Share

8

Author: Scince
last update Last Updated: 2025-08-08 18:47:26

"ยาย" เสี่ยวเหลียนเองก็คาดไม่ถึงกับการตัดสินใจครั้งนี้เช่นกัน เธออยากออกไปจากบ้านหลี่น่ะใช่ แต่ไม่อยากกลับบ้านที่ชนบท ที่นี่สังคมดีกว่าเห็นๆ 

ยายหลิวไม่สนใจใครทั้งนั้น ท่านจ้องมองเข้าไปในห้องนอน ตรึงสายตาไว้ที่ลูกสาวของตัวเอง 

"ซือเอ๋อร์ แม่เข้าใจดีว่าแกกำลังลำบากใจแค่ไหน การที่แม่กับหลานมาอยู่ที่นี่ คงทำให้แกต้องลำบากไม่น้อย ต่อไปนี้มันจะไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้วล่ะ"

ท่านหันมาทางหลานสาว "เสี่ยวเหลียน ลุกไหวหรือเปล่า"

แต่พอมมาคิดอีกทีก็ยิ้มย่องในใจ ดวงตาเป็นประกาย เพราะนี่คือความคิดหลังจากนี้ของเธอ กำลังคิดหนักอยู่พอดีว่าจะหาทางออกจากบ้านหลี่ได้ยังไงโดยที่ยายหลิวจะยอมพยักหน้าเห็นด้วย รอให้ได้ก้าวขาออกจากบ้านหลี่ก่อนเรื่องอื่นแล้วค่อยว่ากันเถอะ

สำหรับเธอแล้วคิดว่ายังไงผู้เป็นแม่ก็ไม่มีทางพยักหน้าตอบตกลงเห็นด้วยกับความคิดนี้ และเชื่อว่าพ่อเลี้ยงเองก็รักแม่ของเธอมากพอที่จะไม่เข่นฆ่า บางทีการแยกบ้านอยู่อาจจะเป็นทางออกของเรื่องทั้งหมด และยังคงรักษาสถานะครอบครัวเอาไว้ แม้ว่าจะอ่อนบางยิ่งกว่าใยแมงมุมแล้วก็ตาม

"เมืองนี้มันใหญ่เกินไปสำหรับเราสองยายหลานจริงๆนั่นแหละ สู้กลับบ้านอยู่บ้านของเราไม่ได้" ยายหลิวตอบอย่างเด็ดเดี่ยว "เงินเก็บที่มีในตอนนี้ คงพอให้ปลูกบ้าน คิดว่าไปถึงเงินช่วยเหลือจากทางการก็ใกล้จะออกแล้วล่ะ" 

เพราะรีบร้อนกลัวหลานสาวไม่มีที่อยู่ ท่านเลยไม่ได้อยู่รอเงินช่วยเหลือจากทางการ ได้แต่ฝากฝังเพื่อนบ้านและผู้นำหมู่บ้านให้จัดการให้ ถึงอย่างไรเรื่องแบบนี้ก็ต้องใช้เวลา 

เสี่ยวเหลียนได้ยินก็น้ำตาคลอ เธอรู้สึกตื้นตันใจในความรักที่ยายหลิวมีให้กับหลานสาว ยอมหักไม่ยอมงอคือนิยามของยายหลิว และนี่คือการประกาศสงครามอย่างแท้จริง มันคือการตัดขาดความสัมพันธ์ที่เปราะบางนี้ลงอย่างสิ้นเชิง

หลี่เหว่ยหน้าเสียอย่างเห็นได้ชัด "ไม่ได้นะครับคุณป้า เรื่องทั้งหมดมันเป็นความผิดของผมเอง จะให้พวกคุณต้องย้ายออกไปแบบนี้ได้ยังไง ผมจะไปคุยกับพี่ใหญ่เดี๋ยวนี้เลย"

แต่ก่อนที่เขาจะได้ทันก้าวเท้าออกไป เสียงของเสี่ยวเหลียนก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

"ไม่ต้องหรอกค่ะอาสี่"

ทุกคนหันมามองเธอด้วยความประหลาดใจอีกครั้ง

เสี่ยวเหลียนค่อยๆ แกะมือของหลี่เฟินที่กอดเธอไว้ออกอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้ายายหลิว เธอมองลึกเข้าไปในดวงตาของหญิงชราแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและหนักแน่น

