หลังจากทำข้อตกลงกับหัวหน้าเผ่าสึนะ ไคลด์ ไดชิ และดาอิ ก็เริ่มต้นภารกิจที่อันตรายที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเผชิญมา การเดินทางสู่ แหล่งพลังอาคมแห่งเงาที่แท้จริง ซึ่งซ่อนอยู่ลึกใต้เกาะแสงอรุณ มีเพียงไคลด์เท่านั้นที่รู้ทางเข้า ซึ่งต้องเดินทางผ่านทางน้ำใต้ดินที่ซับซ้อน
"พวกเราทุกคนต้องรู้ว่าความมืดมิดที่พวกเจ้าเคยทำลายไปนั้น...เป็นแค่ เปลือกนอก ของพลังงานทั้งหมด" ไคลด์กล่าวขณะนำทางพวกเขาไปยังปากถ้ำที่ถูกซ่อนไว้ใต้รากต้นไม้ใหญ่ริมทะเลสาบ "พลังเงาที่แท้จริงไม่ได้มีไว้เพื่อทำลายล้าง แต่มีไว้เพื่อ รักษาสมดุลของผืนดิน เมื่อหลายศตวรรษก่อน ผู้พิทักษ์รุ่นก่อนได้ผนึกมันไว้ไม่ให้ถูกผู้ใดครอบครอง" ปากทางสู่ความมืด ปากถ้ำนั้นแคบและมืดมิด มีเพียงแสงจากตะเกียงอาคมที่ดาอิสร้างขึ้นเท่านั้นที่ช่วยให้พวกเขามองเห็นได้ ไคลด์ลงไปในน้ำก่อน ตามมาด้วยไดชิและดาอิ พวกเขาต้องว่ายน้ำตามกระแสน้ำใต้ดินที่เย็นเฉียบและมืดสนิทไปนานหลายนาที เมื่อกระแสน้ำสงบลง พวกเขาก็พบว่าตัวเองอยู่ใน อุโมงค์หินขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำค้างและเสียงสะท้อนที่น่าขนลุก พื้นผิวของผนังถ้ำเต็มไปด้วย คริสตัลเงาสีดำ ที่ส่องแสงสลัว ๆ บ่งบอกถึงความหนาแน่นของพลังอาคมธาตุมืด "พลังงานอาคมที่นี่รุนแรงมาก" ดาอิกระซิบ "ฉันรู้สึกเหมือนผ้ายันต์ในตัวฉันกำลังถูกดึงดูดเข้าไป" "ระวังตัวไว้ให้ดี" ไคลด์กล่าว "ที่นี่คืออาณาจักรของ สิ่งที่ถูกผนึก พวกมันไม่ได้ถูกทำลายไปพร้อมกับจอมเวทแห่งเงามืด" อุปสรรคที่หนึ่ง: ฝูงแมงมุมอาคม ไม่ทันขาดคำ พื้นผิวของผนังถ้ำก็เริ่มสั่นสะเทือน เถาวัลย์สีดำหนาแน่นที่อยู่บนเพดานถ้ำเริ่มเคลื่อนไหว และกลายเป็น ฝูงแมงมุมอาคมขนาดใหญ่ นับร้อยตัว พวกมันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง และพ่นใยสีดำเหนียวหนืดออกมาปิดกั้นทางออกของอุโมงค์ "ใยของพวกมันสามารถตรึงอาคมได้! อย่าให้โดนตัว!" ไคลด์ตะโกนสั่ง เขาหยิบศรเพลิงออกมาจากหลังอย่างรวดเร็ว "วิชาศรเงาสังหาร!" ไคลด์ปล่อยศรออกไปเพียงดอกเดียว แต่ศรนั้นกลับแยกตัวออกเป็นหลายสิบดอกกลางอากาศ พุ่งเข้าใส่แมงมุมทุกตัวอย่างแม่นยำ ศรเพลิงทำให้แมงมุมอาคมสลายไปในพริบตา แต่ก็มีแมงมุมอีกจำนวนมากที่พุ่งเข้ามาแทนที่ "ใช้พลังของธาตุแสง!" ไดชิสั่ง เขาใช้ผ้ายันต์แห่งความกล้าหาญสร้างดาบอาคมที่สว่างวาบราวกับเปลวเพลิง "ดาบเพลิงพิฆาตเงามืด!" เขาฟันดาบออกไปอย่างบ้าคลั่ง สังหารแมงมุมไปได้จำนวนหนึ่ง ดาอิเห็นว่าทางออกถูกปิดกั้นด้วยใยที่เหนียวแน่น เธอจึงใช้ วิชาอ้อมกอดแห่งพฤกษา ที่เธอเพิ่งฝึกมา เธอไม่ได้ใช้มันเพื่อรักษา แต่เธอใช้พลังแห่งการสร้างสรรค์ในการ เปลี่ยนโครงสร้างของใย ดาอิ: "ใยพวกนี้ทำมาจากพลังงานมืด...