ช่วงเวลาตลอดทั้งบ่ายเพลินตายังคงต้องทำงานที่ที่ค้างเอาไว้อยู่ในแผนกต่อโดยการไหว้วานนิธิพลและพี่ๆ คนอื่นที่ต้องรีบไปเข้าประชุมภาคบ่าย จนกระทั่งได้เวลาเลิกงาน กระเป๋าสะพายใบโปรดก็ถูกรีบคว้าขึ้นมาบนบ่าและตัวเธอเองก็กะว่าจะรีบจ้ำอ้าวออกจากบริษัทไปก่อนที่ใครจะมาเห็น
แบบนี้ไม่ได้เรียกว่าโดดงาน ก็ในเมื่ออยู่จนถึงเวลาเลิกงานแล้ว เธอจะรีบออกเร็วหรือช้าก็เป็นสิทธิ์ของเธออยู่ดี กะว่าอยากจะรีบไปเดินผักผ่อนหย่อนกายเสียหน่อย เอาเป็นห้างขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในบริเวณทางผ่านตอนจะกลับคอนโดมิเนียมนี่ก็แล้วกันสะดวกดี กะว่าแวะหาอะไรทาน เดินเลือกซื้อของ แล้วก็จะกลับ จนกระทั่งตอนที่เธอเปิดประตูลิฟท์ออกมาแล้วเจอเข้ากับผู้ชายคนนี้ หนึ่งในลูกหลานของตระกูลทรัพย์ณรงค์กุล
"เลิกงานแล้ว เพลินช่วยไปดูหนังกินข้าวเย็นเป็นเพื่อนหน่อยครับ"
"พี่ปรานต์"
เพลินตายิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนตรงหน้าคือใคร ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาฝึกงานที่นี่เรียกว่าแทบจะนับครั้งได้ที่เธอเจอเขา หนึ่งในผู้บริหารหนุ่มของ SNG ดีกรีความหล่อสูสีกับปฏิธานก็จริง แต่ปรานต์ออกจะดูเป็นผู้ชายอบอุ่นมากกว่า
"ไปยังไงมายังไงคะ ถึงได้มาดักรอเพลินอยู่ที่ลิฟท์หน้าบริษัทแบบนี้"
เพลินตาแกล้งแซว แต่จริงๆ ก็พอจะเดาได้นั่นแหละว่าปรานต์คงน่าจะตั้งใจมาดักรอเธอจริงๆ
"ถ้าไม่มาดักรอ เกรงว่าจนถึงวันที่คุณหนูเพลินตาฝึกงานเสร็จแล้ว พี่ก็ยังหาโอกาสเจอเพลินไม่ได้น่ะสิ"
"แหม ก็ใครใช้ให้พี่ปรานต์งานเยอะล่ะคะ ควรจะแบ่งเวลาให้กับสาวๆ บ้าง"
"ทำไงได้ก็พี่มันลูกน้องเขานี่นะ"
"ดูพูดเข้า ฟังดูเสียน่าสงสารเลยค่ะ"
"งั้นวันนี้เพลินช่วยไปดูหนังกับกินข้าวเย็นเป็นเพื่อนพี่หน่อยจะได้ไหม เพลินมีธุระอะไรต้องไปทำต่อหรือเปล่า"
"อืม..ก็ไม่มีนะคะ พอดีว่าเพลินเองก็กำลังมองหาเจ้ามือเลี้ยงข้าวอยู่พอดีเลย แหมโชคดีจัง"
ปรานต์หัวเราะขำ ขณะที่เพลินตาทำหน้าอายๆ สองคนเดินคุยหัวเราะกันไปยังลานจอดรถสำหรับผู้บริหาร โดยปรานต์เสนอให้ว่าเธอจอดรถของเธอเอาไว้ตรงนี้ แล้วเขาจะทำหน้าที่เป็นสารถีขับคันของเขาพาเธอไปเอง แต่พอเดินเข้าไปถึงจุดที่รถของปรานต์จอดเอาไว้ สายตาก็เหลือบไปเห็นว่ารถคันที่จอดอยู่ข้างกันซึ่งมันคือรถของปฏิธาน ทีแรกก็กะว่าจะทำเป็นไม่สนใจ แต่ดันมีน้ำเสียงที่ดังมาจากด้านหลังดึงรั้งความสนใจของเธอให้หันกลับมาอีกจนได้
"จะพากันไปไหนเหรอ เจ้าปรานต์"
