LOGINท่ามกลางบรรยากาศในยามค่ำคืน มีแสงจันทร์สาดส่องอยู่ด้านบน ลมเย็นพัดเอื่อยหอบควันสีเทาลอยขึ้นสู่อากาศ
ชายหนุ่มหน้าหล่อคมคายทั้งสองจุดสูบบุหรี่ พื้นที่ระเบียงด้านนอกถูกใช้สอย เพราะแพรรัมภาไม่ชอบกลิ่นควันของมัน
“มึงว่าเธอไปเจออะไรมาวะ” แอสตันที่สงสัยไม่หายถามขึ้น
“หมายถึงอะไร” มาร์ตินถามกลับสีหน้าเรียบนิ่ง
“เรื่องที่คุณรัมภาชอบทุบตีตัวเองไง มึงก็เห็นไม่ใช่เหรอ”
“แล้วยังไง”
ชายผมดำมีท่าทีนิ่งสงบ แต่ก็ไม่ได้สบายใจกับการกระทำของแพรรัมภานัก แค่ติดตรงที่ว่าเขาไม่สิทธิ์ออกคำสั่งหรือสงสัยในตัวนายหญิง
“มึงคิดว่าแผลในใจเธอคืออะไรวะ ถึงทำให้เธอเป็นแบบนี้”
“ไม่มีอะไรหรอก คุณรัมภาเธอแค่มีปัญหาการนอนหลับ”
“นี่มึงคิดว่างั้นเหรอ” แอสตันถามกลับแล้วเลิกคิ้วใส่
“แค่ไม่อยากให้เธอเจ็บปวด” มาร์ตินตอบกลับเสียงเรียบ
ชายผมทองพยักหน้าเข้าใจทันที การไม่ขุดคุ้ยหรือซักถามก็เท่ากับไม่เปิดปมในใจแพรรัมภา คิดได้ดังนั้นก็เงยหน้ามองท้องฟ้าพลางคีบบุหรี่จุดสูบแล้วพ่นควันสีเทาออกมา
ชายทั้งสองพอจะรู้ว่าแพรรัมภามีปมฝังใจในอดีตมา ถึงจะไม่รู้ว่าอะไรทำให้นายหญิงเป็นแบบนี้ แต่แค่เธอให้ข้าวให้น้ำแล้วก็ชีวิตใหม่ พวกเขาก็พร้อมภักดีไปจนตัวตายแล้ว
“แค่คอยปรนนิบัติให้เธอมีความสุขก็พอแอสตัน”
“มึงกับกูก็แค่ทำได้แค่นี้แหละมาร์ติน เฮ้อ”
เช้านี้ที่วัดหลวงครบรอบร้อยวันของก้องเกียรติเวียนครบกำหนด เหล่าญาติพี่น้องตระกูลเธียรวาณิชสกุลวงศ์ต่างก็เดินทางมาร่วมไว้อาลัย
เสียงพระเก้ารูปกำลังท่องบทสวด แพรรัมภานั่งที่เก้าอี้แถวหน้าข้างวิไลโสภา โต๊ะเดี่ยวประกบทั้งสองฝั่งคือแอสตันกับมาร์ติน ส่วนด้านหลังก็คือเหล่าญาติพี่น้องในเครือสกุลวงศ์
“นางก็หน้าไม่อายดีเนอะแก กล้าพาผัวทั้งสองคนมางานครบรอบ 100 วันของพ่อตัวเอง” เสียงนินทาจากสักที่ดังแว่วมาให้ได้ยิน มันดังพอที่จะทำให้คนถูกนินทารับรู้ได้
“แต่ผู้ชายของนางงานดีว่าไม่ได้”
“ระดับนางจะกินของเหลือเดนเหรอ แต่ก็แมงดาทั้งนั้น”
แอสตันชำเลืองหางตามองไปทางด้านหลัง เขามองญาติพี่น้องของแพรรัมภาด้วยสายตาตักเตือนไม่ใช่ตำหนิ ว่าเธอทั้งคู่นั้นกำลังพูดในสิ่งที่ไม่ควรอย่างมาก
ต่อให้เป็นเรื่องจริงก็อย่าพูดให้แพรรัมภาได้ยิน
