แชร์

บทที่ 8 คนใจดำ - 75%

ผู้เขียน: จรสจันทร์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-05 13:06:42

เพราะหากบอกให้เอาเด็กไว้ทั้งที่ปวันรัตน์ไม่มีความพร้อมในการเป็นแม่คน เด็กที่ลืมตาดูโลกมาจะถูกเลี้ยงดูอย่างไรในเมื่อเจ้าตัวก็ยืนยันเสียงแข็งว่าจะไม่เอาไว้อย่างเด็ดขาด แต่ถ้าหากเธอสนับสนุนให้เพื่อนทำแท้งก็ไม่มีเงินให้ยืมอยู่ดี และไม่รู้ด้วยว่าเขาทำกันที่ไหนในเมื่อการทำแท้งยังเป็นเรื่องผิดกฎหมายในประเทศนี้

“แล้วฉันจะทำยังไงดีวะพราว แกช่วยฉันคิดหน่อยสิ” ปวันรัตน์พูดไปสะอื้นไปจนฟังแทบไม่ได้ศัพท์

พราวนภาอยากต่อว่าเพื่อนเรื่องที่ไม่ยอมคุมกำเนิด แต่พอคิดอีกที ต่อว่าไปก็เท่านั้นเพราะเรื่องเกิดขึ้นมาแล้ว ย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้ ทำได้เพียงตั้งรับปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างมีสติ

“ฉันว่าแกลองสารภาพกับพ่อแม่ดูดีไหมวะเพื่อน ยังไงแกก็เป็นลูกนะ ท่านคงไม่ใจร้ายไล่แกออกจากบ้านหรือทำโทษแกโหด ๆ หรอก เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วยังไงก็ต้องช่วยกันหาทางออกนั่นแหละวะ”

เธอคิดว่านี่คือทางออกที่ดีที่สุดแล้ว เพราะปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องเล็กที่จะสามารถจัดการกันเองได้ ปวันรัตน์ยังไม่บรรลุนิติภาวะ การทำแท้งหรือเอาเด็กไว้คงต้องให้ผู้ใหญ่เป็นฝ่ายตัดสินใจดีกว่า เพราะอย่างน้อยหากเก

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทล่าสุด

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 10 ปีสุดท้าย - 50%

    “เออว่ะ หายไปทั้งคู่เลย ไปห้องน้ำมั้ง” ภัทรวีนึกอยากส่งข้อความไปหาเพื่อนทั้งสองคนแต่ติดที่กฎของโรงเรียนห้ามใช้โทรศัพท์ในเวลาเรียน จึงได้แต่นั่งรอพลางมองไปที่ประตูห้องเป็นระยะ“จะเช็กชื่อแล้วด้วยว่ะ สองคนนั้นยังไม่มาอีก” มนัสนันท์มองไปทางหน้าห้องด้วยความหวาดหวั่นเพราะอาจารย์ที่ปรึกษากำลังไล่เช็กชื่อนักเรียนตามเลขที่ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงเลขที่ของปวันรัตน์“ปวันรัตน์” อาจารย์โฉมสุดามองไปรอบห้องแต่ไม่เห็นมีคนยกมือขานรับจึงถามขึ้น “ขาดเรียนหรือ”“ตอนเข้าแถวยังเห็นอยู่นะคะอาจารย์ น่าจะไปเข้าห้องน้ำค่ะ” เพื่อนในห้องคนหนึ่งเป็นฝ่ายตอบ ภัทรวีกับมนัสนันท์จึงมองหน้ากันด้วยความโล่งอกขณะเดียวกัน พราวนภาที่ยืนเล่นโทรศัพท์อยู่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้องน้ำก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินเสียงครางแผ่วปนสะอื้นดังมาจากห้องที่ปวันรัตน์เข้าไปใช้ หญิงสาวจึงเดินไปยืนหน้าห้องนั้นแล้วถามเบา ๆ“เปิ้ล แกเป็นอะไรรึเปล่า” ถามออกไปแล้วก็ต้องสงสัยมากกว่าเดิมเมื่อเสียงของเพื่อนที่ได้ยินผ่านประตูออกมานั้นราวก