ฉันจะเปลี่ยนให้มันเป็นแสง!" เธอปล่อยพลังงานสีเขียวนวลบริสุทธิ์เข้าไปในใย แม้จะเหนียวแน่นแค่ไหน ใยเหล่านั้นก็ค่อย ๆ กลายเป็นแสงสีขาวและสลายไปอย่างช้า ๆ ทำให้ทางออกกลับมาเปิดอีกครั้ง การเปิดเผยความสามารถของไคลด์ เมื่อพวกเขาหนีออกมาจากอุโมงค์แมงมุมได้ พวกเขาก็มาถึงบริเวณที่เป็น ทะเลสาบใต้ดินขนาดใหญ่ ที่มีคริสตัลเงาสีดำสะท้อนแสงสลัว ๆ ทำให้มองเห็นใต้น้ำได้อย่างเลือนราง "ข้างหน้าเราคือทางตัน" ไดชิกล่าวด้วยความสงสัย ไคลด์ยิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มที่ดูมั่นใจอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน "ทางตันสำหรับพวกเจ้า...แต่ไม่ใช่สำหรับข้า" จู่ ๆ ร่างของไคลด์ก็ส่องแสงสีฟ้าครามจาง ๆ ก่อนที่เขาจะกระโดดลงไปในน้ำอย่างไม่ลังเล! ไคลด์ไม่ได้ว่ายน้ำ...แต่เขากำลัง "หายใจ" ใต้น้ำ! เขาจมดิ่งลงไปสู่ก้นทะเลสาบอย่างรวดเร็ว และในพริบตานั้น...ไดชิและดาอิก็ได้เห็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์อีกครั้ง ปลาฉลามวาฬ คู่ใจของเขาปรากฏตัวขึ้นจากเงามืดใต้น้ำ มันไม่ได้มาตัวเดียว แต่มาพร้อมกับฝูงสัตว์ทะเลลึกลับนับสิบตัว ไคลด์ยืนอยู่บนหัวของมัน และใช้มือสัมผัสที่ผนังถ้ำ พลังงานสีฟ้าครามจากร่างของเขาถูกส่งผ่านเข้าสู่ผนังถ้ำ โครม! ผนังถ้ำที่ดูแข็งแกร่งราวกับหินผาถูกแยกออกอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นทางเข้าอุโมงค์ใหม่ที่เต็มไปด้วยแสงสว่างสีม่วงเข้ม ไคลด์: (โผล่ขึ้นมาจากน้ำอย่างรวดเร็ว) "รีบเข้า! พลังที่ผนึกไว้กำลังรอพวกเจ้าอยู่!" อุปสรรคที่สอง: เสียงแห่งความสิ้นหวัง เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในอุโมงค์ใหม่ แสงสว่างสีม่วงเข้มก็ทำให้ร่างกายของพวกเขารู้สึกหนักอึ้ง ทันใดนั้น เสียงร้องไห้และเสียงกระซิบกระซาบ แห่งความสิ้นหวังก็ดังขึ้นในหูของพวกเขาอย่างรุนแรง เสียงกระซิบ: "เจ้าไม่มีทางหลุดพ้นจากความมืดได้หรอก...จงยอมรับชะตากรรมของเจ้าเสียเถิด..." ไดชิและดาอิเริ่มอ่อนแรง พวกเขาถูกโจมตีทางจิตใจอย่างหนักหน่วงจนแทบจะทรุดตัวลงไปกับพื้น ไคลด์หันมามองพวกเขาด้วยความกังวล "นี่คือ อาคมแห่งการผนึก มันจะโจมตีจิตใจของพวกเจ้าด้วยความกลัวและความสิ้นหวังทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นบนเกาะนี้!" ไคลด์กล่าว "พวกเจ้าต้องใช้ ความหวัง และ ความกล้าหาญ เท่านั้นที่จะฝ่าฟันมันไปได้!" ไดชิกัดฟัน เขาใช้ผ้ายันต์แห่งความกล้าหาญสร้างบาเรียไหลรอบตัว แต่เสียงกระซิบก็ยังคงทะลุทะลวงเข้ามา เขาเห็นภาพของพ่อแม่ที่กำลังจะตายอีกครั้ง เขาเห็นความล้มเหลวที่ผ่านมาทั้งหมด ไดชิ: "ไม่! ฉันจะไม่ยอมแพ้!" เขาพยายามร่ายคาถา แต่เสียงกระซิบก็ทำให้คำพูดของเขาขาดหายไป ดาอิเห็นพี่ชายของเธอทรมาน เธอตัดสินใจกอดพี่ชายของเธอไว้แน่น และรวบรวมพลังอาคมแห่งความหวังทั้งหมดไว้ที่ผ้ายันต์ "แสงแห่งความหวังที่ไม่ยอมดับสูญ!" แสงสีเขียวนวลบริสุทธิ์ที่รุนแรงแผ่ออกมาจากร่างของดาอิ แสงนั้นไม่ได้ทำลายเสียงกระซิบ แต่กลับ ขับไล่ ความสิ้นหวังออกไปจากจิตใจของพวกเขาอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเสียงกระซิบก็เงียบหายไป พวกเขาทั้งสามคนก็สามารถเดินไปต่อได้อย่างมั่นคง และข้างหน้าพวกเขา...