“ถ้าเป็นคนธรรมดาคนโดนประณามว่าร่านไปแล้ว” เธอมองแอสตันราวกับรังเกียจ หันไปกระซิบกับคนข้างกายแล้วนินทาต่อไม่หยุด
“หรือนางก็ดูร่านนั่นแหละ มีผัวถึงสองคน ทุเรศตาสิ้นดี”
“นั่นสิ คนอื่นเขาอึดอัดกันหมดแล้ว”
“แต่แม่นางก็ไม่ว่าอะไรนะ ลูกทำตัวต่ำช้าขนาดนี้”
เสียงนินทายังแว่วมาให้ได้ยินกลบเสียงพระสวด์ มาร์ตินที่รู้ว่าแพรรัมภาได้ยินทุกอย่างก็วางมือลงบนตักเธอ กลัวเธอจะทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดจนทำตัวเองขายหน้าคนในงาน
แพรรัมภาปัดมือมาร์ตินออก เธอลุกขึ้นยืนขณะที่พระท่านยังสวดอยู่ สะโพกผายเดินไปหยิบขันน้ำมนต์ที่วางอยู่ ก่อนเธอจะเดินกลับมาพร้อมสาดใส่ผู้หญิงสองคนด้านหลัง
“อ้าย! นี่เธอทำอะไรของเธอยะ” ดาหลาโวยวายเสียงดังจนพระท่านต้องอยู่สวดกะทันหัน
“นั่นสิ พวกเราเปียกหมดแล้วนะ” เกสรปัดป้องเสื้อผ้าที่เปียกน้ำด้วยอาการหัวเสีย
ทุกสายตาของเหล่าญาติพี่น้องนับสิบคู่กำลังมองมา สองคนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องทางฝั่งพ่อ แต่แพรรัมภาไม่อยากนับญาติด้วยสักเท่าไหร่กับสิ่งที่พวกเธอพ่นออกจากปากมา
“สาดน้ำมนต์ไล่ผีบ้า” แพรรัมภาเอ่ยแล้วยกยิ้มมุมปาก
“ผีบ้าบออะไรของเธอ ประสาทเพราะเป็นอีตัวสินะ”
“ถ้างั้นเธอก็ควรไปอาบน้ำมนต์สักถังล่ะแพรรัมภา”
ทั้งดาหลาและเกสรต่างก็สาดน้ำลายใส่แพรรัมภา สองรุมหนึ่งก็ไม่ทำให้เธอรู้สึกอับอายเรื่องที่ควบชายสองคน เธอก็แค่หมดความอดทนที่พูดถึงแม่เธอขึ้นมาเท่านั้นเอง
“เธอน่ะ ผัวมีเมียน้อยไม่ใช่เหรอดาหลา”
“แกพูดอะไรของแกยะ”
“ปากเปราะแบบนี้ผัวเลยทิ้ง น่าสมเพชดีเนอะ”
ดาหลาจะแหกปากใส่ก็อายพระท่าน รวมถึงสายตาเหล่าพี่น้องที่มองมา แพรรัมภาเลยขยับสายตามองไปที่เกสรแทน
“ส่วนเธอน่ะ น่าสมเพชเหมือนกัน ผันตัวไปเป็นเมียน้อยชาวบ้านจนท้องแล้วผู้ชายไม่รับเป็นพ่อ”
“แกพูดอะไร อย่ามาทำปากดีหน่อยเลยแพรรัมภา”
“จะบอกให้เอาบุญ เมตตาเด็กเถอะ อย่าให้เกิดมามีแม่ส่ำส่อนอย่างเธอเลย”
“ถ้าฉันส่ำส่อนแล้วเธอล่ะแพรรัมภา ทำตัวหน้าไม่อาย”
เกสรเหยียดยิ้มอย่างเหนือกว่าทั้งที่กำลังโกรธจัด กับความจริงที่ถูกแพรรัมภาตอกหน้าว่าเป็นเมียน้อยท้องไม่มีพ่อ แต่คนที่ถูกตราหน้าว่าส่ำส่อนไม่สะทกสะท้านอะไรเลยสักนิด
แพรรัมภารู้ดีกว่าใครว่าเธอไม่ได้แย่งของใครมา
