เขามีอำนาจมากพอที่จะสั่งให้ผู้หญิงนับร้อยพลีกายให้ แต่ทำไม เขาเลิกวิ่งไล่ตามหล่อนไม่ได้เสียที เกมที่เขาเป็นผู้ล่า และเธอคือเหยื่อ! "เรียม" สาวสวยแดนอีสาน ถูกหลอกมาขายตัวที่อเมริกา เธอทำทุกวิธีทางเพื่อให้รอดจากขุมนรก แต่กลับถูกจับให้เป็นทาสสวาทมาเฟีย!!! “นี่ ! ถ้ายังขืนชักช้าไม่รีบเข้ามาปรนนิบัติ ฉันจะโทรเรียกให้อีวานมาจัดการกับเธอ !” เสียงกังวานตวาดสั่งอย่างคนเอาแต่ใจมาทั้งชีวิต มันดังกระแทกเข้าสู่โสตประสาทของหญิงสาวให้รีบรุดเข้าไปหาเจ้าของเสียง ไม่ใช่เพราะเธอกลัวเขา แต่กลัวสิ่งที่เขาเอ่ย หล่อนจะไม่ยอมให้อีวานจับไปเป็นทาสกาม และนั่นเป็นหนทางสุดท้ายที่เธอจะเลือก
View More“Wow this is so good”
สาวน้อยผิวสีน้ำผึ้ง นัยน์ตาสีดำขลับ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ร่างปราดเปรียวหันมองทุกสิ่งรอบตัวอย่างตื่นเต้น ขณะที่กางแขนออกหมุนไปรอบ ๆ ราวกับนักเต้นบัลเล่ต์
“เรียม ! เรียมมมมม หยุดโซกูด ! ไหนคนที่บอกว่าจะมารับ ?”
สาวอีกคนลากกระเป๋าเดินทางใบโตตามหลังด้วยทีท่ากระฟัดกระเฟียด ใบหน้าสีขาวขึ้นสีแดงจัด ! แม้จะรูปร่างสูงกว่าผู้หญิงอีกคนหากแต่ว่าไม่คล่องแคล่วว่องไวเท่ากับสาวน้อยผิวสีน้ำผึ้ง
ด้วยความที่ตนเป็นลูกสาวเจ้าของตลาดรายได้หลักของครอบครัวมาจากการเก็บค่าเช่าแผงและเปิดร้านขายของชำ แต่เพื่อนสาวผู้ที่ตื่นเต้นกับทุกสิ่งรอบตัวเป็นเพียงลูกสาวแม่ค้าขายส้มตำในตลาดของตน ดังนั้น แม้จะเป็นเพื่อนที่วิ่งเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก รวมถึงเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันแต่หล่อนกลับรู้สึกเสมอว่า เธอเหนือกว่าเพื่อนสาวทุกด้าน
“Oh Something slips my mind !”
สาวสีน้ำผึ้งหุบแขนลงทันควัน หันซ้ายหันขวาเลิ่กลั่ก เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าตนและเพื่อนเพิ่งจะมาเหยียบอเมริกาเป็นครั้งแรก โดยได้รับคำสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะจากป้าเดือนว่าลูกสาวของเธอจะส่งคนมารับพวกหล่อนที่สนามบินทันทีที่ไปถึง
“เรียม ! แกคุยกับฉันแค่สองคน ไม่ต้องสปีกอิงลิงซ์ก็ได้ !”
เพื่อนสาวเริ่มหงุดหงิดเพราะเหนื่อยล้าจากการนั่งเครื่องบินข้ามภูเขาข้ามทะเลจากบ้านเกิดมาไกลถึงอีกซีกโลกหนึ่ง ต้องทนนั่งเครื่องบินนานกว่า 22 ชั่วโมง !
