Share

9

Author: Scince
last update Last Updated: 2025-08-09 22:47:29

คืนนั้นหลังจากที่หลับใหลไปเพราะความเหนื่อย กอปรกับเหมือนว่าจะมีไข้ จ้าวเสี่ยวเหลียนได้ค้นพบสิ่งหนึ่ง ซึ่งก็คือ ปานสีแดงเล็กตรงข้อมือข้างซ้าย แต่พอแตะดูกลับพบว่ามันคือมิติ

ภายในเป็นเหมือนห้องสี่เหลี่ยมขนาด 30 ตารางวา แต่ข้างในนั้นกลับไม่มีอะไรเลย ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยอ่านนิยายเกี่ยวกับมิติหรือระบบ แรกๆ ก็รู้สึกว่ามันออกจะเหนือธรรมชาติไปสักหน่อย แต่ถ้าหากคนทั้งคนสามารถย้อนเวลากลับมาได้ แล้วทำไมกับแค่มิติจะเป็นไปไม่ได้

หญิงสาวลองทำตามนิยาย เพราะถ้าเป็นมิติเหมือนในนิยายจริงๆ จะต้องเอาของเข้าไปในนั้นและสามารถเอาออกมาได้

คิดได้แบบนั้นเธอเลยหยิบเอาหวีไม้เก่าๆ ขึ้นมา จากนั้นก็เอามาแตะที่ตรงปานเล็กๆ ที่ข้อมือข้างซ้าย ทันใดนั้นพบว่าหวีไม้ที่ตอนแรกอยู่ในมือ มันกลับหายเข้าไปในมิติแล้วเรียบร้อย

“เยี่ยม” หญิงสาวเผลอพูดออกมาเบาๆ

“อือ เสี่ยวเหลียน เป็นอะไรหรือเปล่า” ยายหลิวที่นอนอยู่ข้างๆ งัวเงียขึ้นมาถาม

ท่านเป็นคนรู้สึกตัวเร็ว แล้วยิ่งหลานสาวไม่สบายอยู่แบบนี้ทำให้ข่มตาหลับได้ไม่เต็มตาเท่าไหร่ พอได้ยินเสียงขยับตัวของหลานสาวเลยรู้สึกตัวตื่น

ตัวต้นเรื่องกลับนอนหลับตานิ่ง ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ให้ยายเข้าใจผิดไปเอง หรือคิดว่าเธออาจจะละเมอพูดคนเดียวมากกว่า

เช้าวันถัดมา ถ้าเป็นปกติแล้วยายหลิวและหลานสาว จะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อทำข้าวเช้าให้กับทุกคน แต่วันนี้กลับต่างออกไป เพราะท่านยังคงหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง

จ้าวเสี่ยวเหลี่ยนตื่นนานแล้ว อีกทั้งไข้ของเธอก็ลดลงแล้วเหมือนกัน ตอนนี้เหลือแค่ตัวอุ่นๆ กินยาต้มอีกสักหม้อก็น่าจะหายเป็นปลิดทิ้ง

ยุคนี้คนยังนิยมกินยาต้ม มากกว่ายาเม็ดของโรงพยาบาล ถ้าอาการไม่หนักจริงๆ ก็จะไปหาหมอพื้นบ้าน เพราะไว้ใจมากกว่าหมอแผนปัจจุบัน

“ตื่นแล้วก็ลุกมาล้างหน้าล้างตา” ยายหลิวพูดทั้งที่ยังหลับตาอยู่

“ยาย ทำไมไม่ลุกละคะ” เสี่ยวเหลียนถามเสียงแหบ

“ขี้เกียจ นานๆ จะตื่นสายสักวันคงไม่เป็นไรหรอก แกน่ะรีบลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตา วันนี้ยายจะพาไปตรวจกับหมอสักหน่อยจะได้วางใจ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ กินยาต้มอีกสักหม้อก็หายแล้ว” เสี่ยวเหลียนปฏิเสธ รู้สึกว่าร่างนี้ก็แข็งแรง อาจเพราะเป็นคนชนบท ร่างกายไม่ได้อ่อนแอเหมือนคนในเมือง แต่อาจจะดูมอมแมมไปสักหน่อยก็เถอะ

