แสงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณส่องประกายเรืองรองบนผืนทะเลสีครามที่เคยสงบเงียบ ไดชิและดาอิยืนอยู่เบื้องหน้าประตูมิติที่เรืองแสงสีครามอยู่ตรงหน้า ประตูมิติที่เคยนำพาพวกเขาสู่เกาะมรณะแห่งนี้ กำลังจะนำพวกเขากลับสู่บ้านที่แสนปลอดภัยอีกครั้ง
"ในที่สุด..." ดาอิพึมพำด้วยความโล่งใจ เธอเหลือบมองไปที่ขวดกักเก็บดวงวิญญาณปีศาจที่เหน็บอยู่ข้างเอว และรอยยิ้มบางๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ "เราทำภารกิจสำเร็จแล้วนะไดชิ" "อืม...สำเร็จแล้ว" ไดชิกล่าวพร้อมกับพยักหน้าให้เธอ เขากำดาบอาคมในมือแน่น ก่อนที่จะเก็บมันเข้าในฝักอย่างระมัดระวัง ทั้งสองจับมือกันแน่น และเตรียมที่จะก้าวผ่านประตูมิติ แต่ทันใดนั้นเอง...ก็มีแรงมหาศาลผลักพวกเขาให้กระเด็นออกไปจากประตูมิติอย่างรุนแรง ราวกับมีกำแพงที่มองไม่เห็นมาขวางกั้นเอาไว้ "โอ๊ย!" ดาอิร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เธอล้มลงไปกองกับพื้นหิน ไดชิเองก็ล้มลงไปข้างๆ เธอด้วยความไม่เข้าใจ "เกิดอะไรขึ้น?!" ไดชิกล่าวอย่างงุนงง "ทำไมประตูมิติถึงสะท้อนเรากลับมา?" ทันใดนั้น...เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมาจากภายในประตูมิติ "พวกเจ้าอย่าลืมภารกิจที่แท้จริง!" เสียงของ คุณลุงภารโรง ตะโกนก้องกังวานมาจากภายในประตูมิติ "การกำจัดปีศาจบนเกาะเป็นเพียงแค่ บททดสอบ ที่แท้จริงยังรอพวกเจ้าอยู่!" พอสิ้นเสียงของลุงภารโรง ประตูมิติก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และหดตัวลงจนหายไปในอากาศ เหลือเพียงความเงียบงันที่กลับมาปกคลุมอีกครั้ง "ไม่จริงน่า...นี่มันหมายความว่าไง?" ดาอิพึมพำด้วยความตกใจ "ภารกิจที่แท้จริง...มันคืออะไรกันแน่..." ไดชิกล่าวด้วยความสับสน เขามองไปรอบๆ และพบว่าท้องฟ้าที่เคยปลอดโปร่งกลับถูกปกคลุมด้วยเมฆดำอีกครั้ง และแล้ว...ฝันร้ายที่พวกเขาคิดว่าจบไปแล้วก็กลับมาหลอกหลอนพวกเขาอีกครั้ง เหล่า เงาปีศาจ นับพันตัวพุ่งลงมาจากฟ้าอย่างรวดเร็วราวกับฝนดาวตก พวกมันไม่เพียงแต่มีจำนวนมหาศาล แต่ยังดูแข็งแกร่งและดุดันกว่าที่เคยเจอมา พวกมันพุ่งตรงมาที่พวกเขาจากทุกทิศทาง ราวกับฝูงผึ้งที่กำลังจะโจมตีรังของศัตรู "ฮึ้ย! พวกมันกลับมาอีกแล้ว!" ไดชิคำราม เขาหยิบดาบอาคมออกมาจากฝักอย่างรวดเร็ว พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูที่กลับมาอย่างไม่คาดคิด ดาอิเองก็ชูขวดอาคมในมือขึ้น และเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ แต่พวกเขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าเงาปีศาจที่พุ่งเข้ามานั้นไม่ได้มีเพียงแค่เงาที่สมบูรณ์แบบ แต่กลับมี ร่างของมนุษย์ ที่ถูกครอบงำด้วยเงาปีศาจด้วย! ดวงตาของพวกเขากลวงโบ๋ และมีดวงไฟสีแดงก่ำเรืองรองอยู่ในดวงตา พวกเขาวิ่งเข้าใส่ไดชิและดาอิอย่างไม่ลังเล ราวกับเป็นหุ่นเชิดที่ไร้วิญญาณ "นั่นมัน...