LOGINท่ามกลางบรรยากาศในยามค่ำคืน มีแสงจันทร์สาดส่องอยู่ด้านบน ลมเย็นพัดเอื่อยหอบควันสีเทาลอยขึ้นสู่อากาศ
ชายหนุ่มหน้าหล่อคมคายทั้งสองจุดสูบบุหรี่ พื้นที่ระเบียงด้านนอกถูกใช้สอย เพราะแพรรัมภาไม่ชอบกลิ่นควันของมัน
“มึงว่าเธอไปเจออะไรมาวะ” แอสตันที่สงสัยไม่หายถามขึ้น
“หมายถึงอะไร” มาร์ตินถามกลับสีหน้าเรียบนิ่ง
“เรื่องที่คุณรัมภาชอบทุบตีตัวเองไง มึงก็เห็นไม่ใช่เหรอ”
“แล้วยังไง”
ชายผมดำมีท่าทีนิ่งสงบ แต่ก็ไม่ได้สบายใจกับการกระทำของแพรรัมภานัก แค่ติดตรงที่ว่าเขาไม่สิทธิ์ออกคำสั่งหรือสงสัยในตัวนายหญิง
“มึงคิดว่าแผลในใจเธอคืออะไรวะ ถึงทำให้เธอเป็นแบบนี้”
“ไม่มีอะไรหรอก คุณรัมภาเธอแค่มีปัญหาการนอนหลับ”
“นี่มึงคิดว่างั้นเหรอ” แอสตันถามกลับแล้วเลิกคิ้วใส่
“แค่ไม่อยากให้เธอเจ็บปวด” มาร์ตินตอบกลับเสียงเรียบ
ชายผมทองพยักหน้าเข้าใจทันที การไม่ขุดคุ้ยหรือซักถามก็เท่ากับไม่เปิดปมในใจแพรรัมภา คิดได้ดังนั้นก็เงยหน้ามองท้องฟ้าพลางคีบบุหรี่จุดสูบแล้วพ่นควันสีเทาออกมา
ชายทั้งสองพอจะรู้ว่าแพรรัมภามีปมฝังใจในอดีตมา ถึงจะไม่รู้ว่าอะไรทำให้นายหญิงเป็นแบบนี้ แต่แค่เธอให้ข้าวให้น้ำแล้วก็ชีวิตใหม่ พวกเขาก็พร้อมภักดีไปจนตัวตายแล้ว
“แค่คอยปรนนิบัติให้เธอมีความสุขก็พอแอสตัน”
“มึงกับกูก็แค่ทำได้แค่นี้แหละมาร์ติน เฮ้อ”
เช้านี้ที่วัดหลวงครบรอบร้อยวันของก้องเกียรติเวียนครบกำหนด เหล่าญาติพี่น้องตระกูลเธียรวาณิชสกุลวงศ์ต่างก็เดินทางมาร่วมไว้อาลัย
เสียงพระเก้ารูปกำลังท่องบทสวด แพรรัมภานั่งที่เก้าอี้แถวหน้าข้างวิไลโสภา โต๊ะเดี่ยวประกบทั้งสองฝั่งคือแอสตันกับมาร์ติน ส่วนด้านหลังก็คือเหล่าญาติพี่น้องในเครือสกุลวงศ์
“นางก็หน้าไม่อายดีเนอะแก กล้าพาผัวทั้งสองคนมางานครบรอบ 100 วันของพ่อตัวเอง” เสียงนินทาจากสักที่ดังแว่วมาให้ได้ยิน มันดังพอที่จะทำให้คนถูกนินทารับรู้ได้
“แต่ผู้ชายของนางงานดีว่าไม่ได้”
“ระดับนางจะกินของเหลือเดนเหรอ แต่ก็แมงดาทั้งนั้น”
แอสตันชำเลืองหางตามองไปทางด้านหลัง เขามองญาติพี่น้องของแพรรัมภาด้วยสายตาตักเตือนไม่ใช่ตำหนิ ว่าเธอทั้งคู่นั้นกำลังพูดในสิ่งที่ไม่ควรอย่างมาก
ต่อให้เป็นเรื่องจริงก็อย่าพูดให้แพรรัมภาได้ยิน
