นางกงซุนมองนางด้วยความแปลกใจเมื่อฟังถึงตรงนี้ “ช้าก่อน! เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเจ้า? จะแสดงความในใจทำอันใด?”หรงเจียวเจียว “?”หรือว่าไม่ได้มาเพื่อถามนางหรอกหรือ?เมื่อวานนี้นางกงซุนก็ชอบหรงเจียวเจียวมากเช่นกัน แต่นางเห็นท่าทีของลูกชายชัดเจนแล้ว จะกล้าหาเรื่องอีกได้อย่างไร?นางหันไปยิ้มให้นางหวังอีกครั้ง “ความจริงแล้วเยี่ยนซูชมชอบบุตรสาวสายตรงคนโตของจวนพวกท่าน หากฮูหยินมีความต้องการอันใดก็เรียนแจ้งมาตามตรงได้เลย ต้องการสินสอดเท่าไรก็บอกมาได้”อย่างไรลูกชายก็จ่ายเองทั้งหมด ไม่ต้องใช้เงินของนางแม้แต่ทองแดงเดียว นางกงซุนจึงไม่ยี่หระนางหวังได้ยินว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาสู่ขอเจียวเจียวก็หุบยิ้มไปครึ่งหนึ่ง กระนั้นก็ไม่กล้าเสียมารยาทต่อแขก สั่งให้คนไปเชิญตัวมหาราชครูหรง เป็นครั้งที่สองแล้วที่หรงเจียวเจียวเข้าใจความหมายผิด คิดว่าตัวเองจะได้แต่งงานไปอยู่จวนราชครู ตอนนี้นางรู้สึกเหมือนเป็นคนโง่ รู้สึกอับอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ต้องปิดปากร้องไห้เดินออกไปนางหวังมองแผ่นหลังของลูกสาวตัวเอง แม้จะเป็นห่วงแต่ก็ตามไปไม่ได้เพราะกำลังมีแขก……หรงเจียวเจียวร้องไห้กลับไปที่เรือนหลังพบเจอกับหรงอี๋ หรงอ
“ข้าคอยดูแลเจ้าอย่างดีในฐานะญาติผู้น้อง แต่เจ้ากลับคิดที่จะแย่งคู่หมายไปจากข้าอย่างนั้นรึ? ช่างเป็นคนที่เนรคุณจริงๆ!”“แต่เจ้าแย่งชิงไปจะมีประโยชน์อะไร? ไม่เห็นหรือว่าเมื่อครู่นี้ฮูหยินเฉินสนใจถามแค่ข้า ไม่ได้ถามเจ้า? หากจะต้องแต่งงานเกี่ยวดองกับท่านราชเลขาธิการ มันก็ควรเป็นข้าซึ่งเป็นบุตรสาวสายตรงของมหาราชครู!”“อย่างเจ้ามันไม่คู่ควร! เข้าใจคำว่าฐานะเท่าเทียมหรือไม่?”หรงอี๋ถูกทำให้อับอายขายหน้าเช่นนี้ แววตาของนางหมองหม่นลง เดิมทีนางคิดว่า ต่อให้หรงเจียวเจียวจะอ่านเจตนาของตัวเองออกก็คงไม่พูดออกมา ช่วยรักษาหน้าซึ่งกันและกัน แข่งขันกันด้วยความสามารถนึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะพูดจาไม่น่าฟังเช่นนี้นางลอบจดจำความแค้นไว้ในใจ ย่อตัวพูดว่า “พี่หญิงสามพูดได้ถูกต้องเจ้าค่ะ! แต่ว่าพี่หญิง ท่านจะบอกว่าแย่งการแต่งงานของท่านได้อย่างไร? เพราะเหมือนว่าการแต่งงานนี้ก็จะไม่ใช่ของท่านนะเจ้าคะ?”มีอะไรน่าโอ้อวดกัน สักวันหนึ่ง นางจะทำให้หรงเจียวเจียวรู้ว่า ต่อให้ชาติกำเนิดของนางจะสู้อีกฝ่ายไม่ได้ แต่นางก็จะมีชีวิตที่ดีมากกว่าหรงเจียวเจียว!หรงเจียวเจียวสะอึกกับคำพูดของนางไปครู่หนึ่งก่อนจะโต้กลับด้วยควา