ก็คือ ห้องโถงขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยคริสตัลเงาสีดำขนาดมหึมา ซึ่งเป็นแหล่งพลังอาคมแห่งเงาที่แท้จริงที่ชนเผ่าแห่งเงาเฝ้ารอคอย...หลังจากทำข้อตกลงกับหัวหน้าเผ่าสึนะ ไคลด์ ไดชิ และดาอิ ก็เริ่มต้นภารกิจที่อันตรายที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเผชิญมา การเดินทางสู่ แหล่งพลังอาคมแห่งเงาที่แท้จริง ซึ่งซ่อนอยู่ลึกใต้เกาะแสงอรุณ มีเพียงไคลด์เท่านั้นที่รู้ทางเข้า ซึ่งต้องเดินทางผ่านทางน้ำใต้ดินที่ซับซ้อน"พวกเราทุกคนต้องรู้ว่าความมืดมิดที่พวกเจ้าเคยทำลายไปนั้น...เป็นแค่ เปลือกนอก ของพลังงานทั้งหมด" ไคลด์กล่าวขณะนำทางพวกเขาไปยังปากถ้ำที่ถูกซ่อนไว้ใต้รากต้นไม้ใหญ่ริมทะเลสาบ "พลังเงาที่แท้จริงไม่ได้มีไว้เพื่อทำลายล้าง แต่มีไว้เพื่อ รักษาสมดุลของผืนดิน เมื่อหลายศตวรรษก่อน ผู้พิทักษ์รุ่นก่อนได้ผนึกมันไว้ไม่ให้ถูกผู้ใดครอบครอง"ปากทางสู่ความมืดปากถ้ำนั้นแคบและมืดมิด มีเพียงแสงจากตะเกียงอาคมที่ดาอิสร้างขึ้นเท่านั้นที่ช่วยให้พวกเขามองเห็นได้ ไคลด์ลงไปในน้ำก่อน ตามมาด้วยไดชิและดาอิ พวกเขาต้องว่ายน้ำตามกระแสน้ำใต้ดินที่เย็นเฉียบและมืดสนิทไปนานหลายนาทีเมื่อกระแสน้ำสงบลง พวกเขาก็พบว่าตัวเองอยู่ใน อุโมงค์หินขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำค้างและเสียงสะท้อนที่น่าขนลุก พื้นผิวของผนังถ้ำเต็มไปด้วย คริสตัลเงาสีดำ ที่ส่องแสงสลัว ๆ บ่งบอกถึงความหน
หลังจากที่พิธีสืบทอดตำแหน่งเสร็จสิ้น ไคลด์ก็กลายเป็นผู้พิทักษ์แห่งเกาะแสงอรุณอย่างเป็นทางการ แต่ภัยคุกคามจากชนเผ่าแห่งเงาก็ยังคงเป็นบาดแผลฉกรรจ์ ไดชิ ดาอิ และไคลด์ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า การเจรจาคือหนทางเดียวที่จะนำความสงบสุขที่แท้จริงมาสู่เกาะนี้พวกเขาตัดสินใจเดินทางไปยัง ป่าสนทมิฬ อีกครั้ง สถานที่ที่พวกเขาเคยถูกซุ่มโจมตี โดยมี ปู่เฒ่าดาฟ ร่วมเดินทางไปด้วยในฐานะตัวแทนของชาวเกาะ"การเจรจานี้อันตรายยิ่งกว่าการต่อสู้กับปีศาจ" ปู่เฒ่าดาฟกล่าวขณะเดินนำ "ความบาดหมางระหว่างเรากับชนเผ่าแห่งเงาฝังรากลึกมาตั้งแต่สมัย จอมเวทแห่งเงามืด ยังเป็นมนุษย์""ท่านปู่ ช่วยเล่าเรื่องราวความบาดหมางนั้นให้พวกเราฟังได้ไหมครับ" ไดชิถาม"ได้สิ..." ปู่เฒ่าดาฟเริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย "ในอดีต จอมเวทที่ทรยศนั้นเคยเป็นหัวหน้ากลุ่มนักเวทที่แข็งแกร่งที่สุดบนเกาะ แต่เขามองว่าชาวเกาะธรรมดาและชนเผ่าแห่งเงาที่อาศัยอยู่ในป่าลึกเป็นเพียง เครื่องมือ และ พลังงาน ที่ไร้ค่า เขาต้องการให้ทุกคนกราบไหว้บูชาเขาเพียงผู้เดียว""แล้วชนเผ่าแห่งเงาเกี่ยวข้องอย่างไรคะ" ดาอิถาม"ชนเผ่าเหล่านั้นเป็นกลุ่มคนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่