“I’m so sorry”
สาวผิวสีน้ำผึ้งรีบตะคุบปากตัวเองที่เผลอพูดภาษาอังกฤษออกมา เพื่อนสาวถึงกับส่งค้อนวงใหญ่ให้ แต่คนปากไวก็ลดเสียงลงพร้อมกับเอ่ยเป็นภาษาบ้านเกิดแทน
“โอ๋ ๆ ชะเอม หมู่ฮักหมู่แพง เฮาขอโทษ”
“ยะ ! แล้วกรุณาเรียกฉันว่า –เอ็มมี่- บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าอย่าเรียกชะเอม มันเชย !”
คนถูกเรียก “ชะเอม” ส่งค้อนให้เพื่อนตัวดีอีกรอบ โทษฐานที่ชอบเรียกชื่อเฉย ๆ ออกมา
แม้หล่อนจะเป็นคนอีสานเหมือนกับเพื่อนสาว แต่เมื่อเข้าไปเรียนที่กรุงเทพฯ หล่อนก็บอกกับเพื่อนๆ ทุกคนว่าชื่อ “เอ็มมี่” และปฏิบัติตัวเยี่ยงคุณหนู ใช้ของแบรนด์เนม เดินห้างจับจ่ายซื้อเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าแทบทุกสัปดาห์ นับตั้งแต่นั้นมา เอ็มมี่ก็ไม่เคยพูดภาษาอีสานอีกเลย
ซึ่งต่างจาก “นางสาวเรียม ขวัญนา” ที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหล่อนก็ยังคงชอบพูดอีสานเหมือนเดิม รวมถึงการเป็นหญิงสาวที่มีพลังอย่างเหลือเฟือ
ร่างบอบบางผิวสีน้ำผึ้งเนียนละเอียดนั้นไม่รู้เจ้าหล่อนเก็บพลังไว้ที่ไหนมากมาย การเดินทางรอนแรมไม่ทำให้เพื่อนสาวแสดงท่าทีเหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อย ซึ่งตรงกันข้ามกับเธอที่อยากจะเข้าที่พักใจแทบขาด ยิ่งมองเห็นฝรั่งตัวโตทั้งผิวดำผิวขาวเดินกันขวักไขว่ละลาน ยิ่งทำให้รู้สึกมึนๆ ในหัว มองไปทางไหนก็มีแต่สิ่งที่ใหญ่โตกว่าบ้านเมืองที่หล่อนจากมา
“ป้าเดือนบอกว่า เอื้อยดาวสิมาฮับอยู่สนามบิน”
เสียงแจ้ว ๆ ภาษาอีสานของเรียมบอกกับเพื่อนให้วางใจ เพราะป้าเดือนเจ้าร้านขายน้ำปั่นที่อยู่ข้างร้านส้มตำของหล่อนเป็นคนแนะนำให้หล่อนและเพื่อนมาทำงานกับลูกสาวของตนที่อเมริกา
ป้าเดือนแกสาธยายไว้เสียเยอะว่า นังดาวมันส่งเงินกลับมาให้แกเดือนละหลายหมื่น ร้านใหม่ บ้านใหม่ ก็เพราะเงินของลูกสาวแก และเด็กสาวหลายๆ คนในหมู่บ้านที่ถูกชักชวนให้ไปทำงานกับลูกสาวแกก็เริ่มทยอยส่งเงินกลับมาให้พ่อแม่ที่บ้านนอก
ดังนั้น เมื่อเรียมจบปริญญาตรีแล้วยังหางานทำไม่ได้ แม่จึงฝากฝังหล่อนให้ไปทำงานกับลูกป้าเดือน โดยป้าเดือนจะเป็นคนดำเนินการให้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นวีซ่า ตั๋วเครื่องบิน หรือแม้กระทั่งเรื่องที่อยู่ที่กินที่อเมริกา
“ไหนหล่ะ ? พี่ดาว ฉันไม่เห็นใครจะหน้าตาเหมือนคนไทยสักคน มีแต่ฝรั่งตัวเหม็น ๆ”
เอ็มมี่กระทืบเท้าอย่างขัดใจ นี่ถ้าอยู่เมืองไทยหล่อนคงจะแล่นกลับไปนอนตากแอร์ที่บ้านเสียนานแล้ว ถ้าไม่เพราะอยากจะได้ชื่อว่า “ได้ทำงานที่อเมริกา” หล่อนก็คงไม่เสนอตัว ขอมาทำงานเป็นเพื่อนยัยเรียมคนซื่อหรอก !
