ยินชัดเจน แต่เผื่อคุณเปลี่ยนใจ เลยถามเพื่อความแน่ใจ คุณจำคำพูดของคุณไว้ให้ดีล่ะ” เลขาหน้าหวานที่ได้ฟังก็รู้สึกไม่ชอบใจที่ท่านประธานหนุ่มพูดเหมือนกับเขาเห็นแก่เงินเลยขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง จบปัญหาโดยการหันหน้ามองข้างทางยังดีเสียกว่า หลังจากนั้นประธานกับเลขานั่งกันเงียบไร้ซึ่งบทสนทนาระหว่างเดินทางกลับบริษัททำให้บรรบากาศชวนให้อึดอัด พอถึงบริษัทก็บ่ายโมงกว่า มีเอกสารที่เวทานนท์ต้องเซ็นอีกกองใหญ่ ก่อนที่เลขาจะโทรมาแจ้งเตือนเรื่องการเข้าประชุม “เป็นไงบ้างเวย์ ลูกทำงานกับน้องนิว โอเคไหม เข้าขากันหรือยัง” เจ้าสัวเวทินถามลูกชายขณะนั่งทานอาหารเช้าที่บ้านช่วงวันเสาร์ “เรื่องงานก็ดีครับ เก่งสมกับที่คุณพ่อชมนักชมหนา จนผมนึกว่าเค้าเป็นลูกชายคุณพ่ออีกคน ส่วนนิสัยดูจะอัธยาศัยดี ยิ้มอ่อยไปทั่ว ยกเว้นกับเจ้านายอย่างผม นิ่งจนเหมือนหยิ่ง เอ๊ะ ! รึว่าเป็นแผนอ่อยเหยื่อ” เวทานนท์พูดถึงคนเป็นเลขาให้ผู้เป็นพ่อฟัง “คิดอะไรอย่างนั้น น้องนิวเค้าเป็นคนดี หน้าตาดี อัธยาศัยดีกับทุกคน เค้าคงไม่คิดจะอ่อยแกหรอก คนมาติดพันเค้าเยอะแยะ แต่ถ้าอ่อยก็ดีซิ แกจะได้ติด ถ้าได้น้องนิวมาเป็นลูกสะใภ้ ฉันไม่ติดหรอกนะถึงจะเป็นผู้ชายก็เถอะ” “พ่อ ออกตัวแรงไปนะเวย์ว่า อยากได้เค้าเป็นลูกสะใภ้ขนาดนั้นเลยเหรอ ทีอิงจันทร์แฟนเวย์ไม่เห็นพ่อจะชอบขนาดนี้เลย” เวทานนท์แย้งผู้เป็นพ่อ “เพราะพ่อรู้น่ะสิว่าแฟนแกเป็นคนยังไง เป็นไงล่ะได้ยินข่าวว่าโดนเค้าทิ้งไปหาลูกเจ้าของบริษัทที่รวยกว่าพนักงานเงินเดือนจนๆ มีแต่แกนั่นแร่ะที่ตาบอดอยู่คนเดียว” เจ้าสัวบ่นลูกชาย เรื่องของเวทานนท์พ่อท่ีมีลูกคนเดียวอย่างเจ้าสัวรับรู้มาตลอดว่าลูกชอบผู้ชาย และชอบใคร เขาไม่คิดกีดกันปล่อยอิสระให้ลูกได้เรียนรู้เอง “โธ่… พ่อ ซำ้เติมกัน” ผู้เป็นลูกโอดครวญ “พ่อจะไ่ม่พูดเรื่องนี้กับลูกแล้ว ตกลงว่ายังไงเรื่องงาน” ผู้เป็นพ่อถามอีกรอบ “ก็ดีครับ ลงตัวแล้ว” “แล้วเรื่องน้องนิวว่าไง ชอบไหม” เจ้าสัวถามต่อ “โถ่พ่อ พ่อก็รู้เค้าไม่ใช่ตัวเล็กน่ารักสเปคเวย์สักหน่อย ไม่มีทางครับเป็นแค่ลูกน้องกับเจ้านายดีกว่า พ่อไม่ต้องลุ้นเลย” เวทานนท์มองออกว่าเจ้าสัวตั้งใจจะจับคู่ให้เขากับคุณเลขาลูกชายเพื่อน