Home / แฟนตาซี / 5/B เกาะร้างต้องคำสาป / พลังแห่งความมืดที่กลืนกินแสงสว่าง

Share

พลังแห่งความมืดที่กลืนกินแสงสว่าง

last update Last Updated: 2025-08-31 22:23:08

แสงสลัวจากกองไฟเต้นระริกไปตามผนังถ้ำ ทำให้ใบหน้าของรูฟดูเศร้าหมองลงไปกว่าเดิม เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ราวกับจะรวบรวมความกล้าที่จะย้อนกลับไปเล่าเรื่องราวที่น่าเศร้าของชนเผ่าของเขาให้สองฝาแฝดฟัง ไดชิและดาอิเงียบฟังอย่างตั้งใจ ใบหน้าของพวกเขามีร่องรอยของความเห็นใจและตั้งใจที่จะรับฟังเรื่องราวทั้งหมด

"เมื่อก่อน...เกาะแห่งนี้เคยเป็นเหมือนสวรรค์บนดิน" รูฟเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน "ผืนดินของเราอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้และพืชพรรณนานาชนิดเติบโตอย่างงดงาม สัตว์ป่าอยู่ร่วมกับเราอย่างสงบสุข เราไม่เคยมีศัตรู...และไม่เคยรู้จักคำว่าความหวาดกลัว"

"ชนเผ่าอายาเป็นผู้พิทักษ์ของผืนป่าและทะเล เรามีหน้าที่ในการดูแลรักษาสมดุลของธรรมชาติ และสืบทอดความรู้โบราณจากบรรพบุรุษของเรา" รูฟกล่าวพร้อมกับชี้ไปที่สัญลักษณ์รูปปีกนกที่ถูกแกะสลักอยู่บนผนังถ้ำ "เราเชื่อว่าวันหนึ่งจะมีผู้ถูกเลือกที่จะมาเป็นผู้พิทักษ์คนใหม่...เพื่อรับผิดชอบหน้าที่ในการปกป้องโลกใบนี้"

"แล้วเกิดอะไรขึ้นครับ?" ไดชิถามอย่างสงสัย

"ความโลภของมนุษย์..." รูฟตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเศร้า "เมื่อนานมาแล้ว มีเรือลำหนึ่งมาขึ้นฝั่งบนเกาะของเรา พวกเขาไม่ได้มาเพื่อล่าสัตว์หรือหาอาหาร แต่มาเพื่อตามหา 'พลัง' ที่บรรพบุรุษของเราซ่อนไว้บนเกาะแห่งนี้ พวกเขาทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางทาง...จนกระทั่งพวกเขาได้พบกับ 'หีบแห่งพลัง' ที่เป็นกุญแจสำคัญในการควบคุมประตูมิติ"

"หีบแห่งพลัง..." ดาอิพึมพำด้วยความตกใจ เธอนึกถึงหีบปริศนาที่พวกเขานำติดตัวมาด้วย

"ใช่...หีบนั้นเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงระหว่างโลกของเรากับอีกมิติหนึ่ง เมื่อคนเหล่านั้นค้นพบมัน พวกเขาก็พยายามที่จะใช้พลังของมันในการควบคุมปีศาจ แต่พวกเขาก็ล้มเหลว...และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ" รูฟกล่าวพร้อมกับกำมือแน่น

"พวกเขาไม่ได้เพียงแค่ทำลายผนึกของหีบ แต่ยังทำลายความสมดุลของประตูมิติด้วย" รูฟกล่าวต่อ "มันทำให้รอยแยกมิติเริ่มเปิดออก...และเหล่า เงาปีศาจ ก็เริ่มที่จะพุ่งออกมาจากรอยแยกมิตินั้นอย่างไม่หยุดยั้ง"

"ในตอนแรก...เราคิดว่าพวกมันเป็นเพียงแค่สัตว์ประหลาดที่หลงทางเข้ามา" รูฟกล่าว "แต่แล้ว...เราก็พบว่าพวกมันไม่ได้มาเพื่อทำลาย...แต่มาเพื่อ ครอบงำ"