“ใจฮ่ม ๆ เด้อคุณเอ็มมี่ เอ๊ะ ! นั้น ! แมนเอื้อยดาวบ่ ? เอื้อยดาว ! เอื้อยดาว ! ทางนี้ ๆ”
เรียมโบกไม้โบกมือตะโกนเรียกสาวสวยสุดเซ็กซี่ในชุดลายเสือภายใต้เสื้อโค้ทหนังสีดำวาว
เอ็มมี่ยกมือขึ้นขยับแว่นตากันแดด แล้วก้าวห่างออกจากเพื่อนสาวที่ส่งสำเนียงอีสานตะโกนโหวกเหวก แม้ว่าจะอยู่ในอเมริกาที่ไม่มีใครรู้จักหล่อนก็ยังรู้สึกกระดากอายอยู่ดี หากต้องยืนใกล้ ๆ เพื่อนสาวที่ออกอาการราวกับบ้านนอกเข้าเมือง
“Hi ! เรียม !”
สาวผิวสีแทนออกคล้ำกว่า ทรวดทรงใหญ่โตมหึมากว่าสาวน้อยที่ยืนโบกมือ ส่งเสียงทักทายเมื่อเดินมาถึง
“เอื้อยดาว ! เอื้อยดาวอีหลีตั๋วนิ !”
เรียมโผเข้าจับมือเรียวที่เต็มไปด้วยแหวนทอง พลางเขย่าอย่างดีใจที่ได้พบคนบ้านเดียวกันในต่างแดน
“ยินดีต้อนรับสู่แดนศิวิไลซ์ ที่เต็มไปด้วยความมั่งคั่ง ! และทุกอย่างที่เราอยากได้ !”
ดาวยิ้มต้อนรับวางมืออีกข้างทับลงที่มือเด็กสาว ที่จะกลายเป็นพนักงานคนใหม่ของ “ร้านสปาแดนสรวง” ในอีกไม่กี่ชั่วโมง
“ขอบใจเอื้อยดาวหลายๆ ที่ให้ข้อยมาทำงานนำ”
เรียมยิ้มจนเห็นฟันซี่เล็ก ๆ เรียงเป็นระเบียบ
“ไม่เป็นไรจ้ะ ก็คนเป็นเดียวกัน มีอะไรดี ๆ พี่ก็อยากให้แนะนำน้อง ๆ ให้ทำด้วย เอ่อไหนว่ามากันสองคนแล้วอีกคนไหนหล่ะ ?”
“คาแต่ดีใจ ลืมไปเลยจ้า เอ้า ! เอ็มมี่มานี่ มานี่”
เรียมก้าวฉับ ๆ ไปดึงมือเพื่อนสาวให้เข้ามาอยู่ในวงสนทนา
“เอ็มมี่ ลูกสาวป้าชบาเจ้าของตลาดใช่ไหม ?”
“ค่ะ”
ลูกสาวเจ้าของตลาดตอบสั้น ๆ สำรวจคู่สนทนาตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วเบ้ปากพลางคิดในใจ –โถ ๆ มาอยู่อเมริกาตั้งนาน รสนิยมการแต่งตัวได้เท่านี้ ฉันยังดูดีกว่าตั้งเยอะ- หญิงสาวกระชับเสื้อคลุมสีน้ำตาลแต่งขนสัตว์ฟูฟ่อง เชิดหน้าขึ้น
“โตขึ้นแล้วหน้าตาจิ้มลิ้ม ผิวขาวสวยเหมือนกันนะเรานิ”
สาวอาวุโสกว่าพินิจสาวน้อยที่แสนจะยโสตรงหน้า ก็สมควรอยู่หรอกที่หล่อนจะถือตัว เพราะเอ็มมี่เป็นถึงลูกสาวเจ้าของตลาด
“ขอบคุณค่ะ”
เอ็มมี่ยิ้มรับน้อย ๆ ชอบที่จะให้คนชมว่าสวย
“แต่ขาว ๆ แบบนี้ฝรั่งเขาไม่ชอบหรอกนะ เขาชอบผิวเข้ม ๆ แบบนางเรียมนี่”
ดาวเอ่ยต่อท้าย
เอ็มมี่แทบจะหุบรอยยิ้มแห่งความภูมิใจในความสวยไม่ทัน ปากบางเชิดขึ้น เม้นสนิทสะกดอารมณ์ที่อยากจะกรีดใส่หญิงสาวตรงหน้า อย่างไรเสียหล่อนก็ต้องพึ่งพาผู้หญิงคนนี้จนกว่าจะหางานที่ถูกใจได้ และหลอนจะทนแค่ไม่นาน คนอย่างเอ็มมี่ ลูกสาวเจ้าของตลาดจะไม่ยอมทำงานในร้าน สปาเป็นพนักงานชั้นต่ำเหมือนกับเรียมเป็นแน่ !