เลยรีบปฏิเสธทันที “โอเค ได้ยินแกพูดแบบนี้ก็เบาใจ จะได้มั่นใจ หวังว่าน้องนิวจะปลอดภัยจากแก งั้นห้ามยุ่ง ห้ามรุ่มร่ามกับน้องนิวเลยนะ จะเล่นๆเป็นหมาหยอกไก่ไม่ได้ นั่นลูกเพื่อนรักของพ่อ เดียวผิดใจกันมามองหน้ากันไม่ติด” เจ้าสัวเวทินบอกลูกชาย “คุณนิวอย่าลืมทานนะคะ อร่อยไม่อร่อยยังไงบอกวิด้วยนะคะ ถ้าไม่อร่อย เดี๋ยววิจะได้ปรับปรุงสูตรแล้วเอามาให้คุณนิวชิมอีก” “เกรงใจคุณวิจังเลยครับ ทำมาให้เกือบทุกวันเลย ” “ไม่เป็นไรเลยค่ะ แค่คุณนิวทานวิก็ดีใจแล้ว ใกล้เวลางานแล้ว งั้นวิกลับแผนกก่อนนะคะ บ๊ายยยค่ะ” เสียงชายหญิงสองคนสนทนากัน ทันทีที่เวทานนท์ก้าวออกจากลิฟต์ ไม่ใช่เสียงใครอื่นเลย เสียงผู้ชายเป็นเสียงคุณเลขาจอมหยิ่งของเขาเอง แต่ไม่หยิ่งกับคนอื่นนอกจากจะไม่หยิ่งแล้วยังอัธยาศัยดี ยิ้มซะตาหยีเลย ส่วนอีกหนึ่งเสียงเป็นสาวหน้าสวยทรงโต น่าจะมาขายขนมจีบชายหนุ่มเนื้อหอม เลขาของเขานั่นเอง “อุ๊ย ท่านประธาน สวัสดีค่ะ ” วิกานดา พนักงานฝ่ายบัญชี ที่ตกหลุมรักนวพรรษตั้งแต่เเรกเจอ วันที่เจอกันครั้งแรกวิกานดาโดนรถเฉี่ยวอยู่หน้าบริษัท นวพรรษอยู่ในเหตุการณ์เลยช่วยไว้ ทำให้วิกานดาตกหลุมรักทันทีที่เห็นหน้าเหมือนหญิงสาวชาวบ้านตกหลุมรักเจ้าชาย นอกจากจะใจดีแล้วยังหน้าตาจัดว่าดีมาก ตั้งแต่นั้นมาวิกานดาก็ตั้งตัวเป็นแฟนคลับของนวพรรษ หาขนมมาให้นวพรรษเสมอ อ้างว่าเพื่อตอบแทนที่ชายหนุ่มได้ช่วยเหลือในครั้งน้ัน “ครับ สวัสดี” หญิงสาวรีบเดินออกจากสถานการณ์อึดอัดทันที ท่านประธานหน้าดุจังแฮะ หล่อก็หล่ออยู่หรอก แต่ไม่ยิ้มเลย สู้คุณนิวไม่ได้ หล่อละมุน โอปป้า นิสัยดี หญิงสาวคิดในใจ “สวัสดีครับท่านประธาน” นวพรรษกล่าวทักทายเจ้านายหน้าดุ เมื่ออีกฝ่ายเดินมาถึงตัวเอง “ครับ อีกสิบนาทีเอากาแฟไปให้ผมด้วยนะคุณนวพรรษ” “ได้ครับ แล้วท่านประธานจะรับของว่างอะไรไหมครับ” “ไม่ เอาแค่กาแฟพอ” สั่งเสร็จสรรพก็เปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง เป็นอะไรของเค้าทำหน้ายักษ์ได้ทุกวัน ไม่เคยรู้จักยิ้มเลยหรือไงนะ หรือว่าท้องผูก นวพรรษคิดในใจ ก่อนจะดูตารางงานของท่านประธานของเอาที่ต้องทำวันนี้ และเดินไปชงกาแฟให้ท่านประธานเวลาผ่านไปจนหนูน้อยน้องเนมเติบโตจนอายุได้สองขวบ เด็กชายวรานนท์โตมาท่ามกลางความรักของทุกคนในครอบครัว เด็กน้อยตัวสูงหน้าตาคมคายคล้ายไปทางลูกครึ่งเหมือนผู้เป็นบิดา แต่ก็มีดวงตาคมขนตางอนผิวขาวเนียนเหมือนผู้เป็นมารดา อีกทั้งยังมีความฉลาดเกินวัยใครเห็นก็หลงรัก หนักสุดคือผู้เป็นแด็ดดี้อย่างเวทานนท์ที่หลงลูกหนักมากตามใจทุกอย่าง จนบางทีผู้เป็นแม่อย่างนวพรรษต้องปราม จนเหนื่อยจะปรามทั้งพ่อทั้งลูก ทุกวันนี้คุณป๊ากับคุณม๊าได้ย้ายมาอยู่คฤหาสน์เจ้าสัวตามคำชวนของเพื่อนรักแล้ว เพราะจะได้ช่วยกันดูแลหลานคนเดียว แด็ดดี้กับมามี๊ของหลานน้อยจะได้ไม่ต้องคอยอุ้มน้องเนมนอนบ้านคุณปู่ทีนอนบ้านคุณตาที อีกอย่างทั้งสองครอบครัวต่างมีลูกแค่คนเดียวพ่อแม่ก็แก่ลงทุกวัน เจ้าสัวกลัวลูกสะใภ้จะคอยกังวลเรื่องพ่อแม่ ให้มาอยู่รวมกันเสียที่นี่จะได้ช่วยกันดูแลกันและกัน ตอนนี้ที่คฤหาสน์หลังใหญ่ของเจ้าสัวเลยคึกคักไม่เหงาอีก พอน้องเนมเริ่มโต อีกไม่กี่ปีก็จะได้เข้าโรงเรียน ถึงตอนนั้นบรรดาคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายคงเหงา เพราะถ้าน้องเนมไปโรงเรียนระหว่างรอหลานตอนกลางวันคนแก่คงพากันเหงาน่าดู เลยอยากมีหลานเยอะๆ ไว้แก้เหงา พอเรียบๆ เคียงๆ ถ
วันนี้คุณแม่ท้องแก่ใกล้คลอดอยู่บ้านคนเดียวกับเหล่าบรรดาคนรับใช้ เพราะคุณสามีมีประชุมบอร์ดบริหารที่ไม่สามารถเลี่ยงได้จำเป็นต้องไปเอง แต่กว่าจะไปได้ก็อิดออดไม่อยากไป ย้ำคิดย้ำทำสั่งเสียเมียรักไม่ให้เดินเยอะ ให้แม่บ้านคอยอยู่ใกล้ชิด มีอะไรให้โทรหาทันที จนเจ้าสัวเวทินผู้เป็นพ่อซึ่งล่วงหน้าไปทำงานก่อนหน้าโทรมาตามคุณประธานถึงได้จำใจห่างเมียรักไปทำงาน เวลาผ่านไปล่วงเข้าช่วงบ่ายแก่ๆ ของวันหลังทานของว่างมื้อบ่ายเสร็จนวพรรษก็เดินมาเพื่อที่จะเอนหลังพักผ่อนโดยมีป้าใจหัวหน้าแม่บ้านคอยพยุงมานั่ง แต่รู้สึกว่าปวดหน่วงๆ ที่เอวและที่ท้อง “ซี๊ดดดด ถีบม่ามี๊แรงจังเลยลูก คิดถึงแด็ดดี้เหรอครับ เดี๋ยวแด็ดดี๊ก็กลับมาแล้วครับ เรามานอนรอดีกว่านะครับ” ยังไม่ได้ทันได้นั่งลงที่โซฟาเลย จู่ๆ นวพรรษก็รู้สึกว่ามีน้ำไหลลงระหว่างขา พร้อมปวดท้องมากขึ้น“อ๊ะ ป้าใจ มีน้ำอะไรไหลลงมาที่ขานิวไม่รู้ อูยยย นิวปวดหน่วงท้องจัง ” ป้าใจแม่บ้านก็ตกใจกับสิ่งที่คนเป็นนายบอก“คุณนิวจะคลอดคุณหนูแน่เลยค่ะป้าว่า เดี๋ยวเรารีบไปโรงพยาบาลกันก่อนดีกว่านะคะ นังรุ้งวิ่งแกไปบอกคนรถเอารถออกพาคุณนิวไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ป่ะ ยัยหวีแกไปเอากระเป๋าท
