ตอนที่สี่
เกี้ยวพา
“ความจริงแผลนี้พี่ไม่ควรโดน แต่ด้วยรองแม่ทัพซุนจิวฝูกำลังพลาดพลั้ง พี่จึงขับม้าเข้าไปช่วยเป็นเหตุให้ไม่อาจป้องกันด้านหลังได้”
“หากข้าอยู่ด้วย จะแทงพวกมันให้กระเด็นตกม้าให้หมดทีเดียว” หญิงสาวยกมือขึ้นทำท่าฟันอย่างขึงขังเรียกเสียงหัวเราะดังจากแม่ทัพหนุ่มจนคนรับใช้ต่างแปลกใจ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า แขนเจ้าเล็กเพียงนี้ เพียงจับดาบก็ไม่ไหวแล้ว ยังจะฟันข้าศึกได้อย่างไร มีมี่น้อยเอ๋ย”
“อย่าได้ดูถูกข้าเชียว ข้าแอบขโมยดาบของท่านพ่อมาฝึกเล่นอยู่บ่อยๆ” เจียงลี่มี่ทำท่ากระซิบความลับเรียกเสียงหัวเราะอีกครา
“เจ้านี่นา ช่างซุกซนยิ่งนัก โตป่านนี้แล้วยังจะเล่นเป็นเด็กน้อยอยู่อีก เจียงฮูหยินไม่จับเจ้ามาขัดเกลาบ่มเพาะความเป็นสตรีในห้องหอเพื่อเตรียมตัวออกเ
ตอนที่สิบสี่ เที่ยวเล่น แม่ทัพเซี่ยได้ฟังถึงกับยืนสีหน้าถมึงทึงไม่สบอารมณ์ ทั้งไม่ชอบใจในความสนิทสนมอันเกินพอดีของสองหนุ่มสาวเพิ่งพบหน้ากัน เหตุใดคุณหนูลี่มี่จึงปล่อยเนื้อปล่อยตัวเช่นนี้ ไม่คาดว่าขณะที่เจียงลี่มี่กำลังเข้าไปลองชุดที่ห้องด้านในกลับมีเสียงต่อสู้ดังออกมาจนเซี่ยจิ้นกว่างต้องรีบพุ่งร่างเข้าไปทันที่ที่เห็นหญิงสาวร่างบางกำลังหมุนซ้ายป่ายขวาเพื่อหลบหลีกจากคมดาบซึ่งฟาดฟันลงมา แม่ทัพหนุ่มรีบชักดาบออกถลาเข้าป้องกันพลางดึงร่างน้อยให้มาหลบที่ด้านหลัง“มีมี่ เจ้าไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่”“ไม่เป็นไร” เสียงของหญิงสาวยังหอบสั่นด้วยใช้พลังไปกับการกระโจนหนีเซี่ยจิ้นกว่างฟันดาบเข้าใส่ผู้บุกรุกก่อนจะส่งสัญญาณเรียกทหารให้เข้ามาคุ้มครองและช่วยเหลือแต่ทหารยังไม่ทันขึ้นมาถึง แม่ทัพหนุ่มซึ่งมัวห่วงหน้าพะวงหลังกลับพลั้งเผลอเป็นจังหวะให้คนร้ายฉวยโอกาสลอบแทงข้างหลังเจียงลี่มี่ซึ่งยืนหลบมุมอยู่ไม่มีเวลาคิดมากได้แต่พุ่งตัวหยิบดาบเข้ารับจนมือสั่นแล้วฟันกลับไปจนคนร้ายต้องถอยหนี
ตอนที่สิบสาม องค์ชายต่างแคว้น ตงหยางห่าวเอ่ยชวนราวเป็นเรื่องธรรมดา“ดี พวกเราไปกัน” เจียงลี่มี่รีบรับคำโดยไม่แยแสสายตาไม่พอใจของเซี่ยจิ้นกว่าง“ยามนี้ยังอยู่ในอันตราย ข้าบังอาจขอเตือนท่านชายว่าอยู่แต่ในจวนจะดีกว่า” แม่ทัพหนุ่มหันไปเอ่ยเสียงเข้มกับตงหยางห่าว“จะเป็นไรไปเล่า เจ้าก็จัดทหารไปคุ้มกันให้มากหน่อย