แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมายังถนนหนทางที่เคยเป็นสมรภูมิรบเมื่อคืนวาน กลุ่มนักเรียนต่างแยกย้ายกันกลับบ้านของตนเองพร้อมกับผู้ปกครอง ความรู้สึกที่ผสมปนเปกันระหว่างความโล่งใจที่รอดชีวิต ความสับสนกับความจริงที่เพิ่งถูกเปิดเผย และความกังวลกับภัยคุกคามที่ยังคงอยู่ ทุกคนรู้ดีว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่กว่าที่พวกเขาเคยจินตนาการ
บ้านของเก็น: ตำนานแห่งผู้ปราบปีศาจ เก็น เดินทางกลับถึงบ้านพร้อมกับพ่อและแม่ของเขา ทันทีที่ประตูบ้านเปิดออก คุณย่าของเก็น ผู้สูงวัยแต่ยังคงดูแข็งแรงและมีแววตาที่เฉียบคม ก็รีบเดินออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้มอบอุ่น "กลับมากันแล้วเหรอลูก! ย่าเป็นห่วงแทบแย่!" คุณย่ารีบเข้ามาโอบกอดเก็นแน่น แล้วหันไปตบหลังลูกชายและลูกสะใภ้เบาๆ ท่านรีบยกน้ำเย็นและของกินมาวางให้บนโต๊ะอย่างรวดเร็ว เก็นมองไปยังคุณย่าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถามนับร้อย เขารับรู้ได้ว่าคุณย่าของเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของความลับนี้มาโดยตลอด "ย่าครับ..." เก็นเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง "ย่ารู้เรื่องทั้งหมดใช่ไหมครับ? เรื่องปีศาจเงา... เรื่องนักเวทย์สายขาว..." คุณย่าของเก็นมองหลานชายด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง ท่านถอนหายใจช้าๆ "ถึงเวลาแล้วสินะที่ย่าจะต้องเล่าเรื่องนี้ให้พวกเราฟัง" คุณย่าพยักหน้าให้พ่อกับแม่ของเก็นก่อนที่จะเริ่มเล่าเรื่องราวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความทรงจำอันเก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์ "เรื่องนี้มันถูกเล่าสืบต่อกันมาในตระกูลของเรา ตั้งแต่สมัยทวดของทวดของย่าเลยล่ะเก็น..." คุณย่าเริ่มต้น "ในสมัยนั้น โลกไม่ได้สงบสุขเหมือนตอนนี้หรอกนะ ปีศาจเงาพวกนั้นแข็งแกร่งกว่าที่เราเห็นเมื่อคืนนี้มาก พวกมันปรากฏตัวขึ้นจากเงามืด เข้ากัดกินวิญญาณของผู้คนและสิ่งมีชีวิต ทำให้โลกตกอยู่ในความมืดมิดและความสิ้นหวัง ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก แสงอาทิตย์ไม่สามารถส่องลงมาถึงพื้นดินได้เลย" คุณย่าเว้นจังหวะเล็กน้อย ดวงตาของท่านฉายแววความเจ็บปวดจากอดีต "แต่ในท่ามกลางความสิ้นหวังนั้นเอง เหล่านักเวทย์สายขาวก็ได้ถือกำเนิดขึ้น บรรพบุรุษของเราคือหนึ่งในนั้น" คุณย่าเล่าต่อ "ทวดของทวดของย่า ท่านเป็นนักเวทย์ที่เก่งกาจและเปี่ยมด้วยพลังวิญญาณ ท่านใช้มีดลงอาคมศักดิ์สิทธิ์ที่สืบทอดกันมาในตระกูล เข้าต่อสู้กับปีศาจเงาอย่างกล้าหาญ ท่านไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพังหรอกนะเก็น ท่านรวบรวมเหล่านักเวทย์สายขาวคนอื่นๆ เข้ามาเป็นพันธมิตร พวกเขาร่วมกันวางแผนการรบที่ซับซ้อน พวกเขาไม่ได้ใช้เพียงแค่มีดอาคมเท่านั้น แต่ยังใช้คาถาโบราณที่รุนแรงเพื่อขับไล่และกักเก็บปีศาจเหล่านั้นไว้" "การต่อสู้ครั้งนั้นกินเวลานานนับปี เลือดเนื้อของเหล่านักเวทย์สายขาวต้องหลั่งรินไปมากมาย เพื่อปกป้องโลกใบนี้... ทวดของทวดของย่า ท่านเป็นผู้บัญชาการหลักในการต่อสู้ครั้งสุดท้าย