หลังจากที่เรือกลับถึงฝั่งอย่างปลอดภัย ไดชิและดาอิรีบวิ่งขึ้นจากหาดทรายทันที หัวใจของพวกเขายังเต้นรัวจากความตื่นเต้นและความฉงนสนเท่ห์ที่ได้เห็นชายหนุ่มลึกลับคนนั้น ชายที่สามารถควบคุมพลังของทะเลและซ่อมแซมเรือได้ในพริบตา
"เขา...เขาต้องเป็นผู้พิทักษ์คนต่อไปที่เราตามหาแน่ ๆ!" ดาอิกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดขีด "ใช่" ไดชิพยักหน้าอย่างเห็นด้วย "แต่เขาไม่ได้อยากให้เราเจอเลย และการที่เขาพาเรือเรากลับเข้าฝั่งอย่างรวดเร็วขนาดนี้ หมายความว่าเขาอาจจะมุ่งหน้าสู่ใจกลางเกาะแล้ว" สองพี่น้องตัดสินใจเริ่มต้นการตามล่าทันที โดยมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่พวกเขาเชื่อว่าจะเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสู่ถ้ำของปู่เฒ่าดาฟและหมู่บ้าน ซึ่งพวกเขาเดาว่าชายหนุ่มคนนั้นน่าจะไปที่นั่นก่อนเพื่อพบกับผู้อาวุโส อุปสรรคแรก: ลานหินอัปลักษณ์ พวกเขาต้องผ่าน ลานหินอัปลักษณ์ ที่เต็มไปด้วยก้อนหินแหลมคมและเศษซากของต้นไม้ที่ตายแล้ว ซึ่งเคยเป็นอาณาเขตของปีศาจหินก่อนที่เกาะจะฟื้นฟู พวกเขาต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะพื้นผิวที่ลื่นและไม่มั่นคง "ดาอิ ระวังให้ดี" ไดชิเตือนขณะที่ใช้มือจับดาบอาคม "พลังงานมืดที่นี่จางหายไปแล้ว แต่พลังอาคมของธาตุหินยังคงหลงเหลืออยู่ อาจจะก่อตัวเป็นสัตว์ร้ายได้ทุกเมื่อ" ยังไม่ทันขาดคำ พื้นดินเบื้องหน้าของพวกเขาก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ก้อนหินขนาดใหญ่หลายก้อนรวมตัวกันเป็น อสูรหินปีกค้างคาว ที่มีดวงตาสีส้มเรืองแสง มันคำรามเสียงดังและพุ่งเข้าใส่พวกเขาด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ "มันคือปีศาจที่เกิดจากพลังตกค้าง! ไม่ใช่ปีศาจเต็มตัว!" ไดชิคำราม เขาพุ่งเข้าใส่ก่อนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของอสูรหิน ไดชิใช้ผ้ายันต์แห่งความกล้าหาญเสริมพลังให้ดาบอาคม ฟันเข้าที่ลำตัวของอสูรหินอย่างจัง "วิชาดาบวายุแยกภูผา!" แต่ก็ทำได้เพียงสร้างรอยร้าวตื้น ๆ เท่านั้น อสูรหินตวัดปีกเข้าใส่จนไดชิกระเด็นออกไปชนกับโขดหินอย่างแรง "ไดชิ!" ดาอิรีบร่ายคาถา "ลูกไฟพรางตา!" เธอสร้างลูกไฟขนาดเล็กหลายลูกพุ่งเข้าใส่อสูรเพื่อดึงความสนใจ ก่อนจะร่ายคาถาที่ทรงพลังกว่าเดิม "โซ่ตรวนแห่งพื้นพิภพ!" โซ่หินแกร่งผุดขึ้นมาจากพื้นดินพันรอบขาของอสูรไว้ อสูรหินคำรามด้วยความโมโห มันใช้พละกำลังมหาศาลดึงโซ่จนขาดกระจุย และเริ่มเดินเข้าหาดาอิอย่างช้า ๆ ใบหน้าของอสูรเต็มไปด้วยความกระหายที่จะทำลาย "ไม่ทันการแล้ว! พลังมันมากเกินไป!" ดาอิพึมพำ เธอถอยหลังจนชนเข้ากับก้อนหินด้านหลัง ตอนนี้เธอ จนมุม แล้ว ศรเพลิงจากความมืด ขณะที่อสูรหินกำลังจะเงื้อแขนขนาดใหญ่ทุบลงมานั้นเอง... ฟิ้ววว! เสียงของบางสิ่งที่พุ่งผ่านอากาศด้วยความเร็วดังขึ้น ตามมาด้วยแสงสีแดงเพลิงที่สว่างวาบ ศรเพลิง