บ้านของคาชิมิ: ตำนานแห่งผู้ปกป้องธรรมชาติและผู้ชำระล้างจิตวิญญาณ
คาชิมิ ก้าวเข้ามาในบ้านอย่างอ่อนล้าพร้อมกับคุณพ่อและคุณแม่ ทันทีที่ประตูเปิดออก คุณยาย ของเธอก็รีบเข้ามาสวมกอดหลานสาวด้วยความโล่งใจและน้ำตาคลอเบ้า พร้อมกับหยิบน้ำมนต์จากขวดเล็กๆ มาพรมไปทั่วตัวคาชิมิเบาๆ "คาชิมิ! หลานรักของยาย! ไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก?" คุณยายถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พลางลูบผมของคาชิมิเบาๆ คุณแม่พยักหน้าเห็นด้วย "แม่เป็นห่วงแทบแย่เลยลูก! เห็นข่าวเมื่อคืนแล้วใจจะขาด!" คาชิมิรู้สึกอบอุ่นในอ้อมกอดของท่านทั้งสอง และรู้สึกถึงความเย็นสบายจากน้ำมนต์ที่พรมลงบนตัว เธอผละออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม "ยายคะ... พ่อคะ... แม่คะ... เรื่องเมื่อคืนนี้... ปีศาจเงา... แล้วก็น้ำมนต์ของยาย... มันคืออะไรกันแน่คะ?" คุณยายของคาชิมิถอนหายใจช้าๆ ท่านพาคาชิมิไปนั่งที่เก้าอี้ตัวโปรดในห้องนั่งเล่น ก่อนจะเริ่มต้นเล่าด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำและเต็มไปด้วยความเคารพต่ออดีต "เรื่องนี้มันถูกเล่าสืบต่อกันมาในตระกูลของเรา ตั้งแต่สมัยทวดของทวดของยายเลยนะคาชิมิ" คุณยายเริ่มต้น "ในสมัยที่ปีศาจเงาออกอาละวาดอย่างหนักนั้น พวกมันไม่ได้เพียงแค่โจมตีผู้คน แต่ยัง กัดกินธรรมชาติ ทำให้ป่าไม้เหี่ยวเฉา แหล่งน้ำแห้งขอด และผืนดินก็กลายเป็นสีดำมืด ไร้ซึ่งชีวิต" คุณพ่อเสริม "ในยุคนั้น ไม่ใช่ทุกคนที่มีพลังในการต่อสู้โดยตรงกับปีศาจ แต่ตระกูลของเรามีบทบาทที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือการเป็น ผู้ปกป้องธรรมชาติ และ ผู้ชำระล้างจิตวิญญาณ" "ทวดของทวดของยาย" คุณยายเล่าต่อ "ท่านเป็นนักเวทย์ที่เชี่ยวชาญด้าน คาถาพฤกษา และ การชำระล้าง ท่านมีความสามารถในการสื่อสารกับธรรมชาติ และสามารถดึงพลังบริสุทธิ์จากพืชพรรณมาใช้ในการต่อสู้และเยียวยาได้ ท่านไม่ได้ใช้กำลังเข้าต่อสู้ แต่ท่านใช้พลังจากธรรมชาติในการ ฟื้นฟูโลก ที่ถูกปีศาจทำลาย และ ชำระล้างพลังงานชั่วร้าย ที่แผ่ซ่านอยู่ในอากาศ" "ท่านสามารถสร้างกำแพงต้นไม้ที่แข็งแกร่งเพื่อป้องกันการโจมตีของปีศาจ" คุณแม่กล่าวเสริม "บางครั้งท่านก็ใช้รากไม้พันธนาการพวกมันไว้ และยังสามารถสร้างพลังงานบริสุทธิ์จากดอกไม้เพื่อทำให้ปีศาจอ่อนแรงลงได้" คุณยายพยักหน้า "นอกจากนี้ บรรพบุรุษของเรายังเป็นผู้ที่สามารถ ชำระล้างจิตวิญญาณ ที่แปดเปื้อนจากพลังปีศาจได้ด้วยนะลูก ไม่ใช่แค่ร่างกาย แต่รวมถึงจิตใจของผู้คนที่ถูกปีศาจครอบงำให้เต็มไปด้วยความหวาดกลัวหรือความสิ้นหวัง น้ำมนต์ที่ยายพรมให้ลูกเมื่อกี้ ก็คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกส่งต่อมาจากบรรพบุรุษของเรา