แสงแดดยามเช้าที่สาดส่องลงมาไม่ได้ช่วยขับไล่ความกังวลออกจากใจของเหล่านักเรียนโรงเรียนริโอะเอนได้เลย คำเตือนเรื่องการโจมตีระลอกใหม่จากปีศาจเงาที่กำลังจะเกิดขึ้นในคืนวันพรุ่งนี้ ทำให้พวกเขาต้องเร่งทำความเข้าใจพลังที่เพิ่งตื่นขึ้นในตัวเอง และบทบาทของตระกูลที่สืบทอดกันมา การกลับบ้านเพื่อฟังเรื่องเล่าจากบรรพบุรุษจึงเป็นสิ่งเดียวที่จะไขปริศนาเหล่านี้ได้
บ้านของดาอิและไดชิ: ตำนานแห่งผู้รังสรรค์มิติและผู้ควบคุมกาลเวลา ดาอิ และ ไดชิ (ฝาแฝดชายหญิง) ก้าวเข้ามาในบ้านขนาดใหญ่ด้วยความเหนื่อยล้าพร้อมกับคุณพ่อและคุณแม่ ทันทีที่ประตูบานโอ่อ่าเปิดออก คุณตา คุณยาย และ คุณปู่ คุณย่า ของพวกเขาก็รีบเข้ามาสวมกอดด้วยความโล่งใจอย่างสุดซึ้ง "โอ้! ดาอิ! ไดชิ! หลานรักของปู่ย่าตายาย ไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก?" คุณปู่พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ใบหน้าเต็มไปด้วยความห่วงใย คุณยายสั่งสาวใช้ทันที "รีบเอาน้ำกับขนมมาให้คุณหนูคุณชายเร็วเข้า! พวกเด็กๆ คงจะเหนื่อยมาก!" ดาอิและไดชิรู้สึกอบอุ่นในอ้อมกอดของญาติผู้ใหญ่ พวกเขามองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนที่ดาอิจะเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ปู่คะ... ย่าคะ... ตาคะ... ยายคะ... พ่อคะ... แม่คะ... เรื่องเมื่อคืนนี้... ปีศาจเงา... แล้วก็พลังที่เรามีกัน... มันคืออะไรกันแน่คะ? พวกเราอยากรู้เรื่องทั้งหมดค่ะ" คุณตาของฝาแฝดถอนหายใจช้าๆ ท่านเดินนำทุกคนไปยังห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบที่สุดของบ้าน ใบหน้าของท่านฉายแววจริงจัง "ถึงเวลาแล้วจริงๆ สินะ... ที่พวกเจ้าจะต้องรู้ความจริงเบื้องลึกของตระกูลเรา" คุณตาเริ่มต้นเล่าด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำแต่เต็มไปด้วยพลังแห่งเรื่องราวที่ถูกเก็บงำมานาน "เรื่องนี้ถูกเล่าสืบต่อกันมาในตระกูลของเรา ตั้งแต่สมัยทวดของทวดของตาเลยนะ ดาอิ ไดชิ" คุณตาเริ่มต้น "ในสมัยที่ปีศาจเงาออกอาละวาดอย่างหนักนั้น พวกมันไม่ได้เพียงแค่โจมตีโลกทางกายภาพ แต่ยังพยายามที่จะ บิดเบือนมิติ และ ทำลายห้วงเวลา ทำให้ประวัติศาสตร์ถูกลบเลือนและอนาคตถูกช่วงชิงไป โลกตกอยู่ในสภาพที่ไม่อาจคาดเดาได้ เพราะมิติเวลาที่บิดเบี้ยว" คุณย่าเสริม "ในยุคนั้น ไม่ใช่ทุกคนที่มีพลังในการต่อสู้โดยตรงกับปีศาจ แต่ตระกูลของเรามีบทบาทที่สำคัญที่สุดในการ รักษาสมดุลของมิติเวลา นั่นคือการเป็น ผู้รังสรรค์มิติ และ ผู้ควบคุมกาลเวลา" "ทวดของทวดของตา" คุณตาเล่าต่อ "ท่านเป็นนักเวทย์ที่เชี่ยวชาญด้าน การสร้างและบิดเบือนมิติ รวมถึง การควบคุมห้วงเวลา ท่านมีความสามารถในการเดินทางผ่านมิติย่อยที่ซ้อนทับกัน และยังสามารถเร่งหรือชะลอเวลาในขอบเขตจำกัดได้ ท่านไม่ได้ใช้กำลังเข้าต่อสู้ แต่ท่านใช้พลังในการ แก้ไขความผิดเพี้ยนของมิติ และ กอบกู้เวลา ที่ถูกปีศาจบิดเบือนไป" คุณปู่เสริมด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง "ลองจินตนาการดูสิว่าถ้าเวลาถูกบิดเบือน ผู้คนจะจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ อนาคตจะไม่มีอยู่จริง นั่นคือสิ่งที่ปีศาจเงาพยายามทำ ทวดของทวดของเราได้สร้าง มิติหลบภัย เล็กๆ ขึ้นมา เพื่อซ่อนสิ่งสำคัญและผู้คนที่ไม่สามารถต่อสู้ได้ ท่านยังสามารถ ย้อนเวลา ได้ชั่วคราว เพื่อแก้ไขความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ หรือเพื่อรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นในการต่อสู้" "ท่านยังสามารถ สร้างภาพจำลองเหตุการณ์ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจากความเป็นไปได้ต่างๆ ได้อย่างสมจริง เพื่อให้นักรบสายขาวคนอื่นๆ สามารถวางแผนและเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพ" คุณแม่กล่าวเสริม "ความสามารถของบรรพบุรุษเราเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องโลกจากความวุ่นวายของมิติเวลา" "ในสงครามครั้งสุดท้าย... เมื่อปีศาจเงาที่แข็งแกร่งที่สุดพยายามจะ ทำลายแกนหลักของเวลาและมิติ ที่ค้ำจุนโลกนี้ไว้" คุณพ่อเล่าต่อ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและเศร้าสร้อย "ทวดของทวดของตา ท่านได้ใช้พลังทั้งหมดในการ ตรึงมิติและเวลา ไว้ไม่ให้แตกสลาย ท่านได้สร้าง ปราการแห่งกาลเวลา ที่มองไม่เห็น รอบๆ จุดศูนย์รวมมิติ ทำให้ปีศาจไม่สามารถแทรกซึมเข้ามาบิดเบือนได้อีกต่อไป" "ท่านได้เสียสละพลังชีวิตทั้งหมดในการ ผนึกรอยร้าวของมิติ ที่ปีศาจสร้างขึ้น" คุณตาเน้นเสียงหนักแน่น "นั่นคือเหตุผลว่าทำไมตระกูลของเราถึงถูกเรียกว่าเป็น ผู้พิทักษ์แห่งห้วงเวลาและมิติ การที่พวกเจ้าฝาแฝดมีพลังนี้อยู่ในตัวพร้อมกัน ถือเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มันอาจเป็นสัญญาณว่าสงครามครั้งนี้ยิ่งใหญ่กว่าที่เคยมีมา" คุณยายกล่าวปิดท้ายด้วยแววตาที่เปี่ยมด้วยความหวัง "นี่คือภาระหน้าที่ของตระกูลเรา ดาอิ ไดชิ... การเป็นผู้รังสรรค์มิติ การควบคุมกาลเวลา และการรักษาสมดุลของโลก พลังที่ลูกทั้งสองมีอยู่ในตอนนี้... คือพลังอันยิ่งใหญ่ที่จะใช้ในการปกป้องโลกจากการบิดเบือนของปีศาจ ลูกทั้งสองคือผู้ที่จะนำความสงบสุขกลับคืนมาสู่ห้วงมิติและกาลเวลา" ดาอิและไดชิฟังเรื่องราวทั้งหมดด้วยความรู้สึกทึ่งและตระหนักถึงพลังอันมหาศาลที่หลับใหลอยู่ในตัวพวกเขา พวกเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมบางครั้งพวกเขาถึงรู้สึกเหมือนมองเห็นอนาคตลางๆ หรือรู้สึกเหมือนมีเวลาหยุดนิ่งในบางช่วงเวลาที่สำคัญ พลังแห่งการรังสรรค์มิติและควบคุมกาลเวลากำลังจะถูกปลุกขึ้นในตัวพวกเขาอย่างเต็มที่ พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่รออยู่เบื้องหน้าในคืนวันพรุ่งนี้เสียงร้องโหยหวนของปีศาจที่พ่ายแพ้ในทิศทั้งสี่ไม่ได้นำมาซึ่งความสงบสุขอย่างที่คาดหวัง ตรงกันข้าม... มันกลับเป็นสัญญาณเตือนถึงภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงกว่าเดิม วิญญาณปีศาจทั้งสี่ดวงที่หลุดรอดไปต่างมุ่งหน้าสู่ใจกลางเมืองอย่างมีเจตนา เพื่อรวมตัวและก่อกำเนิดเป็นบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเดิม เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองที่เพิ่งเสร็จสิ้นจากการต่อสู้กับปีศาจเงาต่างรับรู้ถึงสัญญาณอันตราย และรีบมุ่งหน้ากลับไปยังที่มั่นสุดท้าย ณ โรงเรียนริโอะเอน[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามราตรีลึก]ลมหายใจหอบถี่ของเหล่านักเรียนและผู้ปกครองดังขึ้นระงมขณะที่พวกเขาวิ่งกลับมายังโรงเรียน แสงสีเงินของม่านพลังคุ้มกันที่ลุงภารโรงและผู้ปกครองคนอื่นๆ สร้างขึ้นยังคงส่องสว่าง แต่บัดนี้มันกลับถูกบดบังด้วยเงาทะมึนขนาดมหึมาที่กำลังก่อตัวขึ้นเหนือท้องฟ้าใจกลางเมือง"นั่นมันอะไรน่ะ!?" โกฮัน อุทานด้วยความตกตะลึง ดวงตาเบิกกว้างมองไปยังเงาขนาดมหึมาที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่เหนือโรงเรียนเมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ขึ้น ภาพที่ปรากฏยิ่งน่าขนลุก ปีศาจเงาขนาดมหึมา ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของวิญญาณปีศาจทั้งสี่ดวงที่หลุดรอดมา กำลังก่อตัว
ลมกระโชกแรงยามค่ำคืนพัดพาเสียงหวีดหวิว ราวกับเสียงร้องของวิญญาณที่ถูกรบกวน สงครามที่ปะทุขึ้นในสี่ทิศทางทั่วเมืองริโอะเอนยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองต่างเผชิญหน้ากับปีศาจเงาที่กระหายวิญญาณ ม่านพลังคุ้มกันที่โรงเรียนริโอะเอนยังคงเรืองรองในความมืด เป็นประภาคารแห่งความหวังเดียวท่ามกลางความโกลาหลสมรภูมิตะวันออก: การต่อสู้ในสวนสาธารณะโบราณทีมทิศตะวันออก นำโดย คาชิมิ (ผู้ปกป้องธรรมชาติและผู้ชำระล้างจิตวิญญาณ), เคนตะ (ผู้สยบพลังงานและผู้พิทักษ์มิติ), บาระ (ผู้รักษากฎและผู้พิพากษา), เร็น (ผู้ชี้ชะตาและผู้ควบคุมโชคชะตา) และผู้ปกครองของพวกเขา ต่างมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันออกที่เข็มนาฬิกาอาคมของเคนตะสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง แสงสีเงินวาวบนหน้าปัดเต้นระริกบ่งบอกถึงการบิดเบือนพลังงานที่รุนแรง จนกระทั่งพวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้า สวนสาธารณะโบราณ ที่เงียบสงัด ต้นไม้ใหญ่อายุหลายร้อยปีทอดเงาปริศนาปกคลุมทั่วบริเวณ เสียงโหยหวนของวิญญาณต้นไม้และสัตว์ต่างๆ ดังแว่วออกมาจากความมืดมิด"ปีศาจมันกัดกินธรรมชาติแถวนี้!" คาชิมิกล่าวเสียงแผ่ว ใบหน้าของเธอซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด เธอสัมผัสได้
