LOGINบาระคว้ากระเป๋าเป้ของเร็นและคลานกลับเข้าไปในอาณาเขตซ่อนตัวอย่างรวดเร็ว เธอหยิบเสื้อผ้าสำรองออกมา—เสื้อยืดสีดำและกางเกงวอร์ม—แต่ก็ตระหนักว่าเสื้อเชิ้ตนักเรียนที่เร็นสวมอยู่นั้นเต็มไปด้วยเลือดจนยากจะทำความสะอาดได้ และการเปลี่ยนให้เขาในตอนนี้ก็เป็นเรื่องยากลำบาก
"มันไม่พอ... เขาต้องการเสื้อผ้าที่เหมาะสมกว่านี้เพื่อรักษาอุณหภูมิร่างกาย" บาระพึมพำกับตัวเอง เธอตัดสินใจครั้งใหญ่ เธอจะออกไปหาเสื้อผ้าที่ยังใช้ได้จากในปราสาทนี้ เธอรวบรวมความกล้าอีกครั้ง ก้าวออกจากอาณาเขตที่วาดด้วยชอล์ก การเปลี่ยนแปลงจากความรู้สึกปลอดภัยไปสู่ความเสี่ยงนั้นทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง "ฉันจะไปดูห้องใกล้ ๆ ไม่นานหรอก เร็น" บาระกระซิบกับร่างที่นอนหลับใหล ก่อนจะเริ่มเดินเข้าไปในความมืดของปราสาทที่เงียบสงัด เธอเดินเลียบไปตามผนังหินที่เย็นเฉียบและมืดมิด มือข้างหนึ่งกำผ้ายันต์ผืนที่ 1 ไว้แน่น เธอพยายามใช้ความรู้เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมปราสาทเพื่อคาดเดาว่าห้องไหนน่าจะมีเสื้อผ้าหลงเหลืออยู่ ส่วนใหญ่ของปราสาทถูกทำลายจนยากจะหาอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันได้ เธอเดินผ่านห้องโถงใหญ่ที่พังทลาย ห้องครัวที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ก่อนจะเลี้ยวเข้าสู่ทางเดินแคบ ๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นส่วนที่พักอาศัย ทันใดนั้นเอง แสงสว่างสีเหลืองนวล ก็พลันส่องลอดออกมาจากซอกประตูไม้บานหนึ่งที่อยู่สุดทางเดิน แสงนั้นดูอบอุ่นและผิดปกติอย่างมากในมิติที่เต็มไปด้วยความมืดมิดแห่งนี้ "แสง? นี่มันคืออะไรกัน?" บาระอุทานเบา ๆ ด้วยความประหลาดใจ แสงสว่างจ้าในที่มืดเช่นนี้ทำให้เธอคิดถึงสิ่งเดียว: ผ้ายันต์ ที่เธอตามหา "ผ้ายันต์ผืนที่สองงั้นเหรอ?" ความคิดนี้ผลักดันให้เธอเดินเข้าไปใกล้ประตูนั้นอย่างรวดเร็ว หัวใจของเธอกำลังลังเลระหว่างความหวังในการตามหาสมบัติ กับความเสี่ยงที่จะถูกล่อลวง เธอเดินไปจนถึงประตูไม้บานนั้นอย่างระมัดระวัง มือที่ว่างของเธอยกขึ้นผลักประตูเข้าไปอย่างช้า ๆ บทที่ 5: ห้องนอนของเจ้าชายและการเผชิญหน้า เมื่อประตูเปิดออก สิ่งที่บาระเห็นไม่ใช่กองเศษผ้าเก่า ๆ หรือผ้ายันต์ที่กำลังเรืองแสง แต่เป็น ห้องนอน ที่ดูหรูหราอย่างไม่น่าเชื่อ! บรรยากาศและสภาพแวดล้อม: ห้องนี้อยู่ภายในปราสาทเดียวกันกับที่เต็มไปด้วยฝุ่นและซากศพของปีศาจ แต่ห้องนี้กลับดูราวกับว่ากาลเวลาไม่เคยแตะต้องมัน กำแพง ถูกฉาบด้วยสีเข้มอย่างดี เฟอร์นิเจอร์ เป็นไม้แกะสลักอย่างวิจิตรบรรจง และ เตียงนอนขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง ปูด้วยผ้ากำมะหยี่สีเข้มทุกอย่างดูใหม่เอี่ยมราวกับเพิ่งถูกใช้งานเมื่อคืนนี้ ไม่มีฝุ่น ไม่มีรอยร้าว ไม่มีพลังงานมืดมิดหลงเหลืออยู่เลย แหล่งกำเนิดแสงคือ ตะเกียงน้ำมัน ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ให้แสงสีเหลืองนวลที่ทำให้ห้องดูอบอุ่นอย่างน่าประหลาดใจ "นี่มันอะไรกัน..." บาระรู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าไปในกับดัก เธอรู้สึกสับสนอย่างรุนแรงว่าทำไมห้องนี้ถึงยังคงสภาพสมบูรณ์อยู่ในปราสาทที่พังทลาย สายตาของเธอจับจ้องไปที่ ตู้เสื้อผ้าไม้ บานใหญ่ที่ตั้งอยู่มุมห้อง มันคือเป้าหมายของเธอ บาระรีบเดินเข้าไปที่ตู้เสื้อผ้า เปิดบานประตูออกอย่างรวดเร็ว ภายในมีเสื้อผ้าที่ตัดเย็บอย่างประณีตนับสิบชุดแขวนอยู่ เธอหยิบ เสื้อเชิ้ตผ้าไหมสีขาว ตัวหนึ่งออกมา มันดูสะอาดและเหมาะที่จะให้เร็นเปลี่ยนแทนชุดที่เปื้อนเลือดของเขา แต่ในขณะที่มือของเธอกำลังจะดึงเสื้อตัวนั้นออกมาจากไม้แขวนเสื้อ เสียงแหบต่ำและทรงอำนาจ ก็ดังขึ้นจากทางประตูห้อง "นั่นเจ้าจะทำอะไร?" บาระสะดุ้งสุดตัว มือของเธอที่กำเสื้อเชิ้ตชะงักค้างอยู่ เธอรีบหันกลับไปเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียงทันที ที่ประตูห้อง ปรากฏร่างของ ชายหนุ่มวัยกลางคนรูปร่างสูงโปร่ง เขาสวมชุดคล้ายชุดนอนที่ทำจากผ้าเนื้อดีสีเข้ม มือของเขาถือ ตะเกียงน้ำมัน อีกดวงหนึ่ง ทำให้ใบหน้าของเขาถูกอาบด้วยเงาและแสงอย่างน่าค้นหา เขามีใบหน้าที่ดูอ่อนโยนและมีดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่ดูเศร้าสร้อยราวกับแบกรับภาระหนักอึ้งไว้ บาระเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง เธอไม่คาดคิดเลยว่าในมิติที่เต็มไปด้วยเงาปีศาจนี้จะยังมีมนุษย์หลงเหลืออยู่! "คุณ... คุณเป็นใครคะ? ทำไมถึงอยู่ที่นี่?" บาระเอ่ยถามด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อย แต่ก็พยายามควบคุมโทนเสียงให้มั่นคง ชายคนนั้นจ้องมองบาระตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ดวงตาของเขาสะท้อนถึงความประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะวางตะเกียงลงข้างประตูอย่างช้า ๆ และตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ดูเหนื่อยล้า "ข้าชื่อ มาวิน... ข้าคือเจ้าชายของปราสาทแห่งนี้" เขายืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามกลับด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความสงสัยอย่างแท้จริง "แล้วเจ้าล่ะเป็นใคร มาจากที่ไหน?" "ดิฉันชื่อบาระ มาจากอีกมิติหนึ่ง" บาระตอบอย่างตรงไปตรงมา เธอไม่มีเวลาที่จะปิดบังอะไร "ฉันกับเพื่อนมาที่นี่เพื่อที่จะกำจัดเงาปีศาจ" ใบหน้าของเจ้าชายมาวินพลันเปลี่ยนเป็นโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด ความตึงเครียดที่เคยฉายอยู่ในดวงตาของเขาค่อย ๆ คลายลงอย่างไม่น่าเชื่อ เขาถอนหายใจยาว "พวกเจ้า... พวกเจ้าคือคนที่ถูก 'กลืน' เข้ามาสินะ..." เจ้าชายมาวินเดินเข้าไปในห้องอย่างช้า ๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนอนขนาดใหญ่ที่ปูด้วยผ้ากำมะหยี่ราวกับเขาหมดแรง "ข้าสัมผัสได้ถึงพลังงานที่รุนแรงมากเมื่อครู่ ข้าคิดว่ามันเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุดเสียอีก" "ใช่แล้วค่ะ" บาระตอบ "พวกเรากำจัดเงาปีศาจที่รวมร่างกันได้แล้ว แต่... ทำไมท่านถึงยังอยู่ที่นี่?" เจ้าชายมาวินมองไปที่บู้เสื้อผ้า ก่อนจะหันมาสบตากับบาระ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ถูกปิดซ่อนไว้ "เรื่องมันยาว..." เขาส่ายศีรษะเบา ๆ "ไว้ข้าพาเจ้ากับเพื่อนเจ้าไปหาคนอื่น ๆ แล้วจะเล่าให้ฟังทั้งหมด... พวกเจ้าไม่ได้ถูกกลืนมาที่นี่แค่สองคนหรอก" คำพูดของเจ้าชายทำให้บาระรู้สึกตกใจยิ่งกว่าเดิม "คนอื่น ๆ ? ท่านหมายถึงไอโกะ โช และคนอื่น ๆ ด้วยเหรอคะ!?" "ข้าไม่รู้ชื่อ... แต่ใช่ มีพวกเขาอยู่" มาวินตอบอย่างเรียบง่าย แล้วเขาก็เหลือบมองไปที่มือของบาระ "แล้วนี่... เพื่อนเจ้าไปไหนเสียล่ะ?" "จริงด้วย!" บาระรีบตอบกลับมาอย่างเร่งรีบ เธอชูเสื้อเชิ้ตสีขาวในมือให้เขาดู "เร็น... เพื่อนของดิฉันบาดเจ็บหนักมากจากการต่อสู้ ดิฉันมาที่นี่เพื่อตามหาเสื้อให้เขาเปลี่ยน เพราะชุดที่เขาใส่เต็มไปด้วยเลือด... ท่านคงไม่ว่าอะไรถ้าดิฉันจะขอเสื้อตัวนี้ไปใช้ก่อน?" เจ้าชายมาวินยิ้มบาง ๆ "เอาไปเถอะ... ห้องนี้มันก็ว่างมานานแล้ว" "ขอบพระคุณมากค่ะ! งั้นดิฉันต้องขอตัวก่อน ดิฉันต้องรีบกลับไปหาเขา" บาระพูดพลางก้มศีรษะให้อย่างสุภาพ และกำลังจะหันหลังกลับ "เดี๋ยวสิ... ข้าไปด้วย" เจ้าชายมาวินพูดขึ้นทันที น้ำเสียงของเขาบ่งบอกถึงความมุ่งมั่น บาระหันกลับไปมองเขาด้วยความประหลาดใจ "ท่านจะไปกับดิฉันเหรอคะ? แต่... ท่านไม่ได้บาดเจ็บใช่ไหม?" "ข้าอยู่รอดในปราสาทนี้มานานเพราะอาคมปกป้องของข้าเอง ข้าไม่เป็นอะไรหรอก" มาวินลุกขึ้นยืน ตัวของเขาดูสูงใหญ่และสง่างามในแสงตะเกียง "และเมื่อครู่เจ้าบอกว่าเพื่อนเจ้าบาดเจ็บหนักใช่ไหม? ข้าอาจจะช่วยได้มากกว่าแค่การรักษาบาดแผล ข้าต้องเห็นพวกเขา... ต้องแน่ใจว่าพวกเจ้าคือ ความหวัง ที่แท้จริง" บาระพิจารณาคำพูดของเขา แม้เธอจะระแวงว่าชายแปลกหน้าคนนี้อาจเป็นอันตราย แต่แววตาของเขาดูซื่อสัตย์ และความรู้ที่เขามีเกี่ยวกับมิตินี้และเพื่อนคนอื่น ๆ ก็มีค่าเกินกว่าจะปฏิเสธได้ "ถ้าอย่างนั้น... ได้ค่ะ" บาระตกลง "แต่ท่านต้องเดินตามหลังดิฉันอย่างเงียบ ๆ นะคะ พวกเราอยู่ในอาณาเขตซ่อนตัว" เจ้าชายมาวินพยักหน้า เขารีบดับไฟตะเกียงในห้อง ทำให้ห้องกลับสู่ความมืดมิดทันที ก่อนที่เขาจะเดินตามบาระออกจากห้องที่สมบูรณ์ราวกับไม่เคยถูกสาปนั้น เข้าสู่ความมืดมิดและอันตรายของปราสาทร้างอีกครั้ง ในใจของบาระตอนนี้ไม่ได้มีแค่ความกังวลเรื่องเร็นหลังจากที่เร็นช่วยบาระออกมาจากกับดักที่ปีกทิศใต้ได้สำเร็จ ทั้งคู่รีบออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ หอสังเกตการณ์ทิศใต้ ซึ่งเป็นที่ซ่อนของผ้ายันต์ผืนสุดท้าย พวกเขาใช้ แผนที่สู่จุดเริ่มต้น ที่ได้จากบาลาซาร์เป็นเครื่องนำทาง"แผนที่บอกว่าเราต้องผ่านซากปรักหักพังเก่า ๆ ทางทิศใต้ไปอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง" บาระกล่าวขณะที่ใช้แท่นแก้วใส (กุญแจอาคม) ชี้ทิศทางเร็นพยักหน้า "ต้องระวังให้มาก บาระ พวกเงาปีศาจรู้แล้วว่าเรากำลังจะถึงจุดสุดท้ายของการรวบรวมผ้ายันต์ พวกมันจะส่งทุกอย่างที่มีมาขวางทางเราแน่"เมื่อพวกเขาเดินเข้าสู่บริเวณที่เป็นซากปรักหักพังที่มีกำแพงหินสูงใหญ่เรียงรายอยู่มากมาย ทันใดนั้น แสงรอบตัวก็พลันบิดเบือน พวกเขารู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุน ภาพเบื้องหน้าเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว"เร็น! นี่มันไม่ใช่แค่ซากปรักหักพัง!" บาระอุทานด้วยความตื่นตระหนก "กำแพงมันเปลี่ยนทิศทาง! เราถูกดึงเข้ามาในอาณาเขตอาคม!"พวกเขาพบว่าตัวเองยืนอยู่กลาง เขาวงกตที่ไร้จุดสิ้นสุด ที่ทำจากกำแพงหินสีดำขัดเงาสูงเสียดฟ้า กำแพงเหล่านี้ไม่ได้อยู่นิ่ง แต่ เลื่อนและเปลี่ยนตำแหน่ง ได้เองตามความตั้งใจของพลังงานมืดมิด"เขาวงกต! นี่คือ เขาวงกตแห
เร็นและบาระใช้ กุญแจอาคม ที่ได้มาจากบาลาซาร์ในการเปิดประตูมิติที่นำไปสู่ สวนต้องห้าม (The Forbidden Gardens) สวนแห่งนี้ไม่ได้มืดมิดเหมือนปราสาท แต่กลับสวยงามอย่างน่าขนลุก ทุกอย่างเป็นสีเขียวมรกตและมีหมอกบาง ๆ ปกคลุมพวกเขาต้องฝ่าฟันกับ กับดักแห่งชีวิต ที่ซับซ้อน: พืชกินคน ที่มีพลังอาคม, ภูติพฤกษา ที่โจมตีด้วยภาพลวงตาแห่งความอุดมสมบูรณ์, และ ทางเดินที่บิดเบือน กาลเวลาในที่สุด พวกเขาก็มาถึงแท่นบูชาที่อยู่ใจกลางสวน ที่นั่น ผ้ายันต์ผืนที่ 4 (ผ้ายันต์แห่งการฟื้นฟูชีวิต) เรืองแสงสีทองอร่ามอยู่"เราทำได้แล้วเร็น!" บาระเอื้อมมือไปเก็บผ้ายันต์ไว้ในทันที พลังงานฟื้นฟู ที่อ่อนโยนแต่ทรงพลังแผ่ออกมาจากผ้ายันต์ผืนนั้น ทำให้ความอ่อนล้าของพวกเขาบรรเทาลงทันที"ผืนที่สี่แล้วบาระ" เร็นยิ้มอย่างโล่งอก "เหลืออีกแค่ผืนเดียวเท่านั้น... ผ้ายันต์แห่งการหยุดยั้ง!"บทที่ 2: กับดักมรณะและการถูกจับกุมพวกเขาใช้เวลาพักฟื้นเล็กน้อยในสวนต้องห้าม และใช้ แผนที่สู่จุดเริ่มต้น ที่ได้จากบาลาซาร์นำทาง พวกเขาต้องเดินทางผ่าน ปีกทางทิศใต้ของปราสาท เพื่อไปยังผ้ายันต์ผืนสุดท้ายที่เชื่อว่าถูกซ่อนอยู่ในหอสังเกตการณ์ทิศใต้เมื่อ