“ไปตรวจก่อน เป็นหรือไม่เป็นเดี๋ยวหมอก็จะบอกเอง” ยายหลิวลืมตาขึ้นมาช้าๆ ใต้ตาที่เหี่ยวย่นมีรอยคล้ำนิดๆ บ่งบอกว่าอีกฝ่ายนอนหลับไม่เต็มที่

แต่ยังไม่ทันที่จ้าวเสี่ยวเหลียนจะลุกออกจากเตียง ก็มีเสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น ตามมาด้วยร่างบางที่เปิดเข้ามา ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นแม่ของเสี่ยวเหลียนนั่นเอง

“ตื่นกันแล้วเหรอ วันนี้เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นหรือยัง” หลิวซือถามลูกสาวด้วยความเป็นห่วง

“ค่ะ” เสี่ยวเหลียนพยักหน้าตอบ

ยายหลิวได้ยินเสียงลูกสาวก็หลับตานอนต่อ พร้อมทั้งนอนหันหลังให้ หลิวซือเห็นแบบนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ แต่ก็ไม่ได้ถือสา เพราะแม่จะโกรธก็คงไม่แปลก

“ลุกไหวหรือเปล่า วันนี้ไม่เห็นแกตื่นไปทำมื้อเช้าก็เลยเข้ามาดู ถ้าไม่ไหวช่วงนี้ก็พักก่อนแล้วกัน เดี๋ยวฉันจะทำให้ก่อน”

ความจริงเธออยากจะบอกกับลูกสาวว่า ถ้าไหวก็ให้ลุกขึ้นมาทำงานบ้าน ไม่ใช่ว่าไม่เป็นห่วง ลูกใครก็รักอยู่แล้ว แต่ที่ให้ทำแบบนี้เป็นเพราะอยากปกป้องลูกจากพวกที่จ้องจะหาเรื่อง อย่างบ้านรอง เป็นต้น

“ค่ะ”

“อืม ตื่นแล้วก็ลุกไปล้างหน้าล้างตาเถอะ อีกหน่อยก็จะได้เวลากินมื้อเช้าแล้ว อย่าลืมปลุกยายด้วยล่ะ”

ความจริงเธอรู้ว่าผู้เป็นแม่ตื่นแล้ว แต่แค่แกล้งไม่อยากคุยกับตัวเองเท่านั้น แต่ก็ไม่คิดจะเปิดโปง ทำได้เพียงเดินออกจากห้องไป

“ลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วเข้า” ทันทีที่ได้ยินเสียงปิดประตู ยายหลิวก็ลืมตาขึ้น พร้อมทั้งสั่งหลานสาว

“รีบขนาดนั้นเลยเหรอคะ”

“แกอยากกินมื้อเช้าที่ร้านตรงหัวมุมมาตลอดไม่ใช่เหรอ เงินน่ะถ้าไม่ใช้เดี๋ยวมันจะบูดเสียก่อน ไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันดีกว่า” ยายหลิวพูดเอาใจ

ทุกครั้งที่หลานสาวไม่สบาย ท่านก็มักจะปลอบขวัญของเธอด้วยการพาไปกินของอร่อย ทั้งที่ความจริงท่านเป็นคนที่ประหยัดมาก

“งั้นไปกันเลยค่ะ ฉันพร้อมแล้ว”

เสี่ยวเหลียนรีบจัดการกับตัวเอง จากนั้นสองยายหลานก็ออกจากบ้าน ไม่อยู่กินมื้อเช้ากับคนที่บ้าน นั่นทำให้หลิวซือถูกพี่น้องสามีหาช่องโหว่พูดจาถากถาง

“ได้ข่าวว่าแม่ยายแกออกไปกินข้างข้างนอกเหรอ” ย่าหลี่ถามลูกชาย แต่กลับมองหน้าลูกสะใภ้

“ครับ เห็นว่าจะพาเสี่ยวเหลียนไปให้หมอตรวจด้วยน่ะ” หลี่เจียงพยักหน้าตอบ พูดแทนภรรยา

“แปลกนะคะ ทั้งที่เกิดและโตกับน้ำแท้ๆ แบบนี้เสียชาติเกิดจริงๆ” โจวเยว่ สะใภ้รองพูดขึ้น

“น่าเสียดายที่ผมอ่านหนังสืออยู่ในห้องเลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่อย่างนั้นคงไปช่วยเสี่ยวเหลียงได้ทัน” หลี่เทียนยืดอกพูดอย่างหน้าด้านๆ ทั้งที่ความจริงเขาไปขลุกอยู่ข้างนอกทั้งวัน

“ให้มันจริงเถอะ อย่าให้รู้แล้วกันว่าแกไปที่นั่น” อารองมองหน้าลูกชายตาขวาง

เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวแว่วเข้าหูเขาอยู่บ่อยครั้ง ว่าลูกชายมักจะไปขลุกตัวอยู่ที่โต๊ะสนุ๊ก สถานที่แบบนั้นคนดีที่ไหนไปกัน มีแต่พวกไม่ทำการทำงานทั้งนั้นไปรวมอยู่ที่นั่น

“คุณคะ ลูกก็รับปากแล้วว่าจะไม่ไปอีก อีกอย่างลูกก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นที่แบบนั้น คุณก็อย่าพูดเรื่องนี้อีกเลยค่ะ” สะใภ้รองรีบห้ามสามี เพราะเรื่องนี้เป็นรอยด่างในใจของเธอมาตลอด

“เอาล่ะๆ อย่าทะเลาะกันเลยน่ะ เทียนเอ๋อร์ไม่ได้ไปไหนหรอก มีแวะไปบ้านเพื่อนตามประสา ช่วงนี้ก็ปิดเทอมอยู่ไม่ต้องเคร่งมากก็ได้ ให้แกได้ผ่อนคลายบ้าง” ย่าหลี่ช่วยพูด เพราะถ้าบอกว่าหลานชายอยู่แต่ในห้องก็จะดูเกินไปสักหน่อย

แต่เรื่องที่เขาออกไปบ้านเพื่อนนั้นเป็นเรื่องจริง เพราะเจ้าตัวมาขออนุญาตกับท่านโดยตรง และท่านก็เป็นคนอนุญาตเอง

“แม่ก็เอาแต่เข้าข้าง คนอื่นปิดเทอมผมก็ยังเห็นไปที่ห้องสมุด มันน่ะเคยไปเหยียบบ้างหรือเปล่า อย่าคิดว่าสอบเข้าโรงเรียนอันดับหนึ่งได้แล้วจะแล้วกันไปนะ ในนั้นมีแต่คนเก่งๆ ถ้าไม่ปรับตัวก็อยู่ยาก ดูอย่างเฟินเอ๋อร์ยังไปอ่านหนังสือทุกวัน วันนี้ไปห้องสมุดกับน้อง เข้าใจหรือเปล่า” อารองสั่งลูกชายเสียงเข้ม

ความฝันสูงสุดของเขาคืออยากเข้าทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แต่เพราะทางบ้านฐานะยากจน อีกทั้งแม่ยังทำงานหาเลี้ยงทั้งครอบครัว เรียนจบชั้นประถมก็ออกแล้วมาช่วยพี่ชายคนโตหางานทำ ส่งน้องสาวน้องชายเรียนต่อ