ปรานต์ที่ทำท่าเปิดประตูรถให้เธอค้างไว้หันกลับไปตอบญาติผู้พี่ ในขณะที่เพลินตาไม่อยากจะให้ปรานต์บอกปฏิธานไปเลยสักนิดว่าเธอและปรานต์นั้นกำลังจะพากันไปที่ไหน แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
"กำลังจะไปทานข้าวแล้วก็ว่าจะดูหนังกันครับ"
"งั้นเหรอ พอดีเลย เพราะว่าฉันกับชมพูก็กำลังจะไปดูหนังเหมือนกัน งั้นเราก็ไปพร้อมกันเลยสิ"
'ไม่นะพี่ปรานต์ เพลินไม่อยากไปพร้อมกับพี่เต็ม'
เพลินตารีบปฏิเสธในใจทันทีว่าเธอไม่อยากจะไปพร้อมกับปฏิธาน และดูเหมือนว่าปรานต์เองก็น่าจะพอเดาใจเธอได้เมื่อเธอหันมาขยิบตาใส่ จึงได้รีบปฏิเสธฝ่ายนั้นไปทันทีเหมือนกัน
"ไม่รบกวนดีกว่ามั้งครับ เพราะดูท่าว่าพี่เต็มกับคุณชมพูคงน่าจะต้องการความเป็นส่วนตัวเหมือนกัน"
ปฏิธานหันกลับไปมองหน้านางแบบข้างกายหนึ่งที หากแต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากถามความคิดเห็นจากฝ่ายนั้น แค่นี้เพลินตาที่ยืนดูอยู่เงียบๆก็สามารถฟันธงได้อย่างง่ายดายเลยว่านางแบบคนนั้นคงไม่กล้าที่จะมีปากมีเสียงอะไร แถมปฏิธานยังคงพยายามดันทุรังจะให้เธอกับปรานต์ไปด้วยกันให้ได้อีก
"ไม่หรอก เรามันก็คนในครอบครัวเดียวกันแท้ๆ ฉันว่าไปด้วยกันหลายคนนี่แหละสนุกดี เร็วเข้าเถอะ ขืนช้าเดี๋ยวก็รถติด"
จากนั้นปฏิธานก็ดึงมือสาวข้างกายให้เดินตามตัวเองขึ้นรถไป ก่อนจะเป็นคนขับนำออกไปแบบที่ทั้งเธอและปรานต์ยังไม่ทันได้ตอบตกลงด้วยเสียหน่อย พออยากจะหาทางปฏิเสธ อีกฝ่ายก็ดันปิดประตูรถเข้าไปนั่งจนเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะขับออกไปทันที
ทั้งซุปเปอร์คาร์และรถยนต์สัญชาติยุโรปราคาแพงลิบลิ่วของสองผู้บริหารหนุ่มพากันขับเข้ามาจอดยังจุดที่เป็นจุดจอดรถสำหรับลูกค้าวีวีไอพี จากนั้นทั้งสี่คนก็พากันเดินเข้าไปภายในตัวห้าง ก่อนจะตรงไปยังชั้นที่เป็นที่ตั้งของโรงภาพยนต์
แน่นอนว่าทั้งหมดปฏิธานเป็นคนจัดการเอง พอซื้อตั๋วเสร็จก็เลือกหนังเรื่องที่เพลินตาเป็นคนเสนอความคิดเห็นว่าอยากจะดู ส่วนนางแบบสาวก็เอาแต่บอกว่า ตามใจผู้ชาย จนเพลินตาฟังแล้วก็ได้แต่ทั้งสงสารทั้งขำอยู่ในใจที่ผู้หญิงคนนี้ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากออกความคิดเห็นที่เป็นของตัวเอง หรือไม่นางแบบก็คงจะนึกสินะ ว่าท่าทีอ่อนหวานแบบที่ต้องการการทะนุถนอมแบบนี้นั้นมันดูน่ารัก แต่สำหรับเธอกลับมองว่ามันช่างดูน่ารำคาญและไม่มีเสน่ห์เอาเสียเลย สงสารก็แต่กันตธีร์ที่ต้องมานั่งเสียใจเพราะผู้หญิงแบบนี้
