[4]
เพราะรัก...จึงลา
______________
บริษัท GB
สายตามากกว่าสิบคู่ จ้องเขม็งมายังร่างบางในอ้อมแขนแกร่งของบอดี้การ์ดหนุ่ม กวินร้อนใจเกินกว่าจะฉุกคิดว่าเขาไม่ควรทำเช่นนี้ เขาก้าวเข้าลิฟต์สำหรับผู้บริหารด้วยความร้อนใจ ไม่ได้ไยดีต่อสายตาใคร่รู้ของพนักงานที่อยู่ข้างนอก
หลังจากที่เขาพาเกล็ดมุกออกไปกินมื้อเที่ยงตามคำสั่งของเจ้านายที่ร้านหรูแห่งหนึ่ง ขากลับมาหล่อนก็ขอแวะร้านกาแฟ ระหว่างที่รอกาแฟ ก็เห็นหล่อนเล่นมือถือตามประสาหนุ่มสาวสมัยนี้ และนั่นคงเป็นเหตุให้หล่อนเห็นภาพบาดตาในข่าวซุบซิบ และตามมาด้วยอาการแปลกๆ ที่เขาไม่แน่ใจนักว่าจะเป็นเพียงโรคกระเพาะตามที่เจ้าหล่อนเอ่ยอ้าง
เมื่อขึ้นมาถึงชั้นสูงสุดของตึก GB กวินวางเกล็ดมุกลงบนโซฟาตัวใหญ่ด้วยความทะนุถนอม หล่อนตัวเล็กนิดเดียว เอวบางร่างน้อย ใบหน้าที่เคยสวยหวานบัดนี้กลับซีดเซียวไร้สีสัน ริมฝีปากอิ่มสีแดงระเรื่อที่เคยเรียกให้เขาชิมอาหารที่หล่อนลงมือทำ ก็เหลือเพียงสีชมพูซีดจาง
บอดี้การ์ดหนุ่มเพ่งพินิจวงหน้าของหล่อนนิ่งนาน หญิงสาวผู้น่าสงสาร เขาเข้าใจดีถึงความจริงที่หล่อนต้องเผชิญ แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อเป็นหล่อนเองที่ยินยอมพร้อมใจก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งนี้ เขาเองก็เคยทักท้วงหล่อนมาแล้ว เมื่อครั้งที่หล่อนเข้ามาเป็นพนักงานใหม่ๆ ความสดใสร่าเริงและเอื้ออาทรที่หล่อนมีต่อเพื่อนร่วมงาน ทำให้เขาหวนคิดถึงภรรยาที่เสียไปแล้ว ทั้งสองมีหลายอย่างคล้ายกัน คล้ายกันมากจนเขาไม่ปรารถนาให้หล่อนเป็นทุกข์ ไม่อยากเห็นแววตาที่สุกใสอยู่เป็นนิจมีความหม่นเศร้าเข้ามาแทน...แต่มันคงสายไปเสียแล้ว
“นั่นนายจะทำอะไร! กวิน!”
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของวาคิมตะคอกถามบอดี้การ์ดหนุ่ม หัวใจในอกเต้นถี่ระรัว โลหิตร้อนๆ สูบฉีดวิ่งพล่านไปทั่วร่าง ภาพที่เขาเห็นตรงหน้าชวนให้คิดว่าคนทั้งสองกำลังกระทำบางอย่างที่เขาไม่ชอบใจ
กวินดีดตัวออกห่าง เขาเอ็นดูเกล็ดมุกเหมือนน้องสาวเท่านั้น แต่หากเขาพูดมันออกไปในตอนนี้ เจ้านายหนุ่มก็คงไม่เชื่อ เจ้าตัวไม่รู้เอาเสียเลยว่าแววตาแหนหวงทวงสิทธิ์ มันทอแสงแรงกล้าออกมาจากนัยน์ตาสีนิลของเขาแล้ว
บอดี้การ์ดหนุ่มยิ้มกริ่มในใจ เจ้านายผู้เย็นชากำลัง ‘หึง’ โดยไม่รู้ตัว
“เปล่าครับนาย คุณมุกไม่สบายผมเลยพาขึ้นมาพัก เธอยังไม่ได้สติเลยครับ”
“แค่นั้นจริงนะ!”
