“ไม่เป็นไรหรอกค่ะป้า จีแค่สงสารแม่เวลาทำอาหาร ไม่ว่าจะเป็นมื้อไหน ก็นึกถึงแต่คนอื่น ไม่เคยถามจีด้วยซ้ำว่าชอบกินอะไร แต่ตอนนี้คนดีที่แม่ห่วงใยเขาช่างหักหาญน้ำใจ ไม่สมกับที่แม่รักและห่วงใยเขาเลยสักนิด จีเกลียดคุณ” หญิงสาวเน้นน้ำเสียงหนักแน่นลงไปที่ท้ายประโยคอย่างชัดเจน
จากนั้นจีน่าได้เอามือขึ้นมาปาดน้ำตาออกจากแก้มทั้งสองข้างอย่างลวกๆ พร้อมกับเม้มริมฝีปากเข้ากัน เธอกัดเป็นรอยแดงจนห้อเลือดด้วยความโกรธ ก่อนที่เธอจะขับรถจักรยานยนต์ออกไปจากไร่ ขณะที่ปฐพีแอบมองตามหลังเธอออกไป ด้วยหัวใจที่เจ็บแปลบอย่างน่าแปลกใจ
ในตอนเย็นที่บ้านของสรวิช ลูกสาวคนโตกำลังทำให้เขาคิดหนัก เมื่อเดียร์น่าแผลงฤทธิ์ ไม่ยอมทำตามในสิ่งที่บิดามารดาปรารถนา เพราะหล่อนมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว แม้จะเพิ่งคบกันได้ไม่นาน แต่อิริคก็เป็นทั้งแฟนและนักธุรกิจหนุ่ม ที่สนใจในแบรนด์ชาของโรงงาน ซึ่งกำลังผลิตออกมาให้ดูมีกลิ่นที่หลากหลาย แต่ยังคงไว้ซึ่งคุณภาพของชา เพื่อตระหนักถึงประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับสูงสุด ซึ่งแม้แต่สรวิชเองก็หวังอยากจะตีตลาดต่างประเทศ มันจึงเป็นโอกาสที่เดียร์น่าจะสานฝันให้กับธุรกิจของครอบครัวได้สำเร็จ เพราะมีอีริคอยู่เบื้องหลัง เขาเป็นนักธุรกิจที่กล้าลงทุน บวกกับที่ชายหนุ่มนั้นประทับใจในตัวของเดียร์น่าด้วย จึงทำให้การง่ายต่อการเจรจาและตกลงทำสัญญาลงทุนร่วมกัน
“พ่อคิดว่าคุณดินคือผู้ชายคนหนึ่งที่ดีพอ เขาสามารถทำให้ลูกของพ่อมีความสุขได้อย่างแน่นอน บางครั้งความรักก็อาจจะไม่ใช่สิ่งตายตัว ที่กำหนดให้คนเราใช้ชีวิตร่วมกัน มันต้องอาศัยองค์ประกอบหลายๆ อย่างมารวมกัน แค่รักคำสั้นๆ มันคงไม่พอ” สรวิชกำลังฝืนใจ ใช้เหตุผลที่ไม่มีหลักการเอาเสียเลย เพราะชีวิตคู่หากปราศจากความรักแล้วไซร้ จะมีความหมายอะไร ถ้าหากคนเราต้องใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ไร้ใจ ไปตลอดชีวิต
“เหมือนพ่อใช่ไหมคะ พ่อไม่เคยรักแม่เลย” เดียร์น่าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงระคนน้อยใจ เมื่อหญิงสาวกำลังจะถูกคลุมถุงชน จึงเอ่ยถามบิดาออกไปแบบนั้น