หลังจากยืนรอซื้อเครื่องดื่ม และนั่งเล่นรออีกสิบนาทีกว่าที่จะเดินเข้าไปในโรงหนัง ระหว่างนั้นขณะเวลาที่เธอและปรานต์พูดคุยอะไรกัน สายตาของปฏิธานยังคงมองมาที่เธอเป็นระยะจนเพลินตารู้สึกได้ ทั้งๆที่ตัวเองก็มากับผู้หญิงที่ตัวเองควงมาแท้ๆ ยังจะเอาแต่เหล่มองมาที่เธออยู่อีก ด้วยความหมั่นไส้ จึงได้ทำหน้ากวนประสาทแล้วยักคิ้วขึ้นเป็นเชิงตั้งคำถามว่าปฏิธานมีปัญหาอะไรกับเธอหรือเปล่า ถึงได้เอาแต่มองมาไม่หยุดแบบนี้
"เพลินมีอะไรงั้นเหรอ เห็นยืนยักคิ้วให้พี่ หรือว่าคิ้วเพลินเป็นอะไรถึงได้กระตุก"
อีตาบ้า! เธออุตส่าห์ทำตอนเวลาที่ปรานต์และนางแบบคนที่ยืนข้างตัวเขาเผลอแล้วแท้ๆ ดูเอาเถอะว่าปฏิธานยังจะกล้าทักขึ้นมาโต้งๆ จนทำเอาเธอหน้าเหวอ เพราะทันทีที่ปฏิธานพูดจบ ทั้งปรานต์และนางแบบสาวต่างก็พากันหันมองมายังเธอ มิหนำซ้ำนางแบบคนนั้นก็ยังมองมาด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความหึงหวงและต้องการแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของปฏิธานอย่างเห็นได้ชัด ดูจากที่นางพยายามยกมือขึ้นไปควงไว้ที่แขนของฝ่ายชาย แล้วจิกสายตามองมาทางเธอแบบเชิดๆนั่นสิ ว่าแล้วก็ได้แต่บ่นคนเดียวในใจ
'ใครเขาอยากจะได้ผู้ชายคนนี้ของเธอกันแม่คู้ณ!'
"เอ๊ะ เปล่านี่คะ คิ้วเพลินเป็นแบบนั้นจริงๆเหรอคะ ไม่น่าจะใช่มั้ง เพลินว่าพี่เต็มคงจะตาฝาด"
"งั้นเหรอ เป็นพี่ตาฝาดหรือว่าเป็นเพลินที่ความจำสั้นกันแน่นะ ขนาดว่าพึ่งยักคิ้วให้พี่ แถมยังกัดปากตัวเองเสียจนเป็นรอยเด่นชัดซะขนาดนั้น แต่ดันกลับจำสิ่งที่พึ่งจะทำลงไปไม่ได้ ไม่รู้ว่าความจำสั้นแบบนี้ ยังจะมีเรื่องอื่นอีกหรือเปล่าที่เพลินทำไปแล้ว..แต่ว่าก็ทำเป็นลืม"
เธอรู้ว่าเขาตั้งใจเหน็บเธอ และรู้แน่นอนว่าสิ่งที่ปฏิธานทำเป็นเอ่ยถึงนั้นอีกฝ่ายกำลังหมายถึงเรื่องอะไร ถึงแม้ว่าปรานต์และนางแบบสาวข้างกายปฏิธานจะไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งที่เธอพยายามปกปิดเอาไว้เลยแม้แต่น้อย หากแต่อาการร้อนรนจนเป็นวัวสันหลังหวะ กลัวว่าความจริงที่ซ่อนเอาไว้นั้นจะถูกเปิดเผยขึ้นมา ทำเอาเพลินตาลืมตัวจนต้องแอบกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ
"พี่เต็มไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ สมองเพลินยังดีอยู่ ถ้ามันมีเรื่องอะไรที่เพลินจะจำไม่ได้ เพลินว่าเรื่องนั้นมันคงจะไม่น่าจำมากกว่า เพลินถึงได้ไม่อยากจำมัน"
พูดจบเพลินตาก็ทำเป็นยิ้มเก๋ ก่อนจะหันไปถามปรานต์ว่าถึงเวลาที่ต้องเดินเข้าไปข้างในได้หรือยัง พอปรานต์พยักหน้าเป็นสัญญาณว่าได้แล้วก็ไม่รอช้า เธอรีบดึงมือของอีกฝ่ายให้รีบเดินตามไป ปล่อยให้ใครบางคนได้แต่แอบหมั่นเขี้ยวเธออยู่ในใจ ก่อนจะเดินตามเธอไปโดยไม่ได้สนใจว่านางแบบสาวจะตามมาด้วยกันไหม
"คุณเต็มรอชมพูด้วยสิคะ"