เจาซีโกรธมาก “คุณหนู ท่านไม่อยู่จวนแค่ประเดี๋ยวเดียว พวกนางก็คิดจะยึดของของท่านเสียแล้ว!”หรงจือจือเหลือบมองนางอย่างราบเรียบ “ของของข้าอะไร?”นางได้บอกกับนางกงซุนไปแล้วว่าจะยกเลิกการแต่งงานกับเฉินเยี่ยนซู ย่อมพูดเช่นนี้ไม่ได้อีกเจาซีมุ่ยปาก ไม่กล้าพูดอะไรมากอีก เพียงแต่ถามว่า “เช่นนั้นพวกเราจะเข้าไปหรือไม่?”หรงจือจือส่ายหน้าตอบเสียงเรียบ “ไม่ดีกว่า พวกเราเข้าไปทางประตูข้าง ปล่อยให้พวกนางตีกันเอง”ก่อนหน้านี้ท่านพ่อกังวลมากไม่ใช่หรือว่าสกุลหรงจะขายหน้าที่บุตรสาวสองคนแย่งสามีคนเดียวกัน? บัดนี้หรงเจียวเจียวกับหรงอี๋ก็กำลังทำแบบนั้น เช่นนั้นก็ปล่อยให้ท่านหัวเราะไปก็แล้วกันนางจะเข้าไปข้องเกี่ยวให้ได้อะไร?……นางกงซุนอยู่ที่เรือนหน้าโดยมีนางหวังอยู่เป็นเพื่อน เบิกบานใจจากถ้อยคำเอาใจของบุตรสาวสกุลหรงทั้งสองมีเพียงไม่กี่คนบนโลกนี้ที่ไม่ชอบถูกผู้อื่นเยินยอ โดยเฉพาะนางกงซุนที่ชื่นชอบเป็นอย่างยิ่งหรงเจียวเจียวและหรงอี๋ปากหวานกันมาก หากไม่ชมว่านางมีกิริยางดงามไร้ที่ติ ก็จะชมว่านางงดงามหาใดเปรียบทำเอานางกงซุนดีใจจนลืมตัว หันไปพูดกับนางหวังว่า “แม่นางสองคนนี้ช่างเป็นเด็กดี สกุลหรงช่
“เมื่อทราบว่านางถานพยายามติดสินบนสาวใช้ในจวนสกุลหรง นางก็สั่งให้สาวใช้นางนั้นไปช่วยเหลือ”“ครั้นรู้ว่าเป้าหมายคือฮูหยินผู้เฒ่า คุณหนูสามจึงเข้าร่วมแผนการ นางไม่พอใจที่ฮูหยินผู้เฒ่าลำเอียงเข้าข้างท่านมาโดยตลอด หมายจะเอาชีวิตของฮูหยินผู้เฒ่ามานานแล้ว”“หลังจากที่นางร่วมมือกับนางถานทำทุกอย่างเสร็จสิ้นก็เริ่มลนลานขึ้นมา กลัวว่าเรื่องนี้จะสาวมาถึงตัวนาง ด้วยเหตุนี้จึงไปขอความช่วยเหลือจากฮูหยิน”“ฮูหยินโกรธจนตบหน้านางไปหนึ่งฉาด แต่จะไม่ให้สนใจความเป็นความตายของบุตรสาวตัวเองก็ไม่ใช่ ได้แต่ปลิดชีพสาวใช้นางนั้นทันทีเพื่อเก็บกวาดปัญหาให้นาง”ดวงตาของหรงจือจือแดงก่ำ พึมพำว่า “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้…”นางคิดไม่ตกมาโดยตลอดว่าเหตุใดนางหวังจึงทำเช่นนี้ แต่ผู้ต้องสงสัยที่ใหญ่ที่สุดก็คืออีกฝ่าย หากบอกว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของหรงเจียวเจียว เช่นนั้นทุกอย่างก็กระจ่างแล้วจ้าวหมัวมัวถอนหายใจ “คุณหนูสามบอกว่า ตั้งแต่เล็กจนโต ฮูหยินผู้เฒ่าก็คอยดูแลท่านไว้ข้างกาย ราวกับว่ามีเพียงท่านที่เป็นหลานสาวของนาง”“ไม่ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะมีสมบัติอะไรก็จะมอบให้ท่านทั้งหมด เวลาอยู่บ้านก็คอยปกป้องท่านเสมอ”“นางเคียดแค้น