“ถ้าเป็นคนธรรมดาคนโดนประณามว่าร่านไปแล้ว” เธอมองแอสตันราวกับรังเกียจ หันไปกระซิบกับคนข้างกายแล้วนินทาต่อไม่หยุด
“หรือนางก็ดูร่านนั่นแหละ มีผัวถึงสองคน ทุเรศตาสิ้นดี”
“นั่นสิ คนอื่นเขาอึดอัดกันหมดแล้ว”
“แต่แม่นางก็ไม่ว่าอะไรนะ ลูกทำตัวต่ำช้าขนาดนี้”
เสียงนินทายังแว่วมาให้ได้ยินกลบเสียงพระสวด์ มาร์ตินที่รู้ว่าแพรรัมภาได้ยินทุกอย่างก็วางมือลงบนตักเธอ กลัวเธอจะทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดจนทำตัวเองขายหน้าคนในงาน
แพรรัมภาปัดมือมาร์ตินออก เธอลุกขึ้นยืนขณะที่พระท่านยังสวดอยู่ สะโพกผายเดินไปหยิบขันน้ำมนต์ที่วางอยู่ ก่อนเธอจะเดินกลับมาพร้อมสาดใส่ผู้หญิงสองคนด้านหลัง
“อ้าย! นี่เธอทำอะไรของเธอยะ” ดาหลาโวยวายเสียงดังจนพระท่านต้องอยู่สวดกะทันหัน
“นั่นสิ พวกเราเปียกหมดแล้วนะ” เกสรปัดป้องเสื้อผ้าที่เปียกน้ำด้วยอาการหัวเสีย
ทุกสายตาของเหล่าญาติพี่น้องนับสิบคู่กำลังมองมา สองคนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องทางฝั่งพ่อ แต่แพรรัมภาไม่อยากนับญาติด้วยสักเท่าไหร่กับสิ่งที่พวกเธอพ่นออกจากปากมา
“สาดน้ำมนต์ไล่ผีบ้า” แพรรัมภาเอ่ยแล้วยกยิ้มมุมปาก
“ผีบ้าบออะไรของเธอ ประสาทเพราะเป็นอีตัวสินะ”
“ถ้างั้นเธอก็ควรไปอาบน้ำมนต์สักถังล่ะแพรรัมภา”
ทั้งดาหลาและเกสรต่างก็สาดน้ำลายใส่แพรรัมภา สองรุมหนึ่งก็ไม่ทำให้เธอรู้สึกอับอายเรื่องที่ควบชายสองคน เธอก็แค่หมดความอดทนที่พูดถึงแม่เธอขึ้นมาเท่านั้นเอง
“เธอน่ะ ผัวมีเมียน้อยไม่ใช่เหรอดาหลา”
“แกพูดอะไรของแกยะ”
“ปากเปราะแบบนี้ผัวเลยทิ้ง น่าสมเพชดีเนอะ”
ดาหลาจะแหกปากใส่ก็อายพระท่าน รวมถึงสายตาเหล่าพี่น้องที่มองมา แพรรัมภาเลยขยับสายตามองไปที่เกสรแทน
“ส่วนเธอน่ะ น่าสมเพชเหมือนกัน ผันตัวไปเป็นเมียน้อยชาวบ้านจนท้องแล้วผู้ชายไม่รับเป็นพ่อ”
“แกพูดอะไร อย่ามาทำปากดีหน่อยเลยแพรรัมภา”
“จะบอกให้เอาบุญ เมตตาเด็กเถอะ อย่าให้เกิดมามีแม่ส่ำส่อนอย่างเธอเลย”
“ถ้าฉันส่ำส่อนแล้วเธอล่ะแพรรัมภา ทำตัวหน้าไม่อาย”
เกสรเหยียดยิ้มอย่างเหนือกว่าทั้งที่กำลังโกรธจัด กับความจริงที่ถูกแพรรัมภาตอกหน้าว่าเป็นเมียน้อยท้องไม่มีพ่อ แต่คนที่ถูกตราหน้าว่าส่ำส่อนไม่สะทกสะท้านอะไรเลยสักนิด
แพรรัมภารู้ดีกว่าใครว่าเธอไม่ได้แย่งของใครมา