"ฉันเห็นด้วยกับการตัดสินใจครั้งนี้ของยายค่ะ" แต่ไม่กลับชนบทอย่างแน่นอน 

คำพูดของเธอทำให้ยายหลิวเองก็ยังต้องเลิกคิ้วมองด้วยความแปลกใจ

เสี่ยวเหลียนพูดต่อ "การอยู่ที่นี่ต่อไปมีแต่จะสร้างความลำบากใจให้แม่เปล่าๆ ทั้งยังสร้างความขัดแย้งไม่รู้จบ แยกออกไปอยู่กันตามลำพังอาจจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย"

เธอรู้ดีว่านี่คือการตัดสินใจที่เสี่ยงอย่างยิ่ง แต่หลังจากที่ได้เห็นความเจ็บปวดของแม่และได้ยินคำพูดของหลี่เฟิน เธอก็เข้าใจในทันทีว่า ครอบครัวที่แตกร้าวนี้มันไม่สามารถเยียวยาได้ด้วยการอยู่ร่วมกันอีกต่อไป 

การแยกตัวออกมาคือการปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองและยาย และยังเป็นการปลดปล่อยแม่ของเธอออกจากสถานะคนกลาง ที่น่าอึดอัดใจนี้ด้วย

‘ที่สำคัญที่สุด...มันคือการได้มาซึ่งอิสรภาพที่แท้จริง’ เธอคิดในใจ ‘อิสรภาพที่จะกำหนดชีวิตของตัวเองโดยไม่ต้องอยู่ใต้เงาของใคร’

ยายหลิวมองลึกเข้าไปในดวงตาของหลานสาว ท่านเห็นความมุ่งมั่นและความคิดที่สุขุมเกินวัยอยู่ในนั้น ท่านเข้าใจในทันทีว่านี่ไม่ใช่การตัดสินใจที่หุนหันพลันแล่น แต่เป็นการตัดสินใจที่ผ่านการไตร่ตรองมาอย่างดีแล้วของหลานสาวคนนี้ คิดไม่ถึงเหมือนกันว่า หลานสาวที่อยากอยู่กับแม่มากขนาดนั้น จะยอมกลับบ้านอย่างว่าง่าย

"ดี" ในที่สุดยายหลิวก็พยักหน้ารับ "ในเมื่อคิดดีแล้ว...เราก็ไปกันเถอะ"

"เดี๋ยวก่อนค่ะ" เสียงร้องห้ามดังขึ้นมาจากประตูห้องนอน หลิวซือวิ่งออกมาจากห้องด้วยใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา เธอมองแม่และลูกสาวของตัวเองสลับกันไปมา "แม่คะ เสี่ยวเหลียน จะพายายไปแก แกทำอะไรของแกอีก แค่นี้มันยังวุ่นวายไม่พออีกหรือไง"

ยายหลิวมองหน้าลูกสาว รู้สึกเอือมระอา “หลิวซือ ขนาดนี้แล้วแกยังคิดไม่ได้อีกเหรอ เจ้าของบ้านพูดมาขนาดนี้ จะให้แม่กับหลานทนอยู่ได้ยังไง”

คำพูดของยายหลิวคือความจริงที่เจ็บปวด หลิวซือทรุดตัวลงนั่งร้องไห้โฮอย่างหมดหนทาง

เสี่ยวเหลียนรู้สึกเจ็บแปลบในใจ แต่เธอก็รู้ดีว่านี่คือหนทางที่ต้องเลือก เธอเดินเข้าไปคุกเข่าลงตรงหน้าผู้เป็นแม่

"แม่คะ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน แต่เราก็ยังเป็นแม่ลูกกันเสมอนะคะ พอเราหาที่พักได้แล้ว ฉันจะส่งข่าวมาบอก แล้วพอฉันตั้งตัวได้มีงานทำ ฉันจะกลับมาถามแม่อีกครั้ง ว่ายังอยากจะมีพวกเราเป็นครอบครัวอยู่หรือเปล่า"

มันคือคำสัญญา...คำสัญญาที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตทั้งหมด

หลี่เจียงที่ยืนฟังอยู่นาน มั่นใจว่าแม่ยายพูดจริงก็รีบออกมา ตัวเขาเองก็พอจะรู้มาบ้างว่านอกจากลูกสาวแล้ว แม่ยายก็ไม่เคยอ่อนข้อใครกับใคร ท่านเปนคนหัวแข็งคนหนึ่งเลยก็ว่าได้

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ แล้วนี่เก็บข้าวของจะไปไหนกัน” เขาถามเหมือนไม่รู้ว่าในห้องนี้เกิดอะไรขึ้น