ชายหนุ่มซุกใบหน้าลงไปไซ้หว่างอกของหล่อน เกลือกเคล้าใบหน้ากับเต้าอวบ ๆ หัวนมดีดเด้งชูชันไปมา ลิ้นสากร้อนชื้นของเขาไล้ไปทั่วผิวเนื้ออวบหยุ่นเต่งตึง เลียวนสูงแล้ววนลง ในขณะที่มืออีกข้างของเขาเลื่อนลงแล้วสอดแทรกลึกเข้าไปในหว่างขาเรียว นิ้วร้ายของชายหนุ่มค่อย ๆ แหวกเข้ากลีบเนื้อหอยอันฉ่ำชื้น เนียนนิ่มของหล่อน โดยที่ไม่ยอมละปากอุ่นร้อนจัด ดูดดึงยอดอกหล่อนเต็มแรงจ๊วบบบบบบบบบบบบบบบส๊วบบบบบบบบบบบบ“อร้างงงงงงงงง”ร่างบางสะดุ้งเฮือกเมื่อนิ้วแกร่งแทงเข้ารูฉ่ำ ๆ หล่อนแหงนหน้า ปากเผยอครางออกมาอย่างเสียวซ่านปลายเท้าหล่อนกดเกี่ยวสะโพกกำยำของชายหนุ่มไว้มั่น แล้วแอ่นโหนกเนินเบียดหยัดเข้าหามือร้ายที่ฟอนเฟ้นกลีบเนื้ออ่อนนิ่มของหล่อนจนฉ่ำแฉะจ๊วบบบบบบบบบบ แซ็บ ๆ แซ็บ ๆจ๊วบ ! จ๊วบ ! แผล็บ ๆชายหนุ่มงับริมฝีปากกระตุกดึงดูดหัวนมอย่างกระหายหิว “มะ มาร์คคคคค อื้อออออ ทรมานเหลือเกิน อะ อ่า”ร่างบางเปล่งเสียงครวญครางไม่หยุด ขณะที่หล่อนขยับเบียดสะโพกเสียดสีมือเขาหนักมากขึ้น“เธอจะได้รู้ ว่าความทรมานที่เธอห่างกายฉันมันเป็นอย่างไร !”ส๊วบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบมาร์คแทงแก่นกายกำยำร้อนผ่าวลงร
มาร์คยิ่งโซ่ที่ล่ามเมียรักขาดเป็นสองท่อน ในขณะที่ลิ้นของเขากำลังซอกซอนความหอมหวานจากเรียวลิ้นเล็ก มาเรียกวัดลิ้นจูบตอบชายหนุ่มละเมียดละไมอย่างเต็มตื้น หล่อนได้ยินเสียงปืนดังกึกก้อง แต่เสียงนั้นมิอาจทำให้หล่อนตกใจกลัวเหมือนอย่างเคย จ๊วบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ แคร่ง ! แคร่ง ! เมื่อแขนทั้งสองข้างเป็นอิสระ สาวน้อยจึงตวัดแขนโอบรอบลำคอแกร่ง เกาะเกี่ยวเขาไว้ไม่ให้ร่างทรุดลงไปเพราะความอ่อนระทวย จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ ! เคร้ง ! ชายหนุ่มจูบหนักหน่วงมากขึ้น ทิ้งปืนลง กดศีรษะหล่อนไว้เพื่อดูดดื่มความซ่านซาบจากหล่อนให้แนบแน่นกลืนกินทุกหยาดหยดลมหายใจ ราวกับว่าเวลาได้หยุดหมุนไปชั่วกาลนาน มาเรียคือครึ่งชีวิตของเขานับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป หัวใจของเขามันเต้นได้เพราะมีหล่อนอ้อมแขนกำยำ และเขาไม่อยากให้หล่อนห่างกายแม้สักวินาทีเดียว จ๊วบบบบบบบบบบบบบบบบบบ “อืม จ๊วบ อ่า” สาวน้อยครางในลำคออย่างสุขล้น รู