ใช้สำหรับชำระล้างและปกป้องจิตวิญญาณ" "ในสงครามครั้งสุดท้าย... เมื่อปีศาจเงาพยายามจะทำลายแหล่งพลังงานธรรมชาติที่สำคัญที่สุด และทำให้โลกตกอยู่ในความมืดมิดอย่างถาวร" คุณพ่อเล่าต่อ "ทวดของทวดของยาย ท่านได้ใช้พลังทั้งหมดในการ สร้างป่าศักดิ์สิทธิ์ ที่มองไม่เห็น ครอบคลุมแหล่งพลังงานนั้น ทำให้ปีศาจไม่สามารถเข้าถึงและทำลายได้เลย" "ท่านยังเป็นผู้ที่คอย มอบความหวัง และ ฟื้นฟูจิตใจ ของผู้คนที่ท้อแท้ ให้กลับมามีพลังในการต่อสู้อีกครั้ง ด้วยการชำระล้างพลังงานชั่วร้ายที่เกาะกินจิตวิญญาณของพวกเขา" คุณยายกล่าวปิดท้าย "นี่คือภาระหน้าที่ของตระกูลเรา คาชิมิ... การเป็นผู้ปกป้องธรรมชาติ การเยียวยาโลก และการชำระล้างจิตวิญญาณ พลังที่ลูกมีอยู่ในตอนนี้... คือพลังแห่งธรรมชาติและการชำระล้าง ลูกคือผู้ที่จะนำแสงสว่างและชีวิตกลับคืนมาสู่โลกนี้" คาชิมิ ฟังเรื่องราวทั้งหมดด้วยความรู้สึกทึ่ง เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงรู้สึกผูกพันกับธรรมชาติ และทำไมเธอถึงรู้สึกสบายใจเมื่ออยู่ท่ามกลางต้นไม้ดอกไม้ พลังแห่งการปกป้องธรรมชาติและการชำระล้างจิตวิญญาณกำลังจะถูกปลุกขึ้นในตัวเธออย่างเต็มที่ บ้านของเคนตะ: เรื่องเล่าแห่งผู้สยบพลังงานและผู้พิทักษ์มิติ ในเวลาเดียวกัน ที่บ้านของ เคนตะ บรรยากาศก็เต็มไปด้วยความห่วงใยและจริงจังเช่นกัน เคนตะกลับถึงบ้านพร้อมพ่อและแม่ และทันทีที่ก้าวเข้าประตู คุณปู่ และ คุณย่า ของเขาก็รีบวิ่งเข้ามาสวมกอดหลานชายด้วยความเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด "เคนตะ! หลานปู่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก!? ย่าเป็นห่วงแทบแย่เลย!" คุณปู่และคุณย่ากล่าวพร้อมกัน ท่านทั้งสองลูบไล้แขนขาของเคนตะ ราวกับจะมั่นใจว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ เคนตะรู้สึกอบอุ่นในอ้อมกอดของท่านทั้งสอง เขาเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม "ปู่ครับ... ย่าครับ... พ่อครับ... แม่ครับ... เรื่องเมื่อคืนนี้... ผมอยากรู้เรื่องทั้งหมดครับ" คุณปู่ของเคนตะถอนหายใจยาวๆ ท่านมองไปยังพ่อและแม่ของเคนตะ ก่อนจะหันมามองหลานชายด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง "เอาล่ะ... ถึงเวลาแล้วที่เจ้าจะต้องรู้เรื่องราวที่แท้จริงของตระกูลเรานะเคนตะ" คุณปู่เริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มนุ่มแต่แฝงไปด้วยความจริงจัง "เรื่องนี้ถูกเล่าสืบทอดกันมาในตระกูลของเรา ตั้งแต่สมัยทวดของทวดของปู่เลยล่ะ" คุณปู่เริ่มต้น "ในสมัยที่ปีศาจเงาออกอาละวาดอย่างบ้าคลั่งนั้น พวกมันไม่ได้เพียงแค่โจมตีทางกายภาพเท่านั้น แต่พวกมันยังสามารถ ควบคุมพลังงานเวทมนตร์ และ สร้างความปั่นป่วนในมิติ ได้ ทำให้เหล่านักเวทย์สายขาวต้องเผชิญกับความท้าทายที่ยากจะรับมือ" คุณย่าของเคนตะเสริม "ตระกูลของเราไม่ได้เป็นนักรบแนวหน้า หรือผู้เยียวยาโดยตรง แต่พวกเราคือ ผู้สยบพลังงาน และ ผู้พิทักษ์มิติ" "ทวดของทวดของปู่" คุณปู่เล่าต่อ "ท่านเป็นนักเวทย์ที่มีพลังพิเศษในการ ควบคุมและสยบพลังงาน ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นพลังเวทย์ของปีศาจ หรือพลังงานที่แปรปรวนในมิติ ท่านสามารถ หยุดยั้ง การเคลื่อนไหวของพลังงานชั่วร้าย และ เปลี่ยนแปลง ทิศทางของมันได้" "ท่านไม่ได้แค่สยบพลังงานนะลูก แต่ท่านยังสามารถ มองเห็นรอยรั่วของมิติ ที่ปีศาจใช้เป็นทางผ่านได้ด้วย" คุณแม่กล่าวเสริม "ทวดของทวดของปู่ ท่านคือผู้ที่ทำให้การโจมตีของปีศาจไม่เป็นไปตามแผน และยังเป็นผู้ที่ช่วยให้เหล่านักเวทย์สายขาวสามารถหลบหนีจากการโจมตีที่รุนแรงได้" คุณปู่พยักหน้า "ในสงครามครั้งสุดท้าย... เมื่อปีศาจเงาพยายามจะเปิดช่องว่างมิติขนาดใหญ่เพื่อนำกองทัพปีศาจเข้ามาในโลกนี้ให้มากที่สุด" คุณพ่อเล่าต่อ "ทวดของทวดของปู่ ท่านได้ใช้พลังทั้งหมดในการ สร้างผนึกพลังงาน ขนาดใหญ่รอบๆ ช่องว่างมิตินั้น ทำให้ปีศาจไม่สามารถขยายช่องว่างได้ และยัง สยบพลังงานชั่วร้าย ที่ไหลทะลักออกมาจากมิติแห่งความมืด" "ท่านยังเป็นผู้ที่คอย ปรับสมดุลพลังงาน ในพื้นที่ที่ถูกปีศาจรุกราน ทำให้พลังงานชั่วร้ายไม่สามารถแพร่กระจายไปได้ทั่ว และยังช่วยให้เหล่านักเวทย์สายขาวคนอื่นๆ สามารถใช้พลังของตนเองได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลว่าพลังจะถูกรบกวน" คุณย่ากล่าวปิดท้าย "นี่คือภาระหน้าที่ของตระกูลเรา เคนตะ... การเป็นผู้สยบพลังงาน การรักษาสมดุลของมิติ และการพิทักษ์โลกจากความปั่นป่วน พลังที่ลูกมีอยู่ในตอนนี้... คือพลังแห่งการควบคุมและสยบพลังงาน ลูกคือผู้ที่จะนำความสงบเรียบร้อยกลับคืนมาสู่โลกนี้" เคนตะฟังเรื่องราวทั้งหมดด้วยความรู้สึกเข้าใจในบทบาทของตัวเอง เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงมักจะรู้สึกถึงพลังงานรอบตัว และทำไมเขาถึงมีความสามารถในการควบคุมสิ่งต่างๆ รอบตัวได้ดีกว่าคนอื่น พลังแห่งการสยบพลังงานและพิทักษ์มิติกำลังจะถูกปลุกขึ้นในตัวเขาอย่างเต็มที่ เรื่องเล่าจากอดีตของแต่ละครอบครัว ไม่เพียงแต่จะเปิดเผยความลับที่ถูกซ่อนไว้มานาน แต่ยังเป็นการปลุกจิตวิญญาณของทายาทนักเวทย์สายขาวให้ตื่นขึ้นอย่างแท้จริง พร้อมที่จะรับมือกับชะตากรรมที่รออยู่เบื้องหน้าในคืนวันพรุ่งนี้เสียงร้องโหยหวนของปีศาจที่พ่ายแพ้ในทิศทั้งสี่ไม่ได้นำมาซึ่งความสงบสุขอย่างที่คาดหวัง ตรงกันข้าม... มันกลับเป็นสัญญาณเตือนถึงภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงกว่าเดิม