มนุษย์!" ดาอิร้องออกมาด้วยความตกใจ เธอไม่กล้าที่จะต่อสู้กับพวกเขา "อย่าทำร้ายพวกเขา!" ไดชิกล่าวพร้อมกับพยายามใช้ดาบอาคมปัดป้องการโจมตีจากพวกเขา แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้เลยแม้แต่น้อย ในขณะที่ทั้งสองกำลังสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น เงาปีศาจจำนวนมหาศาลก็เข้ามาล้อมพวกเขาไว้ และโจมตีพวกเขาอย่างไม่ยั้ง ไดชิและดาอิต่างปัดป้องการโจมตีอย่างสุดกำลัง แต่พวกมันก็มีจำนวนมากเกินไปจนพวกเขาเริ่มที่จะรับไม่ไหว "ฮึ่ย! พวกมันเยอะเกินไป!" ไดชิคำรามด้วยความเหนื่อยล้า เขาใช้ดาบอาคมฟันใส่เงาปีศาจตัวหนึ่ง แต่ก็ถูกอีกตัวเข้าโจมตีจากทางด้านหลังจนล้มลงไปกองกับพื้น "ไดชิ!" ดาอิร้องออกมาด้วยความตกใจ เธอพยายามที่จะเข้าไปช่วยพี่ชายของเธอ แต่ก็ถูกเงาปีศาจอีกตัวเข้าโจมตีจากทางด้านหลังจนทรุดตัวลงไปข้างๆ ไดชิ ทั้งสองต่างมองหน้ากันด้วยความสิ้นหวัง สติของพวกเขาเริ่มเลือนรางลงไปเรื่อยๆ จากความเจ็บปวดที่ได้รับ และในจังหวะที่พวกเขากำลังจะถูกเงาปีศาจที่เข้ามาล้อมรอบทำร้าย ทันใดนั้น...ก็มี ร่างของใครบางคน พุ่งเข้ามาอุ้มพวกเขาออกไปจากวงล้อมนั้นอย่างรวดเร็ว ชายคนนั้นสวมชุดที่ดูคล้ายกับชุดของชาวประมง มีรูปร่างที่กำยำและแข็งแรง เขาวิ่งหนีการโจมตีของเงาปีศาจอย่างคล่องแคล่วว่องไว แม้จะแบกพวกเขาอยู่ก็ตาม ดาอิและไดชิรู้สึกปลอดภัยขึ้นเล็กน้อยเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของเขา ก่อนที่สติของพวกเขาจะเลือนหายไปในที่สุด ผ่านไปสองชั่วโมง... ไดชิและดาอิค่อยๆ ลืมตาขึ้น แสงสลัวๆ จากกองไฟภายในถ้ำทำให้พวกเขาต้องกระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับสายตา พวกเขารู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากกองไฟ และได้กลิ่นหอมของสมุนไพรที่ลอยอบอวลไปทั่วถ้ำ พวกเขาพยายามนึกย้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเมื่อนึกได้ว่าพวกเขาถูกเงาปีศาจโจมตีจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ทั้งคู่ก็รีบตกใจลุกขึ้นนั่งพร้อมกันทันที "โอ๊ย!" ดาอิร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อแผลที่แขนของเธอถูกกระทบกระเทือน "ดาอิ!" ไดชิเรียกชื่อน้องสาวด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่เขาจะหันไปรอบๆ และพบว่ามี กลุ่มของชาวบ้าน กลุ่มหนึ่งที่อาศัยอยู่ในถ้ำเดียวกับพวกเขา พวกเขามีสีหน้าที่หวาดกลัว แต่ก็มีรอยยิ้มที่เป็นมิตร "พวกเจ้าฟื้นแล้วหรอ" เสียงของชายวัยกลางคนรูปร่างใหญ่เอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินมาหาพวกเขา เขามีรอยสักรูปปีกนกบนแขนทั้งสองข้าง และใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น "นี่พวกเราอยู่ที่ไหน และพวกคุณเป็นใคร" ไดชิถามด้วยน้ำเสียงที่ระมัดระวัง "พวกเราอยู่ที่ถ้ำศักดิ์สิทธิ์ของเกาะแห่งนี้" ชายคนเดิมกล่าว "และพวกฉันคือชนเผ่า อายา ของเกาะนี้" "คุณช่วยพวกเรางั้นหรอ" ดาอิถามด้วยความแปลกใจ "ใช่...เมื่อพวกเจ้าถูกส่งมาที่นี่ ก็ถือว่าเป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะต้องช่วยดูแลพวกเจ้า" ชายคนเดิมกล่าวพร้อมกับยื่นแก้วน้ำที่ทำจากไม้ให้พวกเขา "ดื่มเสีย นี่เป็นยาฟื้นฟูร่างกาย จะช่วยให้พวกเจ้ามีกำลังขึ้นมา" "ขอบคุณครับ/ค่ะ" ไดชิและดาอิกล่าวพร้อมกัน พวกเขารับแก้วน้ำมาดื่ม และรู้สึกได้ถึงความสดชื่นที่ไหลเวียนไปทั่วร่างกาย "ฉันชื่อ รูฟ เป็นหัวหน้าเผ่า" ชายคนเดิมเอ่ยแนะนำตัว "ส่วนนี้คือ ปู่เฒ่า ดาฟ เป็นพ่อหมอประจำชนเผ่าเรา" เขาชี้ไปที่ชายชราคนหนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กองไฟ เขามีผมสีขาวและหนวดสีขาวที่ยาวจนเกือบจะถึงพื้น ดวงตาของเขาดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความรู้และประสบการณ์ที่ผ่านกาลเวลามานานนับปี "พวกเจ้าถูกส่งมาช่วยพวกเรางั้นรึ" หญิงชราคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา แต่ก็เต็มไปด้วยความหวัง "พวกเราถูกส่งมาทำภารกิจตามล่าดวงวิญญาณปีศาจที่เกาะแห่งนี้" ไดชิกล่าว "เป็นโชคดีของเราจริงๆ นึกว่าจะต้องตายที่นี่เสียแล้ว" หญิงชราคนเดิมกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างโล่งใจ "พวกเราขอถามหน่อยได้ไหมครับ" ไดชิเอ่ยถามด้วยความสงสัย "ทำไมพวกท่านถึงรอดมาได้ครับ ตอนที่พวกเรามาถึงเกาะนี้ แทบจะไม่เห็นสิ่งมีชีวิตอยู่เลย" "เพราะสิ่งนั้นไงหละ...บรรพบุรุษเขาชนเผ่าให้เราไว้และบอกว่าวันหนึ่งจะมีผู้กล้าอย่างพวกเจ้ามารับมันไป" รูฟเอ่ยพร้อมกับชี้ไปที่ ผ้ายันต์สีแดง ที่ติดอยู่บนผนังถ้ำ ผ้ายันต์นั้นมีลวดลายที่ซับซ้อนและเปล่งแสงเรืองรองอยู่จางๆ "นั้นมัน...ผ้ายันต์ที่เราต้องตามหา" ดาอิอุทานด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เธอจำได้ว่าในตำราที่พวกเขาอ่านเจอในถ้ำที่แล้ว มีการพูดถึงผ้ายันต์ทั้งห้าผืนที่ใช้ในการควบคุมพลังของหีบปริศนา "จริงด้วย...นี่สินะที่ลุงภารโรงต้องการบอกเรา" ไดชิกล่าวพร้อมกับหันไปมองดาอิด้วยความตื่นเต้น "ใช่...ภารกิจของเรายังต้องตามหาผ้ายันต์ทั้งห้าผืนด้วย" "พวกท่านพอจะเล่าเหตุการณ์ได้ไหมครับ ว่าเงาปีศาจพวกนั้นมันมาได้อย่างไร" ไดชิถามอย่างจริงจัง "ได้สิ..." รูฟกล่าว เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้ทั้งคู่ฟังด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย "เมื่อหลายเดือนก่อน...