“ครับนาย แค่นั้นจริงๆ ครับ”
“ขอให้จริงเถอะ ไปได้แล้ว วันนี้ฉันคงไม่ลงไปข้างล่างอีก เกล็ดมุกก็เหมือนกัน มีอะไรนายก็รับเรื่องไว้ก็แล้วกัน” วาคิมสั่งเสียงดุ รู้สึกเหม็นขี้หน้าบอดี้การ์ดของตัวเองขึ้นมาดื้อๆ
กวินค้อมศีรษะรับคำสั่งเจ้านาย เขาหันหลังก้าวตรงไปที่ประตู แต่ทว่า...
“กวิน!” วาคิมร้องเรียกมือขวาคนสนิทด้วยเสียงดุๆ
“ครับนาย”
“ห้ามนาย ‘แตะ’ เธออีก ฉันไม่ชอบ” สั่งพลางกลั้นความกรุ่นโกรธเอาไว้ เพราะเจ้าชายน้ำแข็งผู้เย็นชารู้นิสัยใจคอกวินดี รู้ดีเกินกว่าจะโยนความผิดให้เขา
“ครับนาย” ลูกน้องหนุ่มขานรับด้วยความเต็มอกเต็มใจ ถ้าหากเกล็ดมุกตื่นขึ้นมาได้ยินคงดีใจไม่น้อย
จังหวะเดียวกันนั้น เมื่อร่างของกวินลับหายหลังบานประตู เกล็ดมุกก็เริ่มได้สติ อาการปั่นป่วนในช่องท้องมาพร้อมอาการเวียนศีรษะ มันเริ่มจู่โจมเธออีกครั้ง
“คุณวา...มุก มุกเวียนหัวจัง”
สองมือยันกายลุกขึ้นนั่ง นิ้วเรียวทั้งสิบนวดคลึงที่ขมับสองข้าง ความหนักอึ้งปวดร้าวเข้ารุมเร้าราวกับว่าสมองน้อยๆ ถูกกดทับด้วยแท่นศิลาก้อนหนาหนัก
“ไม่สบายทำไมไม่ไปหาหมอ หรือว่าชอบที่กวินมันคอยดูแล!”
น้ำเสียงกร้าวแฝงแววเยาะหยันอยู่ในที วาคิมตกใจในความรู้สึกนี้ เขาไม่ควรมีอารมณ์ความรู้สึกใดๆ กับเกล็ดมุก แต่ดูเหมือนว่ามันจะห้ามไม่ได้ ใช่! เขากำลังประชดหล่อน
เกล็ดมุกน้อยเนื้อต่ำใจในถ้อยคำที่วาคิมกล่าวหา จนทำให้มองผ่านความรู้สึกที่ฉายชัดในหน่วยตาสีนิลคู่นั้น ขณะเดียวกัน ความอ่อนโยนที่พึงมีต่อเขา ก็ถูกกลบด้วยท่าทีเด็ดเดี่ยวไม่ยอมคน ซึ่งเป็นนิสัยอันจริงแท้ วาคิมไม่สนใจไยดีในยามเจ็บไข้เธอไม่เคยว่า แต่เขาไม่มีสิทธิ์มากล่าวหากันแบบนี้
“ถ้ามุกจะชอบอย่างนั้นมันก็เรื่องของมุก คุณบอกเองไม่ใช่หรือว่าอยากทำอะไรกับใคร หรือว่าอยากจะไปไหนก็เชิญ คุณไม่เคยสนใจอยู่แล้ว แต่นี่อะไรคะ มุกไม่สบายอยู่นะ คุณจะหาเรื่องกับมุกให้มันได้อะไรขึ้นมา หรือว่าอยากเฉดหัวมุกทิ้ง บอกกันดีๆ ก็ได้คุณวาคิม ไม่ต้องอ้างเรื่องโน่นนี่ให้วุ่นวาย ฉันเรียนหนังสือมา ไม่ได้โง่จนมองไม่ออกหรอกนะ!”
