บ้านของบาระ: ตำนานแห่งผู้รักษากฎและผู้พิพากษา
บาระ ก้าวเข้ามาในบ้านอย่างอ่อนล้าพร้อมกับคุณพ่อและคุณแม่ ทันทีที่ประตูเปิดออก คุณตา และ คุณยาย ของเธอก็รีบเข้ามาสวมกอดหลานสาวด้วยความโล่งใจพร้อมกับรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความเมตตา คุณยายส่งน้ำและขนมให้บาระทันที "บาระ! หลานรักของตา! ไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก?" คุณตาถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น พลางลูบผมของบาระเบาๆ คุณยายพยักหน้าเห็นด้วย "ยายเป็นห่วงแทบแย่เลยลูก! เห็นข่าวเมื่อคืนแล้วใจจะขาด! กินน้ำกินขนมก่อนนะ จะได้มีแรง" บาระรับน้ำและขนมมาด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในความห่วงใย เธอผละออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม "ตาคะ... ยายคะ... พ่อคะ... แม่คะ... เรื่องเมื่อคืนนี้... ปีศาจเงา... แล้วก็เรื่องที่พวกเรามีพลัง... มันคืออะไรกันแน่คะ?" คุณตาของบาระถอนหายใจช้าๆ ท่านพาบาระไปนั่งที่โซฟาตัวยาวในห้องนั่งเล่น ก่อนจะเริ่มต้นเล่าด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำและเต็มไปด้วยความเคารพต่ออดีต "เรื่องนี้มันถูกเล่าสืบต่อกันมาในตระกูลของเรา ตั้งแต่สมัยทวดของทวดของตาเลยนะบาระ" คุณตาเริ่มต้น "ในสมัยที่ปีศาจเงาออกอาละวาดอย่างหนักนั้น โลกไม่ได้มีแค่ความมืดมิดทางกายภาพเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยความอยุติธรรม ความสับสน และการละเมิดกฎเกณฑ์ต่างๆ ความหวาดกลัวทำให้ผู้คนทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง" คุณยายเสริม "ในยุคนั้น ไม่ใช่ทุกคนที่มีพลังในการต่อสู้โดยตรงกับปีศาจ แต่ตระกูลของเรามีบทบาทที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือการเป็น ผู้รักษากฎ และ ผู้พิพากษา" "ทวดของทวดของตา" คุณตาเล่าต่อ "ท่านเป็นนักเวทย์ที่เชี่ยวชาญด้าน คาถาศักดิ์สิทธิ์ และ การกำหนดขอบเขต ท่านมีความสามารถในการสัมผัสถึงความถูกต้องและความผิดพลาด และสามารถบังคับใช้กฎเกณฑ์ทางเวทมนตร์เพื่อควบคุมพลังของปีศาจ ไม่ใช่แค่ต่อสู้ด้วยกำลัง แต่ใช้หลักการและความยุติธรรมเข้าตัดสิน" "ท่านสามารถสร้างเขตแดนเวทมนตร์ที่มิอาจก้าวล่วงได้เพื่อกักขังปีศาจ หรือแม้กระทั่งควบคุมการเคลื่อนไหวของพวกมันได้ด้วยการผูกมัดด้วยกฎแห่งเวทมนตร์" คุณแม่กล่าวเสริม "บางครั้งท่านก็ใช้คาถาศักดิ์สิทธิ์เพื่อเปิดเผยความผิดบาปที่ซ่อนอยู่ของปีศาจ ทำให้พวกมันอ่อนแอลงจากความชั่วร้ายของตัวเอง" คุณตาพยักหน้า "นอกจากนี้ บรรพบุรุษของเรายังเป็นผู้ที่สามารถ พิพากษา วิญญาณที่แปดเปื้อนได้ด้วยนะลูก ไม่ใช่แค่ปีศาจ แต่รวมถึงมนุษย์ที่หลงผิดไปตามอำนาจมืด ท่านมีพลังในการ ตัดสิน และ ลงทัณฑ์ ผู้ที่กระทำผิดต่อกฎแห่งแสงและสมดุลของโลก" "ในสงครามครั้งสุดท้าย... เมื่อปีศาจเงาที่แข็งแกร่งที่สุดได้ทำลายกฎเกณฑ์ทั้งหมด และพยายามจะทำให้โลกตกอยู่ในความโกลาหลไร้ระเบียบ" คุณพ่อเล่าต่อ "ทวดของทวดของตา ท่านได้ใช้พลังทั้งหมดในการ สร้างกฎแห่งการผูกมัด ที่มองไม่เห็น ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของสมรภูมิ ทำให้ปีศาจไม่สามารถใช้พลังได้อย่างเต็มที่ และยังถูกจำกัดการเคลื่อนไหวอย่างสิ้นเชิง" "ท่านยังเป็นผู้ที่คอย