Share

บทที่ 2

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
เฟิ่งจิ่วเหยียนที่อยู่ในห้องหรี่ดวงเนตรงามลงเล็กน้อย

วันนี้ไม่ว่าผลตรวจร่างกายเป็นเช่นไร ก็ล้วนแต่ไม่เป็นผลดีต่อตระกูลเฟิ่งทั้งสิ้น

หวงกุ้ยเฟยจะต้องตัดสินว่าบุตรีตระกูลเฟิ่งไม่บริสุทธิ์เป็นแน่ จากนั้นก็ใช้เหตุนี้สร้างเรื่องตามมา

ถ้าคนที่มาสวมรอยแทนอย่างนางถูกตรวจร่างกายได้ผลว่ายังบริสุทธิ์ ถึงจะสามารถป้องกันแผนร้ายของหวงกุ้ยเฟย แต่ก็คงจะทำให้หวงกุ้ยเฟยนึกสงสัยขึ้นมา

ทันทีที่เรื่องสวมรอยแต่งงานมีพิรุธปรากฏ ถึงยามนั้นโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูงก็เพียงพอให้ตระกูลเฟิ่งประสบหายนะได้แล้ว!

สายตาเฟิ่งจิ่วเหยียนมองตรงไปข้างหน้า ใช้มือที่จับทวนมาจนชินนั้นแต้มบุปผาตรงหว่างคิ้วของตนเองอย่างหนักแน่น

สิ่งที่อาจารย์สั่งสอนนางมีเพียงหลักพิชัยสงครามและหลักการเป็นขุนนาง

อาจารย์หญิงเคยสอนหลักการครองเรือนให้นาง ในนั้นย่อมมีธรรมเนียมปฏิบัติในวังหลวงด้วยเช่นกัน ยามนั้นแม้นางได้เรียนรู้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้นำมาใช้งาน

เพราะปณิธานของนางอยู่ที่ใต้หล้า ไม่ต้องการถูกคุมขังไว้ในเรือน เป็นเพียงภรรยาตัวน้อยที่โอนอ่อนผ่อนตามสามี

คิดไม่ถึงว่าคนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต

นอกห้อง

ขันทีผู้นั้นเดินนำนางกำนัลจากในวังหลวงตรงมาอย่างดุดัน

“ฮูหยิน นี่คือบัญชาของหวงกุ้ยเฟย ท่านยังกล้าฝ่าฝืน?”

เฟิ่งฮูหยินขวางอยู่หน้าห้องบุตรสาว ไม่ยอมถอยแม้ก้าวเดียว

“ต่อให้เป็นหวงกุ้ยเฟยก็ไม่อาจกระทำหุนหันเหยียดหยามกันเช่นนี้! คิดว่าบุตรีตระกูลเฟิ่งของข้าเป็นอะไรกัน!”

ขันทีเลิกคิ้ว ความเยาะหยันฉายชัดในแววตา

ตระกูลนี้คิดว่าตัวเองเป็นหงส์จริง ๆ งั้นรึ?

ต่อให้เป็นหงส์จริง ขนร่วงไปหมดแล้ว กระทั่งไก่ยังสู้ไม่ได้

“เฟิ่งฮูหยิน ท่านไม่ชอบไม้อ่อนแต่จะเอาไม้แข็งใช่หรือไม่? เช่นนั้นก็ล่วงเกินแล้ว!” น้ำเสียงขันทีกดต่ำ สีหน้าสะท้อนความเหี้ยมเกรียมหลายส่วน

จากนั้น เขาก็โบกมือทีหนึ่ง บัญชาองครักษ์ด้านหลัง

เฟิ่งฮูหยินมีสีหน้าตะลึงงัน

ที่นี่คือจวนตระกูลเฟิ่งนะ!

พวกเขาจะเหิมเกริมเกินไปแล้ว!

ครั้นเฟิ่งฮูหยินกำลังจะถูกองครักษ์จากวังหลวงควบคุมตัว น้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอก็ดังมาจากภายในห้องโดยมีประตูคั่นกลาง

“ตระกูลเฟิ่งของข้าเคยมีฮองเฮาทั้งสิ้นสิบสามคน ทุกคนล้วนมีชื่อเสียงดีงาม

“วันนี้มีคนกังขาในความบริสุทธิ์ของข้า คิดว่าข้าคงมีสิ่งใดน่าแคลงใจ มิฉะนั้นไยจึงมีคนสงสัยในตัวข้ากันเล่า?

“ในเมื่อเป็นความผิดของข้าเพียงผู้เดียว ข้าไม่อยากเห็นตระกูลเฟิ่งต้องได้รับความไม่เป็นธรรมเพราะเรื่องนี้ จึงได้แต่ใช้ความตายมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์

“รบกวนท่านแม่หาแพรขาวสามฉื่อ[1]มาให้ข้า รอหลังข้าตายไปแล้ว โปรดยกศพของข้าให้พวกเขาตรวจสอบ ยามนั้นย่อมจะทราบเองว่าลูกเป็นผู้บริสุทธิ์

“เช่นนี้ จะได้ไม่กระทบต่อชื่อเสียงตระกูลเฟิ่ง!”

เฟิ่งฮูหยินหน้าซีดเผือด “ไม่ได้เด็ดขาดนะ!”

ขันทีที่เมื่อครู่นี้ยังจองหองพองขน ชั่วขณะนี้กลับลังเลขึ้นมาเสียแล้ว จากนั้นก็โบกมือส่งสัญญาณให้องครักษ์หยุดอยู่กับที่

เขาเดินหน้ามาหลายก้าว กล่าวกับคนในห้องด้วยท่าทีอ่อนน้อมจอมปลอม

“คุณหนูใหญ่เฟิ่ง เรื่องหาได้ร้ายแรงถึงขั้นนั้นไม่

“หากท่านบริสุทธิ์จริงก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวการตรวจสอบ

“นางกำนัลสองท่านนี้เป็นผู้มากประสบการณ์ จะต้องปรนนิบัติเป็นอย่างดีแน่นอน”

จากคำกล่าวของเขา หากเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ให้ความร่วมมือก็เท่ากับว่าร้อนตัว

ขณะที่เขานึกว่าตัวเองจัดการคนในห้องได้อยู่หมัดแล้วนั่นเอง ก็ได้ยินเสียงถามมาอีกว่า

“กงกง ตกลงแล้วเป็นหวงกุ้ยเฟยที่สงสัยข้า หรือว่าฝ่าบาทที่ทรงสงสัยกันแน่?”