“ถ้าฉันเป็นเธอ... ฉันคงไม่กล้าวิจารณ์ชีวิตคนอื่นหรอก”
“นังแพรรัมภาปากดีเกินไปแล้ว”
“อีนี่มันประสาทไปแล้วดาหลา”
“อยู่ต่ำไม่ต่างกันก็อย่าทำตัวสูงส่งนักเลย สำเหนียกบ้าง”
แพรรัมภาเหยียดยิ้มราวกับปีศาจหน้าสวย เธอหัวเราะอย่างสมเพชคนทั้งสองตรงหน้าที่ดูอับอายไม่น้อย จนมาร์ตินกับแอสตันต้องรีบห้ามปรามก่อนจะวุ่นวายไปมากกว่านี้
“พอเถอะครับคุณรัมภา”
“แขกท่านอื่นมองคุณอยู่ พอแค่นี้เถอะนะครับ”
ใบหน้าสวยแต่ดูเย่อหยิ่งและร้ายกาจดุจปีศาจ กวาดสายตามองญาติพี่น้องฝั่งพ่อที่มองเธอเป็นตาเดียว ก่อนแพรรัมภาจะหยุดมองที่น้องชายพ่อด้วยสายตารังเกียจราวกับเห็บหมัด
“มีแต่พวกเห็บไร... ฉันคันตัวจะแย่อยู่แล้ว” เธอจิกกัดผ่านน้ำเสียงและสายตา ทุกคนมองมาเหมือนเธอเป็นตัวประหลาดที่พาแอสตันกับมาร์ตินติดตามมาด้วย
“ถ้างั้นจะกลับเลยมั้ยคุณ” แอสตันถาม
“แอสตันไปเอารถออกเถอะ” มาร์ตินออกคำสั่ง
เขาหยิบขันน้ำมนต์ในมือแพรรัมภาออก มิเช่นนั้นคงจะได้เอาไปฟาดปากหญิงสาวทั้งสองคนจนเลือดกลบปากแน่
ร่างสูงเจ้าของผมสีทองรีบวิ่งออกไปเอารถทันที ส่วนมาร์ตินก็ประคองแพรรัมภาเดินออกจากศาลาวัดไป เขาหันไปค้อมหัวลาวิไลโสภาแม่ของเธออย่างนอบน้อม
“ไปเถอะจ้ะ” วิไลโสภาระบายยิ้มเศร้าไปถึงดวงตา
“ไปเลยนะอีหญิงร่านกับชายแมงดา”
“อีหญิงชั้นต่ำทำเสื่อมเสียวงศ์ตระกูลหมด”
เสียงตะโกนด่าดังไล่หลังมาไม่หยุด แพรรัมภาที่อารมณ์โกรธจัดพยายามสะบัดตัวออกจากพันธนาการของมาร์ติน
“มาร์ตินปล่อยฉัน”
“พอเถอะคุณรัมภา”
“ฉันจะตบสั่งสอนอีนั่น นายไม่ได้ยินหรือไงยะ”
“ได้ยินแต่ผมไม่สนใจ พอเถอะครับ เรากลับบ้านกันดีกว่า”
เรือนร่างยั่วเย้าบิดเร่าด้วยความเสียวซ่าน เธอนอนหงายอ้าขาให้ชายผิวน้ำผึ้งซอยสะโพกเข้าใส่ ส่วนมืออีกข้างก็กำลังชักแก่นกายของมาร์ตินที่อยู่ข้างๆร่องรูคับแคบถูกแท่งร้อนเสียดสีถี่ระรัว หยาดน้ำความเสียวหลั่งในร่องสวาทจนเปียกชุ่มดังเฉอะแฉะ“อื้ม... อืม” เธอครางอืออาในลำคอ ปากอ้าอมแก่นกายลำโตของมาร์ตินแล้วขยับศีรษะเข้าออกมาร์ตินนั่งคุกเข่าอยู่ข้างเธอ เขากัดฟันกรอดมือก็เล่นเต้านมนายหญิงที่นุ่มนิ่มเต็มไม้เต็มมือร่างสะโอดสะองดูร่านเร่าสุดๆ เวลาถูกเอารูล่าง และปากก็บำเรอกามให้หนุ่มหล่อแบบถึงใจ ร่องรูสีแดงฉ่ำโดนซอยถี่ยิกดูดกลืนลำเนื้อแอสตันจนสุดลำ“แบ่งให้กูข้างดิ” แอสตันบอกมาร์ติน