Share

9

Penulis: Scince
last update Terakhir Diperbarui: 2025-08-09 22:47:29

คืนนั้นหลังจากที่หลับใหลไปเพราะความเหนื่อย กอปรกับเหมือนว่าจะมีไข้ จ้าวเสี่ยวเหลียนได้ค้นพบสิ่งหนึ่ง ซึ่งก็คือ ปานสีแดงเล็กตรงข้อมือข้างซ้าย แต่พอแตะดูกลับพบว่ามันคือมิติ

ภายในเป็นเหมือนห้องสี่เหลี่ยมขนาด 30 ตารางวา แต่ข้างในนั้นกลับไม่มีอะไรเลย ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยอ่านนิยายเกี่ยวกับมิติหรือระบบ แรกๆ ก็รู้สึกว่ามันออกจะเหนือธรรมชาติไปสักหน่อย แต่ถ้าหากคนทั้งคนสามารถย้อนเวลากลับมาได้ แล้วทำไมกับแค่มิติจะเป็นไปไม่ได้

หญิงสาวลองทำตามนิยาย เพราะถ้าเป็นมิติเหมือนในนิยายจริงๆ จะต้องเอาของเข้าไปในนั้นและสามารถเอาออกมาได้

คิดได้แบบนั้นเธอเลยหยิบเอาหวีไม้เก่าๆ ขึ้นมา จากนั้นก็เอามาแตะที่ตรงปานเล็กๆ ที่ข้อมือข้างซ้าย ทันใดนั้นพบว่าหวีไม้ที่ตอนแรกอยู่ในมือ มันกลับหายเข้าไปในมิติแล้วเรียบร้อย

“เยี่ยม” หญิงสาวเผลอพูดออกมาเบาๆ

“อือ เสี่ยวเหลียน เป็นอะไรหรือเปล่า” ยายหลิวที่นอนอยู่ข้างๆ งัวเงียขึ้นมาถาม

ท่านเป็นคนรู้สึกตัวเร็ว แล้วยิ่งหลานสาวไม่สบายอยู่แบบนี้ทำให้ข่มตาหลับได้ไม่เต็มตาเท่าไหร่ พอได้ยินเสียงขยับตัวของหลานสาวเลยรู้สึกตัวตื่น

ตัวต้นเรื่องกลับนอนหลับตานิ่ง ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ให้ยายเข้าใจผิดไปเอง หรือคิดว่าเธออาจจะละเมอพูดคนเดียวมากกว่า

เช้าวันถัดมา ถ้าเป็นปกติแล้วยายหลิวและหลานสาว จะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อทำข้าวเช้าให้กับทุกคน แต่วันนี้กลับต่างออกไป เพราะท่านยังคงหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง

จ้าวเสี่ยวเหลี่ยนตื่นนานแล้ว อีกทั้งไข้ของเธอก็ลดลงแล้วเหมือนกัน ตอนนี้เหลือแค่ตัวอุ่นๆ กินยาต้มอีกสักหม้อก็น่าจะหายเป็นปลิดทิ้ง

ยุคนี้คนยังนิยมกินยาต้ม มากกว่ายาเม็ดของโรงพยาบาล ถ้าอาการไม่หนักจริงๆ ก็จะไปหาหมอพื้นบ้าน เพราะไว้ใจมากกว่าหมอแผนปัจจุบัน

“ตื่นแล้วก็ลุกมาล้างหน้าล้างตา” ยายหลิวพูดทั้งที่ยังหลับตาอยู่

“ยาย ทำไมไม่ลุกละคะ” เสี่ยวเหลียนถามเสียงแหบ

“ขี้เกียจ นานๆ จะตื่นสายสักวันคงไม่เป็นไรหรอก แกน่ะรีบลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตา วันนี้ยายจะพาไปตรวจกับหมอสักหน่อยจะได้วางใจ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ กินยาต้มอีกสักหม้อก็หายแล้ว” เสี่ยวเหลียนปฏิเสธ รู้สึกว่าร่างนี้ก็แข็งแรง อาจเพราะเป็นคนชนบท ร่างกายไม่ได้อ่อนแอเหมือนคนในเมือง แต่อาจจะดูมอมแมมไปสักหน่อยก็เถอะ

