"ข้าไม่คิดว่าจะมีใครมาถึงที่นี่ได้" นางพญาแห่งสายลมกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะ แต่แฝงไปด้วยความน่ากลัว "พวกเจ้า...ต้องการอะไร"
"พวกเราต้องการผ้ายันต์แห่งการสร้างสรรค์" ไดชิกล่าวอย่างไม่ลังเล "พวกเราจะนำมันกลับไปและทำลายปีศาจทั้งหมดให้หมดสิ้นไปจากโลกใบนี้" "ฮ่าฮ่าฮ่า!" นางพญาแห่งสายลมหัวเราะเยาะเย้ยเสียงดัง "เจ้าคิดว่าผ้ายันต์แห่งการสร้างสรรค์จะทำลายล้างได้งั้นรึ" "ไม่...แต่เราจะใช้มันร่วมกับผ้ายันต์แห่งการทำลายล้าง" ดาอิกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด "เราจะใช้มันเพื่อสร้างความหวังใหม่ให้กับเกาะแห่งนี้" "เจ้าโง่เขลาเหลือเกิน" นางพญาแห่งสายลมกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูถูก "เจ้าคิดว่าถ้าไม่มีความมืด...จะมีความสว่างงั้นรึ ถ้าไม่มีความตาย...จะมีความเป็นงั้นรึ" "หยุดพูดบ้าๆ ได้แล้ว!" ไดชิคำรามออกมาอย่างโกรธจัด "แกถูกครอบงำด้วยพลังของความมืดแล้ว!" "ข้าไม่ได้ถูกครอบงำ...ข้าคือความมืด" นางพญาแห่งสายลมกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มที่น่ากลัว เธอเริ่มเล่นพิณของเธออีกครั้ง และในพริบตานั้น...สายลมที่เคยอ่อนโยนก็เริ่มที่จะพัดอย่างรุนแรง พายุทอร์นาโดขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของพวกเขา และพุ่งเข้าใส่พวกเขาอย่างรวดเร็ว "ระวังตัว!" ไดชิคำรามออกมา เขาใช้พลังอาคมในการสร้างบาเรียป้องกันที่แข็งแกร่ง และพุ่งเข้าใส่พายุทอร์นาโดอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่เป็นผล พลังของพายุทอร์นาโดแข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาจะรับมือได้ บาเรียของเขาแตกสลายไปในพริบตา และเขาก็ถูกพายุทอร์นาโดพัดไปตกไกล ร่างของเขากระแทกเข้ากับโขดหินอย่างแรงจนเขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย "อั่ก!" ไดชิร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาล้มลงไปกองกับพื้นอย่างอ่อนแรง "ไดชิ!" ดาอิร้องออกมาด้วยความตกใจ เธอวิ่งเข้าไปหาพี่ชายของเธออย่างรวดเร็ว แต่ก็ถูกพายุทอร์นาโดพัดไปตกไกลเช่นกัน ร่างของเธอกระแทกเข้ากับต้นไม้อย่างแรงจนเธอล้มลงไปกองกับพื้นอย่างอ่อนแรง "ฮ่าฮ่าฮ่า!" นางพญาแห่งสายลมหัวเราะเยาะเย้ยเสียงดัง เธอเดินเข้ามาหาพวกเขาอย่างช้าๆ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา "พวกเจ้า...จะสู้กับข้าได้งั้นรึ" "เรา...ยังไม่ยอมแพ้หรอก!" ดาอิคำรามออกมาอย่างโกรธจัด เธอพยายามที่จะลุกขึ้นยืน แต่ร่างกายของเธอไม่สามารถที่จะขยับได้เลยแม้แต่น้อย เธอรู้สึกเหมือนพลังทั้งหมดที่มีอยู่ในร่างกายของเธอกำลังจะหมดลงไปในไม่ช้า "ฮึ่ม! ยอมแพ้ซะเถอะ! เจ้าไม่มีทางเอาชนะข้าได้หรอก!" นางพญาแห่งสายลมคำรามออกมาด้วยความสะใจ เธอเริ่มเล่นพิณของเธออีกครั้ง และในพริบตานั้น...