เข้าสู่ระบบฉันเพิ่งสังเกตเห็นว่าผู้ชายห้องเราก็หน้าตาดีไม่แพ้ห้องคนอื่น และที่สำคัญดุ้นพวกมันก็ใหญ่มากด้วยนะ ฉันไปแอบเจอคลิปเอากันของไอ้นนท์ คXยแม่งเป็นลำยาวเหมือนกระบองเลยแหละ ฉันคิดว่าของคนอื่นก็ต้องมีดีไม่น้อยเหมือนกัน
ดูเพิ่มเติมThe sun beat down relentlessly over the field, but I hardly noticed. Around me, the players slowed their horses, their confusion apparent. Yet, I didn't care. My pulse thundered in my ears as I strode purposefully across the immaculately kept turf. Startled murmurs rippled through the crowd, gasps echoing as they realized I was disrupting the match. Let them talk—this wasn't about them.
It was about him.
Perion.
There he stood, as if he owned the world, leaning casually near the sidelines. A cigarette rested unlit at the corner of his mouth, his expression cool, indifferent—like my sudden intrusion was nothing more than a minor inconvenience. The tailored suit clinging to his broad shoulders spoke of arrogance, the kind only he could carry. His sunglasses shielded his eyes, but I didn’t need to see them to know the intensity lurking behind those dark lenses. He looked somewhat gloomy, but I could see the faint twitch of his jaw as I approached.
My breath hitched as I stopped a few feet away, my chest heaving. There was no need for pleasantries, no room for civility. My voice, sharp and cutting, broke the tension between us. "What the hell are you doing here?"
He didn’t flinch. If anything, he seemed amused. Tilting his head, a slow, infuriating smirk spread across his lips. "Silly, I was about to ask you the same thing."
"Don't." I stepped closer, my tone firm, my eyes burning with anger. "Don't act like this is normal. You're here—again. Spain, Monaco, France—everywhere I go, there you are. Do you even realize how insane that is? Do you understand what it looks like?"
His smirk deepened, and his voice, maddeningly smooth, only fueled my anger. “I really don’t know what you’re talking about.”
With a flick of my hand, I knocked the cigarette from his mouth, crushing it beneath my heel. “Why are you here, Perion?” I demanded, my voice quieter now, almost pleading. “Don’t lie to me.”
“Why are you here?” I repeated, my voice trembling despite my best efforts. “I watched you die, Perion. I grieved for you. You don’t get to just show up and act like—like you have some right to be here. You don’t get to—”
He finally removed his sunglasses, letting them dangle from his fingers. His piercing eyes met mine, the intensity of his gaze pulling me in like it always did. Slowly, he stepped closer, closing the distance between us.
His jaw tightened, the muscle ticking as he exhaled slowly. “I'm sorry.”
I froze. The weight of his words slammed into me. My mind screamed to stay angry, but his apology—so rare, so unexpected—left me reeling.
His hand twitched as if he wanted to reach for me but stopped halfway, letting it fall to his side. “I had to make you believe it,” he continued. “It was the only way to keep you safe.”
“Safe?” A bitter laugh escaped me. “You faked your death, vanished without a word, and left me to pick up the pieces of my life alone. And you call that ‘keeping me safe’? Safe from what? From you? And now you’re here, expecting me to just accept you? To believe that you’ve been...what? Watching me? Following me? F'k you, Perion! Did you ever even love me?”
My voice broke on the last question, and I hated myself for it. I didn’t want to give him the satisfaction of knowing how deeply he’d hurt me. He was too close now, close enough that I could smell the faint hint of his cologne, feel the magnetic pull that had always made me weak. I hated it. Hated him. Hated how he could unravel me with just a look.
His jaw tightened, and for a moment, he looked like he might break. “I’m the man who kept you alive, the man who would have died for you. Don’t act like I didn’t care.”
“Pathetic.” My voice broke, and I took a step back, needing distance. "All those years, you were lying to me. How could you return and screw me yet again?”
“I never lied about how I felt,” he said, his tone unwavering. He stepped closer, and I hated the way my body betrayed me—the way my pulse quickened, the way I couldn’t tear my eyes away from him. “Everything I did was to protect you.”
I turned sharply, refusing to let him see the tears brimming in my eyes. “Leave,” I said, my voice firm despite the ache in my chest. I shot him a warning look, my eyes narrowing with impatience. "You can leave now and not come back. I don’t need you around."
He didn’t listen. His presence loomed over me like a shadow I couldn’t escape. With every step I took, his persistence became more suffocating, more maddening. I pivoted to leave instead. I ignored his plea to stop me.
"Carmenta, please go back." My history, sure, is coming for me at some point. With a sharp tilt of my chin and a piercing gaze, I spat out the words, "What did I tell you about you and your orders?"