“ไปตรวจก่อน เป็นหรือไม่เป็นเดี๋ยวหมอก็จะบอกเอง” ยายหลิวลืมตาขึ้นมาช้าๆ ใต้ตาที่เหี่ยวย่นมีรอยคล้ำนิดๆ บ่งบอกว่าอีกฝ่ายนอนหลับไม่เต็มที่

แต่ยังไม่ทันที่จ้าวเสี่ยวเหลียนจะลุกออกจากเตียง ก็มีเสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น ตามมาด้วยร่างบางที่เปิดเข้ามา ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นแม่ของเสี่ยวเหลียนนั่นเอง

“ตื่นกันแล้วเหรอ วันนี้เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นหรือยัง” หลิวซือถามลูกสาวด้วยความเป็นห่วง

“ค่ะ” เสี่ยวเหลียนพยักหน้าตอบ

ยายหลิวได้ยินเสียงลูกสาวก็หลับตานอนต่อ พร้อมทั้งนอนหันหลังให้ หลิวซือเห็นแบบนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ แต่ก็ไม่ได้ถือสา เพราะแม่จะโกรธก็คงไม่แปลก

“ลุกไหวหรือเปล่า วันนี้ไม่เห็นแกตื่นไปทำมื้อเช้าก็เลยเข้ามาดู ถ้าไม่ไหวช่วงนี้ก็พักก่อนแล้วกัน เดี๋ยวฉันจะทำให้ก่อน”

ความจริงเธออยากจะบอกกับลูกสาวว่า ถ้าไหวก็ให้ลุกขึ้นมาทำงานบ้าน ไม่ใช่ว่าไม่เป็นห่วง ลูกใครก็รักอยู่แล้ว แต่ที่ให้ทำแบบนี้เป็นเพราะอยากปกป้องลูกจากพวกที่จ้องจะหาเรื่อง อย่างบ้านรอง เป็นต้น

“ค่ะ”

“อืม ตื่นแล้วก็ลุกไปล้างหน้าล้างตาเถอะ อีกหน่อยก็จะได้เวลากินมื้อเช้าแล้ว อย่าลืมปลุกยายด้วยล่ะ”

ความจริงเธอรู้ว่าผู้เป็นแม่ตื่นแล้ว แต่แค่แกล้งไม่อยากคุยกับตัวเองเท่านั้น แต่ก็ไม่คิดจะเปิดโปง ทำได้เพียงเดินออกจากห้องไป

“ลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วเข้า” ทันทีที่ได้ยินเสียงปิดประตู ยายหลิวก็ลืมตาขึ้น พร้อมทั้งสั่งหลานสาว

“รีบขนาดนั้นเลยเหรอคะ”

“แกอยากกินมื้อเช้าที่ร้านตรงหัวมุมมาตลอดไม่ใช่เหรอ เงินน่ะถ้าไม่ใช้เดี๋ยวมันจะบูดเสียก่อน ไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันดีกว่า” ยายหลิวพูดเอาใจ

ทุกครั้งที่หลานสาวไม่สบาย ท่านก็มักจะปลอบขวัญของเธอด้วยการพาไปกินของอร่อย ทั้งที่ความจริงท่านเป็นคนที่ประหยัดมาก

“งั้นไปกันเลยค่ะ ฉันพร้อมแล้ว”

เสี่ยวเหลียนรีบจัดการกับตัวเอง จากนั้นสองยายหลานก็ออกจากบ้าน ไม่อยู่กินมื้อเช้ากับคนที่บ้าน นั่นทำให้หลิวซือถูกพี่น้องสามีหาช่องโหว่พูดจาถากถาง

“ได้ข่าวว่าแม่ยายแกออกไปกินข้างข้างนอกเหรอ” ย่าหลี่ถามลูกชาย แต่กลับมองหน้าลูกสะใภ้