“ถ้าฉันเป็นเธอ... ฉันคงไม่กล้าวิจารณ์ชีวิตคนอื่นหรอก”
“นังแพรรัมภาปากดีเกินไปแล้ว”
“อีนี่มันประสาทไปแล้วดาหลา”
“อยู่ต่ำไม่ต่างกันก็อย่าทำตัวสูงส่งนักเลย สำเหนียกบ้าง”
แพรรัมภาเหยียดยิ้มราวกับปีศาจหน้าสวย เธอหัวเราะอย่างสมเพชคนทั้งสองตรงหน้าที่ดูอับอายไม่น้อย จนมาร์ตินกับแอสตันต้องรีบห้ามปรามก่อนจะวุ่นวายไปมากกว่านี้
“พอเถอะครับคุณรัมภา”
“แขกท่านอื่นมองคุณอยู่ พอแค่นี้เถอะนะครับ”
ใบหน้าสวยแต่ดูเย่อหยิ่งและร้ายกาจดุจปีศาจ กวาดสายตามองญาติพี่น้องฝั่งพ่อที่มองเธอเป็นตาเดียว ก่อนแพรรัมภาจะหยุดมองที่น้องชายพ่อด้วยสายตารังเกียจราวกับเห็บหมัด
“มีแต่พวกเห็บไร... ฉันคันตัวจะแย่อยู่แล้ว” เธอจิกกัดผ่านน้ำเสียงและสายตา ทุกคนมองมาเหมือนเธอเป็นตัวประหลาดที่พาแอสตันกับมาร์ตินติดตามมาด้วย
“ถ้างั้นจะกลับเลยมั้ยคุณ” แอสตันถาม
“แอสตันไปเอารถออกเถอะ” มาร์ตินออกคำสั่ง
เขาหยิบขันน้ำมนต์ในมือแพรรัมภาออก มิเช่นนั้นคงจะได้เอาไปฟาดปากหญิงสาวทั้งสองคนจนเลือดกลบปากแน่
ร่างสูงเจ้าของผมสีทองรีบวิ่งออกไปเอารถทันที ส่วนมาร์ตินก็ประคองแพรรัมภาเดินออกจากศาลาวัดไป เขาหันไปค้อมหัวลาวิไลโสภาแม่ของเธออย่างนอบน้อม
“ไปเถอะจ้ะ” วิไลโสภาระบายยิ้มเศร้าไปถึงดวงตา
“ไปเลยนะอีหญิงร่านกับชายแมงดา”
“อีหญิงชั้นต่ำทำเสื่อมเสียวงศ์ตระกูลหมด”
เสียงตะโกนด่าดังไล่หลังมาไม่หยุด แพรรัมภาที่อารมณ์โกรธจัดพยายามสะบัดตัวออกจากพันธนาการของมาร์ติน
“มาร์ตินปล่อยฉัน”
“พอเถอะคุณรัมภา”
“ฉันจะตบสั่งสอนอีนั่น นายไม่ได้ยินหรือไงยะ”
“ได้ยินแต่ผมไม่สนใจ พอเถอะครับ เรากลับบ้านกันดีกว่า”
เขายื่นมือไปแตะมือเธอที่หงายรอ คนอื่นอาจไม่ชอบใจที่ถูกออกคำสั่ง แต่กลับมาร์ตินเขาชอบและทำได้ทุกอย่างที่เธอสั่ง“เก่งมากเจ้าหมาน้อยมาร์ติน” แพรรัมภาพูดชม พร้อมกับยื่นมืออีกข้างไปลูบศีรษะเขาหมาตัวโตอย่างมาร์ตินก้มหัวให้ลูบ เขาลอบยิ้มมุมปากแล้วจัดเสื้อผ้าเธอให้เข้าที่เรียบร้อยเธอยอมรับว่าเสพติดการร่วมสวาทกับทั้งสองคน ชอบที่ในหัวมันว่างเปล่าเหมือนได้หยุดความคิดสักพัก ปล่อยกายและใจไปกับอารมณ์วาบหวามตามความปรารถนาต่อให้มันคือความสุขชั่วคราวก็ตาม“หิวไหม เดี๋ยวผมทำอะไรให้ทาน” มาร์ตินสบมองใบหน้าสวยเด่นของแพรรัมภา แพขนตาเธอเรียงสวย