น้องสาววาสนาดีกว่าใครๆ เพราะทุกคนต่างลงความเห็นว่าเป็นลูกผู้หญิงต้องเรียบจบสูงๆ เพื่อที่ว่าครอบครัวสามีจะได้ไม่ดูถูกเอาได้

แต่กลายเป็นว่าไปหลงรักคนมีอายุเข้า เรียนไม่ทันจบมัธยมต้น ก็ลาออกมาแต่งงานเสียก่อน โอกาสจึงไปตกที่น้องชายคนเล็ก ที่เรียนจบถึงชั้นมัธยมปลาย ทางการจึงจัดสรรให้มาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ มีชามข้าวเหล็กในมือ

“ครับ” หลี่เทียนก้มหน้ารับคำสั่ง

ในบรรดาคนในบ้าน เขากลัวพ่อมากที่สุด พูดคำไหนต้องเป็นคำนั้น แต่เขากลับชอบลุงใหญ่มากที่สุด เพราะลุงใหญ่ใจดี แถมยังแอบให้ค่าขนมเขาอยู่บ่อยๆ

“ยังมีอีกเรื่อง วันนี้เตรียมตัวไปรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับฝ่ายสวัสดิการทราบด้วยนะครับ เมื่อวานเรื่องของลูกสาวพี่สะใภ้ดังไปทั่วโรงงาน” อารองพูดเสียงเรียบแต่ฟังก็รู้ว่ากำลังตำหนิ

“จ้ะ ฉันจะจัดการเอง” หลิวซือยิ้มรับ ลูกของเธอ เธอก็ต้องจัดการเองอยู่แล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   120

    ช่วงดึกวันเดียวกันนั้น พ่อจางสังเกตเห็นความผิดปกติของภรรยา อยู่กินมานานเกือบสามสิบปี แค่อ้าปากก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร“มีเรื่องอะไรที่ผมไม่รู้หรือเปล่าครับ” พ่อจางกอดภรรยาจากทางด้านหลัง มั่นใจว่าคนข้างๆ ยังไม่นอน“…." มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา“วันนี้เจ้าลูกชายตัวดีมาคุยกับผม เรื่องที่ขอยืดเวลาให้กวงเอ๋อร์อยู่ที่นี่ก่อน ทางผมไม่ติดอะไรนะถ้าคุณจะอยู่กับหลานต่อ”“ฉันจะกลับบ้านค่ะ ถ้าพวกเขาไม่ยอมให้ฉันเอาหลานกลับ ก็ให้พวกเขาเลี้ยงกันเอง ฉันจะไม่ยุ่งแล้ว” แม่จางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงน้อยใจ“พูดแบบนั้นก็ไม่ถูก ถ้าคุณอยากจะกลับเพราะคิดถึงผมก็แล้วไปเถอะ แต่อย่ากลับเพียงเพราะอยากประชดลูกเลย เสวี่ยอวี้อาจจะไม่เป็นไร แต่อย่าทำให้ลูกสะใภ้ลำบากใจ ได้ยินว่าเธอยินดีที่ให้กวงเอ๋อร์ไปชิงเต่า แต่เจ้าลูกชายตัวดีไม่ยอม” พ่อจางรับหน้าที่เป็นคนกลา