“ใครบอก แม่อาจจะไม่ใช่รักแรก แต่แม่ของลูกคือรักสุดท้ายของพ่อ คุณดินก็เช่นกัน พอลูกใช้ชีวิตร่วมกันไป เดียร์ก็อาจจะรักเขาจนหมดหัวใจเลยก็ได้” สรวิชยังคงมีความมุ่งมั่นที่จะให้ลูกสาวคนโตได้แต่งงานกับปฐพี เพราะเขาเองก็ไม่อยากให้เดียร์หน้าได้สมหวังกับอิริค เนื่องจากเขาไม่ปรารถนาที่จะให้ลูกสาวไปอยู่ไกลหูไกลตา แม้ว่าชาของเขาอาจจะไม่ได้ส่งออกนอก แค่ผลิตขายในประเทศก็แทบจะรับเออเดอร์ไม่ทันอยู่แล้ว บางเดือนเขาต้องไปซื้อใบชาจากไร่จิรายุมาเพิ่มด้วยซ้ำ
“แต่เดียร์ไม่ได้รักคุณดินนี่ค่ะพ่อ ทำไมไม่ให้จีน่าแต่ง ในเมื่อน้องก็ยังไม่มีแฟน” หญิงสาวเริ่มคิดหาทางออก เพราะยังไงคำตอบของเธอก็ยังยืนยันคำเดิม เดียร์น่าจะไม่มีวันแต่งงานกับปฐพีอย่างแน่นอน
“น้องยังเด็กอยู่เลย”
“เด็กที่ไหน ยัยจีเรียนจบปริญญาตรีแล้วนะคะพ่อ” เดียร์น่าพูดขึ้นเสียงแหลม เมื่อบิดาหยิบยกเอาเหตุผลมาพูดที่ฟังไม่ขึ้นเลยสักนิด
“คุณหมอกับภรรยา อยากได้ลูกไปเป็นสะใภ้ ไม่ใช่จีน่า เข้าใจหรือยัง” ในที่สุดสรวิชก็พูดถึงความประสงค์ที่นายแพทย์จิรายุและฝนสุดาภรรยาของเขาต้องการ นั่นคงเป็นเพราะว่าจีน่าชอบทำตัวแก่นแก้ว เลยทำให้ไม่ถูกเลือก ผิดกับเดียร์น่าที่ดูอ่อนหวาน แต่ก็เอาแต่ใจตัวเช่นกัน
ขณะที่สองพ่อลูกกำลังพูดถกเถียงกันไปมา ต่างคนต่างก็มีเหตุผลเป็นของตัวเอง สองแม่ลูกที่อยู่บนบ้านก็เช่นกัน เมื่อค่าร่ากำลังแต่งองค์ทรงเครื่องให้กับลูกสาวคนเล็ก
“ทำไมต้องเป็นจีด้วยค่ะ แม่ก็รู้ว่าจีไม่ชอบงานเลี้ยง” หญิงสาวกำลังทำหน้าหงิกงอ เมื่อมารดาจับแต่งชุดเดรสสั้นรัดรูปสีเงินดูหรูหราเลอค่ามาก แฝงความเซ็กซี่เอาไว้ในตัวอย่างมีเสน่ห์จนน่าหลงใหล เปลือยแผ่นหลังขาวนวลเนียนจนน่ามองอย่างไม่อยากกะพริบตา ผมของเธอเกล้าขึ้นไว้หลวมๆ ด้วยการมวยซ้อนชั้นแซมด้วยกิ๊บคลิสตัล ยิ่งดูสวยเก๋ไปอีกเข้ากับโครงหน้ารูปไข่ที่มองยังไงก็ตราตรึงใจ ซึ่งฝีมีของคาร่ามารดาของเธอไม่เป็นรองใคร ไม่ว่าจะเป็นการแต่งหน้าทำผม หรือแม้แต่การเลือกชุด
“อย่าบ่น ถ้าบ้านเราไม่มีใครไปงานเลี้ยงต้อนรับลูกชายของพ่อเลี้ยง ภูผา ที่จบโทมาจากเมืองนอกเมืองนา มันจะเป็นการเสียมารยาทมากเลยนะ เขาอุตส่าห์มีการ์ดเชิญให้ไปร่วมงาน อีกอย่างพ่อเลี้ยงภูผาก็มาเชิญด้วยตัวเองอีกด้วย”
คาร่าพูดพร้อมกับกวาดสายตามองลูกสาวคนเล็กตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยความชื่นชมและภาคภูมิใจ เพราะนอกจากฝีมือของเธอจะยังดูดี ความสวยของจีน่าเองก็ไม่เป็นรองใครรับรองว่าคนในงานต้องตกตะลึง เนื่องจากจีน่าไม่เคยแต่งตัวในลุคแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต
“แล้วนั่นอะไรอยู่ในกล่องค่ะแม่” หญิงสาวเอ่ยถามออกมาด้วยแววตาที่ดูใสซื่อ เมื่อกล่องสีแดงนั้นประดับด้วยริบบิ้นผูกโบสีทองดูสวยสะดุดตา แต่จีน่าจะรู้หรือเปล่าว่าพ่อเลี้ยงภูผาได้มาทาบทามเธอกับบิดามารดา ให้กับลูกชายคนเดียวของเขา นั่นคือขุนพลเพื่อนสนิทของปฐพี
แต่สรวิชและคาร่ายังไม่ได้ตัดสินใจ เพราะแค่เรื่องของเดียร์น่าก็เป็นทุกข์ใจมากพออยู่แล้ว ถ้าหากจีน่ากับขุนพลจะต้องแต่งงานกัน สองสามีภรรยาก็ปรารถนาอยากให้จีน่ารักชายหนุ่มด้วยหัวใจ ไม่ใช่การถูกคลุมถุงชนเหมือนกันลูกสาวคนโต และนั่นคือเหตุผลที่หญิงสาวต้องไปงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ พร้อมกับของขวัญที่ขุนพลต้องถูกใจอย่างแน่นอน
“ของขวัญข้างในรับรองว่าขุนพลต้องถูกใจ เพราะลูกสาวของแม่เป็นคนถือไปให้มือ” คำพูดของมารดา ทำให้จีน่าเลิกคิ้วก่อนจะขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย ทำไมขุนพลต้องถูกใจ ในเมื่อของข้างในเธอเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร
“ไม่ต้องทำหน้ามุ่ยแบบนั้น แม่แต่งให้ออกจะสวย ไปได้แล้วเดี๋ยวพ่อจะไปส่ง”
“อ้าว! พ่อไม่ได้ไปด้วยเหรอคะ”
“อืม...” เสียงอื้ออึงดังมาจากลำคอของคนตัวเล็กอย่างไม่มีทีท่าขัดขืน แถมเธอยังใช้แขนคล้องไปที่ลำคอแกร่งของสามีเอาไว้แน่น เพื่อโน้มเข้าหาให้ได้องศารับกับช่วงจังหวะที่ดูดดื่ม จากจูบที่อ่อนโยนนุ่มนวลได้กลายเป็นร้อนแรงดังจะกลืนกินคนตัวเล็กเข้าไปทั้งตัว เมื่อเลือดในกายของความเป็นชายเริ่มสูบฉีก ซึ่งจีน่าเองก็ปรารถนาคนตัวโตไม่แพ้กัน เรียวลิ้นของเขาและเธอเกี่ยวกระหวัดกันไปมา อยู่ในโพรงปากของคนใต้ร่างอย่างไม่มีทีท่าว่าจะยอมกัน อาภรณ์ที่ห่อหุ้มกายของคนทั้งสอง ถูกชายหนุ่มเปลื้องออกไปกองรวมกันอยู่ที่พื้นอย่างไม่ไยดี ปฐพีไล้มืออีกข้างไปตามเรียวขาเสลาของภรรยา “อืม...อื้ม” เสียงครางดังออกมาแข่งกัน เมื่อต่างคนต่างก็อยากสานสัมพันธ์ ปลายลิ้นอุ่นของชายหนุ่มยังคงกวาดต้อนฉกชิมเอาความหอมหวานจากโพรงปากของภรรยาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเบื่อ “ฉันรักเธอจัง จุ๊บ! จร๊วบ!” เสียงแหบพร่าที่ดังบอกรักอยู่ข้างหู กำลังทำให้จีน่าม้วนตัวบิดไปมา เมื่อเธอรู้สึกเสียวซ่านจากสัมผัสที่ได้รับ เพราะเวลานี้ปฐพีกำลังใช้ลิ้นร้อนโ