ขันทีผู้นั้นขมวดคิ้วน้อย ๆ

เขายังไม่ทันตอบ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ชิงตอบเสียเอง

“คิดดูแล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นหวงกุ้ยเฟย

“นางเป็นเพียงสนมในวังหลังคนหนึ่ง จะกล้าล้ำเส้นมาสงสัยฮองเฮาที่แต่งเข้าราชวงศ์อย่างถูกต้องตามธรรมเนียมเช่นข้าได้อย่างไร?

“เป็นได้เพียงฝ่าบาทหรือไม่ก็ไทเฮาที่ทรงสงสัย จึงอ้างนามหวงกุ้ยเฟยมากระมัง”

ขันทีได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกเย็นสันหลังวาบ

เขาโต้แย้งกลับไปโดยพลัน

“คุณหนูใหญ่เฟิ่ง! ท่านกล้าดีอย่างไร...”

เฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่งอย่างยิ่ง ไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย

“ถ้าเป็นราชวงศ์ที่สงสัยในตัวข้า บุตรีตระกูลเฟิ่งของข้าไม่ยินดีรับคำครหาที่ไม่มีมูลเช่นนี้

“ต่อให้วันนี้พิธีอภิเษกสมรสไม่สำเร็จเสร็จสิ้น ก็ต้องไปร้องทุกข์ที่สุสานหลวงบนเขาอวิ๋นไถให้จงได้!”

ขันทีเห็นเรื่องมาถึงขั้นนี้ก็พลันรู้สึกร้อนใจ หนังตากระตุกยิบ

ถ้าเรื่องนี้ลุกลามบานปลายก็จัดการยากแล้ว!

เฟิ่งเวยเฉียงเปลี่ยนมามีคารมคมคายเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด!

วังหลวง

ตำหนักหลิงเซียว

หวงกุ้ยเฟยเอนกายบนตั่งคนงามอย่างเกียจคร้าน นางกำนัลหลายคนช่วยกันบีบไหล่ทุบขาให้นาง

ฟังคำรายงานของขันทีจบแล้ว ดวงตาเปี่ยมเสน่ห์เย้ายวนดุจจิ้งจอกของนางก็ฉายแววเย็นชา

“เฟิ่งเวยเฉียง นางคนชั้นต่ำนั่น นางพูดเช่นนี้จริง ๆ รึ ?”

ขันทีพยักหน้าติดต่อกัน

แววตาหวงกุ้ยเฟยเย็นชากว่าเดิม นางถีบนางกำนัลที่กำลังทุบขากระเด็นแล้วหยัดร่างขึ้นนั่ง

“นางกล้าแต่งเข้าวังมา ไม่กลัวว่าจะถูกจับได้ในคืนเข้าหอ หรือว่าข่าวสารผิดพลาด นางไม่ได้เสียพรหมจรรย์?”

ขันทีคุกเข่าลงบนพื้นทันที “หวงกุ้ยเฟย บ่าวมิทราบขอรับ!”

...…

เกี้ยวเจ้าสาวถูกหามเข้าไปในประตูวัง ตามธรรมเนียม เฟิ่งจิ่วเหยียนจะต้องถูกนำตัวไปยังตำหนักข้าง รอจนถึงฤกษ์มงคลจึงจะเข้าไปทำพิธีในตำหนักหลัก

เหลียนซวง สาวใช้ของนางยังประหม่ากว่านางเสียอีก ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ข้าง ๆ

“คุณหนู ว่ากันว่าฝ่าบาททรงเอาใจยากนัก เคยสั่งประหารขุนนางใหญ่หลายสิบคนในวันเดียว สตรีที่มาเป็นสนมโดยสมัครใจในวังหลังเหล่านั้น ล้วนได้รับพระราชทานความตายด้วยวิธีโหดเหี้ยมเหลือแสน

“ยังถึงขั้นพูดกันว่า ฝ่าบาทเป็นเทพสังหารมาจุติ โหดร้ายกระหายเลือด...”

ข่าวลือเหล่านี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนเคยได้ยินตั้งแต่ตอนอยู่ที่ชายแดนแล้ว

ฮ่องเต้เซียวอวี้เป็นฮ่องเต้ทรราชองค์หนึ่ง

เหลียนซวงยังคงพูดต่อไป

“แต่ตอนแรกฝ่าบาทไม่ได้เป็นเช่นนี้ ทว่านับแต่หรงเฟยที่ทรงรักใคร่เสียชีวิตก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

“คุณหนู ท่านรู้ไหมเจ้าคะ สาเหตุที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานหวงกุ้ยเฟยก็เพราะหวงกุ้ยเฟยมีหน้าตาคล้ายหรงเฟยอย่างมาก สนมทั้งหลายในวังหลังเหล่านั้น ทุกคนล้วนคล้ายหรงเฟยไม่มากก็น้อย

“แต่สำหรับสตรีที่ฝ่าบาทไม่โปรดปราน เขาล้วนแต่...”

เหลียนซวงมองไปทางคุณหนู อดกังวลแทนอีกฝ่ายไม่ได้

คุณหนูไม่มีส่วนคล้ายหรงเฟยเลยแม้สักนิด ไม่เพียงจะไม่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ แต่ยังอาจถูกฮ่องเต้รังเกียจเดียดฉันท์อีกด้วย

เกรงว่าคืนเข้าหอคงไม่สงบนัก

----------------------------------------------

[1] แพรขาวสามฉื่อ คือผ้าที่ใช้ในการผูกคอตาย ไม่จำเป็นต้องยาวสามฉื่อเสมอไป แค่ยาวพอสำหรับการผูกคอก็พอแล้ว (ทั้งนี้ 1 ฉื่อ เท่ากับ 33.33 ซม.)
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (28)
goodnovel comment avatar
Sariya Rodraungsri
สนุกมากน่าติดตาม
goodnovel comment avatar
Kalookpook Bhornwalai
สนุกมากน่าติดตาม
goodnovel comment avatar
Kalookpook Bhornwalai
สนุกมากน่าติดตาม
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 3