เกาะแห่งนี้เคยสงบสุขมาก ชาวเผ่าอายาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน เราเคารพผืนป่าและทะเล...จนกระทั่งวันหนึ่ง...ประตูมิติที่บรรพบุรุษของเราสร้างไว้ได้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และเหล่าปีศาจก็พุ่งออกมาจากประตูมิตินั้นอย่างรวดเร็ว" "พวกมันไม่ได้มาเพื่อทำลาย...แต่มาเพื่อครอบงำ" รูฟกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธ "พวกมันครอบงำจิตใจของชาวบ้านที่ไม่มีพลังอาคม ทำให้พวกเขาเป็นเหมือนหุ่นเชิดที่ไร้วิญญาณ พวกมันทำลายทุกสิ่งทุกอย่างบนเกาะแห่งนี้...ผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์...สัตว์ป่าที่เคยอาศัยอยู่ในป่า...และที่สำคัญที่สุด...พวกมันครอบงำชาวเผ่าของเราไปจนหมดสิ้น" "แล้ว...พวกท่านรอดมาได้อย่างไรครับ?" ดาอิถามอย่างสงสัย "เพราะเราหนีมาที่นี่" รูฟกล่าวพร้อมกับชี้ไปที่ผ้ายันต์สีแดงที่ติดอยู่บนผนังถ้ำ "ผ้ายันต์นี้เป็นของขวัญที่บรรพบุรุษของเราให้มา มันสามารถสร้าง บาเรีย ที่แข็งแกร่งพอที่จะป้องกันปีศาจเหล่านั้นได้" "แต่บาเรียนี้ก็ไม่ได้อยู่ได้ตลอดไป" รูฟกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย "พลังของมันเริ่มที่จะหมดลงเรื่อยๆ และเมื่อใดที่พลังหมดลง...เราก็จะถูกปีศาจเหล่านั้นครอบงำเหมือนกับชาวบ้านคนอื่นๆ" "แล้วทำไมพวกท่านไม่หนีไปจากเกาะนี้ล่ะครับ?" ไดชิถาม "เราหนีไปไม่ได้" รูฟตอบ "เพราะบาเรียนี้แข็งแกร่งพอที่จะป้องกันปีศาจได้ แต่ก็แข็งแกร่งพอที่จะป้องกันเราไม่ให้ออกไปจากถ้ำแห่งนี้ได้เช่นกัน" "เราต้องหาผ้ายันต์ทั้งห้าผืนให้เจอ และนำกลับมาที่นี่เพื่อเพิ่มพลังให้กับบาเรียนี้" รูฟกล่าว "แต่เราก็ไม่รู้ว่าผ้ายันต์ที่เหลืออยู่มันซ่อนอยู่ที่ไหน" "แล้ว...ทำไมผ้ายันต์ถึงมีแค่ห้าผืนครับ?" ดาอิถามอย่างสงสัย "เพราะบรรพบุรุษของเราได้ฉีกผ้ายันต์ออกเป็นหกส่วน" รูฟกล่าวพร้อมกับชี้ไปที่ผ้ายันต์สีแดงที่ติดอยู่บนผนังถ้ำ "ส่วนที่หก...พวกท่านมีมันอยู่กับตัว" ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความตกใจ พวกเขารู้ทันทีว่าผ้ายันต์ที่รูฟพูดถึงคือ หีบปริศนา ที่พวกเขานำติดตัวมาด้วย "นี่สินะ...ภารกิจที่แท้จริงที่ลุงภารโรงต้องการบอกเรา" ไดชิพึมพำด้วยความเข้าใจ "เราต้องตามหาผ้ายันต์ที่เหลืออีกสี่ผืนให้เจอ และนำกลับมาที่นี่เพื่อเพิ่มพลังให้กับบาเรีย และทำลายปีศาจเหล่านั้นให้หมดสิ้น" "ใช่แล้ว..." ดาอิกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน "เราจะทำมันให้สำเร็จ" ทั้งสองสบตากันด้วยความมุ่งมั่นที่จะไม่ยอมแพ้ พวกเขารู้ดีว่าภารกิจที่แท้จริงเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น