เร็นและบาระปีนขึ้นไปถึงชั้นบนสุดของหอคอยหลักของปราสาทอย่างทุลักทุเล หลังจากเอาชนะผู้บัญชาการเงา 10 ตนมาได้ พวกเขาทั้งเหนื่อยล้าแต่ก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ที่นั่นเป็นห้องขนาดใหญ่ มี คริสตัลเงาสีดำ ขนาดมหึมาลอยอยู่กลางอากาศ มันคือแหล่งพลังงานหลักที่แผ่ความมืดมิดไปทั่วปราสาทเมื่อพวกเขาเตรียมตัวที่จะใช้ ดาบแห่งพันธะสมบูรณ์ ทำลายคริสตัล ทันใดนั้น แสงสีทองอร่าม ก็พลันสาดส่องลงมาจากเพดานผู้พิทักษ์ ตนหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้น! เขาไม่ได้ดูเหมือนปีศาจเงาหรือภูตน้ำแข็ง แต่มีรูปลักษณ์ที่สง่างามราวกับ นักปราชญ์โบราณ ที่ล้อมรอบด้วยอักษรรูนสีทอง"จงหยุด ณ ที่แห่งนี้ ผู้ถูกเลือก" ผู้พิทักษ์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ทรงอำนาจแต่แฝงไว้ด้วยความเมตตา "ข้าคือ 'บาลาซาร์' ผู้พิทักษ์แห่งความสมดุลและหอคอย! ข้ารู้ถึงเจตนาของพวกเจ้า... แต่การทำลายนั้นง่ายเกินไป""เราไม่ได้มาเพื่อต่อสู้กับท่าน บาลาซาร์" บาระกล่าวอย่างระมัดระวัง "เรามาเพื่อหา ผ้ายันต์ผืนที่ 4 และทำลายแหล่งพลังงานที่ชั่วร้ายนี้!"บาลาซาร์ยิ้มอย่างขมขื่น "ผ้ายันต์ผืนที่ 4 ไม่ได้อยู่ที่นี่... แต่มันถูกซ่อนอยู่ใน สวนต้องห้าม และมี กุญแจอาคม ที่จำเป็นในการเปิ
เร็นและบาระไม่ได้มุ่งหน้าสู่ สวนต้องห้าม ทันทีตามที่มาวินสั่ง หลังจากเดินทางผ่านอุโมงค์ลับและออกมาสู่ทางเดินหลักของปราสาท บาระหยุดชะงัก"เร็น... ฉันคิดว่าเราไม่ควรไปสวนต้องห้ามตอนนี้" บาระกล่าวขณะที่มองไปยังยอด หอคอยหลัก ที่สูงเสียดฟ้าของปราสาทที่ปกคลุมด้วยเงามืด"ทำไมล่ะบาระ? มาวินสั่งให้เราไป..." เร็นถามด้วยความแปลกใจ"พลังงานมืดมิดที่แผ่ออกมาจากหอคอยนั้น รุนแรงกว่าเดิมมาก" บาระอธิบาย "ฉันสัมผัสได้ว่าพวกมันกำลังใช้หอคอยนี้เป็น ศูนย์กลางพลัง ในการควบคุมปีศาจทั้งหมด! ถ้าเราไปหาผ้ายันต์ผืนที่ 4 ทันที โดยที่ปล่อยให้แหล่งพลังงานนี้ทำงานต่อไป... การต่อสู้ของเราก็จะไม่มีวันสิ้นสุด! เราต้องทำลายมันก่อน!"เร็นมองไปยังดาบแห่งพันธะสมบูรณ์ในมือของเขา ดาบนั้นเรืองแสงสีม่วงอ่อน ๆ ราวกับตอบรับกับความมุ่งมั่นของบาระ"ถูกต้อง! เรามีอาวุธใหม่และทักษะใหม่ที่เพิ่งฝึกมา! เราจะทำลายแหล่งกำเนิดพลังงานนี้ก่อน แล้วค่อยไปหาผ้ายันต์ผืนที่ 4! ไปกันเถอะ... สู่หอคอย!"พวกเขาปีนขึ้นไปยังบันไดวนที่ทอดสู่ด้านบนของหอคอย แต่เมื่อพวกเขาเดินมาถึง ชั้นที่สาม ของหอคอย ทางเดินแคบ ๆ ก็พลันถูกสกัดกั้นด้วย ปีศาจเงา ถึง 10 ตน