    ณ ตำหนักฉือหนิง ที่ประทับของไทเฮาไทเฮาได้ยินเรื่องที่จวนตระกูลเฟิ่งแล้วก็มีสีพระพักตร์แช่มชื่น กล่าวกับกุ้ยหมัวมัวที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกายว่า“ตอนงานวันเกิดของข้าปีที่แล้ว เคยเห็นเฟิ่งเวยเฉียงผู้นั้น นิสัยนางอ่อนโยนเกินไป เวลานั้นข้าก็รู้สึกว่านางยากจะรั้งตำแหน่งฮองเฮาได้“เรื่องในวันนี้กลับแปลกใหม่นัก ถึงกับโต้แย้งคนของหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ต่อหน้าธารกำนัล“ข้าต้องมองนางใหม่เสียแล้ว”กุ้ยหมัวมัวเป็นคนเก่าคนแก่ข้างกายไทเฮา เข้าใจความซับซ้อนในวังอย่างลึกซึ้ง นางรินน้ำชาร้อนกรุ่นให้ไทเฮา“แต่ดูจากความโปรดปรานที่ฝ่าบาทมีต่อหวงกุ้ยเฟย แม้ฮองเฮาจะปราดเปรื่องกล้าหาญเพียงไหนก็ยากจะรับมือท่านที่อยู่ตำหนักหลิงเซียวผู้นั้นได้ คืนนี้ ยากจะรับประกันว่าหวงกุ้ยเฟยจะไม่ก่อเรื่องนะเพคะ”เห็นได้ชัดว่านางมีความเห็นแตกต่างจากไทเฮา ไม่คิดว่าฮองเฮาจะมีความสามารถถึงเพียงนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าไทเฮาสลายไป“เจ้าพูดถูก ข้ายังจำได้ว่า วันที่ซิ่วหว่านเข้าวัง เดิมนั้นฝ่าบาทตั้งใจจะไปหานาง ผู้ใดจะคาดคิดว่าหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ผู้นั้นจะเข้ามาขัดขวาง เชิญฝ่าบาทไปหา“น่าสงสารก็แต่ซิ่วหว่านเด็กคนนั้น แม้แต่อาหญิงอย่างข้าก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 4

    ฮ่องเต้ทรราชจะเสด็จมา เฟิ่งจิ่วเหยียนได้แต่บอกให้เหลียนซวงทำทรงผมกลับไปตามเดิม แต่มือของเหลียนซวงสั่นเทิ้ม คิดว่าคงเป็นเพราะหวาดกลัวฮ่องเต้ทรราชที่กำลังจะมาเยือนผู้นั้นนางมือสั่น ย่อมทำผิดพลาดอย่างไม่อาจเลี่ยงเมื่อถูกถอนผมเป็นเส้นที่สาม เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ทนไม่ไหว เอ่ยเสียงเย็นชาว่า“ถอยไป ข้าจัดการเอง” นางเชี่ยวชาญวิชาแปลงโฉม การฝึกฝนทำผมทรงต่าง ๆ ให้ได้อย่างคล่องแคล่วจึงเป็นสิ่งจำเป็นด้วยเหตุนี้ นางจัดแจงเพียงไม่กี่ครั้งก็ทำให้ทรงผมกลับไปเหมือนตอนแรกได้แล้ว เหลียนซวงเห็นแล้วก็ตกตะลึงเหลือล้น“ฮองเฮา ท่านมีฝีมือยอดเยี่ยมนักเพคะ!”แต่ขณะที่ฝั่งพวกนางเตรียมความพร้อมต้อนรับฮ่องเต้ คนจากนอกตำหนักก็มารายงานอีกครั้งว่า“ฮองเฮา โรคปวดศีรษะของหวงกุ้ยเฟยกำเริบ ฝ่าบาทเสด็จไปตำหนักหลิงเซียวแล้วเพคะ”เหลียนซวงเผยอปาก รู้สึกโมโหแต่ไม่กล้าพูดออกมาหวงกุ้ยเฟยจะต้องแกล้งป่วยเป็นแน่ โรคปวดศีรษะกำเริบขึ้นมาตอนนี้ จะเหมาะเจาะขนาดนี้ได้อย่างไรคงเห็นว่าฝ่าบาทเสด็จกลับวังมาแล้วจึงให้คนไปเชิญน่ะสิพอเฟิ่งจิ่วเหยียนได้ยินคำว่าหวงกุ้ยเฟยก็คิดถึงเวยเฉียงน้องสาวเวยเฉียงถูกทำร้ายแสนสาหัสจนถึงแก่คว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 5

    กลับถึงห้องหอ หัวหน้าหมัวมัวที่ตอนแรกก้มหน้าก้มตาท่าทางเข้มงวดก็สั่งให้คนเตรียมน้ำมาปรนนิบัติฮองเฮาอาบน้ำนางเบียดเหลียนซวงออก เข้ามายิ้มกว้างให้เฟิ่งจิ่วเหยียน“ฮองเฮา หลายปีมานี้ นอกจากหวงกุ้ยเฟยแล้ว ฝ่าบาทยังไม่เคยโปรดปรานสนมคนอื่นมาก่อนเลยนะเพคะ ท่านนับเป็นคนแรก!”เหลียนซวงยืนอยู่ข้าง ๆ รู้สึกไม่ใคร่พอใจหมัวมัวผู้นี้ตอนแรกยังไม่เห็นว่านางจะปรนนิบัติด้วยความกระตือรือร้นปานนี้ ช่างเป็นพวกประจบผู้มีอำนาจเหยียบย่ำคนฐานะต่ำกว่าโดยแท้ในวังหลวงแห่งนี้ ฐานะของสตรีล้วนพึ่งพาความโปรดปรานของฮ่องเต้ดังคาด มิฉะนั้น ต่อให้สูงส่งเป็นฮองเฮาก็ยังถูกเมินเฉยไม่ได้รับการเหลียวแลหัวหน้าหมัวมัวพูดอะไรไปมากมาย เฟิ่งจิ่วเหยียนล้วนไม่ตอบนางสั่งความอย่างเย็นชา “ออกไปให้หมด ให้เหลียนซวงปรนนิบัติในตำหนักคนเดียวก็พอ”……หลังจากในตำหนักเงียบลงแล้ว เหลียนซวงก็ถามอย่างกังวลใจ“ฮองเฮา ฝ่าบาทเสด็จมาย่อมเป็นเรื่องดี“แต่ท่านทำเช่นนี้ จะมิเป็นการขัดแย้งกับหวงกุ้ยเฟยหรือเพคะ?“นายหญิงบอกให้พวกเราอยู่ในวังหลวงอย่างเงียบ ๆ อย่าสร้างศัตรู โดยเฉพาะหวงกุ้ยเฟย...”“ท่านแม่ก็สอนเวยเฉียงเช่นนี้หรือ” เฟิ่งจิ่ว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 6

    เมื่อเหลียนซวงได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวก็รีบเข้าไปในตำหนัก“ฮองเฮา เกิดอะไรขึ้นเพคะ...”เหลียนซวงพูดยังไม่ทันจบ ก็มีเสียงสายหนึ่งดังออกมาจากม่านอักษรมงคล [1] “ไสหัวไป”เป็นเสียงของบุรุษ!เหลียนซวงตระหนักว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว คิดจะตะโกนเรียกคนเข้ามาทันใดนั้นขันทีคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาขวางนางไว้อย่างรีบร้อน เสียงที่พยายามกดความโกรธเกรี้ยวเอาไว้กล่าวว่า“ไม่รู้จักเบิกตาดูซะบ้าง! นั่นคือฮ่องเต้!”เหลียนซวงตกตะลึงจนพูดไม่ออกฝ่ะ ฝ่ะ ฝ่า...ฝ่าบาท? ฮ่องเต้ทรราชผู้ฆ่าคนโดยไม่กระพริบตาผู้นั้น?มืดค่ำถึงเพียงนี้แล้ว เหตุใดอยู่ ๆ พระองค์ถึงเสด็จมาเล่า!!ภายในม่านฝ่ามือใหญ่ของบุรุษกดไหล่ข้างหนึ่งของเฟิ่งจิ่วเหยียนเอาไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งจับข้อมือข้างที่นางถือกริช โน้มร่างอยู่เหนือนาง ราวกับสิงโตที่กำลังโถมเข้าหาเหยื่อเดิมเฟิ่งจิ่วเหยียนสามารถลองสลัดให้หลุดได้ แต่เมื่อรู้สถานะของอีกฝ่ายนางจึงไม่ได้ลงมือในความมืดมิด นางไม่อาจมองเห็นใบหน้าของเขาได้ชัดแต่รังสีฆ่าฟันบนร่างของเขาเข้มข้นยิ่ง“ฮองเฮา ไม่อธิบายซักหน่อยหรือ?”น้ำเสียงทุ้มอันราบเรียบของบุรุษทำให้คนรู้สึกกลัวเกรงหากเป็นสต

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 7

    คืนนี้ถูกลิขิตไว้แล้วว่านางต้องถูกเอาเปรียบซักครั้ง เฟิ่งจิ่วเหยียนคาดการณ์เรื่องนี้ไว้ก่อนแล้วที่จริงเมื่อเทียบกับโดนฮ่องเต้ทรราชนี่พรากคืนแรกไป ให้ทำเองยังนับว่าดีกว่ามากนักอย่างน้อยก็ไม่ต้องทนถูกคนกดไว้ข้างล่างเฟิ่งจิ่วเหยียนฉีกผ้าจากชายกระโปรงออกมาชิ้นหนึ่ง นำมาปูรองไว้เป็นผ้าพรหมจรรย์[1]หลังจากนั้นก็ใช้มือหนึ่งถลกกระโปรงขึ้นมา อีกข้างพลิกมือจับกริชนั้นถึงแม้นางตัดสินใจแล้วว่าจะทำ แต่ร่างกายยังคงต่อต้านโดยสัญชาตญาณนางปลอบใจตัวเอง คิดเสียว่าโดนแทงหนึ่งทีแล้วกันตั้งแต่เล็กจนโตนางบาดเจ็บมาน้อยหรือไร?จากนั้นนางก็เริ่มออกแรง...เพียงชั่วพริบตานั้นเองพละกำลังสายหนึ่งพุ่งเข้ามาจับข้อมือนางเอาไว้แน่นเฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้วเซียวอวี้แย่งกริชในมือนางไปอีกครั้ง ครั้งนี้น้ำเสียงของเขาเย็นยะเยือกยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก“ช่างเป็นสตรีที่โง่เสียจริง”เคร้ง!กริชถูกโยนออกไปนอกม่านเตียงอักษรมงคล“เจ้าจะบริสุทธิ์หรือไม่ เราไม่แยแสแม้แต่น้อย”“ในเมื่อเจ้ากล้าแลกทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเป็นฮองเฮาให้ได้ เช่นนั้นก็อย่าแกล้งโง่ไปเลย”“ดังเช่นที่เจ้ารู้อยู่แก่ใจว่าเราอยู่ที่ตำหนักห

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 8

    เฟิ่งจิ่วเหยียนดูไม่เหมือนพระมเหสีที่ถูกพระสวามีทอดทิ้งอย่างเย็นชาแม้แต่น้อย นางสวมชุดอย่างฮองเฮา แลดูสูงศักดิ์ดั่งพญาหงส์ที่เดินดินนัยน์ตาที่เยือกเย็นคู่หนึ่ง ม่านตาสีอ่อนเผยให้เห็นถึงความสูงศักดิ์ที่มิอาจเอื้อมราวกับหยกผิวพรรณของนางหาได้ซีดขาวอมโรคเหมือนดังที่สตรีในเมืองหลวงนิยมกันไม่ แต่เป็นผิวที่อิ่มเอิบและเปล่งปลั่งดังกลีบกุหลาบรูปลักษณ์งดงามแฝงด้วยความสูงศักดิ์น่าเกรงขาม งามล้ำดั่งเทพธิดาในวังจันทราเหล่าผู้คนในวังหลังล้วนคุ้นเคยกับการเห็นสนมนางในที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับหรงเฟยดี พอวันนี้ได้พบกับความงามพิลาสล้ำของฮองเฮาก็ตาลุกวาวราวกับจะเปล่งแสงได้ไม่เสียทีที่เป็นหญิงงามผู้มีชื่อเสียงโดดเด่นในเมืองหลวง รูปโฉมงดงามล่มเมืองเช่นนี้ หาใช่ปุถุชนคนธรรมดาจะเทียบเคียงได้ตั้งแต่เฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าสู่ยุทธภพเพียงลำพัง นางก็ใช้ชีวิตแปลงโฉมหน้ามาโดยตลอดสำหรับนางแล้วหน้าตาที่งดงามคือภาระ โดยเฉพาะในค่ายทหารอาจารย์หญิงมักบอกว่าใบหน้างามนี้ของนางช่างเสียเปล่ายิ่งนัก วัน ๆ ล้วนแต่ถูกนางใช้อย่างส่งเดชเหลียนซวงที่เดินติดตามอยู่ด้านหลังฮองเฮาก็พลันรู้สึกมีหน้ามีตาไปด้วยเมื่อเดินจนถึง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 9