ปากก็กระจับได้รูป เวลาจูบนุ่มเพลินลิ้นจนอยากหยุดเวลาไว้เลยแพรรัมภาแค่พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินลงจากเตียงไปล้างเนื้อล้างตัวในห้องน้ำ มาร์ตินรอให้เธอชำระล้างตัวเสร็จ เขาถึงได้เข้าไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยเช่นกันกลิ่นต้มจืดสาหร่ายหมูสับเห็ดหอมคละคลุ้งไปทั่วครัว ร่างสูงร้อยเก้าสิบสามยกถ้วยต้มจืดมาวางบนโต๊ะ คดข้าวหอมร้อนกรุ่นใส่จานวางตรงหน้าแพรรัมภามาร์ตินทรุดตัวนั่งตรงข้ามเธอ มองอีกฝ่ายที่ทานข้าวได้เยอะกว่าเมื่อวาน เท่านี้พ่อครัวจำเป็นก็ใจชื้นมากแล้วปกติเธอกินข้าวเ
มาร์ตินพุ่งตัวคลานเข่าเข้าไปหา สายตาวาบหวามหลุบมองจุดสงวนสีชมพูระเรื่อ มือก็ถอดเสื้อเชิ้ตโยนทิ้งลงข้างเตียง ก่อนจะรีบปลดกางเกงออกแล้วจับแท่งร้อนที่แข็งตัวจ่อปากรูมาร์ตินขมวดคิ้วแน่น เขากดตัวแทรกเข้าไปในรูคับแคบของแพรรัมภา สวนสะโพกอัดเข้าบั้นท้ายงามงอนจนมิดลำเอ็น“อ๊า- มาร์... มาร์ติน” แพรรัมภาเบ้หน้ากับความจุกเสียดที่ได้รับ แก่นกายลำโตสอดลึกจนเสียวถึงสะดือร่างบางโก่งบั้นท้ายตั้งรับแรงกระแทก ใบหน้าแนบชิดกับเตียงนอนก่อนตัวเธอจะกระเพื่อมไปข้างหน้า จังหวะที่มาร์ตินเริ่มขยับเอวสอบอย่างนาบเนิบ“อา...” มาร์ตินกัดกรามแน่น เขาเสียวซ่านตอนเธอขมิบรับในจังหวะที่สวนเอวสอบเข้าใส่ข้างในตัวเธอทั้งอุ่นร้อนและบีบรัด ลื่นไหลหยาดเยิ้มให้เกิดเสียงหยาบแฉะ ก่อนที่ร่างกำยำจะรัวสะโพกแกร่งเข้าใส่ร่องสวาทที่เปียกเยิ้มถี่ระรัวแพรรัมภาครางเสียงหวาน ดวงตาคู่งามฉ่ำน้ำ ก่อนเธอจะเอี้ยวมองใบหน้าหล่อคมของมาร์ติน เสียงครางทุ้มต่ำของเขาช่วยให้เธอมีอารมณ์มากกว่าเดิมมาร์ตินหลุบมองช่องทางรักที่ถูกบดขยี้ เขาโน้มตัวลงไปหาแพรรัมภาตะโบมจูบที่ต้นแขนและพวงแก้ม ก่อนจะสอดแขนยกตัวเธอให้ขึ้นมาอยู่ในท่าคุกเข่า“คุณรัมภาชอบไหม” มา
แพรรัมภาย้ายสะโพกที่นั่งบนโซฟา เปลี่ยนมานั่งบนหน้าหล่อเหลาของมาร์ตินแทน หยิบยืมพื้นที่บนเตียงคับแคบนี่เพื่อปรนเปรนตัวเองเธอถกชุดนอนผ้ามันสายเดี่ยวขึ้นมากองที่เอว จ่อช่วงล่างให้กลีบกุหลาบตรงกับริมฝีปากนุ่มหยุ่น พร้อมกับกดตัวลงตามแรงความต้องการข้างใน“อ่า- มาร์ติน...”