เกล็ดมุกพูดจบก็ถึงกับหอบแฮ่กๆ วาคิมยืนจังงังอยู่กับที่ เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเจ้าหล่อนฟิวส์ขาด คำแทนตัวอันแสนห่างเหินนั่นมันช่างแสลงหูสิ้นดี!
“เธอไม่มีสิทธิ์ก้าวร้าวฉัน” เขาย้อนด้วยเสียงเย็นเฉียบ นัยน์ตาแข็งกระด้าง
เกล็ดมุกขนลุกเกรียว หวาดหวั่นต่อธารลาวาที่กำลังไหลเชี่ยวอยู่ใจกลางพายุน้ำแข็ง
“ฉัน...มุก มุกขอโทษ” รีบเอื้อนเอ่ยออกไป เธอไม่สมควรแสดงกิริยาอย่างนั้น หากว่ายังต้องการอยู่ตรงนี้ “มุก เอ่อ...ขอโทษค่ะ มุก...มุกเห็นรูปคุณกับ...ว่าที่คู่หมั้น มุกหัวเสีย มันทำให้มุกลืมตัวพาลใส่คุณ มุกหลงลืมไปว่าไม่มีสิทธิ์ทำอย่างนั้น ไม่มีสิทธิ์หึง ไม่มีสิทธิ์หวง ขอบคุณนะคะที่ช่วยเตือน มุกจะจำให้ขึ้นใจ ขอตัวนะคะ”
ส่งท้ายบ่ายโมงวันอาทิตย์ฝนกำลังตกกระหน่ำอยู่นอกตัวตึกบริษัทเพิร์ล กวินถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อย เฝ้ามองหยาดพิรุณที่ตกกระทบผนังกระจกอย่างเหนื่อยหน่าย เขาอยู่ในห้องทำงานของวาคิม กำลังรอการมาถึงของใครบางคนด้วยใจจดจ่อ เอกสารแฟ้มไม่หนาไม่บางกำลังรอลายเซ็นของคนสำคัญ เขาจะไม่เหนื่อยหน่ายหากว่าไม่ได้นั่งรอเจ้าหล่อนมาตั้งแต่เช้าถ้าเจ้านายที่เคารพไม่สั่งไว้ก่อนพาเจ้าสาวหมาดๆ ไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กันอีกรอบที่ต่างประเทศละก็ จ้างให้เขาก็ไม่มารอเจ้าหล่อนหรอก นี่มันวันอาทิตย์นะ เขาควรจะได้พาลูกกลับบ้านที่ ‘เกาะปันรัก’ ไม่ใช่มาอยู่โยงรอคนที่ไม่รักษาเวลา“ปะป๊า! มีนอยากกินชูชิ” หนูน้อยวัยสี่ขวบหน้าตาน่ารักน่าชังบอกบิดาด้วยสำเนียงที่คิดว่าชัดเจนที่สุด“ขออีกห้านาทีลูก ถ้าเธอยังไม่มาปะป๊าจะพาไป”กวินบอกบุตรชาย ‘มีนา’ ติดอยู่ที่นี่กับเขาตั้งแต่เช้า เขาน่าจะฝากลูกไว้กับคุณหญิงวารี ไม่น่าพามาด้วยเลย“ป๊าลอใค?” หนูน้อยถามอีก“รอคุณแพรวรุ้ง” กวินตอบวาคิมเห็นว่าฝ่ายแพรวรุ้งเสียหน้าที่เขาแต่งงานกับเกล็ดมุก ทั้งที่ข่าวก่อนหน้านั้นออกไปว่าเขาและแพรวรุ้งกำลังจะหมั้นกัน วาคิมเลยขอไถ่โทษด้วยการเสนอให้สาวเจ้ามาเป็