    รุ่ยอ๋องไม่อาจทำใจได้จึงเอ่ยปากโน้มน้าว“ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้ ออกจะโหดร้ายต่อฮองเฮาไปซักหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ”ทว่าเซียวอวี้กลับสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปเรียบร้อยแล้ว ทิ้งไว้เพียงภาพแผ่นหลังอันน่าเกรงขามที่ยากจะต่อกรได้สายลมพัดโชยโบกสะบัดเสื้อของบุรุษผู้นี้ เขาย่างก้าวเดินลงบันได สายตาทอดมองไปไกลโพ้น กวาดตามองทัศนียภาพของอุทยานหลวงและสนามม้าหลวงไว้ในสายตา รวมทั้งภาพของสตรีที่ขี่ม้าอยู่เมื่อครู่นี้ด้วยภาพเงาร่างของหญิงสาวที่ขี่ม้าในความทรงจำ ก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนี้......เพราะได้รับความตื่นตระหนก ไทเฮาจึงเสด็จกลับตำหนักฉือหนิงก่อนเฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็กลับตำหนักหย่งเหอของตนตามกฎระเบียบแล้วฮองเฮายังต้องรับการคารวะจากเหล่าสนมนางในแต่สนมนางในที่มาถึงก่อนแล้วกลับมีเพียงน้อยนิด ส่วนใหญ่หากไม่อ้างว่าป่วย ก็อ้างว่ายุ่งกับภารกิจในตำหนักเฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็ไม่มีใจจะมานั่งเสแสร้งรับหน้าพวกนาง จึงส่งพวกนางไม่กี่คนที่มาให้กลับไปเสียผ่านไปไม่นานก็มีคนมาถ่ายทอดคำพูดของฮ่องเต้“ฮองเฮา ฝ่าบาทได้ทรงทราบถึงคุณงามความดีที่เมื่อเช้าพระองค์ได้ทรงช่วยไทเฮาเอาไว้แล้ว ทรงพระราชทานหยกสมปรารถนาให้คู่หนึ่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 10

    ดูเหมือนว่ารุ่ยอ๋องจะเพิ่งออกมาจากตำหนักฉือหนิง เขาก้าวเดินมาข้างหน้าแล้วคารวะเฟิ่งจิ่วเหยียน“น้องชายขอคารวะพี่สะใภ้”การที่เขาเรียกนางเป็นพี่สะใภ้ไม่ใช่ฮองเฮา แสดงให้เห็นว่าเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฮ่องเต้เหลียนซวงที่ชำเลืองมองรุ่ยอ๋องตกอยู่ในภวังค์รุ่ยอ๋องช่างรูปงามเสียจริง! หน้าตาสะอาดสะอ้าน บุคลิกมารยาทงามสง่า ลักษณะเช่นนี้ดีกว่าฮ่องเต้ทรราชที่เอาแต่ฆ่าคนตั้งมากหากผู้ที่คุณหนูแต่งด้วยคือ...เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เหลียนซวงก็รีบหยุดความคิดที่ไร้สาระนี้ทันทีกฎระเบียบในวังเคร่งครัดยิ่งนัก ไม่อาจเทียบกับในค่ายทหารที่สามารถพูดคุยกับบุรุษอย่างไรก็ได้เมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังจะจากไป รุ่ยอ๋องพลันเอ่ยปากแสดงความเป็นห่วงออกมา“การประหารเมื่อวานนี้พี่สะใภ้ได้รับความตระหนกหรือไม่? ”เฟิ่งจิ่วเหยียนที่จดจ่ออยู่กับความคิดตอบกลับอย่างกลัวพิกุลจะร่วงว่า “ไม่”“เมื่อวานยามที่พี่สะใภ้ปราบพยศม้าตัวนั้น ข้าบังเอิญเห็นเข้าพอดี ท่านฝีมือดียิ่ง ที่จริงแล้วฝ่าบาททรงโปรดสตรีที่มีทักษะการขี่ม้า พี่สะใภ้เริ่มต้นจากเรื่องนี้ดู บางทีอาจจะได้รับความโปรดปราน”น้ำเสียงของรุ่ยอ๋องอ่อนโยนนุ่มนวลราวก

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1230

    ฉับ! ศีรษะร่วงลงบนพื้น ฮ่องเต้ในรัชสมัยหนึ่ง สิ้นพระชนม์ด้วยน้ำมือของพระโอรสแท้ ๆ องค์ชายสี่ลงมือสังหารด้วยดวงตาแดงก่ำ มือถือดาบใหญ่ หายใจหอบถี่ แฮกแฮก—— หน้าอกของเขากระเพื่อมอย่างแรง หัวใจเต้นแรงแทบจะหลุดออกมา เขา สังหารเสด็จพ่อ เขาสังหารเสด็จพ่อที่ลำเอียงพระองค์นั้น! ตาเฒ่าคนนี้ ในที่สุดก็ตายแล้ว! มือของเขายังไม่หายสั่น ขณะเดียวกัน เขาคิดว่าตนเองแข็งแกร่งกว่าเสด็จพี่รอง เสด็จพี่รองคนนั้นยังใจอ่อนนัก และเขา...ไม่โหดเหี้ยมไม่นับเป็นชายชาตรี! “ถ่ายทอดราชโองการ เสด็จพ่อสิ้นพระชนม์อย่างกะทันหัน!” “พ่ะย่ะค่ะ!” ยามนี้ องค์หญิงเซี่ยนอี๋รู้สึกหวาดกลัวนัก นางล้มลงกับพื้น โดยไม่เชื่อเลยว่า เสด็จพี่สี่จะโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้! ไม่สิ ไม่ถูกต้อง ล้วนแต่เกิดจากการยุยงของนังสารเลวเฟิ่งจิ่วเหยียนนั่น! ที่ผ่านมาเสด็จพี่สี่เป็นคนดีมาก! เฟิ่งจิ่วเหยียน ล้วนเป็นเพราะเฟิ่งจิ่วเหยียน! องค์หญิงเซี่ยนอี๋พยายามจะลุกขึ้น คิดอยากจะหนีออกไปจากที่แห่งนี้ นางหวาดกลัวนัก ทว่า บัลลังก์ที่องค์ชายสี่ได้ครอบครองอย่างผิดวิธี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1229