"ครอบงำ?" ไดชิและดาอิถามพร้อมกันอย่างไม่เข้าใจ

"ใช่...พวกมันเป็นเหมือนปรสิตที่ไม่มีตัวตน พวกมันจะเข้าไปในร่างกายของสิ่งมีชีวิตและควบคุมจิตใจของพวกมัน ทำให้พวกมันกลายเป็นหุ่นเชิดที่ไร้วิญญาณ" รูฟกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ "ในวันแรก...เราเห็นพวกมันเข้าโจมตีสัตว์ป่า...และเมื่อสัตว์ป่าถูกครอบงำ...พวกมันก็กลายเป็นปีศาจร้ายที่ทำร้ายเรา"

"และวันต่อมา...พวกมันก็เริ่มที่จะเข้าโจมตีชาวบ้าน" รูฟกล่าวต่อ "เราพยายามที่จะต่อสู้...แต่ก็ไม่เป็นผล พวกมันมีจำนวนมากเกินไป และเราก็ไม่สามารถทำร้ายพวกเขาได้เลยแม้แต่น้อย...เพราะพวกเขายังคงเป็นคนในครอบครัวของเรา"

"ในที่สุด...เราก็ต้องตัดสินใจที่จะหนี" รูฟกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเศร้า "เราหนีมาที่ถ้ำแห่งนี้ ซึ่งเป็นที่เดียวบนเกาะที่เราสามารถหลบซ่อนตัวจากพวกมันได้...แต่ก็ต้องแลกกับการที่เราต้องทอดทิ้งคนที่เรารักไว้ข้างหลัง"

"แล้ว...ผ้ายันต์นี้ล่ะครับ?" ดาอิถามอย่างสงสัย "ทำไมมันถึงช่วยพวกท่านได้?"

"ผ้ายันต์นี้เป็นของขวัญที่บรรพบุรุษของเราให้มา" รูฟกล่าวพร้อมกับชี้ไปที่ผ้ายันต์สีแดงที่ติดอยู่บนผนังถ้ำ "มันถูกทำขึ้นจาก ขนนกแห่งแสง ของนกผู้พิทักษ์ มันมีพลังในการสร้าง บาเรีย ที่แข็งแกร่งพอที่จะป้องกันปีศาจเหล่านั้นได้"

"บาเรียนี้เป็นความหวังสุดท้ายของเรา" รูฟกล่าว "มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เรายังคงมีชีวิตอยู่ได้...แต่ก็แลกกับการที่เราต้องใช้ชีวิตอยู่ในความมืดมิด...โดยที่ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า"

"แล้ว...ทำไมถึงมีแค่ห้าผืนครับ?" ไดชิถามอย่างไม่เข้าใจ

"เพราะบรรพบุรุษของเราได้ฉีกผ้ายันต์ออกเป็นหกส่วน" รูฟกล่าวพร้อมกับชี้ไปที่ผ้ายันต์สีแดงที่ติดอยู่บนผนังถ้ำ "ส่วนที่หก...พวกเขาได้นำไปผนึกไว้ในหีบแห่งพลัง...เพื่อไม่ให้มีใครสามารถใช้พลังของมันได้ง่ายๆ"

"และนั่นเป็นสาเหตุที่พวกเจ้าถูกส่งมาที่นี่" รูฟกล่าวพร้อมกับมองไปที่ไดชิและดาอิด้วยความหวัง "พวกเจ้าคือผู้ถูกเลือก...ผู้ที่จะต้องสานต่อภารกิจที่บรรพบุรุษของเรายังทำไม่สำเร็จ"

"ภารกิจอะไรครับ?" ดาอิถามอย่างสงสัย

"ภารกิจในการตามหาผ้ายันต์ที่เหลืออีกสี่ผืน" รูฟกล่าว "พวกมันถูกซ่อนไว้ในสถานที่ต่างๆ บนเกาะแห่งนี้ และเมื่อพวกเจ้ารวบรวมมันได้ทั้งหมด...พวกเจ้าก็จะสามารถเพิ่มพลังให้กับบาเรียนี้ได้...และทำลายปีศาจเหล่านั้นให้หมดสิ้นไปจากโลกใบนี้"

"เราจะทำได้ยังไงครับ? เราไม่รู้ว่าผ้ายันต์ที่เหลืออยู่มันซ่อนอยู่ที่ไหนเลย" ไดชิกล่าวด้วยความกังวล

"ไม่ต้องห่วง..." เสียงของปู่เฒ่าดาฟดังขึ้นอย่างแผ่วเบา เขาค่อยๆ เดินเข้ามาหาพวกเขาพร้อมกับยื่นคัมภีร์เล่มหนึ่งให้พวกเขา คัมภีร์เล่มนั้นถูกทำขึ้นจากกระดาษสาโบราณและมีกลิ่นหอมของสมุนไพรที่อบอวลไปทั่วทั้งถ้ำ

"นี่คือ ตำราแห่งแสง ของชนเผ่าอายา" ปู่เฒ่าดาฟกล่าว "มันจะนำทางพวกเจ้าไปสู่ผ้ายันต์ที่เหลืออยู่"

"ในตำราเล่มนี้...มีทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเจ้าต้องการรู้" ปู่เฒ่าดาฟกล่าวต่อ "มันมีเรื่องราวของผ้ายันต์ทั้งห้าผืน...สถานที่ที่มันถูกซ่อนอยู่...และวิธีที่จะใช้พลังของมันในการทำลายปีศาจเหล่านั้น"

"แล้ว...พวกเราต้องทำอะไรบ้างครับ?" ดาอิถามอย่างตื่นเต้น

"พวกเจ้าจะต้องออกเดินทางตามหาผ้ายันต์ที่เหลืออีกสี่ผืน" ปู่เฒ่าดาฟกล่าว "แต่ละผืนถูกซ่อนไว้ในสถานที่ที่อันตรายที่สุดบนเกาะแห่งนี้...และถูกปกป้องโดยเหล่าปีศาจที่ทรงพลัง"

"แล้วผ้ายันต์แต่ละผืนมันทำหน้าที่อะไรครับ?" ไดชิถามอย่างสงสัย

"ผ้ายันต์แต่ละผืนมีพลังที่แตกต่างกันออกไป" ปู่เฒ่าดาฟกล่าว "ผืนแรก...ผ้ายันต์แห่งความหวัง ที่พวกเจ้าเห็นอยู่ตรงหน้า...มันมีพลังในการสร้างบาเรียและปกป้องพวกเราจากปีศาจ"

"ผืนที่สอง...ผ้ายันต์แห่งความกล้าหาญ...มันถูกซ่อนอยู่ใน หอคอยแห่งเงามืด ที่อยู่ทางทิศเหนือของเกาะ...มันมีพลังในการขับไล่ปีศาจและสร้างแสงสว่าง"

"ผืนที่สาม...ผ้ายันต์แห่งความรู้...มันถูกซ่อนอยู่ใน ถ้ำแห่งความเงียบงัน ที่อยู่ทางทิศใต้ของเกาะ...มันมีพลังในการสื่อสารกับวิญญาณของผู้พิทักษ์และรู้ความลับของปีศาจ"

"ผืนที่สี่...ผ้ายันต์แห่งการเสียสละ...มันถูกซ่อนอยู่ใน ภูเขาไฟที่ดับแล้ว ที่อยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะ...มันมีพลังในการทำลายปีศาจได้อย่างสิ้นซาก"

"และผืนที่ห้า...ผ้ายันต์แห่งความสมดุล...มันถูกซ่อนอยู่ใน วิหารแห่งแสง ที่อยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดของเกาะ...มันมีพลังในการสร้างสมดุลให้กับโลกใบนี้และปิดประตูมิติได้อย่างสมบูรณ์แบบ"