วิญญาณปีศาจทั้งสี่ดวงที่หลุดรอดไปต่างมุ่งหน้าสู่ใจกลางเมืองอย่างมีเจตนา เพื่อรวมตัวและก่อกำเนิดเป็นบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเดิม เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองที่เพิ่งเสร็จสิ้นจากการต่อสู้กับปีศาจเงาต่างรับรู้ถึงสัญญาณอันตราย และรีบมุ่งหน้ากลับไปยังที่มั่นสุดท้าย ณ โรงเรียนริโอะเอน[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามราตรีลึก]ลมหายใจหอบถี่ของเหล่านักเรียนและผู้ปกครองดังขึ้นระงมขณะที่พวกเขาวิ่งกลับมายังโรงเรียน แสงสีเงินของม่านพลังคุ้มกันที่ลุงภารโรงและผู้ปกครองคนอื่นๆ สร้างขึ้นยังคงส่องสว่าง แต่บัดนี้มันกลับถูกบดบังด้วยเงาทะมึนขนาดมหึมาที่กำลังก่อตัวขึ้นเหนือท้องฟ้าใจกลางเมือง"นั่นมันอะไรน่ะ!?" โกฮัน อุทานด้วยความตกตะลึง ดวงตาเบิกกว้างมองไปยังเงาขนาดมหึมาที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่เหนือโรงเรียนเมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ขึ้น ภาพที่ปรากฏยิ่งน่าขนลุก ปีศาจเงาขนาดมหึมา ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของวิญญาณปีศาจทั้งสี่ดวงที่หลุดรอดมา กำลังก่อตัว
ลมกระโชกแรงยามค่ำคืนพัดพาเสียงหวีดหวิว ราวกับเสียงร้องของวิญญาณที่ถูกรบกวน สงครามที่ปะทุขึ้นในสี่ทิศทางทั่วเมืองริโอะเอนยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองต่างเผชิญหน้ากับปีศาจเงาที่กระหายวิญญาณ ม่านพลังคุ้มกันที่โรงเรียนริโอะเอนยังคงเรืองรองในความมืด เป็นประภาคารแห่งความหวังเดียวท่ามกลางความโกลาหลสมรภูมิตะวันออก: การต่อสู้ในสวนสาธารณะโบราณทีมทิศตะวันออก นำโดย คาชิมิ (ผู้ปกป้องธรรมชาติและผู้ชำระล้างจิตวิญญาณ), เคนตะ (ผู้สยบพลังงานและผู้พิทักษ์มิติ), บาระ (ผู้รักษากฎและผู้พิพากษา), เร็น (ผู้ชี้ชะตาและผู้ควบคุมโชคชะตา) และผู้ปกครองของพวกเขา ต่างมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันออกที่เข็มนาฬิกาอาคมของเคนตะสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง แสงสีเงินวาวบนหน้าปัดเต้นระริกบ่งบอกถึงการบิดเบือนพลังงานที่รุนแรง จนกระทั่งพวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้า สวนสาธารณะโบราณ ที่เงียบสงัด ต้นไม้ใหญ่อายุหลายร้อยปีทอดเงาปริศนาปกคลุมทั่วบริเวณ เสียงโหยหวนของวิญญาณต้นไม้และสัตว์ต่างๆ ดังแว่วออกมาจากความมืดมิด"ปีศาจมันกัดกินธรรมชาติแถวนี้!" คาชิมิกล่าวเสียงแผ่ว ใบหน้าของเธอซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด เธอสัมผัสได้