ดอกหนึ่งพุ่งเข้าปักที่กลางหน้าอกของอสูรหินอย่างแม่นยำ ตูม! พลังของศรเพลิงไม่ได้ระเบิดออกมาในทันที แต่มัน แทรกซึม เข้าไปในเนื้อหินของอสูร ทำให้รอยร้าวที่ไดชิเคยสร้างไว้ขยายตัวออกอย่างรวดเร็ว จากนั้นอสูรหินก็แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ กลายเป็นเศษหินธรรมดาที่ตกลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว "นั่นมัน..." ไดชิพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างยากลำบาก เขามองไปที่เศษซากของอสูรหิน และเห็นว่าที่กลางหน้าอกมี ลูกธนู ดอกหนึ่งปักอยู่ ปลายลูกธนูนั้นทำจาก หินมรกต และมีขนนกสีขาวหายากติดอยู่ "ลูกธนูนั่น...มันไม่ใช่ธนูของชาวบ้าน!" ดาอิรีบวิ่งไปหยิบลูกธนูขึ้นมา "มันต้องเป็นของเขาแน่ ๆ!" พวกเขาหันไปมองทิศทางที่ศรเพลิงพุ่งมา และเห็น รอยเท้า ที่แทบจะมองไม่เห็นประทับอยู่บนพื้นดินที่เต็มไปด้วยเศษหิน ราวกับใครบางคนวิ่งด้วยความเร็วสูงมากจนทิ้งร่องรอยไว้เพียงน้อยนิด "ตามรอยเท้าไปดาอิ! เร็วเข้า!" ไดชิสั่ง เขารู้สึกตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความหวัง นี่เป็นหลักฐานชิ้นแรกที่ชัดเจนที่สุดที่ผู้พิทักษ์ทิ้งไว้ให้พวกเขา ร่องรอยสู่ถ้ำลึกลับ สองพี่น้องรีบติดตามร่องรอยนั้นไปอย่างไม่ลดละ รอยเท้าพาพวกเขาออกจากลานหินอัปลักษณ์ เข้าสู่พื้นที่ป่ารกทึบอีกครั้ง การเดินทางเต็มไปด้วยกิ่งไม้และเถาวัลย์ที่พันเกี่ยวกัน แต่รอยเท้าที่นำทางยังคงปรากฏอยู่เป็นระยะ ๆ ในที่สุด รอยเท้าก็พาพวกเขามาหยุดอยู่หน้า น้ำตกขนาดใหญ่ ที่ตกลงมาจากหน้าผาหิน เสียงน้ำไหลดังกึกก้องจนแทบจะกลบเสียงอื่น ๆ ทั้งหมด บริเวณหน้าผาเต็มไปด้วยมอสสีเขียวเข้มและหินเปียกชื้น "รอยเท้าสิ้นสุดที่นี่..." ดาอิกล่าวด้วยความผิดหวัง ไดชิหรี่ตาลงและสังเกตบริเวณรอบ ๆ อย่างละเอียด ก่อนจะสังเกตเห็นบางอย่างที่ผิดปกติ "ไม่จริง...ดูที่โขดหินข้างน้ำตกนั่นสิ" บนโขดหินมีรอยขีดข่วนบาง ๆ เป็นรูปคลื่นน้ำสามชั้น และข้าง ๆ มีรอยเท้าที่ดูเหมือนจะ หยุดอยู่กับที่ เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปใกล้ ไดชิสัมผัสโขดหินและใช้ผ้ายันต์แห่งความรู้เบา ๆ เพื่อตรวจสอบ "มีทางเข้าอยู่ด้านหลังม่านน้ำตก!" ไดชิอุทาน พวกเขามองหน้ากันด้วยความตื่นเต้นและไม่ลังเลที่จะเดินฝ่าม่านน้ำตกเข้าไปทันที เบื้องหลังม่านน้ำตกคือ ถ้ำขนาดใหญ่ ที่มีอากาศบริสุทธิ์และแห้งสนิท ภายในถ้ำมีแสงสว่างจากตะเกียงน้ำมันส่องสลัว ๆ พื้นถ้ำสะอาดและมีเครื่องมือล่าสัตว์และเครื่องมือทำอาหารวางไว้อย่างเป็นระเบียบ และที่สำคัญที่สุด...พวกเขาเห็น เงาร่าง ของชายหนุ่มลึกลับคนนั้นกำลังนั่งหันหลังให้พวกเขาอยู่ ชายหนุ่มกำลังลับมีดล่าสัตว์อย่างใจเย็น เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เขาจึงวางมีดลง และหันมามองพวกเขาด้วยดวงตาสีน้ำทะเลที่ลึกซึ้ง "ในที่สุดพวกเจ้าก็มาถึงเสียที" ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "ข้าไม่ได้คิดว่าพวกเจ้าจะตามรอยธนูของข้ามาได้ไกลขนาดนี้" "แก...