“เอ็มมี่ ! ม่ายยยยยยยย เอ็มมี่ !”มาเรียร้องเรียกเพื่อนรักที่บัดนี้ปราศจากลมหายใจแล้ว น้ำตาหลั่งรินด้วยความเสียใจที่เพื่อนต้องมีจุดจบแบบนี้ อย่างไรเสียเอ็มมี่ก็เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่หล่อนมีที่นี่“อีวาน ! มึงมันใจเหี้ยมเกินไป ! เอ็มมี่ไม่ใช่ผู้หญิงของแกหรือไง ?”มาร์คเล็งปืนไปที่กลางหน้าผากฆาตกร ในขณะที่ชายหนุ่มผู้นั้นจี้ปืนที่ขมับหญิงสาวที่ถูกตรึงไว้กลางห้อง “ฮ่า ๆ มึงต่างหากที่ใจอ่อนเกินไป ! นังเอ็มมี่มันก็แค่ข้ารับใช้ ถ้าเป็นตัวถ่วง กูก็ยิงทิ้ง ! ฮ่า ๆ”อีวานหัวเราะออกมาราวกับคนบ้ามาร์คกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เพื่อนของเขากำลังบ้าเหมือนหมาจนตรอก และคนที่อยู่ในปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยวของมันคือคนที่เขารักสุดดวงใจ เขาจะชิงตัวมาเรียออกมาได้อย่างไร เขาจะหยุดไอ้หมาบ้าตนนี้ได้อย่างไร ?“แกลืมกฎข้อแรกของมาเฟียแล้วหรือไง มาร์ค”อีวานจ้องนัยน์ตาสีฟ้าล้ำลึก กฎที่โลกสอนให้เขาตั้งมันขึ้นมา! เขาเว้นจังหวะแล้วพูดต่อ“ห้ามมีรัก เพราะถ้าเมื่อใดที่แกมีรัก เมื่อนั้นแกจะกลายเป็นคนอ่อนแอ แล้วสิ่งใดที่แกรักจะกลายเป็นข้อต่อรองของศัตรู ! ฮ่า ๆ”“และกฎข้อที่สองคือ อย่าไว้ใจคนใกล้ตัว !”“อ
“มาร์คถอดได้คนเดียว”มาเรียกดเสียงต่ำ หัวเราะฮึในลำคออย่างพึงพอใจ มือป้อมป้อม ๆ ออกแรงบีบมากขึ้น ดวงตาคมสวยจ้องตาคนที่กำลังเดือดดาลอย่างไม่เกรงกลัว - เอาสิ ! บีบให้ตายไปเลย พรุ่งนี้มาร์คจะได้ไม่ต้องมาจบชีวิตเพราะคนเลว ๆ อย่างแก อีวาน ! -แคร่ก !มาเรียไอสำลักเอาอากาศที่จวนเจียนจะหมดลม เมื่ออยู่ ๆ มือที่บีบคอหล่อนก็คลายออก“ไอ้มาร์ค มันฉลาด ! แต่มันก็ไม่ฉลาดไปกว่าฉันหรอกนะ วันนี้ฉันไม่ได้เคี้ยวหล่อน แต่พรุ่งนี้ฉันก็ต้องได้ ฮึ ฮึ”มือสองข้างของอีวานบีบเข้ากับแก้มเนียน ให้ใบหน้าสวยเชิดเข้าใกล้เขา จนได้กลิ่นอายสาว“ถึงจะแทงหอยหรือจับนมไม่ได้ แต่ปากของเธอก็น่าดูดไม่เบา ฮึ ฮึ”มืออวบอูมบังคับให้ใบหน้าสวยอยู่นิ่ง ๆ ริมฝีปากหนา ๆ ยื่นเข้าหาอย่าง ตะกละตะกลามมาเรียเม้มริมปากแน่น ! หลับตาสนิท พยายามสะบัดหน้าหนี แต่ก็หลบไม่พ้นมือยักษ์ หล่อนขืนตัวจนสุดแรง ข้อมือที่ถูกล็อกไว้กับโซ่ห้อเลือดจนขึ้นสีแดงหล่อนยอมข้อมือขาด ! หล่อนยอมตาย ! ดีกว่าให้ร่างกายนี้ถูกล่วงล้ำจากชายอื่นที่ไม่ใช่มาร์ค ! ปัง! โป้ง! โป้ง! โป้ง! โป้ง ๆ
อีวานสอดมือเข้าไปหมายจะจับหน้าอกอันอร่ามตา ร่างบางพยายามเบี่ยงตัวหลบ แต่โซ่ที่ตรึงไว้ทำให้หล่อนไม่สามารถหนีพ้นจากมือโสโครกที่จับลงบนหน้าอกอย่างตะกละตะกลาม“อร้ายยย ไอ้หมูตอน ! เอามือโสโครกของแกออกไปเดี๋ยวนี้นะ ! อ้ายยยยยย”มาเรียได้แค่ตวาด สะอิดสะเอียนมือป้อม ๆ ที่ลูบไล้ไปมาบนเกราะบราเซียร์ “โอ้วววววว ใส่ยกทรงเหล็กเซ็กซี่สะด้วย ฮ่า ๆ มันต้องอย่างนี้สิ! ฉันไม่แปลกใจเลย ทำไมไอ้มาร์คถึงติดใจเธอขนาดนี้ อ้าวววว”แม้ฝ่ามือจะไม่ได้สัมผัสหนั่นเนื้ออวบอัดโดยตรง แต่กลับให้ความรู้สึกซาบซ่านยิ่งกว่า มือป้อมไล้ลงมาเรื่อย ๆ สัมผัสเนื้อเนียนสีทองอร่าม ร่างบางขนลุกเกรียวทั่วทั้งตัว ฝืนกายให้ห่างจากมือที่น่ารังเกียจนั่น“อีวาน ไอ้คนสารเลว !”มาเรียกัดฟันอย่างเหลือทน เสียงแหบพร่าด้วยก้อนสะอื้น น้ำตาไหลพรากออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เมื่อเรือนกายของหล่อนกำลังจะถูกสังเวยให้กับไอ้เดียรัจฉานตนนี้ !“ว้าววววววววว”“อย่า ! อย่านะ !”สวบ !มือป้อม ๆ ดึงกางเกงยีนของมาเรียลงไปออกกับพื้น จมูกบี้แบนหายใจฟึดฟัด เลือดในกายเขามันเริ่มร้อนด้วยความกระหายอยากกรี้ดดดดดดดดดดดดร่างบางโยกไหวตามแรงกระชากกางเกงออก
“ปากดีนักนะ นังนี่ ! ถ้าไม่ติดที่ชีวิตของเธอ แลกกับทรัพย์สินทั้งหมดของไอ้มาร์คหน้าโง่นั่น ฉันจะจับแกส่งไปขายที่ซ่อง! ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน แล้วไอ้พวกหื่นกามมันก็คงจะทำให้เธอไม่มีแรงมาด่าฉันเลยหล่ะ ฮ่า ๆ”มาเรียได้แค่จ้องมองร่างท้วมที่เต็มไปด้วยไขมันอย่างเคียดแค้น หล่อนตายคนเดียวไม่เป็นไร แต่หล่อนจะกลายเป็นเครื่องมือสังหารผู้ชายที่เธอรักที่สุด ความจริงข้อนี้ทำให้หล่อนเจ็บปวดใจยิ่งกว่าความเจ็บใด ๆ บนโลกนี้“โอะ โอะ อย่ามองฉันแบบนั้น