“หมดเรื่องซะทีนะเจ้าตัวดี อยู่ๆ พ่อก็ต้องเสียเงินฟรีกับขาดรายได้จากโรงแรมซะงั้น แต่ไม่เป็นไรแลกกับความสบายใจของน้องนิวลูกสะใภ้พ่อ” เจ้าสัวเอ่ยขึ้นกับลูกชายตัวดีหลังจากพากันส่งอิงจันทร์ขึ้นรถที่หน้าบ้านแล้วให้คนขับรถไปส่งเข้าที่พักที่โรงแรมอีกที่ “โธ่พ่อเงินแค่น้ี แต่ยังไงเวย์ต้องขอบคุณพ่อด้วยนะครับที่จัดการให้ เพราะถ้าพ่อมาไม่ทันเวย์ก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงกลัวเมียงอนก็กลัว ตอนนี้เวย์ไม่ได้คิดอะไรกับเขาแล้ว” เวทานนท์ถือโอกาสขอบคุณผู้เป็นพ่อที่ช่วยเหลือจัดการไม่ให้ทางโน้นบอบช้ำมากและไม่ให้เค้ามีปัญหากับเมียรัก “เอ่อไม่เป็นไร แล้วนี่น้องนิวลูกสะใภ้ของพ่อไปไหนแล้วล่ะ ต้ังแต่มายังไม่เห็นหน้าเลย คงไม่โกรธแกจนหนีไปบ้านแม่เค้าแล้วนะ” เจ้าสัวถามหาลูกสะใภ้คนโปรดเพราะตั้งแต่เข้าบ้านมายังไม่เห็นหน้าอีกฝ่ายเลย “พ่ออย่ามาชี้โพรงให้กระรอกเดี๋ยวเกิดมาได้ยินเก็บไปเป็นไอเดียเอาไปใช้ตอนงอนเวย์จริงๆ แย่เลย ขึ้นไปพักตั้งแต่อิงจันทร์มาแล้วครับ เดี๋ยวเวย์ไปหาก่อนนะครับ คงต้องง้อนานหน่อยเจอกันตอนทานข้าวเย็นเลยนะครับ พ่อก็รีบขึ้นไปเถอะเมียพ่อรอนานแล้วเดี๋ยวนึกว่าติดใจอิงจันทร์นะครับเห็นเปย์ทั้งเงินท
เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนตอนนี้อายุครรภ์ของนวพรรษได้ 8 เดือน ท้องเริ่มโตขึ้นนูนเด่นชัดเจน เจ้าตัวเล็กในท้องก็ขยันดิ้นเคลื่อนไหวร่างกายให้คุณพ่อกับคุณแม่ตื่นเต้นตลอด หลังๆ เวลาขยับดิ้นคุณแม่เริ่มมีอาการเจ็บเล็กน้อย พอคุณพ่อเอามือลูบปลอบเจ้าตัวเล็กในครรภ์ก็เหมือนจะเชื่อฟังคุณพ่อหยุดดิ้นเพื่อให้คุณแม่คลายเจ็บ จนบางทีคุณแม่นึกน้อยใจที่ลูกน้อยในครรภ์ดูจะรักและเชื่อฟังคุณพ่อมากกว่าคนอุ้มท้องเสียอีก ช่วงหลังๆ เวทานนท์ไม่ยอมให้คุณแม่ท้องโตตามตัวเองไปทำงานที่บริษัทเพราะท้องเริ่มโต เริ่มเดินเหินลำบาก และเป็นตะคริวบ่อยๆ จนตอนนี้ตัวเวทานนท์เองเลยต้องเอางานมานั่งทำที่บ้านแล้วเฝ้าคุณแม่ท้องโตแทน