แพรรัมภากัดปากแน่นเพื่อระบายความเสียว นัยน์ตาคู่งามหลับลงรับสัมผัสจากปลายสิ้นสากทุกจุดที่มาร์ตินใช้ลิ้นแตะต้องจุดอ่อนไหว สร้างความเสียวซ่านให้แพรรัมภาจนเธออยากย้ายสะโพกหนีแต่เหมือนมาร์ตินจะไม่ยอมปล่อยไป เขาใช้มือจับบั้นท้ายงอนงามไว้ จากนั้นก็ส่งลิ้นชื้นแฉะเข้าไปในกวาดเลียหยาดน้ำหวาน“อืม... อืม” มาร์ตินส่งเสียงครือครางในลำคอ ปรนเปรอนายหญิงจนน้ำหวานฉ่ำเยิ้มเต็มร่องรูเขากวาดเลียจนเกลี้ยงราวกับของหวานที่โปรดปราน ได้ยินเสียงเธอร้องครางกระเส่าเสียงหวานก็ยิ่งชอบใจ“อ๊า- อ๊ะ... มาร์ตินฉันเสียว” ร่างขาวราวกับหยวกครางหวานด้วยความเสียวซ่านมาร์ตินไม่ต่างจากผึ้งที่กำลังดูดน้ำหวานจากเกสร ติ่งเสียวที่ล่อตาล่อใจถูกดูดดุนและตวัดเลีย ส่วนดอกไม้งามอย่างแพรรัมภาก็ถูกดูดเกสรจนสูบพลังไปแทบหมดลิ้นสากแตะระรัวใกล้ส่งตัวเธอถึงสวรรค์ที่ปลายทา
เพียะ!ทันทีที่กลับมาถึงคอนโดมิเนียม ฝ่ามือของแพรรัมภาก็ตบเข้าที่ใบหน้ามาร์ติน จนขึ้นรอยแดงจางๆ โทษฐานขัดใจไม่ให้เธอตบสั่งสอนยัยดาหลาและเกสรแต่มาร์ตินกลับก้มหน้ายอมรับผิดไม่ตอบโต้ เพราะรู้ดีว่านายหญิงเป็นคนอารมณ์ร้ายและคุมไม่ค่อยได้ แอสตันที่ยืนอยู่ข้างกันก็ไม่กล้าแย้งอะไรนอกจากก้มหน้ารับคำสั่ง“โทษฐานที่นายห้ามฉันไม่ให้ตบอีนั่น”หญิงสาวที่ทาลิปสติกสีแดงเชอร์รี่ปรายตามอง ดวงตาเรียวเฉี่ยวแฝงความไม่สบอารมณ์ที่โดนลากออกมา แต่ยังไม่ได้ตบสั่งสอนยัยชื่อดอกไม้ทั้งสองให้เลือดกลบปาก“แปลว่านายเต็มใจจะรับผลแบบนี้เองมาร์ติน”“ขอโทษครับคุณรัมภา”“นายคิดว่าทำแบบนี้แล้วทุกอย่างจะจบเหรอ” เธอแค่นเสียงในลำคอแล้วถอนหายใจเพลิงทิ้งมาร์ตินก้มหัวยอมรับผิดมือกุมประสานกัน ต่อให้หวังดีกับนายหญิงแต่ถ้าเธอไม่ได้ต้องการผลลัพธ์ก็เป็นอย่างที่เห็น แต่แพรรัมภาจะลงมือลงไม้ก็ต่อเมื่อขัดคำสั่งหรือล้ำเส้นเธอ“ฉันไม่ปล่อยอีสองตัวนั้นไปแน่” แพรรัมภาพูดด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น ก่อนจะก้าวเท้าปึงปังปิดประตูเสียงดังเข้าห้องไปตั้งแต่กลับมาจากวัดแพรรัมภาก็หมกตัวอยู่แต่ในห้อง เป็นปกติกับชีวิตประจำวันของลูกสาวทายาทหมื่นล้าน เพราะ