    เมื่อเทียบกับถูกพระโอรสบังคับให้สละราชบัลลังก์ ฮ่องเต้เยี่ยนมิอาจทนต่อการสมคบร่วมคิดกับศัตรูต่างแคว้นมากกว่า! เดิมคิดว่าเจ้าสี่มีความฉลาดขึ้นบ้างแล้ว ใช้ทหารเพียงสามพันนายบังคับฮ่องเต้ให้สละราชบัลลังก์สำเร็จ พอมีความสามารถอยู่บ้าง ผู้ใดจะรู้... ผู้ใดจะรู้ว่าเป็นเฟิ่งจิ่วเหยียนที่บงการอยู่เบื้องหลัง! ฮ่องเต้เยี่ยนโกรธจนเจ็บหัวใจ เขาถลันกายลุกขึ้นยืน ชี้นิ้วไปที่องค์ชายสี่พลางด่าทอ “เจ้าโง่สมองมีแต่หนอง! “เราให้กำเนิดคนโง่เช่นเจ้าได้อย่างไร! “สารเลว! ไอ้สารเลว!! “เจ้าโง่ถึงขนาดที่ยอมร่วมมือกับชาวฉี เจ้า เจ้ามัน...” ฮ่องเต้เยี่ยนโกรธเกรี้ยวอย่างหนัก จนกระอักโลหิต “พรวด” เต็มปาก “เสด็จพ่อ!” องค์หญิงเซี่ยนอี๋ได้แต่ยืนมอง และร้องไห้อย่างช่วยไม่ได้ นางก็ถูกลูกธนูยิงเช่นกัน ใครจะมาช่วยนางได้! “เสด็จพี่สี่! ท่านจะเป็นอย่างไร ก็มิควรร่วมมือกับชาวฉี!” องค์ชายสี่หาได้สนใจไม่ พ่อและลูกสาวคู่นี้ช่างไร้สมอง พวกเขาหารู้ไม่ว่า เขาเพียงหลอกใช้ชาวฉีเท่านั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนตามหาฮ่องเต้ฉีไม่พบ ย่อมจะถูกเขาควบคุม ถึง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1228

    องค์หญิงเซี่ยนอี๋คงไม่เข้าใจ เฟิ่งจิ่วเหยียนผู้นี้เป็นบ้าอะไร ถึงได้รนหาที่ตายเองเช่นนี้นังสารเลวนี่ หลังจากช่วยฮ่องเต้ฉีได้ ไม่คิดที่จะเผ่นหนี กลับคิดที่จะเข้าไปในวังแทน!แถมยังพาองค์หญิงเช่นนางร่วมทางไปด้วย!เซียวอวี้เองก็แปลกใจเช่นเดียวกันทว่า เขาเชื่อมั่นในทุกการตัดสินใจของนางเมื่อมาถึงประตูวัง องค์หญิงเซี่ยนอี๋ก็ร้องขอความช่วยเหลือเสียงดัง“ข้าอยู่นี้! รีบมาจับพวกเขาซะ!”ทว่า เหล่าองครักษ์ที่เฝ้าประตูวังอยู่ไม่สนใจนาง กลับหันไปทำความเคารพเฟิ่งจิ่วเหยียนกับเซียวอวี้แทน“ถวายบังคมฝ่าบาทและฮองเฮา!”องค์หญิงเซี่ยนอี๋ตกตะลึง“พวกเจ้า…พวกเจ้าเรียกพวกเขาว่าอะไรนะ? นี่พวกเจ้าบ้าไปแล้วหรือไร!”หรือว่านางกำลังฝัน? ทุกอย่างดูแปลกไปหมด!เซียวอวี้จำได้ ในบรรดาองครักษ์ที่เฝ้าประตูวัง มีคนคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ผู้หนึ่งคนผู้นี้ก็คืออู๋ไป๋อู๋ไป๋ใส่เครื่องแบบของชาวเป่ยเยี่ยน ดูกลมกลืนอย่างมากความจริงแล้ว องครักษ์คนอื่นล้วนเป็นกองทัพอินทรีเหินของเฟิ่งจิ่วเหยียนเช่นเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาจึงทำหูทวนลมกับเสียงร้องขอความช่วยเหลือขององค์หญิงเซี่ยนอี๋องค์หญิงเซี่ยนอี๋ไม่เข้าใจเรื่องรา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1227