พายุทอร์นาโดขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของพวกเขาอีกครั้ง และพร้อมที่จะเข้าโจมตีพวกเขาอย่างรุนแรง "ไม่นะ!" ดาอิร้องออกมาด้วยความตกใจ เธอหลับตาลงแน่น และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความตายที่กำลังจะมาถึง แต่ในจังหวะนั้นเอง...ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของเธอ "ใช่แล้ว...ผ้ายันต์!" ดาอิคำรามออกมา เธอใช้พลังทั้งหมดที่มีในร่างกายของเธอ และพุ่งเข้าใส่พายุทอร์นาโดอย่างรวดเร็ว บาเรียของเธอก็แตกสลายไปในพริบตา แต่เธอก็ยังคงไม่ยอมแพ้ เธอใช้พลังอาคมในการสร้างลูกบอลแสงขนาดใหญ่ และพุ่งตรงไปยังนางพญาแห่งสายลมอย่างรวดเร็ว ตูม! เสียงระเบิดดังสนั่น ร่างของนางพญาแห่งสายลมสลายไปในพริบตา เหลือเพียงดวงวิญญาณสีม่วงเข้มขนาดใหญ่ที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ "เรา...ทำได้แล้ว" ดาอิพึมพำด้วยความโล่งใจ เธอล้มตัวลงไปกับพื้นอย่างอ่อนแรง ไดชิรีบวิ่งเข้าไปหาเธอและสวมกอดเธออย่างแน่นหนา "ไม่ต้องห่วง...ฉันไม่เป็นไร" ดาอิกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน "แต่นาย...บาดเจ็บนี่" "ไม่เป็นไร...แค่นิดหน่อย" ไดชิกล่าวพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ แต่ใบหน้าของเขาซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด หลังจากนั้น...ทั้งสองก็พักผ่อนกันอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปในลานกว้าง ที่นั่นมีหนังสือเล่มหนึ่งที่ถูกเปิดออก และมีแสงสีขาวนวลส่องประกายออกมาจากภายในหนังสือ "นั่นมัน...ผ้ายันต์แห่งความรู้!" ไดชิกล่าวด้วยความตื่นเต้น "ใช่...เราเจอแล้ว" ดาอิกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน เธอเดินเข้าไปหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาอย่างระมัดระวัง และรู้สึกได้ถึงพลังงานที่อบอุ่นที่แผ่ออกมาจากมันอย่างรุนแรง "ดูนี่สิ!" ดาอิกล่าวพร้อมกับยื่นหนังสือเล่มนั้นให้ไดชิ "ในหนังสือเล่มนี้...มีทุกสิ่งทุกอย่างที่เราต้องรู้เลย" ไดชิรับหนังสือเล่มนั้นมาถือไว้ในมือ และเมื่อเขาเปิดออกดูก็พบว่าในหนังสือเล่มนั้นมีแผนที่ของเกาะแห่งนี้อยู่ด้วย และมีจุดที่ถูกทำเครื่องหมายเอาไว้ถึงสองจุดด้วยกัน "นั่นมัน...ผ้ายันต์ผืนที่สี่และผืนที่ห้า!" ไดชิกล่าวด้วยความตื่นเต้น "เราเจอแล้ว!" "ใช่...เราเจอแล้ว" ดาอิกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน "ดูเหมือนว่า...ภารกิจของเราจะใกล้จะจบแล้วนะ" "ใช่...มันใกล้จะจบแล้ว" ไดชิกล่าวพร้อมกับพยักหน้าให้เธออย่างมั่นใจ พวกเขามองหน้ากันด้วยความหวังที่จะทำภารกิจให้สำเร็จและนำความสงบสุขกลับคืนมาสู่เกาะแห่งนี้ให้ได้...