ไม่รู้ว่าความมืดบอดอะไรในใจที่ทำให้เธอว่าง่ายยอมปล่อยให้เขาจูงมือขึ้นมาส่งถึงบนห้อง ระหว่างทางหัวใจเธอเต้นรุนแรงไม่เป็นจังหวะ มือเล็กยอมถูกเขาจับจูงไว้ในฝ่ามือใหญ่ หรือสิ่งที่เธอควรทำคือยอมรับดีลข้อเสนอของเขาดี เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องไปมีคนอื่นให้เสื่อมเสียมาถึงพี่สาวอย่างนั้นหรือเปล่า สู้เธอยอมรับดีลข้อเสนอของเขา ปฏิธานจะได้ไม่ต้องไปทำแบบนี้กับใครเธอไม่อยากให้เขาไปทำแบบนี้กับคนอื่นอีก...อยู่ๆความคิดแปลกๆก็ฉายวับเข้ามาในหัว อาการหวงแหนเนื้อตัวของคนตัวใหญ่แบบที่ไม่เคยเป็นทำไมถึงได้เกิดขึ้น ในขณะที่ลิฟท์กำลังเคลื่อนตัวพาเธอและเขาขึ้นไปยังชั้นที่เป็นจุดหมาย เพลินตาก็แอบเงยหน้าขึ้นมามองด้านข้างของอีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะหันมากลับมามอง เธอ ยิ้มให้และมอบรสจูบแสนหวานให้เธออีกครา แทบจะทันที ยามที่บานประตูหน้าห้องของเพลินตาเปิดออกและปิดลงจนมีเสียงกดล็อกดังคลิ๊ก ร่างของเพลินตาก็ถูกปฏิธานประชิดเข้าจู่โจม เขามอบทั้งกอดและจูบ สองแขนงามถูกเขาจับพาดขึ้นเอามาไว้บนบ่า ก่อนจะผลักดันให้เธอนั้นเดินถอยหลังไปจนกระทั่งสองร่างพากันล้มลงไปบนโซฟาเบดตัวยาวกลางห้อง "พี่เต็ม คือว่าเพลิน...""ชู่ว! ไม่ดื้อนะครับเด็
เพลินตาหน้าบูดหลังจากที่ขึ้นมานั่งบนรถจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ระหว่างนั้นทั้งเธอและเขาต่างก็พากันเงียบไปเลยทั้งคู่ ระหว่างทางก็ไม่มีใครพูดอะไรอีกเลย ราวกับว่าต่างตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง สำหรับปฏิธานเธอไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเขากำลังคิดเรื่องอะไร แต่สำหรับเธอแน่นอนว่ามันคือเรื่องที่ปฏิธานไม่อนุญาตให้เธอไปไหนมาไหนกับกันตธีร์ ซึ่งเป็นความต้องการที่ไร้เหตุผลมากและเธอจะไม่ยอมเชื่อเขาโดยเด็ดขาด ปฏิธานเอาสิทธิ์อะไรมาห้าม จนกระทั่งเขาพาเธอกลับมาส่งถึงหน้าคอนโดมิเนียม"ขอบคุณนะคะที่มาส่ง"เพลินตายกมือขึ้นไหว้ หากแต่สีหน้ายังออกไปทางบูดบึ้งตามเดิม ในเมื่อเขาไม่พูด โอเคเธอก็จะไม่ขอพูดเหมือนกัน แต่ดันมีเสี้ยวจังหวะหนึ่งก่อนที่จะหันไปเปิดประตูรถที่อยากจะหันไปมองหน้าเขา ปฏิธานมีสีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่ได้ยินดียินร้ายกับคำบอกกล่าวสวัสดีของเธอ พอเห็นดังนั้นต่อมความน้อยใจก็ดูเหมือนว่าจะเริ่มทำงาน เลยได้แต่ต่อว่าในใจไปว่าคนอะไรช่างไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก หากแต่เธอก็ทำได้เพียงแค่สะบัดหน้าใส่ ก่อนจะหันกลับมาจับที่ดึงเพื่อเปิดประตู แต่ก็พบว่ามันยังคงถูกล็อก"เปิดประตูด้วยค่ะ เพลินจะลง""เพลินชอบมันเหรอ"