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   119

    สิงหาคม 1980ครบกำหนดที่จางเหยากวงต้องกลับไปชิงเต่ากับคุณย่าของเขาแล้ว เจ้าอ้วนยังไม่รู้ชะตากรรมว่าต่อไปตัวเองจะต้องอยู่ห่างจากพ่อแม่ ตอนนี้สองพ่่อลูกกำลังเล่นของเล่นบนเตียงกันอยู่“ผมจำได้ว่าเครื่องบินของกวงเอ๋อร์มีเยอะกว่านี้ไม่ใช่เหรอครับ” สองพ่อลูกชอบเล่นเครื่องบิน ก่อนนอนทุกคืนเขาจะต้องได้เล่นเครื่องบินกับพ่อก่อน แล้วค่อยให้ย่าจางพาไปนอน“ฉันเก็บลงกล่องบางส่วนแล้วละค่ะ” พูดถึงเรื่องนี้ทีไรก็รู้สึกจุกที่ลำคอทุกทีจางเสวี่ยอวี้ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจ ให้ลูกชายเล่นเครื่องบินไปก่อน แล้วหันมาปลอบแม่ของลูกแทน “ถ้าอย่างนั้นไม่สู้เราคุยกับแม่ให้ท่านกลับไปชิงเต่าก่อนดีหรือเปล่าครับ ผมจะจ้างพี่เลี้ยงมาอยู่ประจำ คุณยายท่านจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป”ตอนนี้แม้ว่าที่บ้านของเขาจะมีแม่บ้าน แต่ทำงานเช้าเย็นก็กลับ หน้าที่เลี้ยงหลานเป็นของยายทวดและคุณย่า เขารู้ดีว่าพวกท

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   118

    จ้าวเสี่ยวเหลียนยุ่งอยู่กับการเลี้ยงลูกและเรียน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ลืมใส่ใจน้องสาว ตอนนี้หลี่เฟินสอบเข้ามหาวิทยาลัยมณฑลได้แล้ว เดิมทีแม่หลิวอยากให้มาอยู่กับพี่สาว จะช่วยเลี้ยงหลาน แต่เพราะมหาวิทยาลัยกับค่ายทหารอยู่ไกลกันเดินทางลำบาก เสี่ยวเหลียนเลยเลือกให้น้องสาวอยู่หอพักแทน วันหยุดถึงมาหลานสาว“ไอหยา…ตัวหนักกว่าครั้งที่แล้วอีกนะ” น้าสาวยิ้มกว้างเมื่อได้อุ้มหลานชายวัยสี่เดือน ตอนนี้เขาใส่เสื้อผ้าของเด็กหนึ่งขวบไปแล้วเรียบร้อย“เขาห้ามทักว่าเด็กอ้วนเดี๋ยวจะป่วย ไม่รู้เรื่องอะไรเลย” ยายหลิวดุหลานสาว“จริงเหรอคะ เสี่ยวกวงของเราไม่อ้วนเลย ออกจะผอมไปด้วยซ้ำ ต้องกินเยอะๆ นะ” พอรู้ว่าหลานชายจะป่วยเพราะคำพูดของตัวเอง น้าสาวก็กลับคำเสียอย่างนั้นเสี่ยวเหลียนได้ยินแล้วก็ส่ายหน้า “เด็กคนหนึ่งจะป่วยก็คงไม่เกี่ยวกับคำพูดหรอก เป็นเพราะสภาพแวดล้อมแล้วก็สิ่งที่เขากินเข้าไปมากกว่า เจ็บป

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   117

    จ้าวเสี่ยวเหลียนอยู่โรงพยาบาล 3 วัน ถ้าเป็นคนอื่นคงออกตั้งแต่สองวันแรก แต่เพราะเป็นภรรยาของท่านนายพล เขาอยากมั่นใจก่อนว่าภรรยาและลูกปลอดภัย พ่อจางกับแม่จางมาถึงวันที่เสี่ยวเหลียนออกจากโรงพยาบาลพอดี จางเสวี่ยอวี้ตั้งชื่อลูกชายา จางเหยากวง“ไอหยา…เพิ่งคุยกันไม่กี่วันก่อนแท้ๆ หลานย่าก็รีบออกมาเสียแล้ว ไม่รอย่าเลย” ตอนนี้คุณแม่จางกำลังอุ้มหลายชายตัวอ้วนของท่านอยู่รีบอะไรกันละคะ ความจริงต้องออกตั้นแต่ช่วงต้นเดือนเสียด้วยซ้ำ อีกสองสัปดาห์ก้จะเปิดเทอมแล้ว ม่านม่านจะพักฟื้นทันหรือเปล่า" แม่หลิวมองหน้าลูกสาวที่กำลังอยู่เดือนด้วยความเป็นห่วง“นั่นสิ แล้วเรื่องอยู่เดือนจะทำยังไง” แม่จางถาม“สัปดาห์แรกน่าจะยังไม่มีอะไรหรอกค่ะ ยังไม่ต้องไปก็ได้ แต่หลังจากนั้นยังไงก็ต้องไปเพราะขึ้นปีสามแล้ว เนื้อหาเฉพาะมากขึ้น”“ไม่สู้ให้แม่พากวงเอ๋อร์กลับชิงเต่า พวกลูกจะไ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   116