นายคือผู้พิทักษ์ที่แท้จริงใช่ไหม" ดาอิถามอย่างใจจดใจจ่อ ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มที่ดูเหมือนจะทั้งเหนื่อยล้าและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน "ข้ามีชื่อว่า ไคลด์ และข้าเป็นเพียง 'ผู้เฝ้าดู' มานานแล้ว" เขาผายมือเชื้อเชิญให้พวกเขานั่งลง "แต่ก่อนที่เราจะคุยกันเรื่องผ้ายันต์และโชคชะตา...ข้าคิดว่าพวกเจ้าควรไปพบผู้อาวุโสก่อนที่ข้าจะกลับมา" ไคลด์ลุกขึ้นยืน การกระทำของเขาเต็มไปด้วยความสง่างาม "ข้าจะพาพวกเจ้ากลับไปหาปู่เฒ่าดาฟ...ถึงเวลาที่เขาจะได้รู้แล้วว่า ภารกิจของพวกเจ้าได้เปลี่ยนไป"หลังจากทำข้อตกลงกับหัวหน้าเผ่าสึนะ ไคลด์ ไดชิ และดาอิ ก็เริ่มต้นภารกิจที่อันตรายที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเผชิญมา การเดินทางสู่ แหล่งพลังอาคมแห่งเงาที่แท้จริง ซึ่งซ่อนอยู่ลึกใต้เกาะแสงอรุณ มีเพียงไคลด์เท่านั้นที่รู้ทางเข้า ซึ่งต้องเดินทางผ่านทางน้ำใต้ดินที่ซับซ้อน"พวกเราทุกคนต้องรู้ว่าความมืดมิดที่พวกเจ้าเคยทำลายไปนั้น...เป็นแค่ เปลือกนอก ของพลังงานทั้งหมด" ไคลด์กล่าวขณะนำทางพวกเขาไปยังปากถ้ำที่ถูกซ่อนไว้ใต้รากต้นไม้ใหญ่ริมทะเลสาบ "พลังเงาที่แท้จริงไม่ได้มีไว้เพื่อทำลายล้าง แต่มีไว้เพื่อ รักษาสมดุลของผืนดิน เมื่อหลายศตวรรษก่อน ผู้พิทักษ์รุ่นก่อนได้ผนึกมันไว้ไม่ให้ถูกผู้ใดครอบครอง"ปากทางสู่ความมืดปากถ้ำนั้นแคบและมืดมิด มีเพียงแสงจากตะเกียงอาคมที่ดาอิสร้างขึ้นเท่านั้นที่ช่วยให้พวกเขามองเห็นได้ ไคลด์ลงไปในน้ำก่อน ตามมาด้วยไดชิและดาอิ พวกเขาต้องว่ายน้ำตามกระแสน้ำใต้ดินที่เย็นเฉียบและมืดสนิทไปนานหลายนาทีเมื่อกระแสน้ำสงบลง พวกเขาก็พบว่าตัวเองอยู่ใน อุโมงค์หินขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำค้างและเสียงสะท้อนที่น่าขนลุก พื้นผิวของผนังถ้ำเต็มไปด้วย คริสตัลเงาสีดำ ที่ส่องแสงสลัว ๆ บ่งบอกถึงความหน
หลังจากที่พิธีสืบทอดตำแหน่งเสร็จสิ้น ไคลด์ก็กลายเป็นผู้พิทักษ์แห่งเกาะแสงอรุณอย่างเป็นทางการ แต่ภัยคุกคามจากชนเผ่าแห่งเงาก็ยังคงเป็นบาดแผลฉกรรจ์ ไดชิ ดาอิ และไคลด์ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า การเจรจาคือหนทางเดียวที่จะนำความสงบสุขที่แท้จริงมาสู่เกาะนี้พวกเขาตัดสินใจเดินทางไปยัง ป่าสนทมิฬ อีกครั้ง สถานที่ที่พวกเขาเคยถูกซุ่มโจมตี โดยมี ปู่เฒ่าดาฟ ร่วมเดินทางไปด้วยในฐานะตัวแทนของชาวเกาะ"การเจรจานี้อันตรายยิ่งกว่าการต่อสู้กับปีศาจ" ปู่เฒ่าดาฟกล่าวขณะเดินนำ "ความบาดหมางระหว่างเรากับชนเผ่าแห่งเงาฝังรากลึกมาตั้งแต่สมัย จอมเวทแห่งเงามืด ยังเป็นมนุษย์""ท่านปู่ ช่วยเล่าเรื่องราวความบาดหมางนั้นให้พวกเราฟังได้ไหมครับ" ไดชิถาม"ได้สิ..." ปู่เฒ่าดาฟเริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย "ในอดีต จอมเวทที่ทรยศนั้นเคยเป็นหัวหน้ากลุ่มนักเวทที่แข็งแกร่งที่สุดบนเกาะ แต่เขามองว่าชาวเกาะธรรมดาและชนเผ่าแห่งเงาที่อาศัยอยู่ในป่าลึกเป็นเพียง เครื่องมือ และ พลังงาน ที่ไร้ค่า เขาต้องการให้ทุกคนกราบไหว้บูชาเขาเพียงผู้เดียว""แล้วชนเผ่าแห่งเงาเกี่ยวข้องอย่างไรคะ" ดาอิถาม"ชนเผ่าเหล่านั้นเป็นกลุ่มคนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่