"แล้วผืนที่หก...ล่ะครับ?" ไดชิถามอย่างสงสัย

"ผืนที่หก...ถูกซ่อนไว้ในหีบปริศนา" ปู่เฒ่าดาฟกล่าว "มันคือ ผ้ายันต์แห่งมิตรภาพ...มันมีพลังในการเชื่อมโยงระหว่างผู้พิทักษ์และพลังแห่งแสง...และมันก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด"

"พวกเจ้าจะต้องรวบรวมผ้ายันต์ทั้งห้าผืนให้ได้ และนำมันกลับมาที่วิหารแห่งแสงเพื่อผนึกรวมกัน" ปู่เฒ่าดาฟกล่าว "เมื่อนั้น...พวกเจ้าก็จะสามารถทำลายปีศาจเหล่านั้นและนำความสงบสุขกลับมาสู่เกาะแห่งนี้ได้"

"แต่เรา...เราจะทำได้ยังไง?" ดาอิถามด้วยความกังวล "มันอันตรายเกินไป"

"ไม่ต้องห่วง..." รูฟกล่าวพร้อมกับยื่นหอกที่ทำจากไม้ให้ไดชิ และคันธนูที่ทำจากไม้ให้ดาอิ "เราจะช่วยพวกเจ้า"

"อาวุธเหล่านี้...ถูกทำขึ้นจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของชนเผ่าอายา" รูฟกล่าว "มันมีพลังในการทำลายปีศาจเหล่านั้นได้อย่างรุนแรง"

"และเราจะมอบ เข็มทิศแห่งแสง ให้พวกเจ้า" ปู่เฒ่าดาฟกล่าวพร้อมกับยื่นเข็มทิศขนาดเล็กให้พวกเขา "มันจะนำทางพวกเจ้าไปสู่สถานที่ที่ผ้ายันต์ถูกซ่อนอยู่"

"เราจะทำมันให้สำเร็จ" ไดชิกล่าวพร้อมกับมองไปที่ดาบอาคมของเขา "เราจะนำความสงบสุขกลับมาสู่เกาะแห่งนี้ให้ได้"

"ใช่แล้ว..." ดาอิกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน "เราจะทำมันให้สำเร็จ"

ทั้งสองสบตากันด้วยความมุ่งมั่นที่จะไม่ยอมแพ้ พวกเขารู้ดีว่าภารกิจที่แท้จริงเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น และการเดินทางของพวกเขาจะเต็มไปด้วยอันตรายและอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เคยเจอมาอย่างแน่นอน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • 5/B เกาะร้างต้องคำสาป   ความลับ

    หลังจากทำข้อตกลงกับหัวหน้าเผ่าสึนะ ไคลด์ ไดชิ และดาอิ ก็เริ่มต้นภารกิจที่อันตรายที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเผชิญมา การเดินทางสู่ แหล่งพลังอาคมแห่งเงาที่แท้จริง ซึ่งซ่อนอยู่ลึกใต้เกาะแสงอรุณ มีเพียงไคลด์เท่านั้นที่รู้ทางเข้า ซึ่งต้องเดินทางผ่านทางน้ำใต้ดินที่ซับซ้อน"พวกเราทุกคนต้องรู้ว่าความมืดมิดที่พวกเจ้าเคยทำลายไปนั้น...เป็นแค่ เปลือกนอก ของพลังงานทั้งหมด" ไคลด์กล่าวขณะนำทางพวกเขาไปยังปากถ้ำที่ถูกซ่อนไว้ใต้รากต้นไม้ใหญ่ริมทะเลสาบ "พลังเงาที่แท้จริงไม่ได้มีไว้เพื่อทำลายล้าง แต่มีไว้เพื่อ รักษาสมดุลของผืนดิน เมื่อหลายศตวรรษก่อน ผู้พิทักษ์รุ่นก่อนได้ผนึกมันไว้ไม่ให้ถูกผู้ใดครอบครอง"ปากทางสู่ความมืดปากถ้ำนั้นแคบและมืดมิด มีเพียงแสงจากตะเกียงอาคมที่ดาอิสร้างขึ้นเท่านั้นที่ช่วยให้พวกเขามองเห็นได้ ไคลด์ลงไปในน้ำก่อน ตามมาด้วยไดชิและดาอิ พวกเขาต้องว่ายน้ำตามกระแสน้ำใต้ดินที่เย็นเฉียบและมืดสนิทไปนานหลายนาทีเมื่อกระแสน้ำสงบลง พวกเขาก็พบว่าตัวเองอยู่ใน อุโมงค์หินขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำค้างและเสียงสะท้อนที่น่าขนลุก พื้นผิวของผนังถ้ำเต็มไปด้วย คริสตัลเงาสีดำ ที่ส่องแสงสลัว ๆ บ่งบอกถึงความหน

  • 5/B เกาะร้างต้องคำสาป   สันติภาพ

    หลังจากที่พิธีสืบทอดตำแหน่งเสร็จสิ้น ไคลด์ก็กลายเป็นผู้พิทักษ์แห่งเกาะแสงอรุณอย่างเป็นทางการ แต่ภัยคุกคามจากชนเผ่าแห่งเงาก็ยังคงเป็นบาดแผลฉกรรจ์ ไดชิ ดาอิ และไคลด์ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า การเจรจาคือหนทางเดียวที่จะนำความสงบสุขที่แท้จริงมาสู่เกาะนี้พวกเขาตัดสินใจเดินทางไปยัง ป่าสนทมิฬ อีกครั้ง สถานที่ที่พวกเขาเคยถูกซุ่มโจมตี โดยมี ปู่เฒ่าดาฟ ร่วมเดินทางไปด้วยในฐานะตัวแทนของชาวเกาะ"การเจรจานี้อันตรายยิ่งกว่าการต่อสู้กับปีศาจ" ปู่เฒ่าดาฟกล่าวขณะเดินนำ "ความบาดหมางระหว่างเรากับชนเผ่าแห่งเงาฝังรากลึกมาตั้งแต่สมัย จอมเวทแห่งเงามืด ยังเป็นมนุษย์""ท่านปู่ ช่วยเล่าเรื่องราวความบาดหมางนั้นให้พวกเราฟังได้ไหมครับ" ไดชิถาม"ได้สิ..." ปู่เฒ่าดาฟเริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย "ในอดีต จอมเวทที่ทรยศนั้นเคยเป็นหัวหน้ากลุ่มนักเวทที่แข็งแกร่งที่สุดบนเกาะ แต่เขามองว่าชาวเกาะธรรมดาและชนเผ่าแห่งเงาที่อาศัยอยู่ในป่าลึกเป็นเพียง เครื่องมือ และ พลังงาน ที่ไร้ค่า เขาต้องการให้ทุกคนกราบไหว้บูชาเขาเพียงผู้เดียว""แล้วชนเผ่าแห่งเงาเกี่ยวข้องอย่างไรคะ" ดาอิถาม"ชนเผ่าเหล่านั้นเป็นกลุ่มคนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่