"อยากกินอะไร"พอเธอรัดเข็มขัดเรียบร้อย ปฏิธานก็หันมาถาม อารมณ์ขุ่นเคืองจากการที่ถูกเขาบังคับแน่นอนว่ายังคุกรุ่นอยู่มากพอที่จะทำให้เธอเลือกที่จะนิ่งเฉยไม่ตอบ แต่พอคิดได้ว่าถ้าหากไม่ตอบ ก็กลัวว่าปฏิธานจะพาเธอไปที่อื่นหรือทำอะไรที่เธอไม่ชอบขึ้นมาอีก อาจเป็นเพราะว่าเห็นเธอเด็กกว่าเขาหลายปี แถมเขายังมีตำแหน่งสถานะเป็นเจ้านายด้วยล่ะมั้ง ปฏิธานถึงได้ชอบใช้อำนาจที่มีอยู่ในมือคอยบังคับเธออยู่เรื่อย"ไม่อยากค่ะ เพลินอยากรีบกลับคอนโดมากกว่า"และมันก็ไม่ได้ผิดคาดมากนัก เมื่อขับออกมาจากคอนโดมิเนียมของนางแบบสาวได้สักพัก รถซุปเปอร์คาร์คันแพงกลับพาเธอและเขามาหยุดเรียบลงที่ริมทางเดินข้างถนนเส้นหนึ่งที่มองตรงไปจะเห็นว่ามีรถขายบะหมี่หมูแดงจอดอยู่ บริเวณด้านข้างมีชุดโต๊ะเก้าอี้วางไว้ตั้งอยู่เรียงรายเป็นทางยาว "พี่หิว วันนี้มีประชุมมาเกือบทั้งวันยังไม่ได้กินอะไรเลย หวังว่าเพลินคงไม่ได้จะรีบกลับอะไรขนาดนั้นใช่ไหม"ยังเลย เธอยังไม่ทันได้ตอบ คนที่ทำมาเป็นถามเธอก็เปิดประตูรถเดินลงไปก่อนแล้วโดยไม่ได้สนใจฟังคำตอบเธอเลยสักนิด ทันทีที่ประตูรถเปิดออกและปิดลง กลิ่นน้ำซุปบะหมี่หอมๆก็โชยเข้ามาปะทะจมูกเต็มๆจนกระเพาะอ
พอเข้ามาถึงข้างในโรงหนัง ปรานต์ก็เป็นคนเดินเข้าไปในแถวก่อนแล้วค่อยให้เธอเดินตามเข้าไปทีหลัง เพราะต่อจากนั้นตามหลังเธอก็คงจะเป็นนางแบบสาวที่ต้องนั่งตรงกลาง แล้วค่อยเป็นปฏิธานที่จะต้องนั่งปิดท้าย เพลินตาคิดแบบนั้น ซึ่งดีแล้วแหละ เอาเป็นว่านาทีนี้นั่งใกล้นางแบบก็คงดีกว่าอยู่ใกล้ปฏิธาน ผู้ชายคนที่เพลินตาอยากจะขออยู่ให้ห่างให้ได้มากที่สุดแต่..ผิดคาด พอเพลินตาหันมา ที่นั่งด้านข้างของเธอทางขวามือกลับเป็นผู้ชายตัวโตที่ชื่อว่าปฏิธานนั่งปักหลักอยู่ ส่วนนางแบบกลับนั่งถัดอยู่ทางขวามือเขาไปอีกที ด้วยความตกใจจึงได้อดที่จะมองไปด้วยสายตาตำหนิ ไม่ได้ ผู้ชายอะไรไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลยแทนที่ว่าเขาจะให้นางแบบสาวนั่งตรงกลางคู่กันกับเธอ กระทั่งหนังเริ่มฉาย ทุกคนจึงได้ตกอยู่ในภวังค์ส่วนตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลินตาที่ตอนนี้ลืมไปแล้วว่ามีคนจอมกวนประสาทนั่งติดตัวเธออยู่ข้างกาย แต่พอหนังเริ่มฉายไปได้ไม่นานเท่าไหร่ เสียงกรี๊ดวี้ดๆของนางแบบคนนั้นก็แอบดังขึ้นมาจนน่ารำคาญ หนังแนวภจญภัยในป่าเผื่อล่าหาสมบัติ ซึ่งมันไม่ได้มีความน่ากลัวเลยสักนิด ก็ไม่รู้ว่าแม่นางแบบนั่นจะทำเป็นแอบร้องวี้ดว้ายให้น่ารำคาญอะไ