    จางเสวี่ยอวี้ยังยืนนิ่งอยู่กับที่ เขาเห็นของเหลวกำลังไหลออกมาจากร่างกายของภรรยา ก่อนหน้านี้เธอมีอาการเจ็บท้องอยู่หลายครั้ง แต่พอเกิดขึ้นจริงเขากลับทำอะไรไม่ถูก“จางเสวี่ยอวี้ เอาของที่เตรียมไว้ไปใส่รถเร็วเข้า” ในจิตสำนึกของเธอแล้ว ตัวเองอายุเท่ากันกับสามี พอน้ำคร่ำแตก อาการเจ็บท้องคลอดของเธอก็ถี่ขึ้น จนเหงื่อท่วมตัวว่าที่คุณพ่อมือใหม่สะดุ้งกับคำสั่งของภรรยา “ได้” เขารีบเดินไปหิ้วกระเป๋าที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้นานแล้วขึ้นรถ ไม่นานก็กลับเข้ามาอุ้มภรรยาไปโรงพยาบาล“ไม่ต้องกลัวนะ ทำใจให้สบาย” ยายหลิวจับมือปลอบใจหลานสาวตลอดทาง โชคดีที่บ้านพักกับโรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลกันมาก ใช้เวลาเดินทางแค่ 5 นาทีก็มาถึงโรงพยาบาลตอนนี้เสี่ยวเหลียนถูกเข็นไปยังห้องคลอด จางเสวี่ยอวี้เดินไปตามหวังหว่านอินที่ห้องตรวจด้วยตัวเอง ทำเอาคนไข้แตกตื่นไปตามๆ กัน“นายใจเย็นๆ ก่อน ตอนนี้เธอ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   115

    กุมภาพันธ์ 1980ปิดเทอมฤดูหนาวเสี่ยวเหลียนไม่ได้กลับชิงเต่า เพราะจางเสวี่ยอวี้ไม่อยากให้เธอต้องเดินทางไกลช่วงที่หิมะตกหนัก“เข้าใจแล้วค่ะ วางแล้วนะคะ”“ใครโทรมาครับ” จางเสวี่ยอวี้เดินเข้ามาโอบเอวของภรรยา มือหนาลูบหน้าท้องที่เริ่มนูนขึ้นมานิดๆ ของภรรยา“แม่น่ะค่ะ โทรมากำชับ บอกว่าปิดเทอมนี้ไม่ต้องกลับบ้าน” เธอยิ้มตอบสามี รู้สึกดีทุกครั้งที่เขาลูบท้องลูกของพวกเธอ“ผมทำเรื่องขอย้ายไปอยู่บ้านเป็นหลังแล้ว คิดว่าสะดวกกว่าอยู่บนอาคาร”“ทำไมละคะ” เธอคิดว่าอยู่บนอาคารก็สะดวกดี ฤดูหนาวไม่ต้องคอยมากวาดหิมะบนหลังคา ติดแค่พื้นที่แคบไปสักหน่อยก็เท่านั้น“อยู่บ้านเป็นหลังดีกว่า อีกหน่อยคุณยายก็ต้องมาช่วยดูแลคุณ ท่านจะได้ไม่อึดอัดที่อยู่แต่บนอาคารอย่างเดียว”

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status