หลังจากทำข้อตกลงกับหัวหน้าเผ่าสึนะ ไคลด์ ไดชิ และดาอิ ก็เริ่มต้นภารกิจที่อันตรายที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเผชิญมา การเดินทางสู่ แหล่งพลังอาคมแห่งเงาที่แท้จริง ซึ่งซ่อนอยู่ลึกใต้เกาะแสงอรุณ มีเพียงไคลด์เท่านั้นที่รู้ทางเข้า ซึ่งต้องเดินทางผ่านทางน้ำใต้ดินที่ซับซ้อน"พวกเราทุกคนต้องรู้ว่าความมืดมิดที่พวกเจ้าเคยทำลายไปนั้น...เป็นแค่ เปลือกนอก ของพลังงานทั้งหมด" ไคลด์กล่าวขณะนำทางพวกเขาไปยังปากถ้ำที่ถูกซ่อนไว้ใต้รากต้นไม้ใหญ่ริมทะเลสาบ "พลังเงาที่แท้จริงไม่ได้มีไว้เพื่อทำลายล้าง แต่มีไว้เพื่อ รักษาสมดุลของผืนดิน เมื่อหลายศตวรรษก่อน ผู้พิทักษ์รุ่นก่อนได้ผนึกมันไว้ไม่ให้ถูกผู้ใดครอบครอง"ปากทางสู่ความมืดปากถ้ำนั้นแคบและมืดมิด มีเพียงแสงจากตะเกียงอาคมที่ดาอิสร้างขึ้นเท่านั้นที่ช่วยให้พวกเขามองเห็นได้ ไคลด์ลงไปในน้ำก่อน ตามมาด้วยไดชิและดาอิ พวกเขาต้องว่ายน้ำตามกระแสน้ำใต้ดินที่เย็นเฉียบและมืดสนิทไปนานหลายนาทีเมื่อกระแสน้ำสงบลง พวกเขาก็พบว่าตัวเองอยู่ใน อุโมงค์หินขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำค้างและเสียงสะท้อนที่น่าขนลุก พื้นผิวของผนังถ้ำเต็มไปด้วย คริสตัลเงาสีดำ ที่ส่องแสงสลัว ๆ บ่งบอกถึงความหน
หลังจากที่พิธีสืบทอดตำแหน่งเสร็จสิ้น ไคลด์ก็กลายเป็นผู้พิทักษ์แห่งเกาะแสงอรุณอย่างเป็นทางการ แต่ภัยคุกคามจากชนเผ่าแห่งเงาก็ยังคงเป็นบาดแผลฉกรรจ์ ไดชิ ดาอิ และไคลด์ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า การเจรจาคือหนทางเดียวที่จะนำความสงบสุขที่แท้จริงมาสู่เกาะนี้พวกเขาตัดสินใจเดินทางไปยัง ป่าสนทมิฬ อีกครั้ง สถานที่ที่พวกเขาเคยถูกซุ่มโจมตี โดยมี ปู่เฒ่าดาฟ ร่วมเดินทางไปด้วยในฐานะตัวแทนของชาวเกาะ"การเจรจานี้อันตรายยิ่งกว่าการต่อสู้กับปีศาจ" ปู่เฒ่าดาฟกล่าวขณะเดินนำ "ความบาดหมางระหว่างเรากับชนเผ่าแห่งเงาฝังรากลึกมาตั้งแต่สมัย จอมเวทแห่งเงามืด ยังเป็นมนุษย์""ท่านปู่ ช่วยเล่าเรื่องราวความบาดหมางนั้นให้พวกเราฟังได้ไหมครับ" ไดชิถาม"ได้สิ..." ปู่เฒ่าดาฟเริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย "ในอดีต จอมเวทที่ทรยศนั้นเคยเป็นหัวหน้ากลุ่มนักเวทที่แข็งแกร่งที่สุดบนเกาะ แต่เขามองว่าชาวเกาะธรรมดาและชนเผ่าแห่งเงาที่อาศัยอยู่ในป่าลึกเป็นเพียง เครื่องมือ และ พลังงาน ที่ไร้ค่า เขาต้องการให้ทุกคนกราบไหว้บูชาเขาเพียงผู้เดียว""แล้วชนเผ่าแห่งเงาเกี่ยวข้องอย่างไรคะ" ดาอิถาม"ชนเผ่าเหล่านั้นเป็นกลุ่มคนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่