ต้องขอบคุณเพื่อนเธอ ที่ทำให้รู้ว่าจุดอ่อนไอ้มาร์ค อยู่ตรงไหน ฮ่า ๆ ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่า เจ้าพ่อสงครามรวยล้นฟ้าอย่างมันจะรักใครจริง ๆ ฮ่า ๆ ขอบใจนะเอ็มมี่ แผนของเธอกำลังจะทำให้ฝันของฉันรวยอย่างไร้คู่แข่ง และกำจัดเซี้ยนตำใจอย่างไอ้มาร์คได้”เอ็มมี่น้อมศีรษะลงนิด ๆ ราวกับน้อมรับคำชื่นชมอย่างภาคภูมิใจ อีวานหัวเราะฮึ ๆ แล้วเดินไปนั่งไขว่ห้างอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง ล้วงซิการ์จากกระเป๋าขึ้นมาสูบ เพื่อรอดูบางสิ่งบางอย่างที่น่าสำราญใจ“เอ็มมี่ ! เธอทำแบบนี้กับฉันทำไม ?”เสียงมาเรียแหบโหย ผิดหวังและเสียใจ ที่เพื่อนสนิทหักหลัง“ฮึ ฮึ ก็เพราะเธอไม่คู่ควรกับม
“ออกไปตั้งแต่ตอนบ่ายแก่ ๆ ยังไม่กลับมาเลยค่ะ”หัวหน้าแม่บ้านรายงานในสิ่งที่เห็น ใบหน้าเรียบเฉยไม่มีความอาทรร้อนใจใด ๆ“ไปไหน ? ไปกับใคร ? ไปได้อย่างไร ? ใครอนุญาต !”ชายหนุ่มตวาดเสียงเกล้าราวกับระเบิดลง ! ทั้งโมโหทั้งเป็นห่วง มาเรียเป็นผู้หญิงไทยที่เพิ่งจะมาอเมริกาจะมีเพื่อนที่ไหน เย็นมากแล้วหล่อนยังไม่กลับ หรือหล่อนจะหนีเขาไปอีก แต่เราสัญญากันแล้วว่าจะกลับประเทศไทยด้วยกัน หรือเธอไม่เชื่อใจเขา ?ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งงุ่นง่าน และเมื่อไม่มีเสียงตอบใด ๆ ที่ให้ความกระจ่างชัดแก่เขา อารมณ์โกรธผสมผสานกับความห่วง และหวงเมียรัก จึงยิ่งพุ่งขึ้นจนถึงขีดสุด“โธ่เว้ย ! มีกันเป็นร้อยตีนร้อยตา แค่ผู้หญิงคนเดียวหายไป ก็ไม่รู้ไปไหน !”มาร์คตวาดก้องกราดสายตาคมดุมองข้ารับใช้และบอร์ดี้การ์ดที่ต่างก้มหน้าตัวสั่นระริก “อะ เอ่อ นายหญิงมาเรีย สั่งให้รถเอาออก พาเธอไปหาคุณเอ็มมี่ค่ะ”เด็กรับใช้ผู้เรียกรถให้นายหญิงละล่ำละลักตอบอย่างอกสั่นขวัญแขวน“ที่ไหน !”“ไม่ทราบค่ะ”เด็กรับใช้ก้มหน้างุด ตัวสั่นระริกหล่อนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีเสียเดี๋ยวนั้น“แล้วใครไปกับมาเรียบ้าง ?”“ไปกับคนขับแค่สองคนค่ะ”คราวนี้