[24]ด้วยรักและเข้าใจ____________“นายเหมือง! อย่ามาผิดคำพูดนะ ไหนบอกว่าจะพาไปเที่ยวไง!”วารินทร์ค้อนฟ้าค้อนลมไปหลายยก เมื่อสามีผู้เอาแต่ใจผูกขาดการอยู่บนเตียงมาตั้งครึ่งค่อนวัน แทนที่วันหยุดจะได้เที่ยวบ้างอะไรบ้าง“อือ...ขอพักเหนื่อยหน่อยจ้ะเมียจ๋า เมื่อคืนนายเหมืองใช้แรงงานมากเกินไปเลยหมดแรง” ตอบกลับหน้าทะเล้น แต่ลุกขึ้นบิดขี้เกียจ“จะไปไหนฮึ ท้องฟ้ามันเป็นใจให้น่านอนขนาดนี้” เขาว่าแล้วรวบร่างน้อยไปล้มตัวลงนอนอีกครั้ง“แดดเปรี้ยงอย่างนี้เหรอที่ว่าเป็นใจ อย่ามาล้างสมองนะ น้องวาอยากว่ายน้ำจะตาย มันร้อน น่านะ พาไปหน่อย”“ฮั่นแน่ เมียเราอยากไปรำลึกความหลังหรือจ๊ะ”เมฆาแกล้งเย้า“บ้า! ใครเขาจะอยากนึกถึงความหลังบ้าบอ”ใบหน้าสวยจืดเจื่อน เมื่อความหลังที่ว่ามันไม่ได้มีเพียงเรื่องชวนวาบหวิวเพียงเรื่องเดียว แต่มันมีทั้งคราบน้ำตาและวาจาที่เชือดเฉือนจิตใจให้เจ็บช้ำครั้งแล้วครั้งเล่า“โอ...ไม่นะวารินทร์ ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นนะที่รัก ฉันไม่อยากให้เธอคิดถึงมันอีก ฉันขอโทษ ฉันสำนึกผิดแล้ว อย่าจมอยู่กับอดีตเลย ฉันขอร้อง ได้โปรดอยู่กับฉัน อยู่กับปัจจุบัน อย่าคิดถึงมันอีกเลย อย่าลงโทษฉั
[23]เพราะเรารักกัน______________วาคิมเร่งฝีเท้าเข้ามาด้านในเพียงเพื่อจะพบต้นตอที่ทำให้เขาขุ่นเคืองใจอีกครั้ง ร่างสูงใหญ่กำยำของบอดี้การ์ดหัวทองกำลังโอบประคองภรรยาของเขาอย่างถือสิทธิ์“วางเธอลงเดี๋ยวนี้โทนี่ คราวหน้าฉันจะตัดมือแกทิ้ง ถ้ากล้าแตะคุณหนูของแกอีก”เสียงกร้าวร้องสั่ง โทนี่ตีหน้าขรึมใส่ เขาอยากจะปล่อยร่างนายสาวลงเสียเดี๋ยวนั้น แต่ก็เกรงว่าสาวใช้ร่างบอบบางจะทานน้ำหนักไม่ไหวเลยต้องประคองเอาไว้“เกรงว่าตอนนี้คุณหนูคงอยากให้ผมแตะมากกว่าคุณ” โทนี่ประชดวาคิมตีหน้ายักษ์ใส่เพราะจนใจในการโต้เถียง เขาช้อนร่างอ่อนปวกเปียกให้พ้นจากวงแขนของบอดี้การ์ดมาดเข้ม ใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือดของเกล็ดมุกช่างบีบคั้นหัวใจอย่างที่สุด หล่อนคงเสียใจที่เขาก้าวออกไปพร้อมๆ กับฟ้ารุ่ง แต่เหนือสิ่งอื่นใดเขาอยากให้หล่อนรับรู้เหตุผลที่เขาต้องทำอย่างนั้นว่าที่คุณพ่ออุ้มว่าที่คุณแม่ขึ้นห้องนอน