“ครับ เห็นว่าจะพาเสี่ยวเหลียนไปให้หมอตรวจด้วยน่ะ” หลี่เจียงพยักหน้าตอบ พูดแทนภรรยา

“แปลกนะคะ ทั้งที่เกิดและโตกับน้ำแท้ๆ แบบนี้เสียชาติเกิดจริงๆ” โจวเยว่ สะใภ้รองพูดขึ้น

“น่าเสียดายที่ผมอ่านหนังสืออยู่ในห้องเลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่อย่างนั้นคงไปช่วยเสี่ยวเหลียงได้ทัน” หลี่เทียนยืดอกพูดอย่างหน้าด้านๆ ทั้งที่ความจริงเขาไปขลุกอยู่ข้างนอกทั้งวัน

“ให้มันจริงเถอะ อย่าให้รู้แล้วกันว่าแกไปที่นั่น” อารองมองหน้าลูกชายตาขวาง

เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวแว่วเข้าหูเขาอยู่บ่อยครั้ง ว่าลูกชายมักจะไปขลุกตัวอยู่ที่โต๊ะสนุ๊ก สถานที่แบบนั้นคนดีที่ไหนไปกัน มีแต่พวกไม่ทำการทำงานทั้งนั้นไปรวมอยู่ที่นั่น

“คุณคะ ลูกก็รับปากแล้วว่าจะไม่ไปอีก อีกอย่างลูกก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นที่แบบนั้น คุณก็อย่าพูดเรื่องนี้อีกเลยค่ะ” สะใภ้รองรีบห้ามสามี เพราะเรื่องนี้เป็นรอยด่างในใจของเธอมาตลอด

“เอาล่ะๆ อย่าทะเลาะกันเลยน่ะ เทียนเอ๋อร์ไม่ได้ไปไหนหรอก มีแวะไปบ้านเพื่อนตามประสา ช่วงนี้ก็ปิดเทอมอยู่ไม่ต้องเคร่งมากก็ได้ ให้แกได้ผ่อนคลายบ้าง” ย่าหลี่ช่วยพูด เพราะถ้าบอกว่าหลานชายอยู่แต่ในห้องก็จะดูเกินไปสักหน่อย

แต่เรื่องที่เขาออกไปบ้านเพื่อนนั้นเป็นเรื่องจริง เพราะเจ้าตัวมาขออนุญาตกับท่านโดยตรง และท่านก็เป็นคนอนุญาตเอง

“แม่ก็เอาแต่เข้าข้าง คนอื่นปิดเทอมผมก็ยังเห็นไปที่ห้องสมุด มันน่ะเคยไปเหยียบบ้างหรือเปล่า อย่าคิดว่าสอบเข้าโรงเรียนอันดับหนึ่งได้แล้วจะแล้วกันไปนะ ในนั้นมีแต่คนเก่งๆ ถ้าไม่ปรับตัวก็อยู่ยาก ดูอย่างเฟินเอ๋อร์ยังไปอ่านหนังสือทุกวัน วันนี้ไปห้องสมุดกับน้อง เข้าใจหรือเปล่า” อารองสั่งลูกชายเสียงเข้ม

ความฝันสูงสุดของเขาคืออยากเข้าทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แต่เพราะทางบ้านฐานะยากจน อีกทั้งแม่ยังทำงานหาเลี้ยงทั้งครอบครัว เรียนจบชั้นประถมก็ออกแล้วมาช่วยพี่ชายคนโตหางานทำ ส่งน้องสาวน้องชายเรียนต่อ

น้องสาววาสนาดีกว่าใครๆ เพราะทุกคนต่างลงความเห็นว่าเป็นลูกผู้หญิงต้องเรียบจบสูงๆ เพื่อที่ว่าครอบครัวสามีจะได้ไม่ดูถูกเอาได้

แต่กลายเป็นว่าไปหลงรักคนมีอายุเข้า เรียนไม่ทันจบมัธยมต้น ก็ลาออกมาแต่งงานเสียก่อน โอกาสจึงไปตกที่น้องชายคนเล็ก ที่เรียนจบถึงชั้นมัธยมปลาย ทางการจึงจัดสรรให้มาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ มีชามข้าวเหล็กในมือ