ท่านใช้คาถาผนึกขั้นสูงสุดที่รวบรวมพลังวิญญาณจากนักเวทย์ทุกคน สร้างม่านพลังงานศักดิ์สิทธิ์ครอบคลุมปีศาจที่เหลืออยู่ทั้งหมด ก่อนที่จะใช้มีดลงอาคมแทงเข้าไปที่ใจกลางของพลังงานมืดมิดเหล่านั้น ทำให้ปีศาจเหล่านั้นถูกกักเก็บไว้ในหีบต้องสาปที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ" คุณย่ามองไปยังเก็นด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ "บรรพบุรุษของเราคือผู้กอบกู้โลกในครั้งนั้น พวกท่านได้สละชีพมากมายเพื่อปกป้องโลกใบนี้ไว้ และได้ส่งต่อหน้าที่นี้มาให้เรา ผู้ที่เป็นทายาทสายขาวทุกคน มีดลงอาคมและตำราคาถาที่ถูกส่งต่อมาก็คือเครื่องยืนยันว่าพวกเราต้องจดจำภาระหน้าที่นี้ไว้เสมอ" เก็นฟังเรื่องราวทั้งหมดด้วยความทึ่งและตื้นตันใจ เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าครอบครัวของเขามีประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ พลังบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นภายในตัวเขาอีกครั้ง ความรู้สึกรับผิดชอบที่หนักอึ้ง แต่ก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น บ้านของฮารุ: เรื่องราวแห่งการเสียสละ ในเวลาเดียวกัน ที่บ้านของ ฮารุ บรรยากาศก็ไม่ได้แตกต่างกันนัก ฮารุกลับถึงบ้านพร้อมกับพ่อและแม่ของเธอ สีหน้าของทั้งสามคนยังคงซีดเผือดและเหนื่อยล้า แต่แววตาของฮารุกลับเต็มไปด้วยคำถามที่อยากรู้คำตอบ "พ่อคะ... แม่คะ... เรื่องเมื่อคืนนี้มันคืออะไรกันแน่คะ? แล้วทำไมพวกเราถึงมีพลังแบบนั้น?" ฮารุถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อย พ่อของฮารุมองหน้าลูกสาวด้วยความรัก เขากุมมือแม่ของฮารุไว้แน่น ก่อนจะถอนหายใจออกมา "ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องเล่าความจริงให้ลูกฟังนะฮารุ" แม่ของฮารุเริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน แต่แฝงไปด้วยความเจ็บปวดที่ถูกเก็บงำไว้ "เรื่องราวของเราแตกต่างจากตระกูลอื่นๆ เล็กน้อยนะลูก... บรรพบุรุษของเราไม่ได้เป็นนักรบผู้เก่งกาจในการต่อสู้โดยตรง แต่พวกท่านคือ ผู้สังเกตการณ์และผู้บันทึก เหตุการณ์สำคัญ" "สมัยทวดของทวดของแม่... ในช่วงที่ปีศาจเงาออกอาละวาดอย่างหนัก ทวดของทวดของแม่เป็นนักเวทย์ที่เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบพลังงานและเส้นทางของมิติ ท่ามกลางความสับสนอลหม่านของการต่อสู้ ท่านรับรู้ได้ถึง ช่องว่างมิติ ที่ปีศาจเงาใช้เป็นทางผ่านเข้ามาในโลกนี้" พ่อของฮารุเสริม "ปีศาจเงาพวกนี้ไม่ได้มีตัวตนที่แท้จริงในมิติของเรา พวกมันมาจากอีกมิติหนึ่ง และช่องว่างนั้นคือประตูที่เชื่อมโยงมิติของพวกมันกับโลกของเรา" แม่ของฮารุเล่าต่อด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย "ทวดของทวดของแม่ได้ใช้พลังเวทย์ที่ยิ่งใหญ่ของท่านในการค้นหาและระบุตำแหน่งของช่องว่างมิติเหล่านั้น และในที่สุด ท่านก็พบว่าช่องว่างมิติที่ใหญ่ที่สุดนั้นอยู่ที่ ใจกลางของโรงเรียนริโอะเอน ในปัจจุบัน" "เพื่อที่จะหยุดยั้งปีศาจเงาไม่ให้ทะลักเข้ามาได้อีก ทวดของทวดของแม่และเหล่านักเวทย์สายขาวอีกหลายคน ได้ตัดสินใจ เสียสละชีวิตของตัวเอง เพื่อปิดผนึกช่องว่างมิตินั้นอย่างถาวร" แม่ของฮารุพูดช้าๆ น้ำตาคลอเบ้า "พวกเขาได้ร่ายคาถาผนึกขั้นสุดท้าย ที่ต้องใช้พลังวิญญาณของผู้ร่ายทั้งหมดในการสร้างม่านพลังที่แข็งแกร่งที่สุด ครอบคลุมช่องว่างมิตินั้นไว้ ทำให้พวกมันไม่สามารถผ่านเข้ามาได้อีก" "การเสียสละครั้งนั้นยิ่งใหญ่มากนะลูก" พ่อของฮารุกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและเศร้าสร้อย "พวกเขาได้ทิ้งร่องรอยเอาไว้ในวิทยุไม้แกะสลักรูปพระจันทร์ นั่นคือเครื่องบันทึกพลังงานที่ใช้เฝ้าระวังช่องว่างมิตินั้น หากวิทยุเกิดปฏิกิริยาผิดปกติ นั่นหมายความว่าการผนึกเริ่มอ่อนแอลง และปีศาจกำลังพยายามจะกลับมาอีกครั้ง" ฮารุฟังเรื่องราวทั้งหมดด้วยความรู้สึกที่ปะปนกันระหว่างความเศร้าใจกับการเสียสละของบรรพบุรุษ และความตระหนักถึงภาระหน้าที่อันใหญ่หลวงที่ตกทอดมาถึงเธอ เธอรู้แล้วว่าทำไมเธอถึงต้องอยู่ที่โรงเรียนริโอะเอน และทำไมเธอถึงต้องรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังงานที่แปลกประหลาด เรื่องเล่าจากอดีตของแต่ละครอบครัว ไม่เพียงแต่จะเปิดเผยความลับที่ถูกซ่อนไว้มานาน แต่ยังเป็นการปลุกจิตวิญญาณของทายาทนักเวทย์สายขาวให้ตื่นขึ้นอย่างแท้จริง พร้อมที่จะรับมือกับชะตากรรมที่รออยู่เบื้องหน้าเสียงร้องโหยหวนของปีศาจที่พ่ายแพ้ในทิศทั้งสี่ไม่ได้นำมาซึ่งความสงบสุขอย่างที่คาดหวัง ตรงกันข้าม... มันกลับเป็นสัญญาณเตือนถึงภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงกว่าเดิม วิญญาณปีศาจทั้งสี่ดวงที่หลุดรอดไปต่างมุ่งหน้าสู่ใจกลางเมืองอย่างมีเจตนา เพื่อรวมตัวและก่อกำเนิดเป็นบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเดิม เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองที่เพิ่งเสร็จสิ้นจากการต่อสู้กับปีศาจเงาต่างรับรู้ถึงสัญญาณอันตราย และรีบมุ่งหน้ากลับไปยังที่มั่นสุดท้าย ณ โรงเรียนริโอะเอน[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามราตรีลึก]ลมหายใจหอบถี่ของเหล่านักเรียนและผู้ปกครองดังขึ้นระงมขณะที่พวกเขาวิ่งกลับมายังโรงเรียน แสงสีเงินของม่านพลังคุ้มกันที่ลุงภารโรงและผู้ปกครองคนอื่นๆ สร้างขึ้นยังคงส่องสว่าง แต่บัดนี้มันกลับถูกบดบังด้วยเงาทะมึนขนาดมหึมาที่กำลังก่อตัวขึ้นเหนือท้องฟ้าใจกลางเมือง"นั่นมันอะไรน่ะ!?" โกฮัน อุทานด้วยความตกตะลึง ดวงตาเบิกกว้างมองไปยังเงาขนาดมหึมาที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่เหนือโรงเรียนเมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ขึ้น ภาพที่ปรากฏยิ่งน่าขนลุก ปีศาจเงาขนาดมหึมา ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของวิญญาณปีศาจทั้งสี่ดวงที่หลุดรอดมา กำลังก่อตัว
ลมกระโชกแรงยามค่ำคืนพัดพาเสียงหวีดหวิว ราวกับเสียงร้องของวิญญาณที่ถูกรบกวน สงครามที่ปะทุขึ้นในสี่ทิศทางทั่วเมืองริโอะเอนยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองต่างเผชิญหน้ากับปีศาจเงาที่กระหายวิญญาณ ม่านพลังคุ้มกันที่โรงเรียนริโอะเอนยังคงเรืองรองในความมืด เป็นประภาคารแห่งความหวังเดียวท่ามกลางความโกลาหลสมรภูมิตะวันออก: การต่อสู้ในสวนสาธารณะโบราณทีมทิศตะวันออก นำโดย คาชิมิ (ผู้ปกป้องธรรมชาติและผู้ชำระล้างจิตวิญญาณ), เคนตะ (ผู้สยบพลังงานและผู้พิทักษ์มิติ), บาระ (ผู้รักษากฎและผู้พิพากษา), เร็น (ผู้ชี้ชะตาและผู้ควบคุมโชคชะตา) และผู้ปกครองของพวกเขา ต่างมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันออกที่เข็มนาฬิกาอาคมของเคนตะสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง แสงสีเงินวาวบนหน้าปัดเต้นระริกบ่งบอกถึงการบิดเบือนพลังงานที่รุนแรง จนกระทั่งพวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้า สวนสาธารณะโบราณ ที่เงียบสงัด ต้นไม้ใหญ่อายุหลายร้อยปีทอดเงาปริศนาปกคลุมทั่วบริเวณ เสียงโหยหวนของวิญญาณต้นไม้และสัตว์ต่างๆ ดังแว่วออกมาจากความมืดมิด"ปีศาจมันกัดกินธรรมชาติแถวนี้!" คาชิมิกล่าวเสียงแผ่ว ใบหน้าของเธอซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด เธอสัมผัสได้
ราตรีนี้ไม่ได้นำมาซึ่งความเงียบสงบ แต่กลับเป็นพยานแห่งสงครามที่อุบัติขึ้นในสี่ทิศทางทั่วเมืองริโอะเอน เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองของพวกเขาต่างแยกย้ายกันไปเผชิญหน้ากับปีศาจเงาที่กำลังพยายามกลืนกินวิญญาณสิ่งมีชีวิตเพื่อเพิ่มพูนพลัง ม่านพลังคุ้มกันที่โรงเรียนริโอะเอนส่องสว่างเรืองรองในความมืดมิด เป็นเพียงสัญญาณแห่งความหวังเดียวท่ามกลางสมรภูมิที่กำลังปะทุขึ้นสมรภูมิเหนือ: การเผชิญหน้าในโรงพยาบาลร้างทีมทิศเหนือ นำโดย ฮานา (ผู้เชื่อมโยงและทำนาย), โกฮัน (ผู้นำทัพและผู้ทำลายล้าง), มายู (ผู้บันทึกและถ่ายทอด), โอกิ (ผู้โจมตีระยะไกล) และผู้ปกครองของพวกเขา ต่างมุ่งหน้าสู่ทิศเหนือที่เข็มนาฬิกาอาคมของฮานาชี้ไปอย่างไม่หยุดยั้ง แสงสีเขียวมรกตบนหน้าปัดเต้นระริก บอกถึงกระแสพลังงานปีศาจที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้า โรงพยาบาลร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางความมืดมิด เสียงกรีดร้องโหยหวนของวิญญาณที่ถูกรบกวนดังแว่วออกมาจากภายใน"ที่นี่แหละ..." ฮานากล่าวเสียงแผ่ว ใบหน้าซีดเผือด "พลังงานมันเข้มข้นมาก... ปีศาจเงาอยู่ข้างในนี้เยอะแยะเลย""เตรียมพร้อม!" โกฮันสั่งเสี
ความมืดของราตรีทอดยาวปกคลุมเมือง บรรยากาศเงียบงันผิดปกติ ชวนให้ใจหวั่น ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอนที่เคยเป็นศูนย์รวมของความวุ่นวายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเงียบงันและกลุ่มผู้ปกครองที่กำลังร่วมกันร่ายคาถาเพื่อสร้างม่านพลังคุ้มกันขนาดใหญ่ที่เรืองรองอยู่รอบรั้วโรงเรียน พวกเขามุ่งมั่นที่จะปกป้องสถานที่แห่งนี้ให้เป็นที่มั่นสุดท้ายเมื่อม่านพลังก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ แสงเรืองรองสีเงินอ่อนๆ ก็แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ทว่า... ความปลอดภัยนั้นกลับแฝงด้วยความผิดปกติ[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามราตรี]เสียงบทสวดมนต์ของเหล่าผู้ปกครองค่อยๆ แผ่วลง เมื่อม่านพลังคุ้มกันปรากฏขึ้นเป็นรูปทรงโดมขนาดใหญ่ ครอบคลุมโรงเรียนเอาไว้ แสงสีเงินวูบไหวราวกับเกราะป้องกันที่มองไม่เห็น ผู้ปกครองหลายคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่บางคนกลับรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผิดแปลกไป"ฉันว่ามันแปลกๆ แล้วนะครับ..." ผู้ปกครองคนหนึ่ง (พ่อของโอกิ) เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ดวงตาจับจ้องไปยังท้องฟ้าที่มืดมิดไร้แสงจันทร์ "ไร้วี่แววของปีศาจเงาเลย... ทั้งๆ ที่เมื่อคืนพวกมันอาละวาดหน