เขาวางหล่อนลงบนเตียงอย่างเบามือ สั่งสาวใช้ให้หาผ้าชุบน้ำเย็นมาให้ ก่อนจะไล่ทุกคนออกไป ด้วยต้องการอยู่กับหล่อนตามลำพัง“ได้โปรดเถอะมุก ช่วยตื่นขึ้นมาฟังผมที ผมขอร้อง”วาคิมพึมพำขณะไล้ผ้าหมาดๆ เช็ดแก้มนวลอย่างทะนุถนอมครื
ฟ้ารุ่งเดินอ้อมโต๊ะไปหาเกล็ดมุก วาคิมมัวแต่นั่งอึ้งเมื่อเห็นอดีตแฟนเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ เมื่อก่อนหล่อนออกจะเรียบร้อยอ่อนหวาน แต่ตอนนี้ทำไม...“โทนี่!” เกล็ดมุกร้องเรียกบอดี้การ์ดของบิดาที่ยืนคุมเชิงอยู่ห่างๆบอดี้การ์ดมาดเข้มวิ่งมาอย่างไว พริบตาเดียวก็ควักปืน .357 ออกมาวางใส่มือให้เจ้านาย เป็นจังหวะเดียวกับที่ฟ้ารุ่งกำลังจะฟาดฝ่ามือใส่แก้มของเกล็ดมุก ซึ่งผลของมันนั้นทุกคนย่อมรู้ดี แขนเรียวของเจ้าหล่อนค้างเติ่งกลางอากาศ เกล็ดมุกจ่อปืนเข้าที่กลางหน้าผากของอีกฝ่ายอย่างคล่องมือวาคิมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เขารู้ดีกว่าใครว่าเกล็ดมุกใช้ปืนเป็น!เกล็ดมุกยิ้มเยาะ รู้ว่าตัวเองเหนือกว่าเห็นๆ“มาหยามกันถึงถิ่นขนาดนี้ จะให้กลับไปแบบตอนขามามันก็ยังไงๆ อยู่ วันนี้ให้แกงจืดเป็นของฝาก ถ้ากล้ามาอีกละก็ ฉันจะให้ลูกตะกั่ว สนไหมล่ะ คุณฟ้ารั่ว!”“กรี๊ด! อีบ้า! อีโรคจิต! วา! ช่วยฟ้าด้วยเมียคุณจะฆ่าฟ้า ฮือออ...”ฟ้ารุ่งตะเบ็งเสียงแปดหลอดร่ำร้องขอความช่วยเหลือจากวาคิม ชายหนุ่มลุกมาหาสองสาว ใจคอไม่ดี ไม่อยากให้เกล็ดมุกถือปืน หล่อนท้องอยู่นะ ปืนผาหน้าไม้ไว้ใจได้ที่ไหนปัง!กระเบื้องปูพื้นลายสวยเป็นรูโบ๋ตรงกลา
คฤหาสน์หลังงามดูเงียบเหงาเมื่อเธอโดนคำสั่งข้ามประเทศจากเจ้าสัวว่าให้งดการเข้าบริษัท หากยังไม่หายแพ้ท้องดี นั่นทำให้เธอต้องมานั่งจับเจ่าอยู่บนเตียงกว้าง ทั้งนอนเกลือกกลิ้งมากว่าสองชั่วโมงแล้วก๊อกๆๆ“คุณหนูเล็กคะ อาหารเที่ยงเสร็จแล้วค่า”เสียงสาวใช้บอกมาที่หน้าประตู เกล็ดมุกลุกจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ เนื่องจากว่าเธอยังอยู่ในชุดนอนตั้งแต่เมื่อคืน วันนี้สามีเจ้าปัญหาบอกว่าจะมาทานข้าวเที่ยงด้วย