มอบความยุติธรรม และ นำทาง ให้กับผู้ที่หลงผิด ให้กลับมาสู่หนทางที่ถูกต้อง ด้วยการเปิดเผยความจริงและบทลงโทษที่เหมาะสม" คุณยายกล่าวปิดท้าย "นี่คือภาระหน้าที่ของตระกูลเรา บาระ... การเป็นผู้รักษากฎ การตัดสินความยุติธรรม และการควบคุมความโกลาหล พลังที่ลูกมีอยู่ในตอนนี้... คือพลังแห่งการรักษากฎเกณฑ์และการตัดสิน ลูกคือผู้ที่จะนำความสงบเรียบร้อยกลับคืนมาสู่โลกนี้" บาระฟังเรื่องราวทั้งหมดด้วยความรู้สึกทึ่ง เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงรู้สึกไวต่อความไม่ยุติธรรม และทำไมเธอถึงต้องการให้ทุกสิ่งเป็นไปตามกฎระเบียบเสมอ พลังแห่งการรักษากฎและพิพากษากำลังจะถูกปลุกขึ้นในตัวเธออย่างเต็มที่ บ้านของเร็น: เรื่องเล่าแห่งผู้ชี้ชะตาและผู้ควบคุมโชคชะตา ในเวลาเดียวกัน ที่บ้านของ เร็น บรรยากาศก็เต็มไปด้วยความห่วงใยและจริงจังเช่นกัน เร็นกลับถึงบ้านพร้อมพ่อและแม่ คุณย่า ของเขาได้ยินเสียงก็รีบหยิบไม้เท้าประจำตัวเดินออกมาที่หน้าประตูบ้านด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มด้วยความดีใจที่เห็นพวกเขากลับมาอย่างปลอดภัย "เร็น! หลานรักของย่า! พ่อกับแม่ก็กลับมาแล้ว! พวกเจ้าปลอดภัยดีสินะ!" คุณย่ากล่าวด้วยน้ำเสียงสดใส พลางโอบกอดเร็นเบาๆ ด้วยความอ่อนโยน เร็นรู้สึกอบอุ่นในอ้อมกอดของคุณย่า เขาเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม "ย่าครับ... พ่อครับ... แม่ครับ... เรื่องเมื่อคืนนี้... ผมอยากรู้เรื่องทั้งหมดครับ" คุณย่าของเร็นถอนหายใจยาวๆ ท่านพาเร็นไปนั่งที่เก้าอี้ไม้เก่าแก่ตัวหนึ่ง ก่อนจะหันมามองหลานชายด้วยแววตาที่ลึกซึ้งและเต็มไปด้วยความรู้ "เอาล่ะ... ถึงเวลาแล้วที่เจ้าจะต้องรู้เรื่องราวที่แท้จริงของตระกูลเรานะเร็น" คุณย่าเริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มนุ่มแต่แฝงไปด้วยพลังงานบางอย่างที่ยากจะอธิบาย "เรื่องนี้ถูกเล่าสืบทอดกันมาในตระกูลของเรา ตั้งแต่สมัยทวดของทวดของย่าเลยล่ะ" คุณย่าเริ่มต้น "ในสมัยที่ปีศาจเงาออกอาละวาดอย่างบ้าคลั่งนั้น โลกเต็มไปด้วยความโกลาหลและไร้ทิศทาง ผู้คนไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป และโชคชะตาก็ดูเหมือนจะเล่นตลกกับพวกเขา" คุณพ่อเสริม "ตระกูลของเราไม่ได้เป็นนักรบแนวหน้า หรือผู้เยียวยาโดยตรง แต่พวกเราคือ ผู้ชี้ชะตา และ ผู้ควบคุมโชคชะตา" "ทวดของทวดของย่า" คุณย่าเล่าต่อ "ท่านเป็นนักเวทย์ที่มีพลังพิเศษในการ มองเห็นเส้นใยแห่งโชคชะตา และ เปลี่ยนแปลงเส้นทางของเหตุการณ์ ท่านสามารถมองเห็นทางเลือกต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และยังสามารถบิดเบือนโชคชะตาให้เป็นไปในทิศทางที่ต้องการได้" "ท่านไม่ได้แค่ทำนายอนาคตนะลูก แต่ท่านยังสามารถ สร้างจุดเปลี่ยน หรือ พลิกสถานการณ์ ที่ดูเหมือนจะสิ้นหวังให้กลับกลายเป็นความได้เปรียบได้ด้วย" คุณแม่กล่าวเสริม "ทวดของทวดของย่า ท่านเป็นเหมือนผู้กำกับละครแห่งโชคชะตา ที่คอยชี้แนะและควบคุมความเป็นไปของโลก" คุณย่าพยักหน้า "ในสงครามครั้งสุดท้าย... เมื่อปีศาจเงาได้ใช้พลังของพวกมันในการ บิดเบือนโชคชะตา ของเหล่านักเวทย์สายขาว ทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันและสถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างต่อเนื่อง" คุณพ่อเล่าต่อ "ทวดของทวดของย่า ท่านได้ใช้พลังทั้งหมดในการ สร้างม่านพลังแห่งโชคชะตา ที่มองไม่เห็น ครอบคลุมเหล่านักเวทย์สายขาว ทำให้ปีศาจไม่สามารถแทรกแซงโชคชะตาของพวกเขาได้อีกต่อไป" "ท่านยังเป็นผู้ที่คอย ชี้ชะตา ให้กับการต่อสู้แต่ละครั้ง โดยการบอกใบ้ถึงจุดอ่อนที่ซ่อนอยู่ของปีศาจ หรือชี้นำให้เหล่านักรบไปเผชิญหน้ากับศัตรูในจังหวะที่เหมาะสมที่สุด" คุณแม่กล่าวปิดท้าย "นี่คือภาระหน้าที่ของตระกูลเรา เร็น... การเป็นผู้ชี้ชะตา การควบคุมความเป็นไป และการเปลี่ยนแปลงโชคชะตา พลังที่ลูกมีอยู่ในตอนนี้... คือพลังแห่งการมองเห็นโชคชะตาและการควบคุมมัน ลูกคือผู้ที่จะกำหนดทิศทางของสงครามครั้งต่อไป" เร็นฟังเรื่องราวทั้งหมดด้วยความรู้สึกทึ่งและเข้าใจในบทบาทของตัวเอง เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงมักจะรู้สึกเหมือนมองเห็นทางเลือกต่างๆ ในชีวิต และทำไมเขาถึงสามารถตัดสินใจในสถานการณ์คับขันได้อย่างแม่นยำเสมอ พลังแห่งการชี้ชะตาและควบคุมโชคชะตากำลังจะถูกปลุกขึ้นในตัวเขาอย่างเต็มที่ เรื่องเล่าจากอดีตของแต่ละครอบครัว ไม่เพียงแต่จะเปิดเผยความลับที่ถูกซ่อนไว้มานาน แต่ยังเป็นการปลุกจิตวิญญาณของทายาทนักเวทย์สายขาวให้ตื่นขึ้นอย่างแท้จริง พร้อมที่จะรับมือกับชะตากรรมที่รออยู่เบื้องหน้าในคืนวันพรุ่งนี้เสียงร้องโหยหวนของปีศาจที่พ่ายแพ้ในทิศทั้งสี่ไม่ได้นำมาซึ่งความสงบสุขอย่างที่คาดหวัง ตรงกันข้าม... มันกลับเป็นสัญญาณเตือนถึงภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงกว่าเดิม วิญญาณปีศาจทั้งสี่ดวงที่หลุดรอดไปต่างมุ่งหน้าสู่ใจกลางเมืองอย่างมีเจตนา เพื่อรวมตัวและก่อกำเนิดเป็นบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเดิม เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองที่เพิ่งเสร็จสิ้นจากการต่อสู้กับปีศาจเงาต่างรับรู้ถึงสัญญาณอันตราย และรีบมุ่งหน้ากลับไปยังที่มั่นสุดท้าย ณ โรงเรียนริโอะเอน[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามราตรีลึก]ลมหายใจหอบถี่ของเหล่านักเรียนและผู้ปกครองดังขึ้นระงมขณะที่พวกเขาวิ่งกลับมายังโรงเรียน แสงสีเงินของม่านพลังคุ้มกันที่ลุงภารโรงและผู้ปกครองคนอื่นๆ สร้างขึ้นยังคงส่องสว่าง แต่บัดนี้มันกลับถูกบดบังด้วยเงาทะมึนขนาดมหึมาที่กำลังก่อตัวขึ้นเหนือท้องฟ้าใจกลางเมือง"นั่นมันอะไรน่ะ!?" โกฮัน อุทานด้วยความตกตะลึง ดวงตาเบิกกว้างมองไปยังเงาขนาดมหึมาที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่เหนือโรงเรียนเมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ขึ้น ภาพที่ปรากฏยิ่งน่าขนลุก ปีศาจเงาขนาดมหึมา ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของวิญญาณปีศาจทั้งสี่ดวงที่หลุดรอดมา กำลังก่อตัว