ขอเล่นเต้าเธอข้างนึงเพราะอดใจไม่ไหว นุ่มเด้งได้ใจจนอยากฟัดให้จมเขี้ยวแรงๆมาร์ตินไม่ใช่คนหวงของอยู่แล้ว เขายอมสละอีกข้างให้แล้วหันมาขยับสะโพกซอยใส่ปากเธอแทนชายผิวน้ำผึ้งโน้มตัวลงไปเล่นหน้าอกเธอ ก่อนจะใช้คมฟันขบกัดที่ยอดอกแข็งเป็นไต แล้วก็กัดผิวขาวๆ จนเป็นรอยฟัน“อ๊า- อื้อ... แอสตันอย่ากัด” แพรรัมภาเบ้หน้าเจ็บ หมาบ้าแอสตันเล่นกัดหน้าอกเธออีกแล้วแต่คนที่มัวเมาในกามตัณหายังไม่ได้สติ ทั้งฟัดทั้งดูดจนทิ้งรอยรักเป็นจ้ำส
“ถามหน่อยสิ พวกนายชอบอยู่แบบนี้ต่อไปจริงๆ เหรอ”แอสตันขานรับแล้วพยักหน้าร่วม ส่วนมาร์ตินก็เห็นด้วยไม่มีอะไรให้ต้องปฏิเสธแพรรัมภาเท้าแขนบนขอบปูน ก่อนที่จะเอี้ยวใบหน้ามอง“พวกนายไม่อยากมีลูก... แต่งงานสร้างครอบครัวหรือไง”“ผมจะเป็นพ่อใครได้คุณ ไม่เอาด้วยหรอก”“ผมอยากใช้ชีวิตเพื่ออลิซกับคุณมากกว่าครับ”“นายสองคนขลุกตัวอยู่แต่กับฉัน จะรู้ได้ยังไงว่าอยากใช้ชีวิตแบบไหน ตอนทำงานให้องค์กรก็มีแต่เรื่องเจ็บตัว”“ชอบแค่คุณก็พอแล้ว”“อันนี้ผมเห็นด้วยครับ”แพรรัมภาลอบกลอกดวงตามองบน พวกเขาสองคนเข้ากันดียิ่งกว่าปี่และขลุ่ยอีก เวลาโดนกดจมเตียงทีไรเหมือนเธอจะโดนเอาเปรียบอยู่เรื่อย เขาทั้งคู่มันคู่หูวายร้ายสุดๆ เลย“ถามอะไรพวกนายหน่อยสิ”ร่างระหงในชุดเดรสสุดหรูหมุนตัวหันมา ก่อนเธอจะพิงตัวกับระเบียงด้านหลังแล้วยิ้มยั่วใส่ทั้งสองคน“ระหว่างทำงานให้องค์กร เคยไปจ้ำจี้ผู้หญิงบ้างมั้ย”แอสตันหลุดขำเพราะนึกว่าจะถามอะไรที่จริงจัง ที่แท้ก็ดันอยากรู้เรื่องจ้ำจี้บนเตียงของพวกเขานี่เอง“ของแบบนี้ก็ต้องมีบ้างมั้ยคุณ ไม่เอาน้ำออกเลยเดี๋ยวก็รูตันเยี่ยวไม่ออกแย่เลย” แอสตันยิ้มเจ้าเล่ห์ตอบกลับไป“มันไม่มีทางตันหรอกย่ะ
งานเปิดตัวโครงการคอนโดใหม่ใจกลางเมือง จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อลังการในโรงแรมหรูเครือวีเอ็นกรุ๊ป โถงห้องเพดานสูงมีโคมไฟคริสตัลห้อยระย้าเล่นแสงวาววิบPARUM PARK CONDO เป็นชื่อโครงการใหม่ของแพรรัมภาที่จะสร้างขึ้นกลางเมืองกรุง ขายพื้นที่ส่วนกลางแบบจัดเต็มและรายล้อมด้วยห้างชั้นนำติดกับรถไฟฟ้าใต้ดิน“รู้ไหมว่าคุณแพรรัมภา เธอควบสามีถึงสองคน”หญิงสาวคนแรกสวมมุกเม็ดโตที่คอป้องปากนินทา