หมู่บ้านแสงอรุณกลับมาสู่ความสงบเงียบอีกครั้ง แต่ความเงียบสงบในครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน ๆ มันคือความสงบที่มาพร้อมกับความตึงเครียดและความเตรียมพร้อม ชาวบ้านช่วยกันพาไดชิ ดาอิ และไคลด์ไปที่วิหารเก่า ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่รักษาพยาบาลชั่วคราวบาดแผลและการเยียวยาไคลด์มีอาการหนักที่สุด พิษจากศรของชนเผ่าแห่งเงาได้เริ่มซึมซาบเข้าสู่กระแสเลือดของเขา แม้ร่างกายจะแข็งแกร่งดุจหินผา แต่พิษร้ายก็ทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก"นี่มันพิษจาก พฤกษามรณะ" ปู่เฒ่าดาฟกล่าวขณะที่กำลังทำความสะอาดบาดแผลอย่างระมัดระวัง "ชนเผ่าแห่งเงาใช้สารนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณเพื่อทำให้เหยื่ออ่อนแรง...แต่ดีที่เจ้าเป็นบุตรแห่งทะเล ร่างกายจึงต้านทานได้ดีกว่าคนอื่น"ดาอิที่เฝ้าดูอาการของไคลด์อยู่ไม่ห่างรู้สึกผิดที่เธอไม่สามารถปกป้องเขาได้ เธอจึงตัดสินใจใช้พลังอาคมของตนเองเข้าช่วยในการรักษา ไดชิที่ถูกชนเผ่าทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่แขนและขา ก็พยุงตัวเองมานั่งข้าง ๆ น้องสาว"ดาอิ...บาดแผลของนาย" ไดชิกล่าวด้วยความเป็นห่วง"ฉันไม่เป็นไรหรอกพี่ไดชิ" ดาอิส่ายหน้า เธอจ้องมองไปที่บาดแผลของไคลด์อย่างตั้งใจ ก่อนจะหลับตาลงเพื่
การเดินทางกลับหมู่บ้านเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับ ไคลด์ ผู้พิทักษ์แห่งท้องทะเล ชายหนุ่มลึกลับคนนี้ยังคงเดินนำหน้าอย่างเงียบ ๆ ร่างกายของเขาสง่างามและเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง ราวกับว่าเขาไม่ได้เดินอยู่บนพื้นดิน แต่กำลังล่องลอยไปตามกระแสลม ไดชิและดาอิเดินตามหลังเขาไปอย่างเงียบ ๆ ด้วยความตื่นเต้นและกังวลใจ"ไคลด์..." ไดชิเริ่มต้นบทสนทนาหลังจากที่เดินทางมาได้พักใหญ่ "นายช่วยบอกเราได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นที่ทะเลเมื่อวานนี้ คลื่นนั่นมันไม่ใช่คลื่นธรรมชาติใช่ไหม"ไคลด์ไม่หยุดเดิน แต่ตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยแต่แฝงด้วยความหนักแน่น "คลื่นนั้นคือ การปฏิเสธของจิตวิญญาณแห่งทะเล พวกมันไม่ยอมรับผู้ที่ไม่ได้มาจากท้องทะเลให้เข้าใกล้พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อเห็นว่าพวกเจ้าไม่ยอมแพ้...พวกมันจึงอนุญาตให้ข้าช่วยนำทางพวกเจ้ากลับมา""แล้วศรเพลิงที่ช่วยเราจากอสูรหินล่ะ" ดาอิถามอย่างกระตือรือร้น "นั่นเป็นของนายใช่ไหม"ไคลด์หันมามองพวกเขาเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำทะเลนั้นสบตาไดชิและดาอิอย่างช้า ๆ "ศรนั่นทำจาก ไม้แห่งภูเขาไฟ ที่ไม่ไหม้ไฟ และอาบด้วยพิษแห่งความมืดที่สามารถทำลายสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากพลังตกค้างได้...นั่นคือสิ่งที