ลมกระโชกแรงยามค่ำคืนพัดพาเสียงหวีดหวิว ราวกับเสียงร้องของวิญญาณที่ถูกรบกวน สงครามที่ปะทุขึ้นในสี่ทิศทางทั่วเมืองริโอะเอนยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองต่างเผชิญหน้ากับปีศาจเงาที่กระหายวิญญาณ ม่านพลังคุ้มกันที่โรงเรียนริโอะเอนยังคงเรืองรองในความมืด เป็นประภาคารแห่งความหวังเดียวท่ามกลางความโกลาหลสมรภูมิตะวันออก: การต่อสู้ในสวนสาธารณะโบราณทีมทิศตะวันออก นำโดย คาชิมิ (ผู้ปกป้องธรรมชาติและผู้ชำระล้างจิตวิญญาณ), เคนตะ (ผู้สยบพลังงานและผู้พิทักษ์มิติ), บาระ (ผู้รักษากฎและผู้พิพากษา), เร็น (ผู้ชี้ชะตาและผู้ควบคุมโชคชะตา) และผู้ปกครองของพวกเขา ต่างมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันออกที่เข็มนาฬิกาอาคมของเคนตะสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง แสงสีเงินวาวบนหน้าปัดเต้นระริกบ่งบอกถึงการบิดเบือนพลังงานที่รุนแรง จนกระทั่งพวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้า สวนสาธารณะโบราณ ที่เงียบสงัด ต้นไม้ใหญ่อายุหลายร้อยปีทอดเงาปริศนาปกคลุมทั่วบริเวณ เสียงโหยหวนของวิญญาณต้นไม้และสัตว์ต่างๆ ดังแว่วออกมาจากความมืดมิด"ปีศาจมันกัดกินธรรมชาติแถวนี้!" คาชิมิกล่าวเสียงแผ่ว ใบหน้าของเธอซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด เธอสัมผัสได้
ราตรีนี้ไม่ได้นำมาซึ่งความเงียบสงบ แต่กลับเป็นพยานแห่งสงครามที่อุบัติขึ้นในสี่ทิศทางทั่วเมืองริโอะเอน เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองของพวกเขาต่างแยกย้ายกันไปเผชิญหน้ากับปีศาจเงาที่กำลังพยายามกลืนกินวิญญาณสิ่งมีชีวิตเพื่อเพิ่มพูนพลัง ม่านพลังคุ้มกันที่โรงเรียนริโอะเอนส่องสว่างเรืองรองในความมืดมิด เป็นเพียงสัญญาณแห่งความหวังเดียวท่ามกลางสมรภูมิที่กำลังปะทุขึ้นสมรภูมิเหนือ: การเผชิญหน้าในโรงพยาบาลร้างทีมทิศเหนือ นำโดย ฮานา (ผู้เชื่อมโยงและทำนาย), โกฮัน (ผู้นำทัพและผู้ทำลายล้าง), มายู (ผู้บันทึกและถ่ายทอด), โอกิ (ผู้โจมตีระยะไกล) และผู้ปกครองของพวกเขา ต่างมุ่งหน้าสู่ทิศเหนือที่เข็มนาฬิกาอาคมของฮานาชี้ไปอย่างไม่หยุดยั้ง แสงสีเขียวมรกตบนหน้าปัดเต้นระริก บอกถึงกระแสพลังงานปีศาจที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้า โรงพยาบาลร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางความมืดมิด เสียงกรีดร้องโหยหวนของวิญญาณที่ถูกรบกวนดังแว่วออกมาจากภายใน"ที่นี่แหละ..." ฮานากล่าวเสียงแผ่ว ใบหน้าซีดเผือด "พลังงานมันเข้มข้นมาก... ปีศาจเงาอยู่ข้างในนี้เยอะแยะเลย""เตรียมพร้อม!" โกฮันสั่งเสี
ความมืดของราตรีทอดยาวปกคลุมเมือง บรรยากาศเงียบงันผิดปกติ ชวนให้ใจหวั่น ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอนที่เคยเป็นศูนย์รวมของความวุ่นวายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเงียบงันและกลุ่มผู้ปกครองที่กำลังร่วมกันร่ายคาถาเพื่อสร้างม่านพลังคุ้มกันขนาดใหญ่ที่เรืองรองอยู่รอบรั้วโรงเรียน พวกเขามุ่งมั่นที่จะปกป้องสถานที่แห่งนี้ให้เป็นที่มั่นสุดท้ายเมื่อม่านพลังก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ แสงเรืองรองสีเงินอ่อนๆ ก็แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ทว่า... ความปลอดภัยนั้นกลับแฝงด้วยความผิดปกติ[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามราตรี]เสียงบทสวดมนต์ของเหล่าผู้ปกครองค่อยๆ แผ่วลง เมื่อม่านพลังคุ้มกันปรากฏขึ้นเป็นรูปทรงโดมขนาดใหญ่ ครอบคลุมโรงเรียนเอาไว้ แสงสีเงินวูบไหวราวกับเกราะป้องกันที่มองไม่เห็น ผู้ปกครองหลายคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่บางคนกลับรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผิดแปลกไป"ฉันว่ามันแปลกๆ แล้วนะครับ..." ผู้ปกครองคนหนึ่ง (พ่อของโอกิ) เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ดวงตาจับจ้องไปยังท้องฟ้าที่มืดมิดไร้แสงจันทร์ "ไร้วี่แววของปีศาจเงาเลย... ทั้งๆ ที่เมื่อคืนพวกมันอาละวาดหน