“พี่ใหญ่มาก็ดีแล้ว มาช่วยพูดกับคุณป้าหน่อยสิครับ ท่านกำลังจะพาเสี่ยวเหลียนกลับบ้านที่ชนบท ผมห้ามเท่าไหร่ท่านก็ไม่ฟัง” ถ้าไม่ติดว่าเขาเองที่เป็นต้นเหตุ ก็ไม่ได้อยากจะมายุ่งเรื่องนี้สกเท่าไหร่ อยากให้ลูกเขย แม่ยายปรับความเข้าใจกันเองมากกว่า แต่เพราะตนยังไม่หลุดพ้นเลยยังไปไหนไม่ได้

“ย้ายกลับ แม่พูดเล่นหรือเปล่าครับ กลับไปแล้วจะไปอยู่ที่ไหน อีกไม่ถึงเดือนเสี่ยวเหลียนก็ต้องไปเรียนแล้ว”

“หมายความว่ายังไงคะ ไหนพ่อบอกว่า…”

“เฟินเอ๋อร์ ลูกแอบฟังผู้ใหญ่คุยกันอีกแล้วใช่ไหม พ่อบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าแอบฟัง พอฟังแล้วไม่ได้ความก็เอามาพูดต่อจนผู้ใหญ่เข้าใจผิดกันไปหมด” น้อยครั้งมากที่หลี่เจียงจะตำหนิลูกสาว แต่ครั้งนี้เขาจำเป็นต้องทำ

เรื่องที่น้องสาวบอกให้ไล่สองยายหลานออกจากบ้านน่ะใช่ แต่เขามาชั่งน้ำหนักดูแล้ว ถ้าทำแบบนั้น เกิดเรื่องนี้รู้ถึงหูเพื่อนบ้าน ต่อไปเขาคงสู้หน้าใครที่ไหนไม่ได้ แต่ถ้าหากสองคนนั้นยืนยันที่จะไปจริงๆ ต้นเหตุต้องไม่ใช่มาจากครอบครัวหลี่ หากแต่เป็นเพราะพวกเขาอยากไปเอง

“ใช่แล้ว เฟินเอ๋อร์ เป็นเพราะลูกนี่เองที่ไปพูดให้ยายกับพี่สาวเข้าใจผิด เรื่องของผู้ใหญ่เด็กไม่เกียว กลับเข้าห้องไปเลยไป” หลิวซือมองเห็นทางที่แม่กับลูกสาวจะไม่ต้องย้ายออกแล้ว เลยช่วยพูดแก้หน้าให้สามี

ยายหลิวยืนฟังเงียบๆแต่ไม่ยอมพูดอะไรสักคำ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ถ้าผู้ใหญ่ไม่พูด แล้วเด็กมันจะกล้าพูดออกมาได้ยังไง แต่ลูกสาวก็คล้อยตามสามีขนาดนี้แล้ว ท่านจะพูดอะไรได้อีก

เสี่ยวเหลียนฟังแล้วถึงกับอึ้ง อีกไม่กี่ก้าวก็จะเป็นอิสระจากคนพวกนั้นแล้วแท้ๆ สุดท้ายย่าหลี่ที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนมาช่วยพูดเกลี้ยกล่อม พร้อมทั้งคุกเข่าขอขมายายหลิวที่ทำกิริยายไม่เหมาะสม ทั้งยังอ้างว่าเพิ่งกลับจากไปสั่งสอนลูกสาวที่บ้านลูกเขยมา ทำให้สองยายหลานเหมือนคนน้ำท่วมปาก ต้องเอาเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าแล้วแขวนไว้ตามเดิม

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   120

    ช่วงดึกวันเดียวกันนั้น พ่อจางสังเกตเห็นความผิดปกติของภรรยา อยู่กินมานานเกือบสามสิบปี แค่อ้าปากก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร“มีเรื่องอะไรที่ผมไม่รู้หรือเปล่าครับ” พ่อจางกอดภรรยาจากทางด้านหลัง มั่นใจว่าคนข้างๆ ยังไม่นอน“…." มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา“วันนี้เจ้าลูกชายตัวดีมาคุยกับผม เรื่องที่ขอยืดเวลาให้กวงเอ๋อร์อยู่ที่นี่ก่อน ทางผมไม่ติดอะไรนะถ้าคุณจะอยู่กับหลานต่อ”“ฉันจะกลับบ้านค่ะ ถ้าพวกเขาไม่ยอมให้ฉันเอาหลานกลับ ก็ให้พวกเขาเลี้ยงกันเอง ฉันจะไม่ยุ่งแล้ว” แม่จางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงน้อยใจ“พูดแบบนั้นก็ไม่ถูก ถ้าคุณอยากจะกลับเพราะคิดถึงผมก็แล้วไปเถอะ แต่อย่ากลับเพียงเพราะอยากประชดลูกเลย เสวี่ยอวี้อาจจะไม่เป็นไร แต่อย่าทำให้ลูกสะใภ้ลำบากใจ ได้ยินว่าเธอยินดีที่ให้กวงเอ๋อร์ไปชิงเต่า แต่เจ้าลูกชายตัวดีไม่ยอม” พ่อจางรับหน้าที่เป็นคนกลา

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   119

    สิงหาคม 1980ครบกำหนดที่จางเหยากวงต้องกลับไปชิงเต่ากับคุณย่าของเขาแล้ว เจ้าอ้วนยังไม่รู้ชะตากรรมว่าต่อไปตัวเองจะต้องอยู่ห่างจากพ่อแม่ ตอนนี้สองพ่่อลูกกำลังเล่นของเล่นบนเตียงกันอยู่“ผมจำได้ว่าเครื่องบินของกวงเอ๋อร์มีเยอะกว่านี้ไม่ใช่เหรอครับ” สองพ่อลูกชอบเล่นเครื่องบิน ก่อนนอนทุกคืนเขาจะต้องได้เล่นเครื่องบินกับพ่อก่อน แล้วค่อยให้ย่าจางพาไปนอน“ฉันเก็บลงกล่องบางส่วนแล้วละค่ะ” พูดถึงเรื่องนี้ทีไรก็รู้สึกจุกที่ลำคอทุกทีจางเสวี่ยอวี้ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจ ให้ลูกชายเล่นเครื่องบินไปก่อน แล้วหันมาปลอบแม่ของลูกแทน “ถ้าอย่างนั้นไม่สู้เราคุยกับแม่ให้ท่านกลับไปชิงเต่าก่อนดีหรือเปล่าครับ ผมจะจ้างพี่เลี้ยงมาอยู่ประจำ คุณยายท่านจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป”ตอนนี้แม้ว่าที่บ้านของเขาจะมีแม่บ้าน แต่ทำงานเช้าเย็นก็กลับ หน้าที่เลี้ยงหลานเป็นของยายทวดและคุณย่า เขารู้ดีว่าพวกท

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   118

    จ้าวเสี่ยวเหลียนยุ่งอยู่กับการเลี้ยงลูกและเรียน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ลืมใส่ใจน้องสาว ตอนนี้หลี่เฟินสอบเข้ามหาวิทยาลัยมณฑลได้แล้ว เดิมทีแม่หลิวอยากให้มาอยู่กับพี่สาว จะช่วยเลี้ยงหลาน แต่เพราะมหาวิทยาลัยกับค่ายทหารอยู่ไกลกันเดินทางลำบาก เสี่ยวเหลียนเลยเลือกให้น้องสาวอยู่หอพักแทน วันหยุดถึงมาหลานสาว“ไอหยา…ตัวหนักกว่าครั้งที่แล้วอีกนะ” น้าสาวยิ้มกว้างเมื่อได้อุ้มหลานชายวัยสี่เดือน ตอนนี้เขาใส่เสื้อผ้าของเด็กหนึ่งขวบไปแล้วเรียบร้อย“เขาห้ามทักว่าเด็กอ้วนเดี๋ยวจะป่วย ไม่รู้เรื่องอะไรเลย” ยายหลิวดุหลานสาว“จริงเหรอคะ เสี่ยวกวงของเราไม่อ้วนเลย ออกจะผอมไปด้วยซ้ำ ต้องกินเยอะๆ นะ” พอรู้ว่าหลานชายจะป่วยเพราะคำพูดของตัวเอง น้าสาวก็กลับคำเสียอย่างนั้นเสี่ยวเหลียนได้ยินแล้วก็ส่ายหน้า “เด็กคนหนึ่งจะป่วยก็คงไม่เกี่ยวกับคำพูดหรอก เป็นเพราะสภาพแวดล้อมแล้วก็สิ่งที่เขากินเข้าไปมากกว่า เจ็บป