เพื่อนเธออีกสองคนก็ตั้งใจฟัง เพราะได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมานานพอสมควร“จริงเหรอเนี่ย ฉันนึกว่าพวกเขาแค่พูดกันสนุกปาก” หญิงคนสองยกมือทาบอก แต่ไม่คิดจะกล่าวร้ายอะไร“ใครเขาก็พูดกัน คุณแพรรัมภาเธอควบสามีสองคน” หญิงคนสามเบ้ปากนึกแล้วก็ขยาดการมีผัวสองคน“จริงแท้แน่นอนสิ หนุ่มสองคนที่เธอควงออกงานก็คือสามีตัวจริงที่ไม่เปิดก็เหมือนป่าวประกาศ”“เธอดูเป็นคนแรงๆ อยู่นะ แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้เลย”“คนร่านๆ ก็ต้องดูแรงสิยะ ไม่งั้นจะพาสามีชูคอหรือไงล่ะ”หญิงสวมมุกคนแรกพยักพเยิดหน้าเห็นด้วย แต่ดันไม่ทันสังเกตหญิงสาวที่ยืนดื่มอยู่ด้านหลัง พอหันไปสบตาก็ถึงกับผงะรีบก้มหน้ามองหาปลายเท้าตัวเองทันที“ขอบคุณที่มาร่วมงานนะคะคุณเกวลิน” ใ
“คุณไม่ได้กักขัง แต่ผมเลือกที่จะอยู่กับคุณ”“ฉันแค่คิดว่าตัวเองยังไม่ดีพอก็เลย...”แอสตันยื่นหน้าเข้าไปจูบปิดปาก ไม่ให้เธอพูดตัดพ้อต่อว่าตัวเองแบบนั้นให้ได้ยินเขาบดขยี้จูบหนักๆ จนปากเธอบวมเจ่อ มือก็ล็อคท้ายทอยไม่ให้ขยับหนี เป็นการลงโทษที่เอาแต่พูดจาไม่น่ารักมาทั้งวันแต่เหมือนจะเลยเถิดไปกันใหญ่ เมื่อแอสตันดันร่างเธอให้นอนราบไปบนโต๊ะ ถกชุดนอนเธอขึ้นแล้วเกี่ยวแพนตี้ตัวจิ๋วออกไป และมาร์ตินก็เดินเข้ามาร่วมวงด้วยอีกคน“จะทำอะไรของพวกนาย” เธอนอนอ้าขาต่อหน้าทั้งคู่ ดูร่านร้อนไม่น้อยเมื่อในรูขมิบรับอากาศแค่แอสตันแตะมันเบาๆ“ขอดูอารมณ์จริงๆ ของคุณหน่อยดิ”“อึก- อย่าเขี่ยนะไอ้บ้านี่ จะทำบ้าอะไรกัน”เธอยกตัวขึ้นแล้วจะดันอกแอสตันออก แต่มาร์ตินปรี่เข้ามาจับเธอขึงลงบนโต๊ะ“ถ้าอยากจะทิ้งกันจริงๆ ก็ปฏิเสธพวกผมให้ได้สิ” หนุ่มหล่อหน้าคมผมทองยกยิ้มท้าทาย ก่อนจะก้มหน้าเลียร่องสวาทจนเธอจิกเท้าเกร็งไปทั้งตัว“อ๊ะ... แอสตันอย่ามาเลียมั่วซั่วสิ ยะ- อย่านะ อื้อ” เสียงเธอหายไปในลำคอ เมื่อมาร์ตินเป็นคนก้มลงมาจูบปากแพรรัมภาที่ยกมือจะขัดขืนก็อ่อนระทวย เมื่อถูกมาร์ตินสอดลิ้นเข้ามาในโพรงปาก เนินสวาทโดนกระตุ้นด้วย