ให้องค์ชายสามได้เห็นว่ากับตาว่าข้าอยู่กับพวกเจ้าแล้ว เขาจะได้ไม่กล้าผลีผลาม”หลังจากนั้นตงหยางห่าวก็เอาแต่ชวนหญิงสาวพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน เจียงลี่มี่ยิ้มแย้มเจรจากับท่านชายจากแคว้นหลิวราวสนิทสนมกันมาเนิ่นนานทั้งสองหนุ่มสาวคีบกับข้าวให้กันเจ้าคำ ข้าคำ ราวไม่เห็นเซี่ยจิ้นกว่างอยู่ในสายตา“เส้นหมี่นี่ลวกจนนิ่มกำลังดี ท่านชายลองชิมดูสิเจ้าคะ”“อืม...นิ่มดี ไม่แข็งเกินไป”“ผัดผักนี่ก็รสชาติไม่เลว แม่นางเจียงลองชิมดู”“อืม...ไม่เค็มไม่หวาน กำลังอร่อย”แม่ทัพหนุ่มหน้าดำคล้ำด้วยไม่พอใจที่หญิงสาวไม่ใส่ใจจ
ตอนที่สิบสอง ข้าบอกแล้วว่าข้าเก่งเซี่ยจิ้นกว่างเรียกประชุมทหารชั้นผู้นำเพื่อบอกเล่าเหตุการณ์ ขณะกำลังตัดสินใจจะส่งกองกำลังไปบุกทะลวงบ้านหลังนั้นเพื่อช่วยทหารและจับคนทั้งหมดออกมา ทหารผู้นั้นก็ถูกส่งตัวกลับมาเสียก่อน“เจ้ากลับมาได้อย่างไร”“พวกเขาปล่อยออกมาขอรับ คนที่เป็นหัวหน้าฝากข้อความมาบอกว่า เขามาดี ไม่ได้มาร้าย และอยากเจรจากับท่านแม่ทัพขอรับ”“เจรจาหรือ มีอันใดให้เจรจา” ซุนจิวฝูข้องใจ“พวกเขาบอกว่าข้ามมาจากแคว้นหลิว แต่ไม่ได้เพื่อซ่องสุมกองกำลัง เพียงมากบดานเงียบๆ หากอยากรู้เหตุผลแน่ชัด ขอนัดท่านแม่ทัพเซี่ยให้ไปพบกันที่ชายป่าในยามเว่ยขอรับ”เมื่อครบถ้วนกระบวนความ ทหารที่โดนส่งตัวกลับมาจึงถูกสั่งให้ไปพัก ขณะที่เหล่าผู้นำยังคงปรึกษาหารือกันอย่างเคร่งเครียด“จะเป็นแผนลวงท่านแม่ทัพไปทำร้ายหรือไม่”“พวกเขามีเพียงไม่กี่คน คงไม่หาญกล้าเพียงนั้น”“ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นคนของแคว้นข้าศึก ไม่อาจไว้วางใจได้&rd
ตอนที่สิบสอง ข้าบอกแล้วว่าข้าเก่งเจียงลี่มี่ใช้ความคล่องแคล่วลอบเข้าไปเฝ้ามองอยู่หลายครา จนแน่ใจว่าเป็นคนจากแคว้นข้างเคียงแน่มิคาดว่าคืนนี้พวกเขากลับจับทหารหาข่าวซึ่งเป็นคนของแม่ทัพเซี่ยได้คนหนึ่งหญิงสาวก้มตัวต่ำลอบเข้าไปใกล้มากขึ้นจนเห็นว่าพวกเขาเพียงซักถามไล่หาความแต่ไม่ได้มีเจตนาทำร้ายทหารผู้นั้นปล่อยเอาไว้เช่นนี้ก็แล้วกัน นางไม่บุกเข้าไปช่วยสุ่มสี่สุ่มห้าแน่ เจียงลี่มี่ตัดสินใจพาตัวเองกลับออกมาก่อน แล้วลอบเข้าไปที่ป้อมปราการส่วนชายแดนจนได้เห็นทหารผู้หนึ่งวิ่งอย่างเร็วเข้าไปที่ห้องด้านใน“รายงานท่านแม่ทัพเซี่ย ทหารลาดตระเวนสืบข่าวของเราหายไปคนหนึ่งขอรับ พวกเรารอที่จุดนัดพบอยู่กว่าชั่วยามแต่ไม่มีวี่แวว จะให้พวกเราออกค้นหาดีหรือไม่ขอรับ” เสียงขึงขังดังออกมาก่อนจะได้ยินเสียงของเซี่ยจิ้นกว่างซักไซ้“หายไปตรงช่วงใด”“แถวแนวป่าติดเชิงเขาขอรับ”“หากค้นหาอื้ออึงเกินไปจะทำให้คนในที่ลับรู้ตัวหรือไม่ว่าพวกเราส่งคนออกสืบข่าว” รองแม่ทัพซุนเสนอความเห็น“ทุกวันนี้ก็รู้ตั