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากการลงอาคมดาบแห่งพันธะสมบูรณ์เสร็จสิ้น มาวินได้เรียก จอมทัพเกรย์ อดีตผู้บัญชาการกองกำลังรักษาพระองค์ที่เหลือรอดเพียงไม่กี่คน และ อดีตองครักษ์ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านอาวุธมาเข้าพบ"จอมทัพเกรย์!" มาวินออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "ดาบแห่งพันธะสมบูรณ์ถูกสร้างขึ้นแล้ว! แต่ดาบที่ทรงพลังนี้จะเป็นเพียงเหล็กไร้ค่า หากผู้ใช้ไม่เชี่ยวชาญ! เจ้าจงใช้เวลา 5 วันเต็ม ในการฝึกฝนเร็นและบาระให้สามารถใช้ดาบนี้ได้อย่างคล่องแคล่วและรู้ถึงขีดจำกัดสูงสุดของมัน!"จอมทัพเกรย์เป็นชายร่างกำยำ มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นจากการสู้รบ แต่ดวงตาของเขายังคงส่องประกายด้วยความภักดีและความมุ่งมั่น เขาคุกเข่าลงต่อหน้ามาวิน"พะยะค่ะ ฝ่าบาท! ข้าน้อยจะทำการฝึกฝนพวกเขาอย่างเข้มงวดที่สุด! พวกเขาจะพร้อมออกรบภายใน 5 วัน!"การฝึกฝนถูกจัดขึ้นในบริเวณที่กว้างที่สุดของห้องโถงแห่งพันธะ ที่นี่กลายเป็น สนามฝึกซ้อมชั่วคราว ที่เต็มไปด้วยเหงื่อไคลและความมุ่งมั่นบทที่ 2: การฝึกฝน 5 วันกับดาบแห่งพันธะสมบูรณ์เป้าหมายหลักของการฝึกฝน 5 วันนี้คือการทำให้เร็นสามารถใช้ดาบได้อย่างเป็นธรรมชาติราวกับมันเป็นส่วนหนึ่งของร่า
มาวิน, เร็น, และบาระกลับมาถึงห้องโถงแห่งพันธะด้วยความเหนื่อยล้า แต่ก็เต็มไปด้วยความสำเร็จ พวกเขามอบ แร่เหล็กแห่งเงาสะท้อน ที่มีประกายคล้ายกระจกให้แก่ไอรอนฮาร์ท ช่างตีเหล็กผู้ยิ่งใหญ่ไอรอนฮาร์ทรับแร่เหล็กนั้นไว้ด้วยความเคารพ เขาใช้มือที่หยาบกร้านสัมผัสผิวของแร่เหล็กราวกับมันเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุด"แร่นี้... เป็นเพียงชิ้นส่วนสุดท้ายที่ขาดหายไป" ไอรอนฮาร์ทกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ "ข้าขอรับรองต่อหน้าเจ้าชายมาวินและผู้ถูกเลือกทั้งสอง... ข้าจะใช้เวลา 3 วันเต็มในการตีเหล็กให้ได้รูปทรง และอีก 1 วันเต็มในการลงอาคมแห่งพันธะสมบูรณ์!"มาวินพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม "ข้าฝากความหวังของอาณาจักรไว้ที่ท่านไอรอนฮาร์ท!""แล้วเราจะทำยังไงในช่วงสี่วันนี้คะ? เราควรไปหาผ้ายันต์ผืนต่อไปเลยไหม?" บาระถามด้วยความกระตือรือร้นมาวินส่ายศีรษะ "ไม่ได้บาระ... การบุกเข้าไปใน สวนต้องห้าม โดยไม่มีอาวุธที่สามารถผนึกพลังมืดมิดได้สมบูรณ์เป็นเรื่องที่อันตรายเกินไป"เอเลน่า ผู้อาวุโสแห่งอาคมก้าวเข้ามาหาพวกเขาด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น "พวกเจ้ายังไม่ได้ใช้เวลาที่นี่อย่างคุ้มค่าเลย... พวกเจ้าอาจได้อาวุธ แต่ คาถาอาค