และการเดินทางของพวกเขาจะเต็มไปด้วยอันตรายและอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เคยเจอมาอย่างแน่นอนหลังจากทำข้อตกลงกับหัวหน้าเผ่าสึนะ ไคลด์ ไดชิ และดาอิ ก็เริ่มต้นภารกิจที่อันตรายที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเผชิญมา การเดินทางสู่ แหล่งพลังอาคมแห่งเงาที่แท้จริง ซึ่งซ่อนอยู่ลึกใต้เกาะแสงอรุณ มีเพียงไคลด์เท่านั้นที่รู้ทางเข้า ซึ่งต้องเดินทางผ่านทางน้ำใต้ดินที่ซับซ้อน"พวกเราทุกคนต้องรู้ว่าความมืดมิดที่พวกเจ้าเคยทำลายไปนั้น...เป็นแค่ เปลือกนอก ของพลังงานทั้งหมด" ไคลด์กล่าวขณะนำทางพวกเขาไปยังปากถ้ำที่ถูกซ่อนไว้ใต้รากต้นไม้ใหญ่ริมทะเลสาบ "พลังเงาที่แท้จริงไม่ได้มีไว้เพื่อทำลายล้าง แต่มีไว้เพื่อ รักษาสมดุลของผืนดิน เมื่อหลายศตวรรษก่อน ผู้พิทักษ์รุ่นก่อนได้ผนึกมันไว้ไม่ให้ถูกผู้ใดครอบครอง"ปากทางสู่ความมืดปากถ้ำนั้นแคบและมืดมิด มีเพียงแสงจากตะเกียงอาคมที่ดาอิสร้างขึ้นเท่านั้นที่ช่วยให้พวกเขามองเห็นได้ ไคลด์ลงไปในน้ำก่อน ตามมาด้วยไดชิและดาอิ พวกเขาต้องว่ายน้ำตามกระแสน้ำใต้ดินที่เย็นเฉียบและมืดสนิทไปนานหลายนาทีเมื่อกระแสน้ำสงบลง พวกเขาก็พบว่าตัวเองอยู่ใน อุโมงค์หินขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำค้างและเสียงสะท้อนที่น่าขนลุก พื้นผิวของผนังถ้ำเต็มไปด้วย คริสตัลเงาสีดำ ที่ส่องแสงสลัว ๆ บ่งบอกถึงความหน
หลังจากที่พิธีสืบทอดตำแหน่งเสร็จสิ้น ไคลด์ก็กลายเป็นผู้พิทักษ์แห่งเกาะแสงอรุณอย่างเป็นทางการ แต่ภัยคุกคามจากชนเผ่าแห่งเงาก็ยังคงเป็นบาดแผลฉกรรจ์ ไดชิ ดาอิ และไคลด์ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า การเจรจาคือหนทางเดียวที่จะนำความสงบสุขที่แท้จริงมาสู่เกาะนี้พวกเขาตัดสินใจเดินทางไปยัง ป่าสนทมิฬ อีกครั้ง สถานที่ที่พวกเขาเคยถูกซุ่มโจมตี โดยมี ปู่เฒ่าดาฟ ร่วมเดินทางไปด้วยในฐานะตัวแทนของชาวเกาะ"การเจรจานี้อันตรายยิ่งกว่าการต่อสู้กับปีศาจ" ปู่เฒ่าดาฟกล่าวขณะเดินนำ "ความบาดหมางระหว่างเรากับชนเผ่าแห่งเงาฝังรากลึกมาตั้งแต่สมัย จอมเวทแห่งเงามืด ยังเป็นมนุษย์""ท่านปู่ ช่วยเล่าเรื่องราวความบาดหมางนั้นให้พวกเราฟังได้ไหมครับ" ไดชิถาม"ได้สิ..." ปู่เฒ่าดาฟเริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย "ในอดีต จอมเวทที่ทรยศนั้นเคยเป็นหัวหน้ากลุ่มนักเวทที่แข็งแกร่งที่สุดบนเกาะ แต่เขามองว่าชาวเกาะธรรมดาและชนเผ่าแห่งเงาที่อาศัยอยู่ในป่าลึกเป็นเพียง เครื่องมือ และ พลังงาน ที่ไร้ค่า เขาต้องการให้ทุกคนกราบไหว้บูชาเขาเพียงผู้เดียว""แล้วชนเผ่าแห่งเงาเกี่ยวข้องอย่างไรคะ" ดาอิถาม"ชนเผ่าเหล่านั้นเป็นกลุ่มคนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่