  • 5/B เกาะร้างต้องคำสาป   การรับตำแหน่ง

    หมู่บ้านแสงอรุณกลับมาสู่ความสงบเงียบอีกครั้ง แต่ความเงียบสงบในครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน ๆ มันคือความสงบที่มาพร้อมกับความตึงเครียดและความเตรียมพร้อม ชาวบ้านช่วยกันพาไดชิ ดาอิ และไคลด์ไปที่วิหารเก่า ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่รักษาพยาบาลชั่วคราวบาดแผลและการเยียวยาไคลด์มีอาการหนักที่สุด พิษจากศรของชนเผ่าแห่งเงาได้เริ่มซึมซาบเข้าสู่กระแสเลือดของเขา แม้ร่างกายจะแข็งแกร่งดุจหินผา แต่พิษร้ายก็ทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก"นี่มันพิษจาก พฤกษามรณะ" ปู่เฒ่าดาฟกล่าวขณะที่กำลังทำความสะอาดบาดแผลอย่างระมัดระวัง "ชนเผ่าแห่งเงาใช้สารนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณเพื่อทำให้เหยื่ออ่อนแรง...แต่ดีที่เจ้าเป็นบุตรแห่งทะเล ร่างกายจึงต้านทานได้ดีกว่าคนอื่น"ดาอิที่เฝ้าดูอาการของไคลด์อยู่ไม่ห่างรู้สึกผิดที่เธอไม่สามารถปกป้องเขาได้ เธอจึงตัดสินใจใช้พลังอาคมของตนเองเข้าช่วยในการรักษา ไดชิที่ถูกชนเผ่าทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่แขนและขา ก็พยุงตัวเองมานั่งข้าง ๆ น้องสาว"ดาอิ...บาดแผลของนาย" ไดชิกล่าวด้วยความเป็นห่วง"ฉันไม่เป็นไรหรอกพี่ไดชิ" ดาอิส่ายหน้า เธอจ้องมองไปที่บาดแผลของไคลด์อย่างตั้งใจ ก่อนจะหลับตาลงเพื่

  • 5/B เกาะร้างต้องคำสาป   เพลิงแค้นของชนเผ่า

    การเดินทางกลับหมู่บ้านเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับ ไคลด์ ผู้พิทักษ์แห่งท้องทะเล ชายหนุ่มลึกลับคนนี้ยังคงเดินนำหน้าอย่างเงียบ ๆ ร่างกายของเขาสง่างามและเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง ราวกับว่าเขาไม่ได้เดินอยู่บนพื้นดิน แต่กำลังล่องลอยไปตามกระแสลม ไดชิและดาอิเดินตามหลังเขาไปอย่างเงียบ ๆ ด้วยความตื่นเต้นและกังวลใจ"ไคลด์..." ไดชิเริ่มต้นบทสนทนาหลังจากที่เดินทางมาได้พักใหญ่ "นายช่วยบอกเราได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นที่ทะเลเมื่อวานนี้ คลื่นนั่นมันไม่ใช่คลื่นธรรมชาติใช่ไหม"ไคลด์ไม่หยุดเดิน แต่ตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยแต่แฝงด้วยความหนักแน่น "คลื่นนั้นคือ การปฏิเสธของจิตวิญญาณแห่งทะเล พวกมันไม่ยอมรับผู้ที่ไม่ได้มาจากท้องทะเลให้เข้าใกล้พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อเห็นว่าพวกเจ้าไม่ยอมแพ้...พวกมันจึงอนุญาตให้ข้าช่วยนำทางพวกเจ้ากลับมา""แล้วศรเพลิงที่ช่วยเราจากอสูรหินล่ะ" ดาอิถามอย่างกระตือรือร้น "นั่นเป็นของนายใช่ไหม"ไคลด์หันมามองพวกเขาเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำทะเลนั้นสบตาไดชิและดาอิอย่างช้า ๆ "ศรนั่นทำจาก ไม้แห่งภูเขาไฟ ที่ไม่ไหม้ไฟ และอาบด้วยพิษแห่งความมืดที่สามารถทำลายสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากพลังตกค้างได้...นั่นคือสิ่งที