ตอนที่สิบเอ็ด ไม่จริง“ข้ายังมีฝีมือมากกว่านั้นอีก หากพูดมากไปจะหาว่าคุยโม้โอ้อวด”“เอาเถอะ มีฝีมืออย่างไรก็เจ็บตัวได้ ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นเพียงหญิงสาวบอบบาง” เซี่ยจิ้นกว่างปรายตามองข้อเท้าที่บวมเป่งจนเจียงลี่มี่ได้แต่ค้อนขวับนางเจตนาเรียกร้องความสนใจจากเขาต่างหาก ชิ ช่างไม่รู้อันใดบ้างเลย “อีกไม่กี่วันก็จะถึงจวนที่เมืองชายแดนแล้ว เจ้าคงได้พักผ่อนอย่างสบายขึ้นบ้าง พี่ส่งจดหมายไปแจ้งท่านราชครูตั้งแต่วันก่อน หากท่านส่งจดหมายกลับมาจะรีบบอกต่อเจ้า” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง“หากท่านพ่อให้ข้ารีบกลับไป พี่จิ้นจะเร่งส่งข้ากลับเลยหรือไม่” เจียงลี่มี่แสร้งถามขึ้น“คงต้องเป็นเช่นนั้น เจ้าเป็นสาวเป็นนาง ไม่ควรออกมาเร่ร่อนอยู่ท่ามกลางภัยอันตรายและชายหนุ่มมากหน้าหลายตา”“ข้าเพียงอยากทำตามใจตนเองสักครั้ง” หญิงสาวตัดสินใจเกริ่นนำ“เพียงครั้งเดียวก็ควรพอได้แล้ว” คำตอบที่ออกมากลับไม
ตอนที่สิบ กุนซือน้อยหรือ“ข้าเพียงอยากถามว่าพี่จิ้นไม่พอใจเรื่องใดหรือจึงต้องเดินหนีหน้า ด้วยมัวมองหาแต่ร่างพี่จึงไม่ทันได้มองทางเผลอสะดุดกิ่งไม้เข้าจนได้ เจ้ากิ่งไม้บ้านี่ เหตุใดไม่หลบข้าเล่า” เจียงลี่มี่หันไปฟาดมือตีกิ่งไม้บนพื้นจนมือแดงเถือก“เจ้าจะตีให้มือตนเองเจ็บไปอีกส่วนหรือ” เซี่ยจิ้นกว่างรีบคว้ามือบางเอาไว้พลางกอบกุมแนบแน่น“พี่จิ้น อย่าโกรธข้าเลยนะ หากข้าทำสิ่งใดผิด ข้าขอโทษ” เจียงลี่มี่ได้โอกาสรีบออดอ้อนออเซาะส่งสายตาเว้าวอน“ข้าเพียงอยากอยู่ใกล้พี่ อยากดูแลพี่ เพื่อตอบแทนที่เมื่อก่อนพี่คอยดูแลข้าอยู่เสมอ”“เพียงเท่านั้นแน่หรือ” เซี่ยจิ้นกว่างคาดคั้น“เอ่อ...ข้า...” เจียงลี่มี่อึกอักด้วยหากจะให้นางเป็นฝ่ายสารภาพรักในยามนี้ก็เกรงจะกระอักกระอ่วนจนเกินไป“เอาเถอะ หากอยากตอบแทนก็ทำตัวให้ว่าง่าย อย่าดื้อซนจนเป็นเรื่อง การรบไม่ใช่เรื่องเล่นๆของเด็กน้อย ทุกโมงยามคือชีวิตและเลือดเนื้อยามเดินทัพพี่ขอให้เจ้า