“ครับ” หลี่เทียนก้มหน้ารับคำสั่ง

ในบรรดาคนในบ้าน เขากลัวพ่อมากที่สุด พูดคำไหนต้องเป็นคำนั้น แต่เขากลับชอบลุงใหญ่มากที่สุด เพราะลุงใหญ่ใจดี แถมยังแอบให้ค่าขนมเขาอยู่บ่อยๆ

“ยังมีอีกเรื่อง วันนี้เตรียมตัวไปรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับฝ่ายสวัสดิการทราบด้วยนะครับ เมื่อวานเรื่องของลูกสาวพี่สะใภ้ดังไปทั่วโรงงาน” อารองพูดเสียงเรียบแต่ฟังก็รู้ว่ากำลังตำหนิ

“จ้ะ ฉันจะจัดการเอง” หลิวซือยิ้มรับ ลูกของเธอ เธอก็ต้องจัดการเองอยู่แล้ว

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   64

    เช้าวันถัดมา เสี่ยวเหลียนก็รีบตื่นตั้งแต่เช้า เพื่อที่จะมาช่วยยายหลิวจัดเตรียมของไหว้ ปล่อยให้สามีนอนอยู่บนเตียงเมื่อคืนทั้งเธอและเขาต่างเปิดประสบการณ์และทำในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำแต่ไม่กล้า เรียกได้ว่าอิ่มเอมทั้งสองฝ่าย แต่ต้องมาเสียใจทีหลังเพราะปวดระบมไปทั้งร่าง“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ออกมานอกห้องก็เห็นตะเกียงถูกจุดอยู่“อรุณสวัสดิ์” ยายหลิวทักทายหลานสาว“ทำไมไม่เปิดไฟละค จะเปิดจุดตะเกียงอีกทำไม” ไม่พูดเปล่า แต่ยังเดินไปเปิดไฟในบ้านอีกด้วย“เห็นว่ายังเช้ามืดอยู่ กลัวว่าแสงไปจะเข้าไปในห้องรบกวนการนอนของผู้พัน”“เขาไม่เรื่องมากขนาดนั้นหรอกค่ะ” เธอส่ายหน้าให้กับความเอาใจใส่ของท่านที่มีต่อหลานเขย“แกน่ะไม่เคยคิดอะไรเผื่อใครต่างหากล่ะ ช่วงที่พวกเราเดินทางมาซูโจวผู้พันแทบไม่ได้พักผ่อนเลยเพราะมัวแต่เฝ้าของ กลับมาเหนื่อยๆ ก็มาเจอเรื่อง

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   63

    หลังจากที่ซ่งเฉวียพาแม่ของเขากลับไปแล้ว จางเสวี่ยอวี้ก็ตัดสินใจคุยเรื่องนี้กับภรรยาอย่างจริงจัง เพราะอีกไม่กี่วันเขาก็ไปรวมกับสหายยังจุดนัดพบเนื่องจากว่าเขาเดินทางล่วงหน้ามาก่อนสหายหลายวัน คำนวณเวลาดูแล้วคงเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน สหายในกองทัพก็น่าจะเดินทางมาถึงยังจุดนัดพบ“วันนี้คุณใจร้อนเกินไปนะครับ” เขาพูดกับคนในอ้อมกอด ตอนนี้เธอกำลังอ้อนเขาเหมือนแมวน้อยก็ไม่ปาน“ฉันรู้ค่ะ แต่บอกตามตรงว่าพอรู้ว่าย่าซ่งถูกทุบตี ภายในใจฉันก็รู้สึกไม่ยินยอม” เธอตอบอย่างเอาแต่ใจ“อืม แค่รอยฟันเด็ก ไม่ได้เหมารวมว่าแม่ของเขาจะเป็นคนทำนะครับ”“ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆนะคะ ทำไมต้องลงไม้ลงมือกันขนาดนั้นด้วย ทั้งยังเป็นใต้ร่มผ้าที่คนอื่นไม่สังเกตเห็นอีกด้วย ถ้าวันนี้เราไม่เห็นหรือเรากลับมาช้ากว่านี้ ท่านจะมีชีรอดจนถึงสิ้นปีหรือเปล่า คนเต็มบ้านทำไมไม่มีใครสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ ถ้าท่านจะความจำเสื่อมฉันว่าก็