  • 5/B เกาะร้างต้องคำสาป   ร่องรอย

    หลังจากที่เรือกลับถึงฝั่งอย่างปลอดภัย ไดชิและดาอิรีบวิ่งขึ้นจากหาดทรายทันที หัวใจของพวกเขายังเต้นรัวจากความตื่นเต้นและความฉงนสนเท่ห์ที่ได้เห็นชายหนุ่มลึกลับคนนั้น ชายที่สามารถควบคุมพลังของทะเลและซ่อมแซมเรือได้ในพริบตา"เขา...เขาต้องเป็นผู้พิทักษ์คนต่อไปที่เราตามหาแน่ ๆ!" ดาอิกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดขีด"ใช่" ไดชิพยักหน้าอย่างเห็นด้วย "แต่เขาไม่ได้อยากให้เราเจอเลย และการที่เขาพาเรือเรากลับเข้าฝั่งอย่างรวดเร็วขนาดนี้ หมายความว่าเขาอาจจะมุ่งหน้าสู่ใจกลางเกาะแล้ว"สองพี่น้องตัดสินใจเริ่มต้นการตามล่าทันที โดยมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่พวกเขาเชื่อว่าจะเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสู่ถ้ำของปู่เฒ่าดาฟและหมู่บ้าน ซึ่งพวกเขาเดาว่าชายหนุ่มคนนั้นน่าจะไปที่นั่นก่อนเพื่อพบกับผู้อาวุโสอุปสรรคแรก: ลานหินอัปลักษณ์พวกเขาต้องผ่าน ลานหินอัปลักษณ์ ที่เต็มไปด้วยก้อนหินแหลมคมและเศษซากของต้นไม้ที่ตายแล้ว ซึ่งเคยเป็นอาณาเขตของปีศาจหินก่อนที่เกาะจะฟื้นฟู พวกเขาต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะพื้นผิวที่ลื่นและไม่มั่นคง"ดาอิ ระวังให้ดี" ไดชิเตือนขณะที่ใช้มือจับดาบอาคม "พลังงานมืดที่นี่จางหายไปแล้ว แต่พลังอาคมของธาตุหิน

  • 5/B เกาะร้างต้องคำสาป   คลื่นคำราม

    หลังจากผ่านบททดสอบที่โหดร้ายทั้งสองครั้ง ไดชิและดาอิก็เข้าใจแล้วว่าการค้นหาผู้พิทักษ์ที่แท้จริงไม่ใช่แค่การต่อสู้ แต่เป็นการ ทดสอบปัญญาและจิตวิญญาณ ของผู้ถูกเลือก ไดชิและดาอิใช้เวลาในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนที่สามในการฝึกฝนร่างกายและจิตใจอย่างหนักหน่วง พวกเขาตระหนักว่าอาคมของพวกเขาจำเป็นต้องผสานเข้ากับธรรมชาติอย่างแท้จริงตามคำแนะนำของปู่เฒ่าดาฟและรูฟ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทะเลของเกาะ พวกเขาจึงตัดสินใจพาเรือเล็กออกไปฝึกฝนกลางมหาสมุทร"ท่านปู่บอกว่าพลังที่แท้จริงของเกาะแสงอรุณไม่ได้อยู่บนพื้นดินเท่านั้น แต่อยู่ใน ท้องทะเลที่ลึกที่สุด ด้วย" ดาอิกล่าว ขณะที่เธอกำลังตรวจสอบผืนผ้าใบเรือที่ถูกเย็บอย่างแข็งแรง"ใช่" ไดชิกล่าวพร้อมกับดึงเชือกใบเรือให้ตึง ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยเหงื่อ "ที่นี่คือสถานที่ที่ไม่มีกำแพงและไม่มีภาพลวงตา มีเพียงพลังงานบริสุทธิ์ของคลื่นและลมเท่านั้น"พวกเขาแล่นเรือออกไปไกลจากชายฝั่งหลายชั่วโมงจนมองไม่เห็นเกาะแล้ว มีเพียงผืนน้ำสีครามที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ไดชิปิดตาลง พยายามใช้จิตสัมผัสถึงพลังอาคมที่แผ่กระจายอยู่ใต้น้ำ ในขณะที่ดาอิฝึกร่ายคาถาควบคุมสายลม เพื่อให้เรือ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status