หมู่บ้านแสงอรุณกลับมาสู่ความสงบเงียบอีกครั้ง แต่ความเงียบสงบในครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน ๆ มันคือความสงบที่มาพร้อมกับความตึงเครียดและความเตรียมพร้อม ชาวบ้านช่วยกันพาไดชิ ดาอิ และไคลด์ไปที่วิหารเก่า ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่รักษาพยาบาลชั่วคราวบาดแผลและการเยียวยาไคลด์มีอาการหนักที่สุด พิษจากศรของชนเผ่าแห่งเงาได้เริ่มซึมซาบเข้าสู่กระแสเลือดของเขา แม้ร่างกายจะแข็งแกร่งดุจหินผา แต่พิษร้ายก็ทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก"นี่มันพิษจาก พฤกษามรณะ" ปู่เฒ่าดาฟกล่าวขณะที่กำลังทำความสะอาดบาดแผลอย่างระมัดระวัง "ชนเผ่าแห่งเงาใช้สารนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณเพื่อทำให้เหยื่ออ่อนแรง...แต่ดีที่เจ้าเป็นบุตรแห่งทะเล ร่างกายจึงต้านทานได้ดีกว่าคนอื่น"ดาอิที่เฝ้าดูอาการของไคลด์อยู่ไม่ห่างรู้สึกผิดที่เธอไม่สามารถปกป้องเขาได้ เธอจึงตัดสินใจใช้พลังอาคมของตนเองเข้าช่วยในการรักษา ไดชิที่ถูกชนเผ่าทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่แขนและขา ก็พยุงตัวเองมานั่งข้าง ๆ น้องสาว"ดาอิ...บาดแผลของนาย" ไดชิกล่าวด้วยความเป็นห่วง"ฉันไม่เป็นไรหรอกพี่ไดชิ" ดาอิส่ายหน้า เธอจ้องมองไปที่บาดแผลของไคลด์อย่างตั้งใจ ก่อนจะหลับตาลงเพื่
การเดินทางกลับหมู่บ้านเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับ ไคลด์ ผู้พิทักษ์แห่งท้องทะเล ชายหนุ่มลึกลับคนนี้ยังคงเดินนำหน้าอย่างเงียบ ๆ ร่างกายของเขาสง่างามและเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง ราวกับว่าเขาไม่ได้เดินอยู่บนพื้นดิน แต่กำลังล่องลอยไปตามกระแสลม ไดชิและดาอิเดินตามหลังเขาไปอย่างเงียบ ๆ ด้วยความตื่นเต้นและกังวลใจ"ไคลด์..." ไดชิเริ่มต้นบทสนทนาหลังจากที่เดินทางมาได้พักใหญ่ "นายช่วยบอกเราได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นที่ทะเลเมื่อวานนี้ คลื่นนั่นมันไม่ใช่คลื่นธรรมชาติใช่ไหม"ไคลด์ไม่หยุดเดิน แต่ตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยแต่แฝงด้วยความหนักแน่น "คลื่นนั้นคือ การปฏิเสธของจิตวิญญาณแห่งทะเล พวกมันไม่ยอมรับผู้ที่ไม่ได้มาจากท้องทะเลให้เข้าใกล้พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อเห็นว่าพวกเจ้าไม่ยอมแพ้...พวกมันจึงอนุญาตให้ข้าช่วยนำทางพวกเจ้ากลับมา""แล้วศรเพลิงที่ช่วยเราจากอสูรหินล่ะ" ดาอิถามอย่างกระตือรือร้น "นั่นเป็นของนายใช่ไหม"ไคลด์หันมามองพวกเขาเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำทะเลนั้นสบตาไดชิและดาอิอย่างช้า ๆ "ศรนั่นทำจาก ไม้แห่งภูเขาไฟ ที่ไม่ไหม้ไฟ และอาบด้วยพิษแห่งความมืดที่สามารถทำลายสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากพลังตกค้างได้...นั่นคือสิ่งที