หมู่บ้านแสงอรุณกลับมาสู่ความสงบเงียบอีกครั้ง แต่ความเงียบสงบในครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน ๆ มันคือความสงบที่มาพร้อมกับความตึงเครียดและความเตรียมพร้อม ชาวบ้านช่วยกันพาไดชิ ดาอิ และไคลด์ไปที่วิหารเก่า ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่รักษาพยาบาลชั่วคราวบาดแผลและการเยียวยาไคลด์มีอาการหนักที่สุด พิษจากศรของชนเผ่าแห่งเงาได้เริ่มซึมซาบเข้าสู่กระแสเลือดของเขา แม้ร่างกายจะแข็งแกร่งดุจหินผา แต่พิษร้ายก็ทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก"นี่มันพิษจาก พฤกษามรณะ" ปู่เฒ่าดาฟกล่าวขณะที่กำลังทำความสะอาดบาดแผลอย่างระมัดระวัง "ชนเผ่าแห่งเงาใช้สารนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณเพื่อทำให้เหยื่ออ่อนแรง...แต่ดีที่เจ้าเป็นบุตรแห่งทะเล ร่างกายจึงต้านทานได้ดีกว่าคนอื่น"ดาอิที่เฝ้าดูอาการของไคลด์อยู่ไม่ห่างรู้สึกผิดที่เธอไม่สามารถปกป้องเขาได้ เธอจึงตัดสินใจใช้พลังอาคมของตนเองเข้าช่วยในการรักษา ไดชิที่ถูกชนเผ่าทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่แขนและขา ก็พยุงตัวเองมานั่งข้าง ๆ น้องสาว"ดาอิ...บาดแผลของนาย" ไดชิกล่าวด้วยความเป็นห่วง"ฉันไม่เป็นไรหรอกพี่ไดชิ" ดาอิส่ายหน้า เธอจ้องมองไปที่บาดแผลของไคลด์อย่างตั้งใจ ก่อนจะหลับตาลงเพื่
การเดินทางกลับหมู่บ้านเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับ ไคลด์ ผู้พิทักษ์แห่งท้องทะเล ชายหนุ่มลึกลับคนนี้ยังคงเดินนำหน้าอย่างเงียบ ๆ ร่างกายของเขาสง่างามและเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง ราวกับว่าเขาไม่ได้เดินอยู่บนพื้นดิน แต่กำลังล่องลอยไปตามกระแสลม ไดชิและดาอิเดินตามหลังเขาไปอย่างเงียบ ๆ ด้วยความตื่นเต้นและกังวลใจ"ไคลด์..." ไดชิเริ่มต้นบทสนทนาหลังจากที่เดินทางมาได้พักใหญ่ "นายช่วยบอกเราได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นที่ทะเลเมื่อวานนี้ คลื่นนั่นมันไม่ใช่คลื่นธรรมชาติใช่ไหม"ไคลด์ไม่หยุดเดิน แต่ตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยแต่แฝงด้วยความหนักแน่น "คลื่นนั้นคือ การปฏิเสธของจิตวิญญาณแห่งทะเล พวกมันไม่ยอมรับผู้ที่ไม่ได้มาจากท้องทะเลให้เข้าใกล้พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อเห็นว่าพวกเจ้าไม่ยอมแพ้...พวกมันจึงอนุญาตให้ข้าช่วยนำทางพวกเจ้ากลับมา""แล้วศรเพลิงที่ช่วยเราจากอสูรหินล่ะ" ดาอิถามอย่างกระตือรือร้น "นั่นเป็นของนายใช่ไหม"ไคลด์หันมามองพวกเขาเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำทะเลนั้นสบตาไดชิและดาอิอย่างช้า ๆ "ศรนั่นทำจาก ไม้แห่งภูเขาไฟ ที่ไม่ไหม้ไฟ และอาบด้วยพิษแห่งความมืดที่สามารถทำลายสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากพลังตกค้างได้...นั่นคือสิ่งที