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   62

    ตอนนี้เวลาหกโมงเย็น คนที่ออกไปหาปลาก็ทยอยกลับเข้าบ้าน รวมถึงคนบ้านซ่งด้วยเหมือนกัน ผู้นำหมู่บ้านกลับเข้าบ้านมาก่อนลูกชายไม่นาน วันนี้ท่านมีประชุมในตัวเมืองเลยกลับถึงบ้านช้ากว่าทุกวัน“แค่คนแก่คนเดียวทำไมคุณถึงดูแลไม่ได้ คนอื่นต้องลงเรือหาปลากันทั้งวัน ตากแดดตากลม นี่ให้อยู่บ้านเลี้ยงลูกดูแลแม่แค่นี้ก็ยังทำไม่ได้” พี่ใหญ่ซ่งด่ากราด เนื่องจากกลับมาถึงบ้านแล้วภรรยาบอกข่าวร้ายว่าแม่เขาหนีออกจากบ้านอีกแล้ว“ใจเย็นๆ น่าพี่ใหญ่” ซ่งเฉวียน ชายหนุ่มรูปร่างกำยำ ผิวคล้ำเพราะออกเรือหาปลาทุกวันตบไหล่พี่ชาย ด้วยกลัวว่าเขาจะลงไม้ลงมือกับพี่สะใภ้ใหญ่“แกจะให้ฉันใจเย็นอยู่ได้ยังไงเจ้าสาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนทำพลาด เดือนนี้กี่ครั้งแล้วที่แม่หายตัวไป”“เอาน่า ลองแยกกันหาดูอีกทีแล้วกันครับ พ่อเอาปลาไปขายให้ส่วนกลางก่อนที่ปลาจะตายแล้วไม่มีราคา” ซ่งเฉวียนบอกกับผู้เป็นพ่อ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   61

    ข่าวเรื่องสองยายหลานกลับบ้านมาตอนนี้ดังไปทั่วทั้งหมู่บ้านสายน้ำแล้ว เสี่ยวเหลียนไม่มีเวลาสนทนากับใคร เธอวุ่นอยู่กับการทำความสะอาดบ้าน หน้าที่รับแขกเลยเป็นของยายหลิวและหลานเขย“ไอหยา…วาสนาเสี่ยวเหลียนนี่ดีจริงๆ เลยนะ ได้สามีเป็นคนเมือง”“นั่นน่ะสิ แล้วนี่จะกลับมาอยู่ที่นี่กันแล้วเหรอ”“จะเป็นไปได้ยังไง มีผู้ชายที่ไหนแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงบ้างล่ะ”“แกลืมไปหรือเปล่า ก็ลูกสาวนางหลิวไง แม่เสี่ยวเหลียนก็แต่งพ่อเสี่ยวเหลียนเข้าบ้านมาไม่ใช่เหรอ”“ฮ่าๆ จริงสิเนอะ เกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย”แต่แล้วรองเท้าจากที่ไหนไม่รู้ลอยมากลางวงสนทนา จางเสวี่ยอวี้ปฏิกิริยาเร็ว เขาใช้ถาดขึ้นมากันเอาไว้ ไม่ให้ยายหลิวถูกลูกหลง กลายเป็นว่ารองเท้ากระทบกับถาด ลอยไปฟาดปากคนที่หัวเราะอย่าพอเหมาะพอเจาะจนหุบปากไม่ทัน