    กำลังคนที่เฟิ่งจิ่วเหยียนพามาด้วยมีมากพอ ด้วยเหตุนี้นางจึงไร้กังวลในขณะนี้ในที่สุดนางก็ตามหาเซียวอวี้เจอภายใต้ชายคา นางกอดเซียวอวี้ไว้แนบแน่น มีเพียงความรู้สึกแท้จริงเช่นนี้ นางจึงสามารถดึงตัวเองออกมาจากความหวาดหวั่นได้“ลูกอยู่ที่วัง รอเรากลับไปหา” นางเสียงแหบพร่าเซียวอวี้ถอนหายใจอย่างโล่งอกการที่พวกนางสองแม่ลูกปลอดภัย คือความปรารถนาอันสูงสุดของเขา มีค่ามากกว่าความเป็นความตายของตัวเขาเองด้วยซ้ำน่าเสียดาย ที่ไม่สามารถไปเจอลูกในทันทีได้เขาไม่ได้ซักถามสิ่งใดมากมาย เพียงตกอยู่ในภวังค์แห่งความดีใจในการพบเจอกันอีกครั้ง จึงยกแขนข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ กอดตอบเฟิ่งจิ่วเหยียนกลับไปได้กลับมาเจอเขาอีกครั้ง เฟิ่งจิ่วเหยียนตื้นตันเป็นอย่างมากเพียงแต่ว่า นิสัยเดิมย่อมแก้ยาก ด้วยความที่นางเป็นคนไม่อ่อนไหวกับสิ่งใดง่าย ๆ แม้นในใจจะมีมวลคลื่นก่อตัวรุนแรงเพียงใด เบื้องหน้ายังคงควบคุมอาการไว้ได้ตามสัญชาตญาณกล่าวให้ถูกต้องคือ นางที่ไม่ค่อยแสดงสีหน้า ขณะอยากใช้กล้ามเนื้อบนใบหน้า จึงค่อนข้างดูฝืนสีหน้าของนางในตอนนี้เหมือนร้องไห้ก็ไม่ใช่ยิ้มให้ก็ไม่เชิงเดิมทีก็เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว พอมาเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1226

    เหล่าองครักษ์ลับตามมาช่วยได้ทัน ล้อมเซียวอวี้ไว้ในพื้นที่ที่ปลอดภัย“คุ้มกันฝ่าบาทกลับไปก่อน!”พวกเขามีเพียงไม่กี่คน ไม่สามารถจัดการกับคนเป่ยเยี่ยนเหล่านี้ได้ขณะนี้เอง หยิ่นเอ้อร์ที่จับองค์หญิงเซี่ยนอี๋เป็นตัวประกันไว้ก็กล่าวด้วยเสียงเยือกเย็น “บอกให้พวกเขาหยุดซะ”องค์หญิงเซี่ยนอี๋ไม่รู้ว่าคนผู้นี้คือใคร ทว่านางมั่นใจ ต้องเป็นคนของแคว้นหนานฉี ที่มาช่วยฮ่องเต้ฉีเป็นแน่นางกัดริมฝีปาก“พวกเจ้าจะจับข้าไปก็ไร้ประโยชน์! การสังหารเขา คือคำสั่งของเสด็จพ่อข้า!”นางพูดความจริงแววตาของหยิ่นเอ้อร์พลันเย็นชาจากนั้น เขาก็ลากองค์หญิงเซี่ยนอี๋มาที่ลานกว้าง ให้นางปรากฏตัวท่ามกลางอันตรายเหล่ามือธนูเห็นเช่นนั้น จึงลังเลหากยิงองค์หญิงตาย โทษของพวกเขาก็คงหนักทว่าขณะนี้เอง หัวหน้ามือธนูก็ส่งเสียงอย่างเด็ดขาด“ยิงต่อไป! ห้ามหยุด!”เขามองไปยังองค์หญิงเซี่ยนอี๋ด้วยแววตาไร้ความรู้สึกองค์หญิงแล้วอย่างไร ต่อให้เป็นองค์ชาย ก็ไม่สามารถมาขัดขวางการจับตัวฮ่องเต้ฉีไปได้ยิ่งไปกว่านั้น เพราะคำพูดเพียงไม่กี่ประโยคขององค์หญิงเซี่ยนอี๋ ก็ทำให้ฝ่าบาททรงฆ่าองครักษ์ไปหลายคนแล้วในเมื่อคิดว่าชีวิตของพ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1225

    เมื่อเห็นองครักษ์ถูกหักคอตายต่อหน้า องค์หญิงเซี่ยนอี๋ก็ตกตะลึงพอได้ยินอีกว่าพิษของผงสลายเส้นเอ็นถูกถอนแล้ว นางยิ่งทำอะไรไม่ถูกต่างกล่าวกันว่าฮ่องเต้หนานฉีพระองค์นี้ได้ทั้งบุ๋นและบู๊ ก่อนที่จะขึ้นครองราชย์ก็ได้นำทัพด้วยตนเอง ในการศึกครั้งเดียวได้ตัดศีรษะของแม่ทัพฝ่ายศัตรูไปนับไม่ถ้วนครั้งนี้ที่แคว้นเป่ยเยี่ยนสามารถจับเขามาได้เพราะใช้วิธีการต่ำช้า อาศัยตอนที่อีกฝ่ายไม่ทันระวัง ทำให้เขาถูกพิษผงสลายเส้นเอ็นตั้งแต่แรกทว่ายามนี้ฮ่องเต้หนานฉีฟื้นพลังภายในกลับมาได้แล้ว เช่นนั้นย่อมส่งผลเสียต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก!องค์หญิงเซี่ยนอี๋ถอยหลังตามสัญชาตญาณ แล้วให้องครักษ์เข้าไปจัดการ“จับเขา! ต้องจับเขาให้ได้...ไม่สิ ปิดประตูห้องลับ! ปิดประตู!”นางลนลาน พยายามวิ่งไปทางกลไกองครักษ์บางคนเองก็นึกถึงจุดนี้ได้เช่นกัน แต่ทว่าพวกเขาก็ยังช้าไปก้าวหนึ่งเซียวอวี้โจมตีองครักษ์หลายคนจนล้มลงไปแล้วออกมาจากห้องลับกลับเป็นองครักษ์พวกนั้นที่ถูกขังอยู่ในห้องลับองครักษ์ด้านนอกเห็นแนวโน้มไม่ดี จึงกางค่ายกลแหฟ้าข่ายดินไว้หลายชั้นนานแล้วไม่กี่อึดใจ เหล่าองครักษ์ก็ล้อมจากด้านนอกเข้ามาด้านใน แม้แต่บนขื่อก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1224