ในที่สุดปฐพีก็พ่ายแพ้ให้กับความรัก ทั้งที่เขาพยายามผลักไสให้เธอออกไปไกล แต่ทว่าจีน่ากลับใช้ความพยายามที่จะเข้าใกล้ ยิ่งเธอถูกเขาประกาศกร้าว ระยะเวลาหนึ่งปี ที่หญิงสาวจะต้องเอาชนะหัวใจของปฐพี เธอก็ยิ่งทำทุกทาง เพื่อให้ชายหนุ่มยอมจำนน ซึ่งตอนนี้จีน่าก็ทำมันสำเร็จ เมื่อเธอได้เปลี่ยนคำพูดของปฐพี ที่เคยบอกเอาไว้ว่า สามร้อยหกสิบห้าวันฉันจะไม่รักเธอ กลับกลายเป็นสามร้อยหกสิบห้าวันไม่มีวันไหนที่จะไม่รัก เธอกลายเป็นดังจิตวิญญาณของชายหนุ่ม ที่ทำให้เขามีลมหายใจอยู่ได้ในทุกๆ วัน ห้าปีผ่านไป ลูกสาวของจีน่ากับปฐพีกำลังอยู่ในวัยน่ารักน่าฟัง ชื่อว่านภาที่แปลว่าท้องฟ้า เสียงพูดของเด็กหญิงเจี๊ยวจ๊าวใสซื่อทำให้ไร่ชาดูมีชีวิตชีวามากกว่าเดิม ส่งผลให้นายแพทย์จิรายุและภรรยาไม่เป็นอันอยู่กรุงเทพฯ ภายในหนึ่งเดือนเขาเทียวไปมาหลายครั้ง จนปฐพีต้องปรามให้คนทั้งคู่อยู่ที่ไร่ เนื่องจากเขาไม่อยากให้บิดามารดาเดินทางบ่อยๆ เพราะคนทั้งคู่อายุมากขึ้น แม้จะยังดูดีราวกับหนุ่มสาววัยสี่สิบต้นๆ ซึ่งคำชมของลูกชายมักจะทำให้ฝนสุดายิ้มหน้าหวาน เพราะปฐพีชอบหยอดคำหวายไม่แพ้นายแพทย์จิรายุบิดาของเขา
“พอแล้วค่ะจีหิว” หญิงสาวผละคนตัวโตออกห่างเพราะกลัวว่าเขาจะทำอะไรที่เลยเถิดมากไปกว่าจูบ “อยากกินฉันเหรอ หืม” “คนบ้า พูดอะไรก็ไม่รู้” จีน่าพูดออกมาด้วยใบหน้าร้อนผ่าว “ไหนลูกพ่อหิวแล้วใช่ไหมครับ ไปกินข้าวกัน” เขากระซิบลงไปที่หน้าท้องของจีน่า จากนั้นปฐพีได้โอบภรรยาลงไปที่โต๊ะอาหาร กับบรรยากาศที่ไม่เหมือนอยู่ในโรงพยาบาล เมื่อปฐพีตั้งใจเซอ์ไพรส์เธอกลับพร้อมกับอยากให้ภรรยาประทับใจ กับของขวัญล้ำค่าที่เธอได้มอบให้กับเขา “เธอออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ ฉันจะจัดการกับช้องนาง เธอควรได้รับโทษ ที่กล้าทำร้ายดวงใจของฉัน ส่วนไอ้ขุนพล มันได้หนีไปต่างประเทศแล้ว” พอพูดถึงคนทั้งสอง ใบหน้าของปฐพีดูเคร่งขรึมขึ้นมาอย่างถนัดตา “จีขอได้ไหมคะ ให้ทุกอย่างจบแต่เพียงเท่านี้ จีเองก็ปล
ภายในห้องพิเศษ ปฐพีนั่งเฝ้าภรรยาของเขาทั้งคืน จนเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ พอจีน่างัวเงียตื่นขึ้นมา หญิงสาวค่อยๆ ปรือตาขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะหลับลงอีกครั้งเพื่อปรับกับแสงที่แยงมา ซึ่งจีน่าพบว่าที่นี่ไม่ใช่กระท่อมแต่เป็นห้องที่เต็มไปด้วยสีขาว จากนั้นหญิงสาวจึงค่อยๆ กวาดสายตามองไปทั่วห้อง เธอรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาทันที เมื่อปฐพีกำลังซบหน้าลงกับเตียง มือเรียวเอื้อมไปแตะลงที่ศีรษะของสามีเบาๆ “อืม... จีน่า! เธอเป็นยังไงบ้างเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เมื่อเห็นภรรยารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ปฐพีรีบดีดตัวลุกขึ้นพร้อมกับเอามือกุมใบหน้าของเธอเอาไว้ แล้วเอ่ยถามออกมาด้วยความห่วงใย ก่อนที่เขาสำรวจว่าเธอเจ็บตรงไหนบ้าง “ฉันขอโทษนะจีน่า ที่ทำให้เธอต้องไปเจอกับเรื่องบ้าๆ พวกนั้น ลืมมันไปเถอะนะ คิดว่ามันคือฝันร้ายจะได้ไหม ฉันอาจจะขอเธอมากไป แต่ต่อจากนี้ฉันจะทำให้เธอฝันดีทุกคืน พร้อมกับตื่นมาเจอกับฉันในทุกวัน จะไม่มีใครกล้าทำอะไรเธอได้อีกแล้ว” ดวงตาคมจับจ้องไปที่ใบหน
“ฉันขอโทษนะจีน่า ต่อไปฉันจะไม่ให้เธอต้องห่างกายไปไหนไกล อดทนรอฉันอีกนิดนะ ใกล้ถึงแล้ว” พอพูดจบชายหนุ่มรีบหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปในไร่ ที่เขาตั้งใจอยากจะสร้างบ้านไว้ที่นี่ เพื่อมาพักผ่อนกับจีน่า ในเวลาที่เขาและเธอว่างจากงานในไร่ชา พอรถยนต์ออฟโรดคันคู่ในแล่นมาถึง ชายหนุ่มไม่รอช้าหยิบไฟฉายออกมา แล้วเดินตรงไปยังกระท่อมทันที ซึ่งเขากึ่งวิ่งกึ่งเดินอย่างกับกลัวว่าจะมีคนคว้าเส้นชัยไปก่อน “เฮ้ย! อะไรเนี่ย กระเป๋าของจีน่า” ชายหนุ่มรีบคว้ากระเป๋าของหญิงสาวมาสะพายเอาไว้ ก่อนจะรีบเดินออกไปให้เร็วที่สุด เพราะกระท่อมอยู่ห่างจากที่จอดรถพอสมควร ถ้าคนที่ไม่เคยออกกำลังกาย อาจจะต้องหยุดนั่งพักเอาแรง แล้วค่อยเดินต่อด้วยซ้ำ เมื่อมาถึงกระท่อมหัวใจของชายหนุ่มแทบสลาย ที่เห็นร่างของภรรยาถูกพันธนาการเอาไว้กับเสา เขารีบเข้าไปแก้มัดให้กับเธอ ขณะที่จีน่าไม่ได้สติ เขาเรียกยังไงเธอก็ไม่ยอมตื่น
“ไม่จริงคุณขุนพลเดินทางไปกรุงเทพตั้งแต่บ่ายแก่ๆ ป่านนี้เขาคงบินออกนอกประเทศไปแล้ว” ช้องนางเดินผ่านมาได้ยินประโยคที่ปฐพีพูดขึ้นพอดี หล่อนเลยสวนกลับอย่างไม่คิด “ลูกไม่ได้ทำเรื่องแย่ๆ ใช่ไหมช้องนาง” แม่เลี้ยงเวียงพิงค์เอ่ยถามลูกสาวออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่ทว่าดวงตาของนางกลับแฝงไปด้วยความกังวลใจ “ช้องนางเป็นลูกแม่นะคะ ทำไมแม่ต้องมองลูกสาวของตัวเองด้วยสายตาแบบนั้นด้วย” “เพราะแม่รักลูก เลยไม่อยากให้ลูกทำผิด” “หยุดพูดจาบ้าบอได้แล้ว กลับไปเถอะคุณปฐพีที่นี่ไม่มีผู้หญิงชื่อจีน่า” น้ำเสียงของพ่อเลี้ยงสิงห์คำฟังดูห่างเหินอย่างรุนแรง เมื่อเขารู้ถึงจุดประสงค์การมาที่นี่ของปฐพี “ถ้าเรื่องนี้ถึงตำรวจผมจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด จีน่าอยู่ที่ไหน ตอบผมมาคุณช้องนาง