แสงอาทิตย์ยามบ่ายค่อยๆ เลือนหายไปจากขอบฟ้า เหลือเพียงความมืดมิดที่เริ่มคืบคลานเข้ามาปกคลุมเมือง ความหวาดหวั่นปะปนกับความมุ่งมั่นในใจของเหล่านักเรียนที่เพิ่งรับรู้ถึงพลังและภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของตระกูลตนเอง เรื่องเล่าจากบรรพบุรุษที่ถูกส่งต่อมาหลายชั่วอายุคนได้ปลุกจิตวิญญาณแห่งนักเวทย์สายขาวให้ตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ พวกเขาต่างรู้สึกตกตะลึงกับความสามารถที่ซ่อนเร้น แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจและพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่รออยู่เมื่อความมืดของราตรีเริ่มปกคลุม ทุกครอบครัวต่างเดินทางมารวมตัวกันที่ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน อันเป็นจุดนัดหมายและเป็นที่ตั้งของม่านพลังคุ้มกันที่แข็งแกร่งที่สุด[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามสนธยา]ลมเย็นยามค่ำพัดเอื่อยๆ พากลิ่นดอกไม้ป่าผสมกับความชื้นของดินชวนให้ใจสงบ แต่บรรยากาศโดยรอบกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด แสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟหน้าโรงเรียนส่องกระทบใบหน้าของเหล่านักเรียนและผู้ปกครองที่ยืนรอคอยกันอย่างเงียบงันลุงภารโรง ยืนอยู่ตรงกลางลาน สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบๆ ราวกับกำลังสำรวจสิ่งผิดปกติที่ซ่อนอยู่ในเงามืด เขาดูสุขุมกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาในช
บ้านของฮารุกะ: ตำนานแห่งผู้ร่ายรำพลังและผู้ขับไล่วิญญาณฮารุกะ ก้าวเข้ามาในบ้านด้วยความเหนื่อยล้าพร้อมกับคุณพ่อและคุณแม่ ทันทีที่ประตูเปิดออก คุณตา และ คุณยาย ของเธอก็รีบเข้ามาสวมกอดหลานสาวด้วยความโล่งใจและน้ำตาคลอเบ้า"ฮารุกะ! หลานรักของตา! ไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก?" คุณตาถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พลางลูบผมของฮารุกะเบาๆคุณยายพยักหน้าเห็นด้วย "ยายเป็นห่วงแทบแย่เลยลูก! เมื่อคืนได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปหมด! ใจจะขาด!"ฮารุกะรู้สึกอบอุ่นในอ้อมกอดของท่านทั้งสอง เธอผละออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม "ตาคะ... ยายคะ... พ่อคะ... แม่คะ... เรื่องเมื่อคืนนี้... ปีศาจเงา... แล้วก็พลังที่เรามีกัน... มันคืออะไรกันแน่คะ? หนูอยากรู้เรื่องทั้งหมดค่ะ"คุณตาของฮารุกะถอนหายใจช้าๆ ท่านพาฮารุกะไปนั่งที่เก้าอี้ไม้แกะสลักตัวเก่าแก่ในห้องนั่งเล่น ก่อนจะเริ่มต้นเล่าด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำแต่เต็มไปด้วยพลังแห่งความเชื่อมั่นในอดีต"เรื่องนี้มันถูกเล่าสืบต่อกันมาในตระกูลของเรา ตั้งแต่สมัยทวดของทวดของตาเลยนะฮารุกะ" คุณตาเริ่มต้น "ในสมัยที่ปีศาจเงาออกอาละวาดอย่างหนักนั้น พวกมันไม่ได้เพียง