ช่วงเวลาตลอดทั้งบ่ายเพลินตายังคงต้องทำงานที่ที่ค้างเอาไว้อยู่ในแผนกต่อโดยการไหว้วานนิธิพลและพี่ๆ คนอื่นที่ต้องรีบไปเข้าประชุมภาคบ่าย จนกระทั่งได้เวลาเลิกงาน กระเป๋าสะพายใบโปรดก็ถูกรีบคว้าขึ้นมาบนบ่าและตัวเธอเองก็กะว่าจะรีบจ้ำอ้าวออกจากบริษัทไปก่อนที่ใครจะมาเห็นแบบนี้ไม่ได้เรียกว่าโดดงาน ก็ในเมื่ออยู่จนถึงเวลาเลิกงานแล้ว เธอจะรีบออกเร็วหรือช้าก็เป็นสิทธิ์ของเธออยู่ดี กะว่าอยากจะรีบไปเดินผักผ่อนหย่อนกายเสียหน่อย เอาเป็นห้างขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในบริเวณทางผ่านตอนจะกลับคอนโดมิเนียมนี่ก็แล้วกันสะดวกดี กะว่าแวะหาอะไรทาน เดินเลือกซื้อของ แล้วก็จะกลับ จนกระทั่งตอนที่เธอเปิดประตูลิฟท์ออกมาแล้วเจอเข้ากับผู้ชายคนนี้ หนึ่งในลูกหลานของตระกูลทรัพย์ณรงค์กุล"เลิกงานแล้ว เพลินช่วยไปดูหนังกินข้าวเย็นเป็นเพื่อนหน่อยครับ""พี่ปรานต์"เพลินตายิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนตรงหน้าคือใคร ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาฝึกงานที่นี่เรียกว่าแทบจะนับครั้งได้ที่เธอเจอเขา หนึ่งในผู้บริหารหนุ่มของ SNG ดีกรีความหล่อสูสีกับปฏิธานก็จริง แต่ปรานต์ออกจะดูเป็นผู้ชายอบอุ่นมากกว่า"ไปยังไงมายังไงคะ ถึงได้มาดักรอเพลินอยู่ที่ลิฟท์หน้าบริ
เพลินตาเดินกลับออกมาด้วยความรู้สึกที่แสนจะหลากหลาย สมองอื้ออึงและมึนตึงไปพร้อมๆ กันเมื่อคำพูดของปฏิธานเอาแต่รบกวนระบบประสาทของเธออยู่เรื่อย ปฏิธานจะให้เธอยอมไปเป็นผู้หญิงลับๆ ของเขาจนกว่าพี่สาวของเธอจะกลับมา เธอขอสัญญากับตัวเองไว้ตรงนี้เลยว่ายังไงเสียก็จะไม่มีทางยอมให้มันเกิดขึ้นอีกเด็ดขาด ผู้ชายคนนั้นจะไม่มีทางได้ในสิ่งที่เขาอยากได้ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนดีเลิศเลอ แต่เธอก็จะไม่ยอมต่ำตมจนต้องยอมทำอะไรผิดพลาดอีก"อ้าวเพลินกลับมาแล้วเหรอ เห็นคุณต้นอ้อแจ้งมาว่าให้เพลินช่วยไปถ่ายเอกสารให้ที่ข้างบนมาเพราะว่าเตรียมเอาไว้ใช้ในห้องประชุมบ่ายนี้ไม่ทัน เป็นไง เสร็จเรียบร้อยดีแล้วใช่ไหมจ๊ะ"หลังจากเดินกลับมาถึงยังชั้นที่ตัวเองทำงานอยู่เพลินตาก็เดินเข้าแผนกมาแบบเครียดๆ ในหัวตอนนี้ไหนจะมีเรื่องที่ปฏิธานพึ่งจะพูดกับเธอมา ไหนจะเป็นเรื่องที่ว่าตอนนี้พี่ๆ ในแผนกต่างมากันครบหมดแล้วอีก แล้วเธอควรต้องแก้ตัวว่าอะไร จนกระทั่งเดินเข้ามาเจอกับหัวหน้าแผนกอย่างคุณนิธิพล ที่แจ้งเหตุผลทันทีที่เห็นหน้าเธอว่าคุณต้นอ้อนั้นโทรมาบอกเหตุผลที่เรียกตัวเธอไปใช้งานเรียบร้อยแล้วเพลินตาอ้าปากแบบงงๆ คุณต้นอ้อคือใครแน่นอนว่า