ทั้งสามคนออกมานั่งที่โต๊ะใต้ต้นไม้ บริเวณสวนสาธารณะของโรงพยาบาล บรรยากาศร่มรื่นเงียบสงบเหมาะแก่การพูดคุยดีเหมือนกัน“เมื่อคืนไปนอนที่ไหนกัน” เสียงนายหญิงเอ่ยอย่างนิ่งเรียบ จนบอดีการ์ดหนุ่มทั้งสองขนอ่อนลุกชัน“ผมนอนที่บาร์ไงคุณ”“ผมมาเฝ้าอลิซครับ”แพรรัมภานั่งคั่นกลางระหว่างทั้งคู่ มาร์ตินนั่งทางขวามือเธอส่วนแอสตันนั่งทางด้านซ้าย“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับพวกผมเหรอ” แอสตันใจร้อนรีบถามออกไป เขาเห็นสีหน้าเธอไม่ค่อยดีตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว การที่เรียกคุยพร้อมหน้าก็คงไม่ใช่เรื่องดี“ดารินทร์เป็นเด็กที่น่ารักนะแอสตัน” เธอพูดพร้อมกับสบตาแอสตัน แต่เขามุ่นคิ้วไม่ชอบใจที่เธอพูดแบบนี้“บอกแล้วไงว่าผมเอ็นดูเธอเหมือนน้องสาว” เขายังย้ำคำเดิมอีกครั้ง และจะยืนยันคำนี้อย่างมั่นใจด้วย“ถ้านายไม่ลองก่อนจะรู้เหรอ”“เพราะรู้เลยไม่ลองต่างหาก”แอสตันตอบโดยไม่ต้องคิด เขาไม่ใช่คนซับซ้อนแค่เป็นคนขี้สงสารคนง่าย ชอบก็จะบอกว่าชอบแต่ถ้าไม่ใช่ก็ปฏิเสธตรงๆขนาดดารินทร์เปลื้องผ้าต่อหน้า แอสตันก็ไม่ได้มีอารมณ์ร่วม วันนั้นเขาจับเธอใส่กุญแจล็อคแขนจนร้องเจ็บด้วยซ้ำ“นายกับคุณหมอนิชาก็น่ารักเหมือนกันนะมาร์ติน”“เธอเป็นแค่หมอปร
แพรรัมภาได้ยินเต็มสองหู จนไม่รู้จะตกใจอันไหนก่อนดี“เพราะแบบนี้พี่เขาคงไม่ชอบดารินทร์แล้วค่ะ” ดารินทร์ตัดพ้อแล้วคว้าแก้วเหล้าขึ้นดื่ม“ลองถามแอสตันดูหรือยัง”“ตอนนี้พี่แอสตันห่างเหินกับดารินทร์มากๆ คงเป็นเพราะที่บอกชอบแน่เลยค่ะ”“อย่าคิดไปเองสิดารินทร์”คนหน้าสวยกระแอมไอเบาๆ สิ่งที่บอกไปมันก็ย้อนเข้าตัวเธอเองนั่นแหละ แต่ช่วยไม่ได้ทั้งคู่ดันทำเรื่องลับหลังโดยไม่บอกกันก่อน เธอจะตีตนไปก่อนไข้ก็ไม่แปลกอะไร“พี่แอสตันคงไม่ชอบเด็กแบบดารินทร์ใช่มั้ยคะ” ดารินทร์เงยหน้าให้เห็นน้ำตาที่ไหลเป็นสายแพรรัมภาวาดรอยยิ้มน้อยๆ เผลอคิดไปเองอีกแล้ว ถ้าหากมีคนที่สดใสและน่ารักแบบดารินทร์ข้างๆ แอสตันจะดีแค่ไหน“จะไม่ชอบได้ไง... ดารินทร์เป็นเด็กดีนี่คะ”โรงพยาบาลเมื่อคืนดื่มเหล้าเป็นตายแค่ไหน แต่พอตะวันแยงตาแพรรัมภาก็ตื่นแต่งตัวมาโรงพยาบาลตามนัดได้ทัน เธอไม่ได้พูดคุยกับแอสตันต่อแค่ปลีกตัวกลับห้องเงียบๆ คนเดียว“คิดว่าผมรักแค่คุณก็พอ...”เขาเล่นสารภาพคำว่ารักออกมา ใครจะกล้าเจอหน้าต่อกันล่ะ อีกอย่างแค่ปลอบดารินทร์รอคนขับรถมารับก็หนักพอแล้ววันนี้มีนัดผ่าตัดใหญ่ของอลิซ พี่นางฟ้าคนสวยแต่เนื้อในคือแม่มดอย่างเธอก