ส่วนที่บริษัทก็ให้เจ้าสัวกับธนศิลป์ดูแลไป ตอนนี้คุณพ่อกำลังนวดเท้าให้คุณแม่ท้องโตเพราะเท้าบวมโดยให้คุณแม่นอนบนโซฟาตัวใหญ่แล้ววางขาบนตักของคุณพ่อ “เท้าบวมมากเลยที่รัก แต่ก็ดูอวบๆ น่ารักดี สบายขึ้นไหม ฮืมม ฟอดดดดด” เวทานนท์ก้มลงหอมเท้าบวมน่ารักของคุณภรรยาอย่างหมั่นเขี้ยว “พี่เวย์ ไม่เอาครับมันสกปรก” คุณแม่รีบถดขาถอยหนี คุณพ่อคว้าขาเรียวกลับมาวางบนตักอีก “สกปรกที่ไหน น่ารักและหอมขนาดนี้ ” พูดไปมือก็ลูบคลึงเท้า
“เป็นยังไงบ้างเบบี๋ นิทานของแด็ดดี้สนุกไหมครับ”เวทานนท์ทำเสียงเล็กเสียงน้อยอ่านนิทานให้ลูกน้อยในท้องของภรรยาฟัง ตอนนี้นวพรรษอายุครรภ์ได้ 5 เดือนแล้ว หลังจากทำอัลตร้าซาวน์ดูเพศเด็กแล้วปรากฏว่าทั้งสองได้ลูกชาย สร้างความยินดีให้กับทุกคนในครอบครัวเป็นอย่างมาก ถึงแม้อายุครรภ์จะได้ 5 เดือน แต่กระนั้นเป็นท้องแรกของคุณแม่เลยดูยังไม่โตมากเท่าไรแค่เหมือนคนอ้วนลงพุง ทุกคืนเวทานนท์จะต้องมานอนเล่านิทานให้ลูกน้อยในท้องฟังก่อนนอนเสมอ ตามด้วยการไปเยี่ยมทักทายลูกชายในครรภ์ อายุครรภ์เลยช่วงการมีความเสี่ยงต่อการแท้งแล้ว ทำให้คนพ่อจอมหื่นเลยขยันไปเยี่ยมลูกน้อยเป็นพิเศษอ้างว่าลูกบอกเหงาอยากคุยกับแด็ดดี้ และแด็ดดี้ก็อยากต่อแขนต่อขาให้เบบี๋แข็งแรง วันนี้หลังอ่านนิทานเสร็จมีหรือคนหื่นจะพลาด จากตอนนี้ที่เวทานนท์นอนตะแคงซ้อนอยู่ด้านหลังคนร่างเพรียวที่ดูอวบขึ้นนิดหน่อยให้น้องน้อยนอนตะแคงหันหลังหนุนแขวนตัวเองฟังนิทานอยู่ พอนิทานจบคนเจ้าเล่ห์ก็วางหนังสือลงบนโต๊ะข้างเตียง พอชะโงกมาดูหน้าคนในอ้อมกอดพบว่าตอนนี้คุณแม่เริ่มตาปรือแล้ว ทำท่าจะหลับมิหลับแหล่ จะโดนลักหลับยังไม่รู้ตัวอีกเมียตู“ที่รักอย่าเพิ่งหลับซิ เบบี
พอมาถึงบ้านว่าที่คุณพ่อก็รีบแจ้งข่าวดีให้ทั้งฝั่งเจ้าสัวและคุณป๊าคุณม๊าของนวพรรษให้ทุกคนได้ทราบด้วยความตื่นเต้นและดีใจ แม้กระทั่งคนรับใช้ในบ้านต่างก็รับทราบและยินดีกันถ้วนหน้า ว่าที่คุณพ่อไม่ค่อยจะเห่อเลย คอยประคบประหงม ประครองเวลาคุณแม่จะเดินไปไหนมาไหนก็ไปด้วย ทำตัวติดร่างเพรียวตลอดเวลา“ค่อยๆ ลุก ค่อยๆ เดินครับเมีย มานั่งพักตรงนี้ก่อนมา ระหว่างรอทานข้าว ” นวพรรษแอบมองบนสามีขี้เห่อ ไม่ว่านวพรรษจะขยับตัวทางไปไหน