ราตรีนี้ไม่ได้นำมาซึ่งความเงียบสงบ แต่กลับเป็นพยานแห่งสงครามที่อุบัติขึ้นในสี่ทิศทางทั่วเมืองริโอะเอน เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองของพวกเขาต่างแยกย้ายกันไปเผชิญหน้ากับปีศาจเงาที่กำลังพยายามกลืนกินวิญญาณสิ่งมีชีวิตเพื่อเพิ่มพูนพลัง ม่านพลังคุ้มกันที่โรงเรียนริโอะเอนส่องสว่างเรืองรองในความมืดมิด เป็นเพียงสัญญาณแห่งความหวังเดียวท่ามกลางสมรภูมิที่กำลังปะทุขึ้นสมรภูมิเหนือ: การเผชิญหน้าในโรงพยาบาลร้างทีมทิศเหนือ นำโดย ฮานา (ผู้เชื่อมโยงและทำนาย), โกฮัน (ผู้นำทัพและผู้ทำลายล้าง), มายู (ผู้บันทึกและถ่ายทอด), โอกิ (ผู้โจมตีระยะไกล) และผู้ปกครองของพวกเขา ต่างมุ่งหน้าสู่ทิศเหนือที่เข็มนาฬิกาอาคมของฮานาชี้ไปอย่างไม่หยุดยั้ง แสงสีเขียวมรกตบนหน้าปัดเต้นระริก บอกถึงกระแสพลังงานปีศาจที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้า โรงพยาบาลร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางความมืดมิด เสียงกรีดร้องโหยหวนของวิญญาณที่ถูกรบกวนดังแว่วออกมาจากภายใน"ที่นี่แหละ..." ฮานากล่าวเสียงแผ่ว ใบหน้าซีดเผือด "พลังงานมันเข้มข้นมาก... ปีศาจเงาอยู่ข้างในนี้เยอะแยะเลย""เตรียมพร้อม!" โกฮันสั่งเสี
ความมืดของราตรีทอดยาวปกคลุมเมือง บรรยากาศเงียบงันผิดปกติ ชวนให้ใจหวั่น ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอนที่เคยเป็นศูนย์รวมของความวุ่นวายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเงียบงันและกลุ่มผู้ปกครองที่กำลังร่วมกันร่ายคาถาเพื่อสร้างม่านพลังคุ้มกันขนาดใหญ่ที่เรืองรองอยู่รอบรั้วโรงเรียน พวกเขามุ่งมั่นที่จะปกป้องสถานที่แห่งนี้ให้เป็นที่มั่นสุดท้ายเมื่อม่านพลังก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ แสงเรืองรองสีเงินอ่อนๆ ก็แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ทว่า... ความปลอดภัยนั้นกลับแฝงด้วยความผิดปกติ[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามราตรี]เสียงบทสวดมนต์ของเหล่าผู้ปกครองค่อยๆ แผ่วลง เมื่อม่านพลังคุ้มกันปรากฏขึ้นเป็นรูปทรงโดมขนาดใหญ่ ครอบคลุมโรงเรียนเอาไว้ แสงสีเงินวูบไหวราวกับเกราะป้องกันที่มองไม่เห็น ผู้ปกครองหลายคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่บางคนกลับรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผิดแปลกไป"ฉันว่ามันแปลกๆ แล้วนะครับ..." ผู้ปกครองคนหนึ่ง (พ่อของโอกิ) เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ดวงตาจับจ้องไปยังท้องฟ้าที่มืดมิดไร้แสงจันทร์ "ไร้วี่แววของปีศาจเงาเลย... ทั้งๆ ที่เมื่อคืนพวกมันอาละวาดหน