หลังจากที่เรือกลับถึงฝั่งอย่างปลอดภัย ไดชิและดาอิรีบวิ่งขึ้นจากหาดทรายทันที หัวใจของพวกเขายังเต้นรัวจากความตื่นเต้นและความฉงนสนเท่ห์ที่ได้เห็นชายหนุ่มลึกลับคนนั้น ชายที่สามารถควบคุมพลังของทะเลและซ่อมแซมเรือได้ในพริบตา"เขา...เขาต้องเป็นผู้พิทักษ์คนต่อไปที่เราตามหาแน่ ๆ!" ดาอิกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดขีด"ใช่" ไดชิพยักหน้าอย่างเห็นด้วย "แต่เขาไม่ได้อยากให้เราเจอเลย และการที่เขาพาเรือเรากลับเข้าฝั่งอย่างรวดเร็วขนาดนี้ หมายความว่าเขาอาจจะมุ่งหน้าสู่ใจกลางเกาะแล้ว"สองพี่น้องตัดสินใจเริ่มต้นการตามล่าทันที โดยมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่พวกเขาเชื่อว่าจะเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสู่ถ้ำของปู่เฒ่าดาฟและหมู่บ้าน ซึ่งพวกเขาเดาว่าชายหนุ่มคนนั้นน่าจะไปที่นั่นก่อนเพื่อพบกับผู้อาวุโสอุปสรรคแรก: ลานหินอัปลักษณ์พวกเขาต้องผ่าน ลานหินอัปลักษณ์ ที่เต็มไปด้วยก้อนหินแหลมคมและเศษซากของต้นไม้ที่ตายแล้ว ซึ่งเคยเป็นอาณาเขตของปีศาจหินก่อนที่เกาะจะฟื้นฟู พวกเขาต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะพื้นผิวที่ลื่นและไม่มั่นคง"ดาอิ ระวังให้ดี" ไดชิเตือนขณะที่ใช้มือจับดาบอาคม "พลังงานมืดที่นี่จางหายไปแล้ว แต่พลังอาคมของธาตุหิน
หลังจากผ่านบททดสอบที่โหดร้ายทั้งสองครั้ง ไดชิและดาอิก็เข้าใจแล้วว่าการค้นหาผู้พิทักษ์ที่แท้จริงไม่ใช่แค่การต่อสู้ แต่เป็นการ ทดสอบปัญญาและจิตวิญญาณ ของผู้ถูกเลือก ไดชิและดาอิใช้เวลาในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนที่สามในการฝึกฝนร่างกายและจิตใจอย่างหนักหน่วง พวกเขาตระหนักว่าอาคมของพวกเขาจำเป็นต้องผสานเข้ากับธรรมชาติอย่างแท้จริงตามคำแนะนำของปู่เฒ่าดาฟและรูฟ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทะเลของเกาะ พวกเขาจึงตัดสินใจพาเรือเล็กออกไปฝึกฝนกลางมหาสมุทร"ท่านปู่บอกว่าพลังที่แท้จริงของเกาะแสงอรุณไม่ได้อยู่บนพื้นดินเท่านั้น แต่อยู่ใน ท้องทะเลที่ลึกที่สุด ด้วย" ดาอิกล่าว ขณะที่เธอกำลังตรวจสอบผืนผ้าใบเรือที่ถูกเย็บอย่างแข็งแรง"ใช่" ไดชิกล่าวพร้อมกับดึงเชือกใบเรือให้ตึง ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยเหงื่อ "ที่นี่คือสถานที่ที่ไม่มีกำแพงและไม่มีภาพลวงตา มีเพียงพลังงานบริสุทธิ์ของคลื่นและลมเท่านั้น"พวกเขาแล่นเรือออกไปไกลจากชายฝั่งหลายชั่วโมงจนมองไม่เห็นเกาะแล้ว มีเพียงผืนน้ำสีครามที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ไดชิปิดตาลง พยายามใช้จิตสัมผัสถึงพลังอาคมที่แผ่กระจายอยู่ใต้น้ำ ในขณะที่ดาอิฝึกร่ายคาถาควบคุมสายลม เพื่อให้เรือ