ราตรีนี้ไม่ได้นำมาซึ่งความเงียบสงบ แต่กลับเป็นพยานแห่งสงครามที่อุบัติขึ้นในสี่ทิศทางทั่วเมืองริโอะเอน เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองของพวกเขาต่างแยกย้ายกันไปเผชิญหน้ากับปีศาจเงาที่กำลังพยายามกลืนกินวิญญาณสิ่งมีชีวิตเพื่อเพิ่มพูนพลัง ม่านพลังคุ้มกันที่โรงเรียนริโอะเอนส่องสว่างเรืองรองในความมืดมิด เป็นเพียงสัญญาณแห่งความหวังเดียวท่ามกลางสมรภูมิที่กำลังปะทุขึ้นสมรภูมิเหนือ: การเผชิญหน้าในโรงพยาบาลร้างทีมทิศเหนือ นำโดย ฮานา (ผู้เชื่อมโยงและทำนาย), โกฮัน (ผู้นำทัพและผู้ทำลายล้าง), มายู (ผู้บันทึกและถ่ายทอด), โอกิ (ผู้โจมตีระยะไกล) และผู้ปกครองของพวกเขา ต่างมุ่งหน้าสู่ทิศเหนือที่เข็มนาฬิกาอาคมของฮานาชี้ไปอย่างไม่หยุดยั้ง แสงสีเขียวมรกตบนหน้าปัดเต้นระริก บอกถึงกระแสพลังงานปีศาจที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้า โรงพยาบาลร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางความมืดมิด เสียงกรีดร้องโหยหวนของวิญญาณที่ถูกรบกวนดังแว่วออกมาจากภายใน"ที่นี่แหละ..." ฮานากล่าวเสียงแผ่ว ใบหน้าซีดเผือด "พลังงานมันเข้มข้นมาก... ปีศาจเงาอยู่ข้างในนี้เยอะแยะเลย""เตรียมพร้อม!" โกฮันสั่งเสี
ความมืดของราตรีทอดยาวปกคลุมเมือง บรรยากาศเงียบงันผิดปกติ ชวนให้ใจหวั่น ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอนที่เคยเป็นศูนย์รวมของความวุ่นวายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเงียบงันและกลุ่มผู้ปกครองที่กำลังร่วมกันร่ายคาถาเพื่อสร้างม่านพลังคุ้มกันขนาดใหญ่ที่เรืองรองอยู่รอบรั้วโรงเรียน พวกเขามุ่งมั่นที่จะปกป้องสถานที่แห่งนี้ให้เป็นที่มั่นสุดท้ายเมื่อม่านพลังก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ แสงเรืองรองสีเงินอ่อนๆ ก็แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ทว่า... ความปลอดภัยนั้นกลับแฝงด้วยความผิดปกติ[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามราตรี]เสียงบทสวดมนต์ของเหล่าผู้ปกครองค่อยๆ แผ่วลง เมื่อม่านพลังคุ้มกันปรากฏขึ้นเป็นรูปทรงโดมขนาดใหญ่ ครอบคลุมโรงเรียนเอาไว้ แสงสีเงินวูบไหวราวกับเกราะป้องกันที่มองไม่เห็น ผู้ปกครองหลายคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่บางคนกลับรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผิดแปลกไป"ฉันว่ามันแปลกๆ แล้วนะครับ..." ผู้ปกครองคนหนึ่ง (พ่อของโอกิ) เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ดวงตาจับจ้องไปยังท้องฟ้าที่มืดมิดไร้แสงจันทร์ "ไร้วี่แววของปีศาจเงาเลย... ทั้งๆ ที่เมื่อคืนพวกมันอาละวาดหน