แสงอาทิตย์ยามบ่ายค่อยๆ เลือนหายไปจากขอบฟ้า เหลือเพียงความมืดมิดที่เริ่มคืบคลานเข้ามาปกคลุมเมือง ความหวาดหวั่นปะปนกับความมุ่งมั่นในใจของเหล่านักเรียนที่เพิ่งรับรู้ถึงพลังและภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของตระกูลตนเอง เรื่องเล่าจากบรรพบุรุษที่ถูกส่งต่อมาหลายชั่วอายุคนได้ปลุกจิตวิญญาณแห่งนักเวทย์สายขาวให้ตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ พวกเขาต่างรู้สึกตกตะลึงกับความสามารถที่ซ่อนเร้น แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจและพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่รออยู่เมื่อความมืดของราตรีเริ่มปกคลุม ทุกครอบครัวต่างเดินทางมารวมตัวกันที่ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน อันเป็นจุดนัดหมายและเป็นที่ตั้งของม่านพลังคุ้มกันที่แข็งแกร่งที่สุด[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามสนธยา]ลมเย็นยามค่ำพัดเอื่อยๆ พากลิ่นดอกไม้ป่าผสมกับความชื้นของดินชวนให้ใจสงบ แต่บรรยากาศโดยรอบกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด แสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟหน้าโรงเรียนส่องกระทบใบหน้าของเหล่านักเรียนและผู้ปกครองที่ยืนรอคอยกันอย่างเงียบงันลุงภารโรง ยืนอยู่ตรงกลางลาน สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบๆ ราวกับกำลังสำรวจสิ่งผิดปกติที่ซ่อนอยู่ในเงามืด เขาดูสุขุมกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาในช
บ้านของฮารุกะ: ตำนานแห่งผู้ร่ายรำพลังและผู้ขับไล่วิญญาณฮารุกะ ก้าวเข้ามาในบ้านด้วยความเหนื่อยล้าพร้อมกับคุณพ่อและคุณแม่ ทันทีที่ประตูเปิดออก คุณตา และ คุณยาย ของเธอก็รีบเข้ามาสวมกอดหลานสาวด้วยความโล่งใจและน้ำตาคลอเบ้า"ฮารุกะ! หลานรักของตา! ไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก?" คุณตาถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พลางลูบผมของฮารุกะเบาๆคุณยายพยักหน้าเห็นด้วย "ยายเป็นห่วงแทบแย่เลยลูก! เมื่อคืนได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปหมด! ใจจะขาด!"ฮารุกะรู้สึกอบอุ่นในอ้อมกอดของท่านทั้งสอง เธอผละออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม "ตาคะ... ยายคะ... พ่อคะ... แม่คะ... เรื่องเมื่อคืนนี้... ปีศาจเงา... แล้วก็พลังที่เรามีกัน... มันคืออะไรกันแน่คะ? หนูอยากรู้เรื่องทั้งหมดค่ะ"คุณตาของฮารุกะถอนหายใจช้าๆ ท่านพาฮารุกะไปนั่งที่เก้าอี้ไม้แกะสลักตัวเก่าแก่ในห้องนั่งเล่น ก่อนจะเริ่มต้นเล่าด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำแต่เต็มไปด้วยพลังแห่งความเชื่อมั่นในอดีต"เรื่องนี้มันถูกเล่าสืบต่อกันมาในตระกูลของเรา ตั้งแต่สมัยทวดของทวดของตาเลยนะฮารุกะ" คุณตาเริ่มต้น "ในสมัยที่ปีศาจเงาออกอาละวาดอย่างหนักนั้น พวกมันไม่ได้เพียง