นางอวี๋ยิ้ม “ตอนนั้นเจ้าคงไม่คิดสินะว่าตัวเองจะหวั่นไหวกับตัวนางที่เติบใหญ่แล้ว?”ใบหน้าหล่อเหลาของเฉินเยี่ยนซูแดงเล็กน้อย ไม่ได้ตอบคำถามของท่านย่าถูกต้อง ยามที่พบกันครั้งแรก นางเป็นเพียงเด็กหญิงอายุแปดขวบ เป็นแค่เด็กในสายตาเขา จะคิดอะไรได้อย่างไร?ส่วนในการพบกันครั้งที่สอง นั่นเป็นเวลาหนึ่งปีหลังจากที่นางเข้าสู่วัยปักปิ่นหญิงสาวสะคราญโฉม กิริยามารยาทงดงาม แววตาสุกสกาว ทำให้เขาได้สัมผัสกับความรู้สึกใจเต้นเป็นครั้งแรก แต่ผู้หญิงโตขึ้นแล้วเปลี่ยนไปสิบแปดแบบ[1] นางไม่เหลือเค้าโครงเมื่ออดีตแม้แต่น้อย ทำให้เขาจำไม่ได้ในตอนแรกจวบจนเมื่อเห็นหยกแขวนที่เอวของนางและได้พบกับนายหญิงผู้เฒ่าหรง เขาถึงได้รู้ว่านางก็คือผู้มีพระคุณเมื่อตอนนั้นนางอวี๋เห็นหลานชายมีอาการเช่นนี้ก็ได้แต่ยิ้มเห็นเขาสงบจิตสงบใจไม่อยู่จึงพูดไปว่า “หากเจ้าไม่วางใจก็ตามไปดูมารดาของเจ้าที่สกุลหรงเถิด ที่นี่มีจินหมัวมัวอยู่ เจ้าไม่ต้องอยู่ด้วยก็ได้”เป็นความจริงที่เฉินเยี่ยนซูไม่ค่อยวางใจนัก ด้วยเหตุนี้จึงตอบรับแล้วเดินออกไป……หรงจือจือมาถึงเรือนนอกแล้วได้พบกับจ้าวหมัวมัวที่กำลังร้อนอกร้อนใจจ้าวหมัวมัวที่กำลังก
ใบหน้าของนางกงซุนซีดเผือดเมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ เถียงข้างๆ คูๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ข้าโหดร้ายกับเยี่ยนซูเมื่อใดกัน?”นางอวี๋ “อย่าคิดว่าข้าไม่อยู่ข้างเจ้าแล้วจะไม่รู้เรื่องที่เจ้ากระทำ!”“นางกงซุน ต่อให้เจ้าจะไม่อยากขอโทษ แต่ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องขอโทษอยู่ดี”“หากเจ้าไม่ยอมไปขอโทษจนเป็นการขัดขวางการแต่งงานของเยี่ยนซู เช่นนั้นข้าเพียงต้องมอบหนังสือหย่าให้เจ้าแทนบุตรชายของข้า ให้เยี่ยนซูตัดขาดความสัมพันธ์กับเจ้า เท่านี้ก็ถือเป็นการรับผิดชอบต่อสกุลหรงแล้ว!”นางกงซุนได้ยินนางอวี๋พูดถึงขนาดนี้ก็ร้อนใจแทบน้ำตาร่วง “ข้ายอมไปแล้ว! พอใจหรือยัง?”ในฐานะมารดาของเฉินเยี่ยนซู บัดนี้นางเป็นฮูหยินผู้มีเกียรติที่สุดในเมืองหลวง แต่หากต้องได้รับหนังสือหย่าจริงๆ ความมีเกียรตินี้ก็จะแปรเปลี่ยนเป็นความอับอายขายหน้านางอวี๋พูดหน้าดำคร่ำเครียด “เจ้าจงไปเดี๋ยวนี้!”นางกงซุนตอบด้วยสีหน้าสิ้นหวัง “เจ้าค่ะท่านแม่!”หลังจากสิ้นเสียงก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่สกุลหรงทันทีเฉินเยี่ยนซูมองนางอวี๋พร้อมกับพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “ขอบคุณท่านย่า!”นางอวี๋ถอนหายในเฮือกหนึ่ง “นี่เป็นสิ่งที่ข้าสมควรต้องทำอยู่แล้ว! ห