ร่างสูงของสามีก็จะคอยเข้ามาประครองตลอด จนตอนนี้ตัวแทบจะสิงร่างเพรียวอยู่แล้ว “พี่เวย์ครับ นิวแค่ท้องไม่ได้เป็นง่อยหรือพิการนะครับ นิวเดินเองได้” พอโดนเมียห้ามคุณพ่อขี้เห่อก็ทำหน้าหงอยทันที นึกน้อยใจที่ภรรยาหน้าหวานมองไม่เห็นความหวังดีหรือคงรำคาญตัวเขา เวทานนท์เลยแทบจะปล่อยมือจากเอวบางทันที“พี่ขอโทษนะครับ ที่พี่เป็นห่วงหนูมากไปหน่อยจนทำให้หนูรำคาญ” พอได้เห็นสีหน้าและน้ำเสียงของสามีเลยทำให้นวพรรษรู้เลยว่าทำให้อีกคนน้อยใจเสียแล้ว ลำบากคุณแม่ต้องง้อแล้วสิ “ฟอดดดดด พี่เวย์ไม่งอนนะครับคนดีของเมีย นิวแค่กลัวพี่เวย์ลำบาก กลัวพี่เวย์เหนื่อย คอยทำโน่นทำนี่ให้นิวตลอดเวลา ตัวเล็กช่ว
โอ๊ก อ๊วก อ๊วก แว่ะเสียงในห้องน้ำตอนเช้าทำเอานวพรรษตื่นจากนิทรารมณ์แสนหวาน เมื่อคืนกว่าจะได้นอนผ่านศึกรักกับคุณสามีถึงค่อนคืนจึงค่อนข้างเพลีย ว่าแต่ตัวต้นเรื่องหายไปแสดงว่าเสียงในห้องน้ำเป็นเสียงของพี่เวย์แน่ๆ แล้วพี่เวย์เป็นอะไรล่ะ คิดได้ดังนั้นจึงลุกจากที่นอนไปหาคนที่อยู่ในห้องน้ำด้วยความเป็นห่วง“ก๊อก ก๊อก ก๊อก พี่เวย์ครับเป็นอะไรหรือเปล่า นิวเข้าไปนะ” พอเปิดประตูเข้าไม่รู้จะขำหรือจะสงสารดีที่เห็นท่านประธานบริษัทหมื่นล้านมานั่งกอดชักโครกอาเจียนจนหมดสภาพ“เป็นยังไงบ้าง ทำไมอยู่ๆ ก็อาเจียนล่ะครับ อาหารเป็นพิษหรือเปล่า” นวพรรษถามคนไม่สบายอย่างเป็นห่วงพร้อมกับคิดหาสาเหตุที่ทำให้คนที่สุขภาพดีมาตลอด ไม่สบายได้“เมียจ๋า ผัวไม่ไหวแล้ว เวียนหัว คลื่นไส้ อยากอ๊วก ฮือ ฮือ ” นวพรรษอึ้งเลยพอเห็นสามีพูดไปร้องไห้ไป อารมณ์ไหนของคุณเค้าเนี่ย สงสัยจะอาการหนัก “โอ๋ โอ๋ พี่เวย์มีแรงลุกไหม มาเดี๋ยวนิวช่วยพยุง เดี๋ยวเราไปหาหมอกันนะครับ” คนเป็นเมียเข้าไปพยุงคนป่วยให้ลุกขึ้นแล้วไปล้างหน้าบ้วนปากที่อ่างล้างหน้า “อาบน้ำไหวไหม ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวนิวอาบให้” คนตัวหนารีบส่ายหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาทันที อยากใ