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   117

    จ้าวเสี่ยวเหลียนอยู่โรงพยาบาล 3 วัน ถ้าเป็นคนอื่นคงออกตั้งแต่สองวันแรก แต่เพราะเป็นภรรยาของท่านนายพล เขาอยากมั่นใจก่อนว่าภรรยาและลูกปลอดภัย พ่อจางกับแม่จางมาถึงวันที่เสี่ยวเหลียนออกจากโรงพยาบาลพอดี จางเสวี่ยอวี้ตั้งชื่อลูกชายา จางเหยากวง“ไอหยา…เพิ่งคุยกันไม่กี่วันก่อนแท้ๆ หลานย่าก็รีบออกมาเสียแล้ว ไม่รอย่าเลย” ตอนนี้คุณแม่จางกำลังอุ้มหลายชายตัวอ้วนของท่านอยู่รีบอะไรกันละคะ ความจริงต้องออกตั้นแต่ช่วงต้นเดือนเสียด้วยซ้ำ อีกสองสัปดาห์ก้จะเปิดเทอมแล้ว ม่านม่านจะพักฟื้นทันหรือเปล่า" แม่หลิวมองหน้าลูกสาวที่กำลังอยู่เดือนด้วยความเป็นห่วง“นั่นสิ แล้วเรื่องอยู่เดือนจะทำยังไง” แม่จางถาม“สัปดาห์แรกน่าจะยังไม่มีอะไรหรอกค่ะ ยังไม่ต้องไปก็ได้ แต่หลังจากนั้นยังไงก็ต้องไปเพราะขึ้นปีสามแล้ว เนื้อหาเฉพาะมากขึ้น”“ไม่สู้ให้แม่พากวงเอ๋อร์กลับชิงเต่า พวกลูกจะไ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   116

    จางเสวี่ยอวี้ยังยืนนิ่งอยู่กับที่ เขาเห็นของเหลวกำลังไหลออกมาจากร่างกายของภรรยา ก่อนหน้านี้เธอมีอาการเจ็บท้องอยู่หลายครั้ง แต่พอเกิดขึ้นจริงเขากลับทำอะไรไม่ถูก“จางเสวี่ยอวี้ เอาของที่เตรียมไว้ไปใส่รถเร็วเข้า” ในจิตสำนึกของเธอแล้ว ตัวเองอายุเท่ากันกับสามี พอน้ำคร่ำแตก อาการเจ็บท้องคลอดของเธอก็ถี่ขึ้น จนเหงื่อท่วมตัวว่าที่คุณพ่อมือใหม่สะดุ้งกับคำสั่งของภรรยา “ได้” เขารีบเดินไปหิ้วกระเป๋าที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้นานแล้วขึ้นรถ ไม่นานก็กลับเข้ามาอุ้มภรรยาไปโรงพยาบาล“ไม่ต้องกลัวนะ ทำใจให้สบาย” ยายหลิวจับมือปลอบใจหลานสาวตลอดทาง โชคดีที่บ้านพักกับโรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลกันมาก ใช้เวลาเดินทางแค่ 5 นาทีก็มาถึงโรงพยาบาลตอนนี้เสี่ยวเหลียนถูกเข็นไปยังห้องคลอด จางเสวี่ยอวี้เดินไปตามหวังหว่านอินที่ห้องตรวจด้วยตัวเอง ทำเอาคนไข้แตกตื่นไปตามๆ กัน“นายใจเย็นๆ ก่อน ตอนนี้เธอ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   115

    กุมภาพันธ์ 1980ปิดเทอมฤดูหนาวเสี่ยวเหลียนไม่ได้กลับชิงเต่า เพราะจางเสวี่ยอวี้ไม่อยากให้เธอต้องเดินทางไกลช่วงที่หิมะตกหนัก“เข้าใจแล้วค่ะ วางแล้วนะคะ”“ใครโทรมาครับ” จางเสวี่ยอวี้เดินเข้ามาโอบเอวของภรรยา มือหนาลูบหน้าท้องที่เริ่มนูนขึ้นมานิดๆ ของภรรยา“แม่น่ะค่ะ โทรมากำชับ บอกว่าปิดเทอมนี้ไม่ต้องกลับบ้าน” เธอยิ้มตอบสามี รู้สึกดีทุกครั้งที่เขาลูบท้องลูกของพวกเธอ“ผมทำเรื่องขอย้ายไปอยู่บ้านเป็นหลังแล้ว คิดว่าสะดวกกว่าอยู่บนอาคาร”“ทำไมละคะ” เธอคิดว่าอยู่บนอาคารก็สะดวกดี ฤดูหนาวไม่ต้องคอยมากวาดหิมะบนหลังคา ติดแค่พื้นที่แคบไปสักหน่อยก็เท่านั้น“อยู่บ้านเป็นหลังดีกว่า อีกหน่อยคุณยายก็ต้องมาช่วยดูแลคุณ ท่านจะได้ไม่อึดอัดที่อยู่แต่บนอาคารอย่างเดียว”

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status