รถลีมูซีนของเจ้าพ่อแห่งสงคราม “มาร์ค” วิ่งห่างออกไปจากตัวคฤหาสน์แสนหรู วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เขาจะต้องเข้าไปบ่อนกาสิโนเพื่อมอบหมายงานให้ลูกน้องดูแลระหว่างที่ตนเดินทางไปประเทศไทยกับมาเรีย เมียสุดที่รักของเขา มาเรียฉีกยิ้มกว้างโบกมือให้รถที่วิ่งออกไปจนลับตา รอยยิ้มนั้นบ่งบอกถึงความดีใจเป็นพิเศษเพราะอีกไม่นานเธอก็จะได้กลับไปหาพ่อกับแม่แล้ว แต่เมื่อสายตาของมาเรียบังเอิญแลสบเข้ากับสายตาดุ ๆ ของหัวหน้าแม่บ้านกับใบหน้าบึ้ง ๆ สาวน้อยหุบยิ้มแทบไม่ทัน หลังจากที่เอ็มมี่ออกไปจากคฤหาสน์ หัวหน้าแม่บ้านก็มักจะตึง ๆ ใส่หล่อนเสมอ ทั้ง ๆ ที่เอ็มมี่ออกไปจากคฤหาสน์เป็นความต้องการของเพื่อนสาวเอง ไม่ใช่ความผิดของเธอสักนิด เวลาเจอหน้ากันทีไร หัวหน้าแม่บ้านก็มักจะทำเป็นมองไม่เห็น หรือไม่ได้ยินในสิ่งที่นายหญิงของคฤหาสน์แห่งนี้พูดด้วย มาเรียพยายามทำดี และพูดดีด้วยกับหล่อนเสมอ เพื่อให้สถานการณ์มันดีขึ้น แต่ดูเหมือนว่าความโกรธของหัวหน้าแม่บ้านจะยังไม่หายลงสักที แม้ว่าเอ็มมี่จะจากไปแล้วเป็นอาทิตย์แล้วก็ตาม “คุณเอ็มม่าคะ มีอะไรให
“อ้าววววววววว โอ้ววววว เมียจ๋า อื้อ ทีนี้รู้แล้วใช่ไหม ฉันเป็นอะไรกับเธอ อ่า”มาร์คค่อย ๆ บดแก่นกายอันพองโตใส่รูหอยอย่างเนิบนาบ ให้หล่อนซึมซับความเป็นเขาให้มากที่สุด เพื่อที่หล่อนจะได้ไม่ลืมอีกว่าใครคือเจ้าของเธอ“อื้อออออ มาร์ค ผัวขา อะ อ่าซ์”มาเรียครางกระเส่าเมื่อชายหนุ่มดันแก่นกายใหญ่เข้ามาจนสุด แล้วโยกควงหนักหน่วง โพรงหอยของมาเรียเหมือนจะปรับตัวรับเอาความมหึมาของเขาเอาไว้ทั้งหมดได้แล้วส๊วบ ส๊วบบบบบบบส๊วบบบบบบบบบบบ ส๊วบ ส๊วบ“อื้อ โอ้วววววว ซี้ดดดดดดดดด แน่นมาก เมียจ๋า เสียวววว เหลือเกิน อ่า”โพรงหอยคับแคบอุ่นซ่านภายในตอดรัดแก่นกายเขาแน่นกว่าปกติ ทำให้มาเฟียหนุ่มกลั้นเสียงไม่ไหวจนต้องส่งเสียงครางออกมาส๊วบ ส๊วบบบบบบบส๊วบบบบบบบบบบบ ส๊วบ ส๊วบ“ฉัน รัก เธอ มาเรีย อื้อ อ่า ฉันรักเธอ อูยยยยย”เขากัดฟันพูดข่มความเสียวเอาไว้ ค่อย ๆ ขยับสะโพกดันแก่นกายเสียบเข้า-ออกช้า ๆ แก่นกายอันมหึมาของเขามันลื่นไปด้วยน้ำหวานของเมียรักที่ไหลทะลักออกมามากมายจนอาบดุ้นใหญ่ของเขา“อื้อ มาร์ค อ่า อือออออออออออ”มาเรียเกร็งซ่านแอ่นอกรับฝ่ามือใหญ่ที่เฟ้นฟอนทรวงอกอวบ ๆ หล่
Comments