“Stop telling me what to do!” I snapped. “You don’t get to do that anymore. You don’t get to act like you care, like you’re protecting me, when you’ve already made it clear that I don’t matter to you.”
His eyes darkened, his expression unreadable. For a moment, I thought he might lash out, but instead, he stepped closer again, the space between us evaporating.
"Get lost!"
While he begged for my attention, his words fell on deaf ears—I refused to let his desperation sway me. With every step I took, the distance between us seemed to grow, but his presence lingered in the corners of my mind. Still, I was resolute, determined to escape the tangled mess of the past that weighed heavily on my shoulders.
@ 16:00พวกเธอตัดสินใจกันว่าจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในวันนี้ เนื่องจากพวกผู้ชายโดนโทรถามให้ไปถ่ายแบบเป็นงานเร่งด่วน จากแพลนกลับในวันพรุ่งนี้ต้องเปลี่ยนมาเป็นวันนี้แทนทั้งหมดจะเดินทางกลับในช่วง 18:00 และตอนนี้ก็กำลังจัดเก็บเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวใส่กระเป๋า กล้วยไม้ได้โทรไปหาลูกน้องของพ่อจองโต๊ะร้านอาหารให้หน่อยแล้วอีกสักพักก็มารับได้พวกเธอทยอยกันขนของออกมาตั้งรอหน้าบ้านประจวบเหมาะกับที่รถตู้มาถึงพอดี กล้วยไม้ได้ไลน์ไปบอกแม่บ้านให้มาทำความสะอาด ก่อนหน้านี้ได้ช่วยกันเก็บขยะใส่ถุงดำให้เรียบร้อย เวลามีไม่มากก็ทำได้แค่นี้แหละทั้งหมดแวะร้านอาหารริมทะเล โดยได้คนท้องถิ่นช่วยแนะนำว่าร้านไหนอร่อย โดยเลือกในโซนส่วนตัวห้ามไม่ให้ใครมายุ่งวุุุ่นวายเกิดใครมาได้ยินเรื่องที่คุยจะเอาไปนินทาเอาได้"ไว้โอกาสหน้าค่อยมาเที่ยวอีก มาครั้งนี้สนุกมาเลยนะอีกล้วยไม้ ฝากขอบคุณพ่อกับแม่มึงด้วย"ต๊าดบอก เขาเองก็มีความสุขมากและไม่มีวันลืมด้วย ค่ำคืนอันแสนหวานของพวกเราทุกคน แม้ว่าอยากจะแทงหอยพวกผู้หญิงอีก ทว่ามีงานเร่งด่วนเข้า ก็ต้องกลับไปทำงานต่อ พลาดโอกาสได้ปี้ครบทุกคน"อือ ไม่เป็นไร นานๆ จะได้มาพักผ่อนด้วยกัน อีกไ
@14:00เหมือนนอนกินบ้านกินเมือง พวกผู้ชายเริ่มทยอยตื่นทีไรด้วยความสดชื่น ทว่ากลับรู้สึกแปลกๆ ตรงใจกลางความเป็นชาย"กูฝันว่าโดนผู้หญิงขย่มเอ็นวะ"ฟลุ๊คบอกในขณะกำลังลุกขึ้นนั่งสะบัดศีรษะเล็กน้อยเพื่อขับไล่ความมึน เมื่อคืนพวกเขาดื่มกันจนหนักและเสียน้ำกันเยอะเลยเพลียจนตื่นเอาปานนี้ พอหันมองรอบๆ ก็ไม่พบพวกผู้หญิง ทว่ากลับไปยินเสียงจากบนห้องแทน คงจะตื่นกันแล้วสินะ แต่เขารู้สึกๆ แปลกตรงลำท่อนของตัวเองเหลือเกิน ซึ่งไม่ต่างอะไรกับในความฝัน"เชี้ยะ! เหมือนกูเลย"ต๊าดบอก"กูด้วย"พวกเขาทุกคนต่างเอ่ยพร้อมเพรียงกัน ต่างหันมองด้วยความสับสนงุงง พอเอามือมาสัมผัสกับท่อนดุ้นก็รู้สึกเหมือนว่ามีอะไรเหนียวๆ หรือว่าพวกเขาฝันเปียกกันแน่ไม่น่าใช่หรอกนะ"น้ำเชื้อ!"