    พู่หยกที่เฟิ่งจิ่วเหยียนมอบให้เซียวอวี้ นางจำมันได้ทว่าไม่ใช่ชิ้นตรงหน้านี้ทว่าสร้อยเงินที่ผูกไว้นั้นกลับคุ้นตานักนี่ก็เป็นเพราะสร้อยเงินเส้นนั้น หยิ่นลิ่วถึงได้มั่นใจ ว่านี่คือพู่หยกของฝ่าบาทเฟิ่งจิ่วเหยียนหยิบมันมาวางไว้บนมือ แล้วมองดูอย่างละเอียดพู่หยกชิ้นนั้นที่นางให้ ด้านบนไม่ได้สลักอะไรไว้มากนัก เป็นเพียงหยกที่ถูกขัดเงาอย่างประณีต สะอาดสะอ้านเท่านั้น ทว่าชิ้นที่ในมือนี้ ด้านบนมีร่องรอยแกะสลักที่หยาบอย่างยิ่งนี่ไม่ใช่ผลงานของช่างฝีมือแน่นอน กลับเหมือนชิ้นงานฝึกของผู้ที่เพิ่งเริ่มเรียนมากกว่าอีกทั้งรอยแกะสลักยังใหม่มากด้วยหลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนดูแล้วนางก็แน่ใจ“เป็นการแกะสลักด้วยกริช“กริชเป็นมีดที่มีรูปร่างเล็กชนิดหนึ่ง ส่วนปลายคมมากพอที่จะแกะสลักหยกได้ ทว่าส่วนปลายของมันสั้น กว้างไม่มากพอ เปลืองเวลาอย่างยิ่ง ไม่ใช่ตัวเลือกแรกของการแกะสลักหยกชิ้นใหญ่“มีบางคนที่ใช้กริชแกะสลักอย่างประณีตได้ ทว่ากริชไม่เหมาะ...”เฟิ่งจิ่วเหยียนมองภาพที่ถูกแกะสลักไว้ นางค่อย ๆ คลายคิ้วที่ขมวดทันใดนั้นนางก็วางพู่หยกลงด้วยแววตาคม แล้วลุกขึ้นสั่งทุกคน“ไปตรวจสอบจวนองค์หญิงทั้งหมด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1223

    จวนองค์หญิงเซี่ยนอี๋เซียวอวี้ต้องการยาถอนพิษผงสลายเส้นเอ็น ทว่าของสิ่งนี้ทำได้เพียงอาศัยคนอื่นตัวเขาอยู่ในคุก ไม่อาจหามาได้โชคดีที่สาวใช้นามอาจือนั่นไม่โง่ นางเอายาถอนพิษมาได้จริง ๆ“ฮ่องเต้หนานฉี บ่าวไม่รู้ว่ายาถอนพิษนี้ได้ผลจริงหรือไม่ ท่านลองใช้ดูก่อนดีหรือไม่? หากใช้ไม่ได้ บ่าวจะไปหามาให้ท่านใหม่เพคะ”อาจือมุ่งมั่นอยากจะปีนป่ายขึ้นไปสู่ตำแหน่งสูงส่ง จะได้เป็นคนที่เหนือกว่าผู้อื่นเพื่อที่จะได้ยาถอนพิษนี้มา นางใช้เงินที่ใช้เวลาสะสมมาเป็นเวลาหลายปีนั่นเป็นเงินที่นางค่อย ๆ สะสมทีละเล็กละน้อย เพื่อเตรียมไว้เป็นสินเจ้าสาวในอนาคตเซียวอวี้เปิดกล่องยาแล้วใช้เข็มเงินตรวจพิษดูก่อนอย่างระมัดระวัง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีปัญหา เขาค่อยกินยาลงไปจากนั้นเขาก็ตั้งใจเข้าณาณ ปรับกำลังภายในเดิมอาจือยังอยากจะถามเขาว่ารู้สึกเป็นยังไงบ้าง ทว่าเมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้นางจึงได้แต่ถอยออกไป จะได้ไม่รบกวนเขาระหว่างเดินกลับตำหนักบรรทมขององค์หญิง อาจือก็คิดไปต่าง ๆ นานานางคาดหวังการมาถึงของฮองเฮาแคว้นหนานฉียิ่งกว่าใครได้ยินว่าสตรีนางนี้เก่งกาจมาก สามารถเล่นงานกองทัพเป่ยเยี่ยนให้อยู่ในกำมือได้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1222

    ครั้งนี้ องค์ชายสี่รู้สึกผิดหวังถึงขีดสุด ยังมีความโกรธแค้นที่ล้นพ้น ล้วนพุ่งเป้าไปยังเสด็จพ่อของเขา “ตาเฒ่าไม่รู้จักตาย!ทหารสามพันนายก็นับว่าน้อยอยู่แล้ว ล้วนยังเป็นพวกคนแก่เฒ่าเจ็บป่วยพิการ!เห็นได้ชัดว่ากำลังเย้ยหยันเขา! องค์ชายสี่โกรธจนแทบหายใจไม่ทัน มือเกาะขอบโต๊ะไว้ กำหมัดแน่น แทบอยากจะบุกเข้าวังเดี๋ยวนี้เลย เฟิ่งจิ่วเยียนล่วงรู้เรื่องนี้ในไม่ช้า องค์ชายสี่เชิญนางมาที่จวน เพื่อขอคำปรึกษา“ทหารสามพันนายนั่น ข้าดูมาแล้ว ล้วนไร้ประโยชน์ พึ่งพาพวกเขา...ไปกระทำการนั้น เห็นทีจะมิได้ “ไม่แน่เสด็จพ่อไม่วางใจในตัวข้า จึงป้องกันข้าไว้?”องค์ชายสี่รำพึงรำพันอยู่มากมาย ก็ถูก ยามคนตกอยู่ในห้วงแห่งความหวาดกลัวและร้อนรน ย่อมมิอาจอดกลั้นต่อการพร่ำวาจา เพื่อระบายอารมณ์ตนเองให้ผ่อนคลายลง เขาพูดจบก็ดื่มน้ำชาไปหลายคำ เหงื่อผุดเต็มหน้าผาก ตรงข้ามกับเฟิ่งจิ่วเยียน นางนิ่งสงบ ราวกับฟ้าพังทลายก็หาใช่เรื่องใหญ่อะไรท่วงท่ามั่นใจของนาง ทำให้องค์ชายสี่มีความหวังขึ้นมาเขาวางถ้วยน้ำชา แล้วโน้มกายถาม “มีแผนการอันใดหรือไม่ ที่จักให้เสด็จพ่อให้กำลังพลเพิ่มขึ้น?”เฟิ่งจิ่วเยียนกลับ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status