ผ่านพ้นงานแต่งไปได้อาทิตย์กว่า สองสามีภรรยาก็กลับมาทำงานปกติในฐานะท่านประธานกับเลขาส่วนตัวเพราะตอนนี้โต๊ะทำงานเดิมของนวพรรษมีหญิงวัยกลางคนมาทำหน้าที่เลขามานั่งแทนที่ ส่วนที่นั่งใหม่สามีให้ย้ายมาอยู่ด้วยกันในห้องเดียวกัน มีหรือสามีของนวพรรษจะให้มานั่งเฉยๆ ตอนนี้คอยหาเศษหาเลยหาทางเอาเปรียบภรรยา ตอดเล็กตอดน้อยอยู่ตลอดเวลา พอให้ชื่นใจ “พี่เวย์ปล่อยนิวก่อน เดี๋ยวทำงานไม่ทันนะ วันนี้มีประชุมบอร์ดบริหารด้วย ปล่อยก่อนนะครับคุณสามี” เสียงออดอ้อนให้ท่านประธานจอมหื่นปล่อยตัวเองที่ตอนนี้โดนสามีจับให้มานั่งบนตักหลังเอากาแฟมาเสิร์ฟ โดนสามีจับมาจูบจับมาหอมแก้มจนไม่ได้ทำงาน ร่างเพรียวเริ่มเหนื่อยใจกับสามีที่งอแงบ่อยช่วงนี้ “ขอผัวหอมหน่อย เวียนหัวอ่ะตอนนี้ พอได้กลิ่นเมียแล้วมันสดชื่น มีแรงทำงานหาเงินเลี้ยงเมียขึ้นเยอะเลย ฟอดดดด ถ้าไม่อยากเสียเปรียบหอมพี่คืนได้นะ” “กริ้ง กริ้ง กริ้ง ” เสียงโทรศัพท์ติดต่อภายในจากเลขาหน้าห้องดังขึ้นขัดจังหวะสวีทหวานกับเมียทำเอาท่านประธานหัวเสียทันที “มีอะไรครับ คุณมาลีวรรณ” เวทานนท์ถามเลขาหน้าห้องเสียงเข้มปนหงุดหงิด“เอ่อ ขอประทานโทษค่ะท่านประธาน พอดีดิฉันจะแจ้งท่าน
จากวันที่ผู้ใหญ่คุยตกลงกันจนกระทั่งวันนี้ก็ผ่านไป 3 สัปดาห์ วันนี้เป็นฤกษ์ดีที่คุณม๊าไปหามาจากพระอาจารย์ที่นับถือ จึงได้เป็นวันหมั้นกับวันแต่งงานของเวทานนท์กับนวพรรษ เมื่อเช้าเพิ่งผ่านงานหมั้นมา ช่วงเย็นนี้เลยเป็นงานแต่งที่จัดขึ้นที่โรงแรมชื่อดังระดับ 6 ดาว ซึ่งเจ้าสัวเวทินเป็นเจ้าของ งานแต่งนี้ตั้งใจจัดเป็นการส่วนตัวภายในเชิญแต่เครือญาติ แต่คู่แต่งงานทั้งสองเป็นลูกคนดัง จึงเป็นงานที่สื่อมวนชลให้ความสนใจขออนุญาตเจ้าสัวเข้ามาเก็บรูปทำข่าว ซึ่งเจ้าสัวอนุญาตแค่ไม่กี่สำนักข่าวเท่านั้น กว่าจะเสร็จสิ้นงานพิธีการจนตอนนี้ถึงขั้นส่งตัวบ่าวสาวเข้าหอเล่นเอาทั้งคู่เหนื่อยเลย แต่ก็เป็นการเหนื่อยแบบอิ่มเอมใจ เจ้าบ่าวยืนยิ้มกริ่มตลอดงาน พอผู้หลักผู้ใหญ่เข้ามาอวยพรในห้องหอที่จัดไว้ที่ห้องพักพิเศษสมฐานะเจ้าของโรงแรมแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาส่วนตัวของทั้งคู่ เวทนนท์รีบเดินไปล็อคประตูทันทีแล้วกลับมาสวมกอดนวพรรษที่หันหลังกำลังเช็ดหน้าเพื่อที่จะอาบน้ำ “ฟอดดด ขอบคุณนะครับ ที่ไว้ใจพี่ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพี่ รักนะครับ” นวพรรษหันกลับมาหาอีกคนพร้อมสวมกอดตอบและหอมแก้มคนพี่“ขอบคุณพี่เวย์เช่นกันนะครับ ที่ให