กอล์ฟร้องดังขึ้น เมื่อสายตาเหลือบหันมาเห็นบางอย่างบนขา"อะไรของมึง"โอ๊ตถาม"ขากูเนี่ยเลอะน้ำเชื้อ กูมั่นใจเลยว่าเมื่อคืนไม่ได้เสียน้ำในห้องนั่งเล่น กูเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้"เกาหัวแกรกๆ ด้วยความงุงงน เขามั่นใจตัวเองมากว่าไม่ได้ปี้ใครในห้องนั่งเล่น และไม่น่าจะใช้น้ำของเขาด้วย หรือว่าจะเป็นของเพื่อนคนอื่นก็ได้"หรือว่าพวกผู้หญิงมันจะแอบลักหลับพวกเราวะ"
พวกเธอตัดสินใจแล้วว่าแล้วจะเริ่มไอ้ชาติเลย ขย่มคนละสองสามครั้งพอ หมิวอาสาก่อนเป็นคนแรก เธอเดินก้าวคร่อมตัวเพื่อนชายระมัดระวังไม่ให้เผลอไปเหยียบไข่เอาได้สองมือกระตุกรูดท่อนดุ้นเบาๆ ซี๊ดครางในลำคอของชาติอย่างไม่รู้ตัว เธอยิ้มมุมปาก ก่อนจะจับแท่งร้อนตั้งตรงจ่อรูหอยแล้วค่อยๆ นั่งทับตามจนมิดด้าม"ซี๊ดดดดด"รูหอยของเธอตอดรัดตุบๆ ดุ้นของชาติใหญ่เกินกว่าจะอธิบายออกมาได้ คับแน่นเต็มรูจนเธอรู้สึกจุกท้องน้อยมาก สองมือยันหน้าท้องแกร่งเบาๆ ขยับสะโพกกระแทกลงท่อนดุ้นช้าๆ เพื่อให้น้ำหล่อลื่นเคลือบลำดุ้น เพื่อนคนอื่นๆ จะได้สอดใส่เข้าหอยได้ง่ายๆ"อูยยยย..... "สวบ! สวบ! สวบ!ขย่มรูหอยเข้าใส่ท่อนดุ้นของชาติหนักๆ เน้นๆ สี่ห้าครั้งพอประมาณ เดี๋ยวเจ้าตัวจะตื่น ความสนุกคงหมดพอดี เธอลุกขึ้นออกจากตัวของชาติแล้วไปต่อด้วยพงษ์"พวกมึงยืนอยู่เฉยๆ คงเสียวสินะ ไปดูดดุ้นพวกมันสิ นอนเหมือนตายคงไม่รู้สึกอะไร เวลานี่แหละจะเสียวมาก"เธอเสนอแนะขึ้นมา ไม่อยากให้เพื่อนต้องอยู่เฉยๆ เข้าคิวขย่มดุ้นทีละคนหรอกนะ"ความคิดเข้าท่าดีวะ"เปรี้ยวบอก เธอไม่ไปไกลเลือกจะอมดุ้นของชาติแทน และแอนก็ไปหานนท์ กล้วยไม้ไปหาต๊าด แนนไปหาพิชย์ สาไป
เช้าวันต่อมา เวลา 10:00 น.ทุกคนต่างนอนสลบกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นในสภาพเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ใดๆ ปกคลุม คู่สุดท้ายของคืนคือ ต๊าดกับเมย์ กว่าทั้งสองคนจะหยุดก็ปาเข้าไป 04:00 น ซึ่งเป็นเวลาที่ใครหลายคนก็นอนกันไปหมด ริมสระว่ายน้ำ ข้าวของกระจัดกระจายเละเทะ กลิ่นน้ำเชื้อคละคาวคลุ้งไปหมด "อือ..." ดวงตาคู่สวยปรือขึ้นอย่างช้าๆ น้ำหวานยันตัวลุกขึ้นจากโซฟาพยายามเพ่งมองไปรอบๆ เพื่อนของเธอในตอนนี้ต่างยังคงนอนกันอยู่ทว่าคนที่น่าขบขันมากที่สุดคือ พิชย์กับฟลุ๊ค ของพิชย์นอนทับท่อนดุ้นของฟลุ๊คอย่างจังๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเมาหรือความง่วงกันแน่ เธอพยายามนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนว่าจบกันตอนไหน รู้แค่ว่าเธอกำลังโดนโอ๊ตเลียหอยและจากนั้นก็ไม่รู้ตัวอีกเลย สลบไปตอนไหนก็ไม่รู้"โอ๊ย!" เธอร้องเสียงหลงรู้สึกเจ็บตรงกลางหว่างขาเพราะเมื่อคืนโดนหลายดุ้น หลายรอบไปหน่อยเลยต้องระบมเป็นธรรมดา เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยดูดของใครก็ไม่รู้บ้าง น้ำเชื้อของเพื่อนแต่ละคนพวยพุ่งเข้าใส่ตัวเธอหลายรอบจนเหม็นคาวและเหนียวตัวมากจนรู้สึกอึดอัดอยากจะอาบน้ำให้เร็วที่สุดเธอพยายามเดินข้ามตัวเพื่อนไปอย่างระมัดระวังกลัวจะพลาดท่าเหยียบเอาได