แสงอาทิตย์ยามบ่ายค่อยๆ เลือนหายไปจากขอบฟ้า เหลือเพียงความมืดมิดที่เริ่มคืบคลานเข้ามาปกคลุมเมือง ความหวาดหวั่นปะปนกับความมุ่งมั่นในใจของเหล่านักเรียนที่เพิ่งรับรู้ถึงพลังและภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของตระกูลตนเอง เรื่องเล่าจากบรรพบุรุษที่ถูกส่งต่อมาหลายชั่วอายุคนได้ปลุกจิตวิญญาณแห่งนักเวทย์สายขาวให้ตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ พวกเขาต่างรู้สึกตกตะลึงกับความสามารถที่ซ่อนเร้น แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจและพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่รออยู่เมื่อความมืดของราตรีเริ่มปกคลุม ทุกครอบครัวต่างเดินทางมารวมตัวกันที่ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน อันเป็นจุดนัดหมายและเป็นที่ตั้งของม่านพลังคุ้มกันที่แข็งแกร่งที่สุด[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามสนธยา]ลมเย็นยามค่ำพัดเอื่อยๆ พากลิ่นดอกไม้ป่าผสมกับความชื้นของดินชวนให้ใจสงบ แต่บรรยากาศโดยรอบกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด แสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟหน้าโรงเรียนส่องกระทบใบหน้าของเหล่านักเรียนและผู้ปกครองที่ยืนรอคอยกันอย่างเงียบงันลุงภารโรง ยืนอยู่ตรงกลางลาน สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบๆ ราวกับกำลังสำรวจสิ่งผิดปกติที่ซ่อนอยู่ในเงามืด เขาดูสุขุมกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาในช
บ้านของฮารุกะ: ตำนานแห่งผู้ร่ายรำพลังและผู้ขับไล่วิญญาณฮารุกะ ก้าวเข้ามาในบ้านด้วยความเหนื่อยล้าพร้อมกับคุณพ่อและคุณแม่ ทันทีที่ประตูเปิดออก คุณตา และ คุณยาย ของเธอก็รีบเข้ามาสวมกอดหลานสาวด้วยความโล่งใจและน้ำตาคลอเบ้า"ฮารุกะ! หลานรักของตา! ไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก?" คุณตาถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พลางลูบผมของฮารุกะเบาๆคุณยายพยักหน้าเห็นด้วย "ยายเป็นห่วงแทบแย่เลยลูก! เมื่อคืนได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปหมด! ใจจะขาด!"ฮารุกะรู้สึกอบอุ่นในอ้อมกอดของท่านทั้งสอง เธอผละออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม "ตาคะ... ยายคะ... พ่อคะ... แม่คะ... เรื่องเมื่อคืนนี้... ปีศาจเงา... แล้วก็พลังที่เรามีกัน... มันคืออะไรกันแน่คะ? หนูอยากรู้เรื่องทั้งหมดค่ะ"คุณตาของฮารุกะถอนหายใจช้าๆ ท่านพาฮารุกะไปนั่งที่เก้าอี้ไม้แกะสลักตัวเก่าแก่ในห้องนั่งเล่น ก่อนจะเริ่มต้นเล่าด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำแต่เต็มไปด้วยพลังแห่งความเชื่อมั่นในอดีต"เรื่องนี้มันถูกเล่าสืบต่อกันมาในตระกูลของเรา ตั้งแต่สมัยทวดของทวดของตาเลยนะฮารุกะ" คุณตาเริ่มต้น "ในสมัยที่ปีศาจเงาออกอาละวาดอย่างหนักนั้น พวกมันไม่ได้เพียง