ท่ามกลางบรรยากาศในยามค่ำคืน มีแสงจันทร์สาดส่องอยู่ด้านบน ลมเย็นพัดเอื่อยหอบควันสีเทาลอยขึ้นสู่อากาศชายหนุ่มหน้าหล่อคมคายทั้งสองจุดสูบบุหรี่ พื้นที่ระเบียงด้านนอกถูกใช้สอย เพราะแพรรัมภาไม่ชอบกลิ่นควันของมัน“มึงว่าเธอไปเจออะไรมาวะ” แอสตันที่สงสัยไม่หายถามขึ้น“หมายถึงอะไร” มาร์ตินถามกลับสีหน้าเรียบนิ่ง“เรื่องที่คุณรัมภาชอบทุบตีตัวเองไง มึงก็เห็นไม่ใช่เหรอ”“แล้วยังไง”ชายผมดำมีท่าทีนิ่งสงบ แต่ก็ไม่ได้สบายใจกับการกระทำของแพรรัมภานัก แค่ติดตรงที่ว่าเขาไม่สิทธิ์ออกคำสั่งหรือสงสัยในตัวนายหญิง“มึงคิดว่าแผลในใจเธอคืออะไรวะ ถึงทำให้เธอเป็นแบบนี้”“ไม่มีอะไรหรอก คุณรัมภาเธอแค่มีปัญหาการนอนหลับ”“นี่มึงคิดว่างั้นเหรอ” แอสตันถามกลับแล้วเลิกคิ้วใส่“แค่ไม่อยากให้เธอเจ็บปวด” มาร์ตินตอบกลับเสียงเรียบชายผมทองพยักหน้าเข้าใจทันที การไม่ขุดคุ้ยหรือซักถามก็เท่ากับไม่เปิดปมในใจแพรรัมภา คิดได้ดังนั้นก็เงยหน้ามองท้องฟ้าพลางคีบบุหรี่จุดสูบแล้วพ่นควันสีเทาออกมาชายทั้งสองพอจะรู้ว่าแพรรัมภามีปมฝังใจในอดีตมา ถึงจะไม่รู้ว่าอะไรทำให้นายหญิงเป็นแบบนี้ แต่แค่เธอให้ข้าวให้น้ำแล้วก็ชีวิตใหม่ พวกเขาก็พร้อมภักดีไป
เมื่อสำเร็จความใคร่นับครั้งไม่ถ้วน ทั้งสามก็นอนแบหลาบนเตียงกว้าง ร่างกายเปลือยเปล่าอย่างไม่อายสายตา เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขานั้นเสพรักกันก็แค่สำเร็จความใคร่แต่ไม่ได้มีสถานะให้ เป็นแค่รสนิยมความชอบบนเตียงเท่านั้น หลังจากเสร็จกิจก็พากันแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง“รอบหน้าถ้านายทำรอยบนตัวฉันอีก ฉันจะสั่งลงโทษนายให้เข็ดแอสตัน” แพรรัมภาตักเตือนเสียงเรียบแต่เอาจริงถ้าครั้งต่อไปยังกล้าทำตัวเป็นเจ้าของ ทิ้งร่องรอยจูบสีแดงไว้บนร่างกายเธออีก จะสั่งลงโทษหนักเอาให้เข็ดหลาบ“อารมณ์มันพาไป คุณช่วยเข้าใจหน่อยสิ” แอสตันตะแคงตัวหันมองเธอ ใช้แขนหนุนศีรษะยกยิ้มเจ้าเล่ห์“งั้นตอนฉันสั่งลงโทษนาย ก็อารมณ์พาไปเหมือนกัน ช่วยเข้าใจหน่อยแบบนี้ดีมั้ยล่ะ”ดวงตาเรียวเฉี่ยวตวัดมอง ก่อนจะผลักอกอีกฝ่ายที่ยักคิ้วทะเล้นเต็มแรง จนล้มนอนหงายไปบนเตียงตามเดิมแอสตันแค่นยิ้มพอใจที่เห็นแพรรัมภาวีนใส่ ช่วยไม่ได้เวลานายหญิงตัวร้ายเหวี่ยงมันเร้าใจเขาเป็นบ้าหญิงสาวที่โดนกระทำหนักยกมือกุมหน้าท้อง เธอลุกขึ้นนั่งแล้วเบ้หน้าปวดหน่วงท้องน้อย หย่อนขาลงข้างเตียงแล้วตวัดสายตามองมาร์ตินที่ลุกมาช่วยประคอง“ลุกไหวไหม เดี๋ยวผมช่ว