คู่สุดท้ายของคืนนี้คือ พิชย์กับหมิว สองหนุ่มสาวกำลังนัวเนียอยู่ข้างโต๊ะกินข้าว ดวงตาราชสีห์มองกวางน้อยอย่างเมย์ด้วยแววตาเร่าร้อนพร้อมจะขย้ำกิน“หุ่นเธอไม่เบาเลยนะหมิว โดยมากี่ดุ้นแล้ว” มือสากหนาลูบไล้ไปตามด้วยนวลเนียนของเพื่อนสาวด้วยความหลงใหล กลิ่นกายหอมอ่อนๆ กระตุ้นกำหนัดเขามากเหลือเกิน“ถามอะไรน่าเกลียดแบบนั้นพิชย์ เราเองก็นับไม่ไหวหรอก ก็โดนแทงแทบทุกวันอะ พอดีร่านเซ็กซ์ ขาดของแข็งไมได้ กลัวหอยเหงาเลยต้องหาอะไรมากระแทก” พูดแล้วก็อายปากตัวเอง เธอเป็นผู้หญิงเซ็กซ์จัดไม่ต่างอะไรกับเพื่อนสาวในกลุ่มหรอกนะ ผลัดกันใช้ผลัดกันชม บางครั้งก็เอามั่วสุมกัน สลับคู่กันปี้ เด็ดสุดจะบรรยาย“แล้วถ้าไม่มีดุ้น เธอจัดการตัวเองยังไง” ถามด้วยความอยากรู้“แตงกวา มะระ มะเขือ บวบงู แล้วก็พวกของปลอมน่ะ ก็เสียวเหมือนกันนะ แต่สู้ของแท้ของจริงแบบมีเลือดเนื้อไม่ได้หรอก เร้าใจไม่พอ”“จริงเหรอ”“แนนเล่าว่าดุ้นของนายใหญ่มาก ขอดูหน่อยได้ปะ เราน่ะชอบของใหญ่ๆ”“ดูให้เต็มตาเลย” เขาลุกขึ้นถอดกางเกงออกเผยให้เห็นท่อนดุ้นลำใหญ่ยาวเท่าขนาดขวดน้ำดื่มทั่วไป“ให้ตายเถอะคุณพระ! คุณเจ้า! มหึมา เสียวหอยมาก”เธอเอามือมาจับท่อนดุ้น
ทางด้านของต๊าดกับเมย์ ทั้งสองเลือกมาตรงบันได เน้นความแปลกใหม่และเร้าใจกว่าเดิม กลางค่ำกลางคืนแบบนี้คงไม่มีใครเดินผ่านมาหรอกนะ เป็นหาดส่วนตัว นอกจากคนออกหาปลาในทะเลจะส่องแสงมาทางพวกเขา ทว่าก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้อยู่ดี ใครจะมาสนใจพวกวัยรุ่นสวิงกัน"ติ๋มๆ แบบเธอ ไม่รู้จะว่าแซ่บแค่ไหน"เสียงทุ้มเอ่ยพลางกระตุกยิ้มอย่างดูแคลน เขารู้มาว่าเรียบร้อยแบบนี้แหละ ร้ายไม่เบา เรื่องบนเตียงแซ่บเด็ดกว่ากะหรี่อีก"ดูถูกกันเกินไปแล้วนะ เรานะฟาดเรียบมาทุกรุ่น"ว่าแล้วพลางนั่งคุกเข่าลงปลดกางเกงสามส่วนของต๊าดลง เผยให้เห็นท่อนดุ้นอันเท่าแขนเด็ก ไซซ์ 9 นิ้วได้ เธอแลยลิ้นเลียริมฝีปาก เอื้อมมือกำลำหลวมๆ กระตุกรูดเบาๆ"ซี๊ด!!!!"ลิ้นเรียวเล็กตวัดรอบหัวบานก่ำสีแดง รูดท่อนดุ้นของต๊าดที่แข็งพองขึ้นเท่าตัว มือหนาจับหัวเธอกดเข้ามาหาแก่นกาย"อุ้ย! ซี๊ด! ดูดดุ้นหน่อยสิเมย์"ท่อนดุ้นของต๊าดใหญ่คับปากมาก อมแทบไม่มิด เอวสอบกระดกเอวกระเด้าเข้าปากของเธอไม่หยุด จนเธอแทบสำลักออกมาอ๊อก อ๊อก อ๊อกเธอกำรูดกระตุกท่อนดุ้นพลางใช้ลิ้นดุนดันลำโคนไม่หยุด ต๊าดได้แต่แหงนหน้าซ๊๊ดปากครางเร้าไม่หยุด เขากระแทกท่อนดุ้นเข้าปากเธอครั้งแล้วครั้งเล่






ความคิดเห็น