แสงอาทิตย์ยามบ่ายค่อยๆ เลือนหายไปจากขอบฟ้า เหลือเพียงความมืดมิดที่เริ่มคืบคลานเข้ามาปกคลุมเมือง ความหวาดหวั่นปะปนกับความมุ่งมั่นในใจของเหล่านักเรียนที่เพิ่งรับรู้ถึงพลังและภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของตระกูลตนเอง เรื่องเล่าจากบรรพบุรุษที่ถูกส่งต่อมาหลายชั่วอายุคนได้ปลุกจิตวิญญาณแห่งนักเวทย์สายขาวให้ตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ พวกเขาต่างรู้สึกตกตะลึงกับความสามารถที่ซ่อนเร้น แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจและพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่รออยู่เมื่อความมืดของราตรีเริ่มปกคลุม ทุกครอบครัวต่างเดินทางมารวมตัวกันที่ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน อันเป็นจุดนัดหมายและเป็นที่ตั้งของม่านพลังคุ้มกันที่แข็งแกร่งที่สุด[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามสนธยา]ลมเย็นยามค่ำพัดเอื่อยๆ พากลิ่นดอกไม้ป่าผสมกับความชื้นของดินชวนให้ใจสงบ แต่บรรยากาศโดยรอบกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด แสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟหน้าโรงเรียนส่องกระทบใบหน้าของเหล่านักเรียนและผู้ปกครองที่ยืนรอคอยกันอย่างเงียบงันลุงภารโรง ยืนอยู่ตรงกลางลาน สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบๆ ราวกับกำลังสำรวจสิ่งผิดปกติที่ซ่อนอยู่ในเงามืด เขาดูสุขุมกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาในช
บ้านของฮารุกะ: ตำนานแห่งผู้ร่ายรำพลังและผู้ขับไล่วิญญาณฮารุกะ ก้าวเข้ามาในบ้านด้วยความเหนื่อยล้าพร้อมกับคุณพ่อและคุณแม่ ทันทีที่ประตูเปิดออก คุณตา และ คุณยาย ของเธอก็รีบเข้ามาสวมกอดหลานสาวด้วยความโล่งใจและน้ำตาคลอเบ้า"ฮารุกะ! หลานรักของตา! ไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก?" คุณตาถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พลางลูบผมของฮารุกะเบาๆคุณยายพยักหน้าเห็นด้วย "ยายเป็นห่วงแทบแย่เลยลูก! เมื่อคืนได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปหมด! ใจจะขาด!"ฮารุกะรู้สึกอบอุ่นในอ้อมกอดของท่านทั้งสอง เธอผละออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม "ตาคะ... ยายคะ... พ่อคะ... แม่คะ... เรื่องเมื่อคืนนี้... ปีศาจเงา... แล้วก็พลังที่เรามีกัน... มันคืออะไรกันแน่คะ? หนูอยากรู้เรื่องทั้งหมดค่ะ"คุณตาของฮารุกะถอนหายใจช้าๆ ท่านพาฮารุกะไปนั่งที่เก้าอี้ไม้แกะสลักตัวเก่าแก่ในห้องนั่งเล่น ก่อนจะเริ่มต้นเล่าด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำแต่เต็มไปด้วยพลังแห่งความเชื่อมั่นในอดีต"เรื่องนี้มันถูกเล่าสืบต่อกันมาในตระกูลของเรา ตั้งแต่สมัยทวดของทวดของตาเลยนะฮารุกะ" คุณตาเริ่มต้น "ในสมัยที่ปีศาจเงาออกอาละวาดอย่างหนักนั้น พวกมันไม่ได้เพียง