บ้านของไอโกะ: ตำนานแห่งผู้กักเก็บวิญญาณ
ไอโกะ เดินทางกลับถึงบ้านพร้อมกับพ่อและแม่ของเธอ ทันทีที่ประตูบ้านเปิดออก คุณปู่ของไอโกะ ผู้ซึ่งมีดวงตาที่ลึกซึ้งและใบหน้าที่เปี่ยมด้วยประสบการณ์ ก็รีบเดินออกมาด้วยสีหน้าเป็นห่วง "ไอโกะ! หลานปู่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม!?" คุณปู่เข้ามาโอบกอดไอโกะอย่างแน่นหนา ก่อนจะผละออกแล้วสำรวจร่างกายของหลานสาวอย่างละเอียด พ่อกับแม่ของไอโกะก็ได้แต่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่ลูกสาวปลอดภัย ไอโกะรู้สึกได้ถึงความห่วงใยจากคุณปู่ เธอรู้ว่าคุณปู่เป็นคนสำคัญที่จะไขปริศนาทั้งหมดนี้ได้ "ปู่คะ... เรื่องเมื่อคืนนี้... ปีศาจเงา... แล้วก็มีดพวกนั้น... ปู่รู้เรื่องทั้งหมดใช่ไหมคะ?" ไอโกะถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง เธอชูขวดกักเก็บดวงจิตที่ยังคงถืออยู่ในมือขึ้นมา "ปู่รู้เรื่องขวดนี้ด้วยใช่ไหมคะ?" คุณปู่ของไอโกะมองไปยังขวดในมือหลานสาว ดวงตาของท่านฉายแววครุ่นคิด ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ "ถึงเวลาแล้วจริงๆ สินะ... ที่หลานจะต้องรู้ความจริง" คุณปู่เดินนำทุกคนไปยังห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบกว่า แล้วเริ่มเล่าเรื่องราวด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำแต่แฝงไปด้วยความเคารพต่ออดีต "เรื่องนี้ถูกเล่าสืบต่อกันมาในตระกูลของเรา ตั้งแต่สมัยทวดของทวดของปู่เลยล่ะไอโกะ" คุณปู่เริ่มต้น "ในสมัยนั้น ปีศาจเงาไม่ได้มีเพียงแค่การกัดกินวิญญาณเท่านั้น แต่มันยังสามารถ กลืนกินแสงสว่าง ทำให้โลกตกอยู่ในความมืดมิดที่ไร้สิ้นสุด ผู้คนหวาดกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะออกจากบ้าน แสงอาทิตย์ไม่สามารถส่องลงมาถึงพื้นดินได้เลย" คุณปู่เว้นจังหวะเล็กน้อย สีหน้าของท่านดูจริงจังขึ้น "ในยามนั้นเอง บรรพบุรุษของเรา ซึ่งเป็นนักเวทย์สายขาวที่เชี่ยวชาญด้าน การกักเก็บและผนึก ได้ถือกำเนิดขึ้น ทวดของทวดของปู่ ท่านเป็นผู้ที่รับผิดชอบในการคิดค้นวิธีการที่จะไม่เพียงแค่ขับไล่ปีศาจ แต่ยังต้อง กักเก็บวิญญาณของพวกมัน ไว้ไม่ให้กลับมาสร้างความเดือดร้อนได้อีก" "ท่านได้ใช้พลังวิญญาณของตนเอง และความรู้ด้านการปรุงยาและเวทมนตร์โบราณ สร้าง ขวดกักเก็บดวงจิต เหล่านี้ขึ้นมา" คุณปู่ชี้ไปที่ขวดในมือของไอโกะ "มันไม่ใช่แค่ขวดธรรมดา แต่เป็นภาชนะที่ถูกลงอาคมด้วยคาถาผนึกขั้นสูง สามารถดูดซับและกักเก็บดวงจิตที่แตกสลายของปีศาจเงาเอาไว้ได้ตลอดกาล" "การต่อสู้ครั้งนั้น... บรรพบุรุษของเราไม่ได้เป็นนักรบแนวหน้าหรอกนะไอโกะ" คุณปู่เล่าต่อ "แต่ท่านเป็น ผู้สนับสนุนเบื้องหลังที่สำคัญที่สุด ในทุกสมรภูมิ เมื่อเหล่านักเวทย์สายขาวคนอื่นๆ กำจัดปีศาจสำเร็จ ทวดของทวดของปู่และคนในตระกูลของเรา ก็จะทำหน้าที่กักเก็บดวงจิตเหล่านั้นไว้ในขวด เพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันกลับมาเกิดใหม่ได้อีก" "มันเป็นงานที่อันตรายและละเอียดอ่อน เพราะดวงจิตของปีศาจก็ยังคงมีพลังงานชั่วร้ายหลงเหลืออยู่ การสัมผัสกับมันมากเกินไปอาจทำให้วิญญาณแปดเปื้อนได้" คุณปู่มองไอโกะด้วยแววตาที่เตือนสติ "ทวดของทวดของปู่ได้ใช้ความพยายามอย่างไม่ลดละ รวบรวมขวดกักเก็บดวงจิตเหล่านี้จนเต็ม ก่อนที่จะนำพวกมันทั้งหมดไปผนึกไว้ใน หีบต้องสาป ที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษใต้โรงเรียนแห่งนี้" "นี่คือภาระหน้าที่ของตระกูลเรา... การเป็นผู้กักเก็บวิญญาณ การทำความสะอาดโลกจากความชั่วร้าย และการรับผิดชอบต่อการผนึกที่คงอยู่ตลอดไป" คุณปู่กล่าวปิดท้าย น้ำเสียงของท่านเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในสายเลือด ไอโกะกำขวดในมือแน่น เธอรู้สึกถึงน้ำหนักของภาระหน้าที่ที่กำลังจะตกอยู่บนบ่าของเธอ ความเข้าใจในบทบาทของตระกูลเธอได้ชัดเจนขึ้นแล้ว และเธอก็พร้อมที่จะทำหน้าที่นั้น บ้านของโช: เรื่องเล่าแห่งนักรบผู้บ้าบิ่น ในเวลาเดียวกัน ที่บ้านของ โช บรรยากาศก็ไม่ได้ผ่อนคลายไปกว่ากันนัก โชกลับถึงบ้านพร้อมกับพ่อของเขา (แม่ของโชอาจจะเสียชีวิตไปแล้ว หรือมีบทบาทที่แตกต่างออกไปตามที่ผู้เขียนต้องการ) ใบหน้าของทั้งคู่ยังคงเหนื่อยล้า แต่แววตาของโชเต็มไปด้วยความคาดหวัง "พ่อครับ! เรื่องเมื่อคืนนี้มันคืออะไรกันแน่!?" โชถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน "พวกปีศาจพวกนั้น... แล้วพ่อกับลุงภารโรง... ทำไมถึงมีพลังแบบนั้นได้?" พ่อของโชถอนหายใจยาว พลางลูบหัวลูกชายเบาๆ "ถึงเวลาแล้วสินะที่ลูกจะต้องรู้เรื่องราวของตระกูลเรา" พ่อของโชเดินไปหยิบมีดลงอาคมของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาถือไว้ เขาลูบคมมีดเบาๆ ราวกับระลึกถึงอดีตอันไกลโพ้น "เรื่องนี้มันถูกเล่าสืบต่อกันมาในตระกูลของเรา ตั้งแต่สมัยทวดของทวดของพ่อเลยนะโช" พ่อของโชเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดุดันและกล้าหาญ "ในสมัยที่ปีศาจเงาออกอาละวาดอย่างหนัก ทวดของทวดของพ่อไม่ได้เป็นนักเวทย์ที่เชี่ยวชาญด้านคาถาอาคมซับซ้อน หรือการผนึกอันยิ่งใหญ่หรอกนะ" "บรรพบุรุษของเราคือ นักรบผู้บ้าบิ่น เป็น แนวหน้าในการปะทะ กับปีศาจอย่างแท้จริง" พ่อของโชกล่าวเน้นเสียงหนักแน่น "ทวดของทวดของพ่อ เป็นชายผู้มีพละกำลังมหาศาล และมีจิตใจที่กล้าหาญเกินกว่าใคร เขาไม่ลังเลที่จะพุ่งเข้าหาปีศาจตัวแล้วตัวเล่าด้วย มีดลงอาคม ที่ถูกตีขึ้นมาเพื่อการต่อสู้โดยเฉพาะ" "เขาไม่ได้ต่อสู้ด้วยกลยุทธ์ที่ซับซ้อน แต่เป็นการต่อสู้ด้วย ความแข็งแกร่งและความเด็ดเดี่ยว ทวดของทวดของพ่อเชื่อว่าการต่อสู้กับปีศาจเงา ต้องเผชิญหน้ากับมันอย่างตรงไปตรงมา ไม่หลบเลี่ยง ไม่ประนีประนอม เขาคือผู้ที่นำทัพเหล่านักรบเวทย์สายขาวเข้าปะทะกับกองทัพปีศาจเงาที่ใหญ่ที่สุด" "ในสมรภูมิที่นองเลือดและเต็มไปด้วยความมืดมิด ทวดของทวดของพ่อเคยเผชิญหน้ากับ ปีศาจเงาตัวที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งเป็นผู้นำของพวกมัน ตัวของมันใหญ่โตมหึมาและมีพลังทำลายล้างสูงมาก" พ่อของโชกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น "การต่อสู้ครั้งนั้นกินเวลาหลายวันหลายคืน ทวดของทวดของพ่อบาดเจ็บสาหัสเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่ด้วย จิตวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้ และ ความมุ่งมั่นที่จะปกป้องผู้บริสุทธิ์ เขาได้รวบรวมพละกำลังเฮือกสุดท้าย แทงมีดลงอาคมเข้าที่จุดอ่อนของปีศาจตนนั้น ทำให้มันแตกสลายไปในที่สุด" "เขาคือ ผู้สร้างขวัญกำลังใจ ให้กับเหล่านักรบคนอื่นๆ และเป็นผู้ที่ช่วยเปิดทางให้เหล่านักเวทย์สายขาวคนอื่นๆ ได้ทำหน้าที่ของตัวเองในการกักเก็บและผนึกปีศาจ" พ่อของโชกล่าวด้วยความภาคภูมิใจในสายเลือดของตัวเอง "ความกล้าหาญและความแข็งแกร่งในการต่อสู้คือสิ่งที่ถูกส่งต่อมาในสายเลือดของพวกเราโช นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องแข็งแกร่งเสมอ และไม่ยอมแพ้ต่อความชั่วร้ายใดๆ" โชฟังเรื่องราวด้วยแววตาเป็นประกาย เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงรู้สึกกระตือรือร้นที่จะต่อสู้ และทำไมเขาถึงมีพละกำลังมากกว่าคนอื่นๆ เขาคือทายาทของนักรบผู้บ้าบิ่น ที่พร้อมจะเผชิญหน้ากับอันตรายทุกรูปแบบ เรื่องเล่าจากอดีตของแต่ละครอบครัว ไม่เพียงแต่จะเปิดเผยความลับที่ถูกซ่อนไว้มานาน แต่ยังเป็นการปลุกจิตวิญญาณของทายาทนักเวทย์สายขาวให้ตื่นขึ้นอย่างแท้จริง พร้อมที่จะรับมือกับชะตากรรมที่รออยู่เบื้องหน้าในคืนวันพรุ่งนี้เสียงร้องโหยหวนของปีศาจที่พ่ายแพ้ในทิศทั้งสี่ไม่ได้นำมาซึ่งความสงบสุขอย่างที่คาดหวัง ตรงกันข้าม... มันกลับเป็นสัญญาณเตือนถึงภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงกว่าเดิม วิญญาณปีศาจทั้งสี่ดวงที่หลุดรอดไปต่างมุ่งหน้าสู่ใจกลางเมืองอย่างมีเจตนา เพื่อรวมตัวและก่อกำเนิดเป็นบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเดิม เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองที่เพิ่งเสร็จสิ้นจากการต่อสู้กับปีศาจเงาต่างรับรู้ถึงสัญญาณอันตราย และรีบมุ่งหน้ากลับไปยังที่มั่นสุดท้าย ณ โรงเรียนริโอะเอน[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามราตรีลึก]ลมหายใจหอบถี่ของเหล่านักเรียนและผู้ปกครองดังขึ้นระงมขณะที่พวกเขาวิ่งกลับมายังโรงเรียน แสงสีเงินของม่านพลังคุ้มกันที่ลุงภารโรงและผู้ปกครองคนอื่นๆ สร้างขึ้นยังคงส่องสว่าง แต่บัดนี้มันกลับถูกบดบังด้วยเงาทะมึนขนาดมหึมาที่กำลังก่อตัวขึ้นเหนือท้องฟ้าใจกลางเมือง"นั่นมันอะไรน่ะ!?" โกฮัน อุทานด้วยความตกตะลึง ดวงตาเบิกกว้างมองไปยังเงาขนาดมหึมาที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่เหนือโรงเรียนเมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ขึ้น ภาพที่ปรากฏยิ่งน่าขนลุก ปีศาจเงาขนาดมหึมา ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของวิญญาณปีศาจทั้งสี่ดวงที่หลุดรอดมา กำลังก่อตัว
ลมกระโชกแรงยามค่ำคืนพัดพาเสียงหวีดหวิว ราวกับเสียงร้องของวิญญาณที่ถูกรบกวน สงครามที่ปะทุขึ้นในสี่ทิศทางทั่วเมืองริโอะเอนยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองต่างเผชิญหน้ากับปีศาจเงาที่กระหายวิญญาณ ม่านพลังคุ้มกันที่โรงเรียนริโอะเอนยังคงเรืองรองในความมืด เป็นประภาคารแห่งความหวังเดียวท่ามกลางความโกลาหลสมรภูมิตะวันออก: การต่อสู้ในสวนสาธารณะโบราณทีมทิศตะวันออก นำโดย คาชิมิ (ผู้ปกป้องธรรมชาติและผู้ชำระล้างจิตวิญญาณ), เคนตะ (ผู้สยบพลังงานและผู้พิทักษ์มิติ), บาระ (ผู้รักษากฎและผู้พิพากษา), เร็น (ผู้ชี้ชะตาและผู้ควบคุมโชคชะตา) และผู้ปกครองของพวกเขา ต่างมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันออกที่เข็มนาฬิกาอาคมของเคนตะสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง แสงสีเงินวาวบนหน้าปัดเต้นระริกบ่งบอกถึงการบิดเบือนพลังงานที่รุนแรง จนกระทั่งพวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้า สวนสาธารณะโบราณ ที่เงียบสงัด ต้นไม้ใหญ่อายุหลายร้อยปีทอดเงาปริศนาปกคลุมทั่วบริเวณ เสียงโหยหวนของวิญญาณต้นไม้และสัตว์ต่างๆ ดังแว่วออกมาจากความมืดมิด"ปีศาจมันกัดกินธรรมชาติแถวนี้!" คาชิมิกล่าวเสียงแผ่ว ใบหน้าของเธอซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด เธอสัมผัสได้
ราตรีนี้ไม่ได้นำมาซึ่งความเงียบสงบ แต่กลับเป็นพยานแห่งสงครามที่อุบัติขึ้นในสี่ทิศทางทั่วเมืองริโอะเอน เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองของพวกเขาต่างแยกย้ายกันไปเผชิญหน้ากับปีศาจเงาที่กำลังพยายามกลืนกินวิญญาณสิ่งมีชีวิตเพื่อเพิ่มพูนพลัง ม่านพลังคุ้มกันที่โรงเรียนริโอะเอนส่องสว่างเรืองรองในความมืดมิด เป็นเพียงสัญญาณแห่งความหวังเดียวท่ามกลางสมรภูมิที่กำลังปะทุขึ้นสมรภูมิเหนือ: การเผชิญหน้าในโรงพยาบาลร้างทีมทิศเหนือ นำโดย ฮานา (ผู้เชื่อมโยงและทำนาย), โกฮัน (ผู้นำทัพและผู้ทำลายล้าง), มายู (ผู้บันทึกและถ่ายทอด), โอกิ (ผู้โจมตีระยะไกล) และผู้ปกครองของพวกเขา ต่างมุ่งหน้าสู่ทิศเหนือที่เข็มนาฬิกาอาคมของฮานาชี้ไปอย่างไม่หยุดยั้ง แสงสีเขียวมรกตบนหน้าปัดเต้นระริก บอกถึงกระแสพลังงานปีศาจที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้า โรงพยาบาลร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางความมืดมิด เสียงกรีดร้องโหยหวนของวิญญาณที่ถูกรบกวนดังแว่วออกมาจากภายใน"ที่นี่แหละ..." ฮานากล่าวเสียงแผ่ว ใบหน้าซีดเผือด "พลังงานมันเข้มข้นมาก... ปีศาจเงาอยู่ข้างในนี้เยอะแยะเลย""เตรียมพร้อม!" โกฮันสั่งเสี
ความมืดของราตรีทอดยาวปกคลุมเมือง บรรยากาศเงียบงันผิดปกติ ชวนให้ใจหวั่น ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอนที่เคยเป็นศูนย์รวมของความวุ่นวายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเงียบงันและกลุ่มผู้ปกครองที่กำลังร่วมกันร่ายคาถาเพื่อสร้างม่านพลังคุ้มกันขนาดใหญ่ที่เรืองรองอยู่รอบรั้วโรงเรียน พวกเขามุ่งมั่นที่จะปกป้องสถานที่แห่งนี้ให้เป็นที่มั่นสุดท้ายเมื่อม่านพลังก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ แสงเรืองรองสีเงินอ่อนๆ ก็แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ทว่า... ความปลอดภัยนั้นกลับแฝงด้วยความผิดปกติ[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามราตรี]เสียงบทสวดมนต์ของเหล่าผู้ปกครองค่อยๆ แผ่วลง เมื่อม่านพลังคุ้มกันปรากฏขึ้นเป็นรูปทรงโดมขนาดใหญ่ ครอบคลุมโรงเรียนเอาไว้ แสงสีเงินวูบไหวราวกับเกราะป้องกันที่มองไม่เห็น ผู้ปกครองหลายคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่บางคนกลับรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผิดแปลกไป"ฉันว่ามันแปลกๆ แล้วนะครับ..." ผู้ปกครองคนหนึ่ง (พ่อของโอกิ) เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ดวงตาจับจ้องไปยังท้องฟ้าที่มืดมิดไร้แสงจันทร์ "ไร้วี่แววของปีศาจเงาเลย... ทั้งๆ ที่เมื่อคืนพวกมันอาละวาดหน