แต่ตอนนี้ปาเข้าไปจะบ่ายโมงแล้ว เธอคงจะหิ้วท้องรอหรอกเกล็ดมุกเดินลงมาชั้นล่างด้วยความกระปรี้กระเปร่า การได้อาบน้ำเย็นๆ ช่วยให้เธอสดชื่นขึ้นทันตา เธอเดินมาถึงโต๊ะอาหาร วินาทีเดียวกันนั้น เสียงรถแล่นมาจอดที่หน้าบ้านก็ทำให้เธอต้องชะเง้อคอมองผ่านหน้าต่างกระจกด้วยความใคร่รู้“เสียงรถใครน่ะ ไปดูทีซิ ใช่รถคุณวาหรือเปล่า”สาวใช้ยังไม่ทันได้ออกไปพ้นประตูดี เจ้าของรถยนต์เสียงแปลกหูก็เดินนวยนาดเข้ามาอย่างถือวิสาสะ“สวัสดีค่ะคุณมุก แหมๆๆ กลับมาไม่บอกกันบ้างเลยนะคะ”เสียงหวานหยดเอ่ยถามแกมหยอกเย้า ราวกับว่าสนิทกันมาแรมปี เกล็ดมุกหน้าตึง นี่ถ้าเธอไม่รู้ว่าหล่อนคนนี้เป็นใคร ป่านนี้คงยังโดนหลอกไม่เลิก ก็สาว
[22]ปรับความเข้าใจ__________วาคิมใช้เวลาเกือบสามชั่วโมงในการขับรถกลับจากหัวหิน และตอนนี้เขาก็เลี้ยวรถเข้ามาจอดที่หน้าคฤหาสน์ของตระกูลเฉินเป็นที่เรียบร้อย เขาพ่นลมหายใจทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างกังวล ไม่รู้จะแก้ตัวเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไรดี หรือว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือการพูดความจริงเสียงรถที่แล่นเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์ สะกิดใจเกล็ดมุก เธออยู่ในห้องอาหาร มีสาวใช้คอยปรนนิบัติพัดวีราวเจ้าหญิง เธอเพิ่งกลับมาถึงที่นี่ไม่ถึงชั่วโมงและยังไม่มีแก่ใจจะรับแขก“ไปดูทีว่าใครมา ถ้าแขกของป๊าบอกให้เขามาวันหลังนะ”เกล็ดมุกสั่งสาวใช้ ปากน้อยๆ กำลังแทะเล็มเม็ดมะม่วงที่ตอนนี้เหลือแต่แกนเปล่าๆ“ค่ะ คุณหนูเล็ก” สาวใช้ร่างผอมขานรับ รีบเดินแกมวิ่งไปที่หน้าคฤหาสน์ แต่ยังไปไม่ถึงด้านหน้าดีด้วยซ้ำ ผู้มาเยือนก็เข้ามาถึงด้านในเสียก่อน“มีอะไรก็ไปทำเถอะ”คุณหนูเล็กสั่งอีกครั้ง สาวใช้รีบหลบฉากเข้าครัว“กลับมาทำไมไม่บอกผมบ้าง รู้หรือเปล่าว่าทำให้ผมเป็นห่วงแค่ไหน”เกล็ดมุกไม่อนาทรร้อนใจต่อคำกล่าวหานั้น ยังคงนั่งกินมะม่วงน้ำปลาหวานต่อไปไม่รู้ร้อนรู้หนาว“ผมถามทำไมไม่ตอบ!” วาคิมขึ้นเสียง อารมณ์เดือดปุดๆ เขาอุตส่าห์เป็นห