หมู่บ้านแสงอรุณกลับมาสู่ความสงบเงียบอีกครั้ง แต่ความเงียบสงบในครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน ๆ มันคือความสงบที่มาพร้อมกับความตึงเครียดและความเตรียมพร้อม ชาวบ้านช่วยกันพาไดชิ ดาอิ และไคลด์ไปที่วิหารเก่า ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่รักษาพยาบาลชั่วคราวบาดแผลและการเยียวยาไคลด์มีอาการหนักที่สุด พิษจากศรของชนเผ่าแห่งเงาได้เริ่มซึมซาบเข้าสู่กระแสเลือดของเขา แม้ร่างกายจะแข็งแกร่งดุจหินผา แต่พิษร้ายก็ทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก"นี่มันพิษจาก พฤกษามรณะ" ปู่เฒ่าดาฟกล่าวขณะที่กำลังทำความสะอาดบาดแผลอย่างระมัดระวัง "ชนเผ่าแห่งเงาใช้สารนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณเพื่อทำให้เหยื่ออ่อนแรง...แต่ดีที่เจ้าเป็นบุตรแห่งทะเล ร่างกายจึงต้านทานได้ดีกว่าคนอื่น"ดาอิที่เฝ้าดูอาการของไคลด์อยู่ไม่ห่างรู้สึกผิดที่เธอไม่สามารถปกป้องเขาได้ เธอจึงตัดสินใจใช้พลังอาคมของตนเองเข้าช่วยในการรักษา ไดชิที่ถูกชนเผ่าทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่แขนและขา ก็พยุงตัวเองมานั่งข้าง ๆ น้องสาว"ดาอิ...บาดแผลของนาย" ไดชิกล่าวด้วยความเป็นห่วง"ฉันไม่เป็นไรหรอกพี่ไดชิ" ดาอิส่ายหน้า เธอจ้องมองไปที่บาดแผลของไคลด์อย่างตั้งใจ ก่อนจะหลับตาลงเพื่
การเดินทางกลับหมู่บ้านเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับ ไคลด์ ผู้พิทักษ์แห่งท้องทะเล ชายหนุ่มลึกลับคนนี้ยังคงเดินนำหน้าอย่างเงียบ ๆ ร่างกายของเขาสง่างามและเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง ราวกับว่าเขาไม่ได้เดินอยู่บนพื้นดิน แต่กำลังล่องลอยไปตามกระแสลม ไดชิและดาอิเดินตามหลังเขาไปอย่างเงียบ ๆ ด้วยความตื่นเต้นและกังวลใจ"ไคลด์..." ไดชิเริ่มต้นบทสนทนาหลังจากที่เดินทางมาได้พักใหญ่ "นายช่วยบอกเราได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นที่ทะเลเมื่อวานนี้ คลื่นนั่นมันไม่ใช่คลื่นธรรมชาติใช่ไหม"ไคลด์ไม่หยุดเดิน แต่ตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยแต่แฝงด้วยความหนักแน่น "คลื่นนั้นคือ การปฏิเสธของจิตวิญญาณแห่งทะเล พวกมันไม่ยอมรับผู้ที่ไม่ได้มาจากท้องทะเลให้เข้าใกล้พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อเห็นว่าพวกเจ้าไม่ยอมแพ้...พวกมันจึงอนุญาตให้ข้าช่วยนำทางพวกเจ้ากลับมา""แล้วศรเพลิงที่ช่วยเราจากอสูรหินล่ะ" ดาอิถามอย่างกระตือรือร้น "นั่นเป็นของนายใช่ไหม"ไคลด์หันมามองพวกเขาเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำทะเลนั้นสบตาไดชิและดาอิอย่างช้า ๆ "ศรนั่นทำจาก ไม้แห่งภูเขาไฟ ที่ไม่ไหม้ไฟ และอาบด้วยพิษแห่งความมืดที่สามารถทำลายสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากพลังตกค้างได้...นั่นคือสิ่งที