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 10 ปีสุดท้าย - 25%

    นฤบดินทร์ได้ยินคำถามก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยก่อนจะตอบสั้น ๆ แต่ชัดถ้อยชัดคำ “มีแล้ว”“ก็ว่างั้นแหละ อย่างแกนี่ไม่น่าโสด” ชลณิชาพูดกลั้วหัวเราะ เธอจำได้ดีว่าตอนเรียนมัธยมปลายด้วยกันมาสามปีเต็มนั้น นฤบดินทร์ฮอตมากแค่ไหน เทศกาลสำคัญโดยเฉพาะวันวาเลนไทน์ เขามักได้ของขวัญหรือขนมดี ๆ มาเพียบ ซึ่งแน่นอนว่าพวกเธอที่เป็นเพื่อนสนิทนั้นก็พลอยได้อานิสงส์ไปด้วย“รุ่นเดียวกันรึเปล่า แล้วเขาเรียนเมืองไทยหรือ ทำไมไม่มาเรียนที่นี่ด้วยกันล่ะ” หญิงสาวถามต่อ แต่ชายหนุ่มเหลือบตามองคนถามพลางยิ้มอ่อน“แกนี่มันช่างซักช่างถามเหมือนเดิมเลยนะมิ้นต์” เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปที่บันทึกไว้ในนั้นแล้วส่งให้เพื่อนดูบ้าง พร้อมกับพูดต่ออีกว่า“รุ่นน้อง ยังเรียนไม่จบก็เลยยังมาไม่ได้”ชลณิชาได้ยินคำตอบห้วน ๆ สั้น ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของอีกฝ่ายจึงส่งค้อนให้ด้วยความหมั่นไส้“แกก็ถามคำตอบคำเหมือนเดิมนั่นแหละวะ แหม...แล้วมาบอกว่าฉันช่างถาม ก็ฟังแกตอบเข้าสิ แทนที่จะบอกมาให้ครบเลยว่าเรียนปีอะไรแล้ว อยู่ม

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 9 นอนคนเดียว - 100%

    เมื่อได้ยินเพื่อนพูดมาแบบนั้น พราวนภาก็อดแย้งขึ้นไม่ได้ เพราะหากพูดกันตามตรงแล้วเธอก็เคยเป็นเด็กที่พ่อแม่ไม่พร้อมจะมีลูกเช่นกัน แต่ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ยังอยู่มาได้จนถึงตอนนี้“มันก็ไม่แย่ขนาดนั้นหรอกมั้ง ท้องตอนเรียนไม่จบก็ออกมาคลอดแล้วกลับไปเรียนใหม่ก็ได้นี่นา เปิ้ลมันหัวดีอยู่แล้ว ภาษามันก็ดี ครอบครัวก็มีเงิน ฉันว่าต่อให้มันลาออกกลางคันแล้วมาหาทำธุรกิจอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ มันก็น่าจะไปรอดนะแพม สมัยนี้งานบางอย่างมันไม่ต้องใช้ใบปริญญาด้วยซ้ำ”“เออเนอะ” เธอได้ยินเสียงภัทรวีถอนหายใจ จากนั้นก็ตามมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“พราว! ไอ้เปิ้ลมันโทร. มา แค่นี้ก่อนนะ ฉันรับสายมันก่อน”พราวนภานึกถึงเรื่องของตัวเองที่บิดากับแม่จันทร์เจ้าเคยเล่าให้ฟัง เพียงตะวัน มารดาบังเกิดเกล้าของเธอก็ตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมเช่นกัน บิดาของเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีเลือดเนื้อเชื้อไขของตนกำลังจะลืมตาดูโลก แต่มารดาก็ตัดสินใจเก็บเธอไว้แม้ว่าตอนนั้นครอบครัวจะเจอมรสุมใหญ่ก็ตามหญิงสาวลุกขึ้นแล้วหันหลังกลับเพื่อเดินเข้าบ้าน แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อเห็น

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 9 นอนคนเดียว - 75%

    “พี่ว่าเราอย่ายืนคุยกันตรงนี้ดีกว่าแดดมันร้อนน่ะ น้องพราวนั่งรถไปกับพี่ละกันครับไหน ๆ เราก็จะไปที่เดียวกันอยู่แล้ว พี่เข็นจักรยานไปเก็บให้นะ”ภราดรกุลีกุจอเข็นจักรยานไปไว้ในโรงรถตามเดิมพร้อมกับปิดประตูรั้วให้อย่างเรียบร้อย ก่อนจะผายมือให้หญิงสาวขึ้นไปนั่งข้างคนขับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“ขอบคุณค่ะพี่บาส” พราวนภายิ้มจนแก้มบุ๋มก่อนจะเดินอ้อมตัวรถไปนั่งอีกฝั่งโดยมีสายตาของภราดรมองใบหน้าสวยหวานที่มีลักยิ้มบนแก้มซ้ายนั่นตามหลังไปตาปรอยชายหนุ่มถอนหายใจแผ่วก่อนจะเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ เห็นเธอกำลังคาดเข็มขัดนิรภัยเขาจึงลอบมองเสี้ยวหน้าของหญิงสาวอย่างอดใจไม่อยู่เขาเองก็แอบชอบพราวนภาเช่นเดียวกับเพื่อนรักอย่างนฤบดินทร์ แต่เขาเพิ่งมารู้สึกชอบเธอเมื่อตอนที่หญิงสาวขึ้นชั้นมัธยมปลาย ผิดกับนฤบดินทร์ที่แทบจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของกันและกันไปแล้ว และเพราะความเป็นเพื่อนที่มีมาอย่างยาวนาน เขาจึงยอมถอยเพราะรู้ดีว่าความรู้สึกที่นฤบดินทร์มีให้หญิงสาวนั้นลึกซึ้งมากกว่าเขานักแต่พอได้มาอยู่ใกล้กันอย่างนี้ เขาก็อดหวั่นไหวไม่ได้ คิดแล้วก็นึกโทษตัวเองที่

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 9 นอนคนเดียว - 50%

    “อาทิตย์หน้าพราวเปิดเทอมแล้วใช่ไหม” ชายหนุ่มเปลี่ยนโหมดโทรศัพท์มาใช้กล้องหน้าตามเดิม“ใช่ พราวอยากให้เปิดเร็ว ๆ เพราะอยู่บ้านก็ไม่มีอะไรทำ อยากจบม.หกเร็ว ๆ อยากให้สามปีผ่านไปเร็ว ๆ” ประโยคหลังเธอพูดเสียงเบาแต่นฤบดินทร์ก็ยังได้ยินอยู่ดีเพราะเสียงของเธอเข้าลำโพงมา“ตอนนี้ก็บอกว่าอยากจบม.ปลายเร็ว ๆ แต่พอถึงเวลาเข้าจริง ๆ ก็ใจหายนะ” ชายหนุ่มหย่อนตัวนั่งบนเตียง“ก็ใช่ อีกแค่แป๊บเดียวพราวก็จะได้เป็นนักศึกษา เท่ากับว่าพี่ดินจะกลับเมืองไทยตอนพราวอยู่ปีสองพอดีเลยสิ”“ปีสามสิ แต่ถ้ามีโอกาสได้ฝึกงานกับบริษัทดี ๆ ก็อาจจะอยู่ต่ออีกสักปีแล้วค่อยกลับไทย” เขาพูดไปตามที่คิด เพราะความตั้งใจที่มาเรียน MIT นั้นก็เพื่อปูทางสำหรับการทำงานในอนาคตโดยเฉพาะ และถ้าได้ฝึกงานกับบริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำของโลกก็ยิ่งเป็นโอกาสดีที่เขาไม่ควรปล่อยผ่าน“โหย...พูดมาแบบนี้แสดงว่าคิดเอาไว้แล้วใช่ไหมว่าน่าจะเกินสามปีอย่างที่บอก” พราวนภาพูดเสียงอ่อย“ก็พูดเผื่อไว้ไง จะว่าไปแล้ว ไม่ว่าจะสามปีหรือห้าปีมันก็ไม่

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 9 นอนคนเดียว - 25%

    นฤบดินทร์ยืนมองอาคารสูงสามชั้นตรงหน้าด้วยสายตาเรียบเฉย นี่คืออพาร์ตเมนต์ที่เขาต้องอาศัยอยู่ชั่วคราวระหว่างศึกษาต่อที่นี่ เขาทำสัญญาเอาไว้แค่สามเดือนเพราะคิดว่าหากไม่พอใจค่อยหาทางขยับขยายย้ายไปเช่าที่อื่น ชายหนุ่มหันมองสองสาวที่ยืนอยู่ข้างรถแล้วพูดว่า“ขอบคุณที่มาส่งนะครับ” พูดจบเขาก็ลากกระเป๋าเดินเข้าไปด้านในโดยไม่มีท่าทางประหม่าเหมือนคนที่เพิ่งเคยมาครั้งแรกเลยแม้แต่น้อยอันธิกาได้แต่มองตามหลังนฤบดินทร์ไปด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเปิดประตูแล้วขึ้นไปนั่งบนรถ ส่วนกิฟต์ก็นั่งประจำที่ฝั่งคนขับเช่นเคย“พี่ว่าเขาแปลก ๆ นะแอน เป็นพวก introvert หรือ” กิฟต์ถามขึ้นหลังจากที่ขับรถมาได้สักพัก“ก็ไม่เชิงนะพี่ จะเรียกว่าอะไรดีล่ะ แอนก็ไม่รู้จะใช้คำอะไรมานิยามคนแบบนี้ เขาเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เอาใครเลยเพราะเพื่อนเขาก็เยอะอยู่ เขาไม่เคยจีบผู้หญิงก่อนเลยนะ ไม่เคยมีท่าทีสนใจผู้หญิงที่ไหนด้วยแต่เปลี่ยนแฟนได้ทุกเทอมน่ะพี่คิดดูละกัน” อันธิกาเล่าไปตามที่ตนรู้“ก็แปลว่ามีแต่ผู้หญิงเข

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status