หลังจากที่เรือกลับถึงฝั่งอย่างปลอดภัย ไดชิและดาอิรีบวิ่งขึ้นจากหาดทรายทันที หัวใจของพวกเขายังเต้นรัวจากความตื่นเต้นและความฉงนสนเท่ห์ที่ได้เห็นชายหนุ่มลึกลับคนนั้น ชายที่สามารถควบคุมพลังของทะเลและซ่อมแซมเรือได้ในพริบตา"เขา...เขาต้องเป็นผู้พิทักษ์คนต่อไปที่เราตามหาแน่ ๆ!" ดาอิกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดขีด"ใช่" ไดชิพยักหน้าอย่างเห็นด้วย "แต่เขาไม่ได้อยากให้เราเจอเลย และการที่เขาพาเรือเรากลับเข้าฝั่งอย่างรวดเร็วขนาดนี้ หมายความว่าเขาอาจจะมุ่งหน้าสู่ใจกลางเกาะแล้ว"สองพี่น้องตัดสินใจเริ่มต้นการตามล่าทันที โดยมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่พวกเขาเชื่อว่าจะเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสู่ถ้ำของปู่เฒ่าดาฟและหมู่บ้าน ซึ่งพวกเขาเดาว่าชายหนุ่มคนนั้นน่าจะไปที่นั่นก่อนเพื่อพบกับผู้อาวุโสอุปสรรคแรก: ลานหินอัปลักษณ์พวกเขาต้องผ่าน ลานหินอัปลักษณ์ ที่เต็มไปด้วยก้อนหินแหลมคมและเศษซากของต้นไม้ที่ตายแล้ว ซึ่งเคยเป็นอาณาเขตของปีศาจหินก่อนที่เกาะจะฟื้นฟู พวกเขาต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะพื้นผิวที่ลื่นและไม่มั่นคง"ดาอิ ระวังให้ดี" ไดชิเตือนขณะที่ใช้มือจับดาบอาคม "พลังงานมืดที่นี่จางหายไปแล้ว แต่พลังอาคมของธาตุหิน
หลังจากผ่านบททดสอบที่โหดร้ายทั้งสองครั้ง ไดชิและดาอิก็เข้าใจแล้วว่าการค้นหาผู้พิทักษ์ที่แท้จริงไม่ใช่แค่การต่อสู้ แต่เป็นการ ทดสอบปัญญาและจิตวิญญาณ ของผู้ถูกเลือก ไดชิและดาอิใช้เวลาในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนที่สามในการฝึกฝนร่างกายและจิตใจอย่างหนักหน่วง พวกเขาตระหนักว่าอาคมของพวกเขาจำเป็นต้องผสานเข้ากับธรรมชาติอย่างแท้จริงตามคำแนะนำของปู่เฒ่าดาฟและรูฟ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทะเลของเกาะ พวกเขาจึงตัดสินใจพาเรือเล็กออกไปฝึกฝนกลางมหาสมุทร"ท่านปู่บอกว่าพลังที่แท้จริงของเกาะแสงอรุณไม่ได้อยู่บนพื้นดินเท่านั้น แต่อยู่ใน ท้องทะเลที่ลึกที่สุด ด้วย" ดาอิกล่าว ขณะที่เธอกำลังตรวจสอบผืนผ้าใบเรือที่ถูกเย็บอย่างแข็งแรง"ใช่" ไดชิกล่าวพร้อมกับดึงเชือกใบเรือให้ตึง ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยเหงื่อ "ที่นี่คือสถานที่ที่ไม่มีกำแพงและไม่มีภาพลวงตา มีเพียงพลังงานบริสุทธิ์ของคลื่นและลมเท่านั้น"พวกเขาแล่นเรือออกไปไกลจากชายฝั่งหลายชั่วโมงจนมองไม่เห็นเกาะแล้ว มีเพียงผืนน้ำสีครามที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ไดชิปิดตาลง พยายามใช้จิตสัมผัสถึงพลังอาคมที่แผ่กระจายอยู่ใต้น้ำ ในขณะที่ดาอิฝึกร่ายคาถาควบคุมสายลม เพื่อให้เรือ