หลังจากที่เรือกลับถึงฝั่งอย่างปลอดภัย ไดชิและดาอิรีบวิ่งขึ้นจากหาดทรายทันที หัวใจของพวกเขายังเต้นรัวจากความตื่นเต้นและความฉงนสนเท่ห์ที่ได้เห็นชายหนุ่มลึกลับคนนั้น ชายที่สามารถควบคุมพลังของทะเลและซ่อมแซมเรือได้ในพริบตา"เขา...เขาต้องเป็นผู้พิทักษ์คนต่อไปที่เราตามหาแน่ ๆ!" ดาอิกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดขีด"ใช่" ไดชิพยักหน้าอย่างเห็นด้วย "แต่เขาไม่ได้อยากให้เราเจอเลย และการที่เขาพาเรือเรากลับเข้าฝั่งอย่างรวดเร็วขนาดนี้ หมายความว่าเขาอาจจะมุ่งหน้าสู่ใจกลางเกาะแล้ว"สองพี่น้องตัดสินใจเริ่มต้นการตามล่าทันที โดยมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่พวกเขาเชื่อว่าจะเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสู่ถ้ำของปู่เฒ่าดาฟและหมู่บ้าน ซึ่งพวกเขาเดาว่าชายหนุ่มคนนั้นน่าจะไปที่นั่นก่อนเพื่อพบกับผู้อาวุโสอุปสรรคแรก: ลานหินอัปลักษณ์พวกเขาต้องผ่าน ลานหินอัปลักษณ์ ที่เต็มไปด้วยก้อนหินแหลมคมและเศษซากของต้นไม้ที่ตายแล้ว ซึ่งเคยเป็นอาณาเขตของปีศาจหินก่อนที่เกาะจะฟื้นฟู พวกเขาต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะพื้นผิวที่ลื่นและไม่มั่นคง"ดาอิ ระวังให้ดี" ไดชิเตือนขณะที่ใช้มือจับดาบอาคม "พลังงานมืดที่นี่จางหายไปแล้ว แต่พลังอาคมของธาตุหิน
หลังจากผ่านบททดสอบที่โหดร้ายทั้งสองครั้ง ไดชิและดาอิก็เข้าใจแล้วว่าการค้นหาผู้พิทักษ์ที่แท้จริงไม่ใช่แค่การต่อสู้ แต่เป็นการ ทดสอบปัญญาและจิตวิญญาณ ของผู้ถูกเลือก ไดชิและดาอิใช้เวลาในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนที่สามในการฝึกฝนร่างกายและจิตใจอย่างหนักหน่วง พวกเขาตระหนักว่าอาคมของพวกเขาจำเป็นต้องผสานเข้ากับธรรมชาติอย่างแท้จริงตามคำแนะนำของปู่เฒ่าดาฟและรูฟ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทะเลของเกาะ พวกเขาจึงตัดสินใจพาเรือเล็กออกไปฝึกฝนกลางมหาสมุทร"ท่านปู่บอกว่าพลังที่แท้จริงของเกาะแสงอรุณไม่ได้อยู่บนพื้นดินเท่านั้น แต่อยู่ใน ท้องทะเลที่ลึกที่สุด ด้วย" ดาอิกล่าว ขณะที่เธอกำลังตรวจสอบผืนผ้าใบเรือที่ถูกเย็บอย่างแข็งแรง"ใช่" ไดชิกล่าวพร้อมกับดึงเชือกใบเรือให้ตึง ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยเหงื่อ "ที่นี่คือสถานที่ที่ไม่มีกำแพงและไม่มีภาพลวงตา มีเพียงพลังงานบริสุทธิ์ของคลื่นและลมเท่านั้น"พวกเขาแล่นเรือออกไปไกลจากชายฝั่งหลายชั่วโมงจนมองไม่เห็นเกาะแล้ว มีเพียงผืนน้ำสีครามที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ไดชิปิดตาลง พยายามใช้จิตสัมผัสถึงพลังอาคมที่แผ่กระจายอยู่ใต้น้ำ ในขณะที่ดาอิฝึกร่ายคาถาควบคุมสายลม เพื่อให้เรือ