แสงอาทิตย์ยามบ่ายค่อยๆ เลือนหายไปจากขอบฟ้า เหลือเพียงความมืดมิดที่เริ่มคืบคลานเข้ามาปกคลุมเมือง ความหวาดหวั่นปะปนกับความมุ่งมั่นในใจของเหล่านักเรียนที่เพิ่งรับรู้ถึงพลังและภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของตระกูลตนเอง เรื่องเล่าจากบรรพบุรุษที่ถูกส่งต่อมาหลายชั่วอายุคนได้ปลุกจิตวิญญาณแห่งนักเวทย์สายขาวให้ตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ พวกเขาต่างรู้สึกตกตะลึงกับความสามารถที่ซ่อนเร้น แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจและพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่รออยู่เมื่อความมืดของราตรีเริ่มปกคลุม ทุกครอบครัวต่างเดินทางมารวมตัวกันที่ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน อันเป็นจุดนัดหมายและเป็นที่ตั้งของม่านพลังคุ้มกันที่แข็งแกร่งที่สุด[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามสนธยา]ลมเย็นยามค่ำพัดเอื่อยๆ พากลิ่นดอกไม้ป่าผสมกับความชื้นของดินชวนให้ใจสงบ แต่บรรยากาศโดยรอบกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด แสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟหน้าโรงเรียนส่องกระทบใบหน้าของเหล่านักเรียนและผู้ปกครองที่ยืนรอคอยกันอย่างเงียบงันลุงภารโรง ยืนอยู่ตรงกลางลาน สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบๆ ราวกับกำลังสำรวจสิ่งผิดปกติที่ซ่อนอยู่ในเงามืด เขาดูสุขุมกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาในช
บ้านของฮารุกะ: ตำนานแห่งผู้ร่ายรำพลังและผู้ขับไล่วิญญาณฮารุกะ ก้าวเข้ามาในบ้านด้วยความเหนื่อยล้าพร้อมกับคุณพ่อและคุณแม่ ทันทีที่ประตูเปิดออก คุณตา และ คุณยาย ของเธอก็รีบเข้ามาสวมกอดหลานสาวด้วยความโล่งใจและน้ำตาคลอเบ้า"ฮารุกะ! หลานรักของตา! ไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก?" คุณตาถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พลางลูบผมของฮารุกะเบาๆคุณยายพยักหน้าเห็นด้วย "ยายเป็นห่วงแทบแย่เลยลูก! เมื่อคืนได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปหมด! ใจจะขาด!"ฮารุกะรู้สึกอบอุ่นในอ้อมกอดของท่านทั้งสอง เธอผละออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม "ตาคะ... ยายคะ... พ่อคะ... แม่คะ... เรื่องเมื่อคืนนี้... ปีศาจเงา... แล้วก็พลังที่เรามีกัน... มันคืออะไรกันแน่คะ? หนูอยากรู้เรื่องทั้งหมดค่ะ"คุณตาของฮารุกะถอนหายใจช้าๆ ท่านพาฮารุกะไปนั่งที่เก้าอี้ไม้แกะสลักตัวเก่าแก่ในห้องนั่งเล่น ก่อนจะเริ่มต้นเล่าด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำแต่เต็มไปด้วยพลังแห่งความเชื่อมั่นในอดีต"เรื่องนี้มันถูกเล่าสืบต่อกันมาในตระกูลของเรา ตั้งแต่สมัยทวดของทวดของตาเลยนะฮารุกะ" คุณตาเริ่มต้น "ในสมัยที่ปีศาจเงาออกอาละวาดอย่างหนักนั้น พวกมันไม่ได้เพียง