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   60

    ยายหลิวพอรู้ว่าหลานสาวและหลานเขยจะไปส่งที่ซูโจวก็ทั้งดีใจและเกรงใจ ดีใจที่จะได้พาหลานสาวกลับไปไหว้ บอกกล่าวบรรพบุรุษตระกูลหลิว และเกรงใจหลานเขย เพิ่งกลับมาจากทำงานต่างเมืองแท้ๆ ยังไม่ทันได้หายเหนื่อยก็ต้องออกเดินทางอีกแล้ว“ลำบากหลานเขยแล้ว” ยายหลิวพูดขึ้น ขณะที่หลานเขยช่วยท่านยกกระเป๋าขึ้นไปบนรถไฟ“ไม่เป็นไรครับ”จางเสวี่ยอวี้ยิ้มรับ วันนี้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เพราะเมื่อคืนได้ปลดปล่อยเต็มที่หลังจากที่กักเก็บลูกๆ มานาน ต่างจากจ้าวเสี่ยวเหลียนที่แทบไม่อยากจะขยับตัว“ของีบหน่อยนะคะ” ขึ้นบนรถไฟได้ เธอก็หลับมาตลอดทางยายหลิวส่ายหน้าให้กับความขี้เซาของหลานสาว แต่เพราะเธอเป็นคนเมารถ ท่านเลยเข้าใจปว่าหลานสาวน่าจะเมารถไฟด้วยเหมือนกัน ทั้งที่ความจริงแล้วเธอเมาอย่างอื่นที่สามีมอบให้ต่างหากล่ะตลอดการเดินทาง จางเสวี่ยอวี้ดูแลสองยายหลานเป็นอย่างดี จองตั๋วนอนให้จะได้โดยสารสะดวก ทั้งยังเป็นคนดูแลความเรียบร้อย เรียกได้ว่ามีเขาอยู่ ยายหลิวสบายตลอดทั้งทางใช้เวลาเดินทางห้าวันก็มาถึงซูโจว ชายหนุ่มมองไปรอบๆ เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสายน้ำ เนื่องจากมีคลองขนส่งตลอดทั้งเส้นทาง ผู้คนสัญจรทางเรือมากกว

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   59

    จ้าวเสี่ยวเหลียนยื้อให้ยายอยู่ด้วยกันจนกระทั่งถึงเดือนกันยายน อากาศเริ่มเย็นลงเล็กน้อย ถึงเวลาที่ท่านจะต้องกลับซูโจวแล้วจริงๆ“ทำไมไม่อยู่ต่ออีกสักหน่อยละคะ รอให้ถึงวันชาติฉันกับพี่เสวี่ยอวี้จะได้ไปส่งยายได้” หญิงสาวต่อรอง“กลับวันนี้หรือวันไหนก็เหมือนกัน จะยื้อต่อไปอีกทำไม” ยายหลิวส่ายหน้า มือก็สาละวนอยู่กับการจัดกระเป๋าสำหรับเดินทางช่วงหลังแต่งงานเธอไม่ได้กลับบ้านเพื่อไปไหว้ครอบครัวเดิม เพราะครอบครัวของเธอก็คือยายหลิว ในเมื่อยายอยู่กับตัวเองที่นี่ ก็ไม่จำเป็นต้องกลับส่วนหลิวซือเองก็ได้ติดอะไร ด้วยรู้อยู่แล้วว่าลูกสาวเลือกอยู่ข้างใคร และเธอเองก็ถือว่าตัวเองทำหน้าที่แม่ได้อย่างเต็มที่ ส่งลูกสาวขึ้นเรือลำเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้วเรียบร้อยจะว่าไปจ้าวเสี่ยวเหลียนเองก็ถือว่าโชคดีกว่ามาก แม้ว่าแรกเริ่มจะไม่ดีเท่าที่ควร แต่หลังจากเลือกที่จะตกลงปลงใจกับจางเสวี่ยอวี้แล้ว ชีวิตของเธอเรียกได้ว่าเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขณะที่สองยายหลานคุยกันอยู่นั้น จางเสวี่ยอวี้ก็กลับมาจากปฏิบัติงานนอกพื้นที่พอดี ที่ยายหลิวยอมใจอ่อนอยู่ต่อนานนับเดือนขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอยากอยู่เป็นเพื่อนหลานสาว

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status