หลังจากที่เรือกลับถึงฝั่งอย่างปลอดภัย ไดชิและดาอิรีบวิ่งขึ้นจากหาดทรายทันที หัวใจของพวกเขายังเต้นรัวจากความตื่นเต้นและความฉงนสนเท่ห์ที่ได้เห็นชายหนุ่มลึกลับคนนั้น ชายที่สามารถควบคุมพลังของทะเลและซ่อมแซมเรือได้ในพริบตา"เขา...เขาต้องเป็นผู้พิทักษ์คนต่อไปที่เราตามหาแน่ ๆ!" ดาอิกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดขีด"ใช่" ไดชิพยักหน้าอย่างเห็นด้วย "แต่เขาไม่ได้อยากให้เราเจอเลย และการที่เขาพาเรือเรากลับเข้าฝั่งอย่างรวดเร็วขนาดนี้ หมายความว่าเขาอาจจะมุ่งหน้าสู่ใจกลางเกาะแล้ว"สองพี่น้องตัดสินใจเริ่มต้นการตามล่าทันที โดยมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่พวกเขาเชื่อว่าจะเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสู่ถ้ำของปู่เฒ่าดาฟและหมู่บ้าน ซึ่งพวกเขาเดาว่าชายหนุ่มคนนั้นน่าจะไปที่นั่นก่อนเพื่อพบกับผู้อาวุโสอุปสรรคแรก: ลานหินอัปลักษณ์พวกเขาต้องผ่าน ลานหินอัปลักษณ์ ที่เต็มไปด้วยก้อนหินแหลมคมและเศษซากของต้นไม้ที่ตายแล้ว ซึ่งเคยเป็นอาณาเขตของปีศาจหินก่อนที่เกาะจะฟื้นฟู พวกเขาต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะพื้นผิวที่ลื่นและไม่มั่นคง"ดาอิ ระวังให้ดี" ไดชิเตือนขณะที่ใช้มือจับดาบอาคม "พลังงานมืดที่นี่จางหายไปแล้ว แต่พลังอาคมของธาตุหิน
หลังจากผ่านบททดสอบที่โหดร้ายทั้งสองครั้ง ไดชิและดาอิก็เข้าใจแล้วว่าการค้นหาผู้พิทักษ์ที่แท้จริงไม่ใช่แค่การต่อสู้ แต่เป็นการ ทดสอบปัญญาและจิตวิญญาณ ของผู้ถูกเลือก ไดชิและดาอิใช้เวลาในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนที่สามในการฝึกฝนร่างกายและจิตใจอย่างหนักหน่วง พวกเขาตระหนักว่าอาคมของพวกเขาจำเป็นต้องผสานเข้ากับธรรมชาติอย่างแท้จริงตามคำแนะนำของปู่เฒ่าดาฟและรูฟ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทะเลของเกาะ พวกเขาจึงตัดสินใจพาเรือเล็กออกไปฝึกฝนกลางมหาสมุทร"ท่านปู่บอกว่าพลังที่แท้จริงของเกาะแสงอรุณไม่ได้อยู่บนพื้นดินเท่านั้น แต่อยู่ใน ท้องทะเลที่ลึกที่สุด ด้วย" ดาอิกล่าว ขณะที่เธอกำลังตรวจสอบผืนผ้าใบเรือที่ถูกเย็บอย่างแข็งแรง"ใช่" ไดชิกล่าวพร้อมกับดึงเชือกใบเรือให้ตึง ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยเหงื่อ "ที่นี่คือสถานที่ที่ไม่มีกำแพงและไม่มีภาพลวงตา มีเพียงพลังงานบริสุทธิ์ของคลื่นและลมเท่านั้น"พวกเขาแล่นเรือออกไปไกลจากชายฝั่งหลายชั่วโมงจนมองไม่เห็นเกาะแล้ว มีเพียงผืนน้ำสีครามที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ไดชิปิดตาลง พยายามใช้จิตสัมผัสถึงพลังอาคมที่แผ่กระจายอยู่ใต้น้ำ ในขณะที่ดาอิฝึกร่ายคาถาควบคุมสายลม เพื่อให้เรือ