공유

ผ้ายันต์

last update 최신 업데이트: 2025-06-30 23:52:36

แสงอาทิตย์ยามบ่ายแผดเผาทะเลทรายอันกว้างใหญ่ให้ระอุเป็นเพลิง พื้นทรายสีทองทอดยาวสุดลูกหูลูกตา บิดเบือนภาพลวงตาจากความร้อนจนผืนฟ้าและพื้นทรายดูเหมือนจะบรรจบกัน อิจิและฮารุเดินฝ่าพายุทรายที่เริ่มก่อตัวอย่างเชื่องช้า ร่างกายของอิจิยังคงไม่สมบูรณ์ บาดแผลที่สีข้างส่งสัญญาณเจ็บแปลบทุกครั้งที่เขาขยับตัว ส่วนฮารุก็ดูอ่อนแรงจากการใช้พลังแห่งชีวิตเมื่อครั้งก่อน แต่ดวงตาของพวกเขายังคงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

“นี่มัน… กว้างใหญ่กว่าที่คิดเยอะเลยนะอิจิ” ฮารุเอ่ย น้ำเสียงของเธอแหบแห้งจากการเดินทาง “นายแน่ใจนะว่าเรามาถูกทาง?”

“สัญลักษณ์บนผ้ายันต์บอกใบ้ถึงภูเขาที่มีลำธารไหลผ่าน… หรือถ้ำที่มีน้ำตก” อิจิตอบ พยายามกลั้นเสียงหอบหายใจ “และจากแผนที่ที่ศาลเจ้าเผยให้เห็น… สถานที่นั้นอยู่กลางทะเลทรายแห่งนี้”

ลมพายุทรายเริ่มโหมกระหน่ำรุนแรงขึ้น เม็ดทรายเล็กๆ ปลิวว่อนกระทบใบหน้าจนรู้สึกเจ็บแสบ ทัศนวิสัยเริ่มเลือนรางลงเรื่อยๆ จนแทบมองไม่เห็นอะไรที่อยู่ตรงหน้า อิจิยกแขนขึ้นบังใบหน้าของฮารุไว้

“พายุทรายกำลังมาแล้ว! เราต้องหาที่กำบัง!” อิจิตะโกนบอก เสียงของเขาแทบจะถูกกลืนหายไปในเสียงลม

ในชั่วพริบตาเดียว พายุทรายก็โหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้มแดงฉานจากฝุ่นทรายที่ฟุ้งกระจายไปทั่ว เม็ดทรายขนาดใหญ่พัดมาปะทะร่างของพวกเขาอย่างรุนแรงจนแทบยืนไม่ไหว

“ฉัน… ฉันมองไม่เห็นอะไรเลยอิจิ!” ฮารุร้องบอก เธอพยายามกะพริบตาไล่เม็ดทรายออกไป แต่ก็ไม่มีประโยชน์

“จับมือฉันไว้ให้แน่นฮารุ! อย่าปล่อยเด็ดขาด!” อิจิตะโกนกลับ เขาพยายามมองหาสิ่งปลูกสร้างหรือโขดหินใหญ่ๆ ที่จะใช้เป็นที่กำบังได้

ทันใดนั้นเอง! ท่ามกลางม่านพายุทรายที่บ้าคลั่ง พวกเขาก็เห็นเงาร่างขนาดมหึมาปรากฏขึ้นเบื้องหน้า มันเป็นโครงสร้างหินขนาดใหญ่ที่โผล่พ้นขึ้นมาจากพื้นทราย ราวกับวิหารโบราณที่ถูกฝังอยู่ใต้ผืนทรายมานับพันปี

“นั่นมัน… วิหารงั้นเหรอ?!” ฮารุอุทานด้วยความตกใจ

“น่าจะเป็นแบบนั้น… และมันอาจจะเป็นที่ที่เราตามหา!” อิจิตอบ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องมุ่งหน้าไปที่นั่น พวกเขาใช้พลังทั้งหมดที่มี วิ่งฝ่าพายุทรายที่บ้าคลั่งเข้าไปยังวิหารแห่งนั้น

เมื่อเข้าไปใกล้ วิหารก็เผยให้เห็นรายละเอียดที่น่าทึ่ง ผนังหินแกะสลักลวดลายโบราณที่สึกกร่อนไปตามกาลเวลา ประตูทางเข้าขนาดมหึมาที่ถูกปิดตายด้วยแผ่นหินขนาดใหญ่ มีเพียงรอยร้าวที่เผยให้เห็นช่องว่างเล็กๆ พอให้คนสองคนมุดเข้าไปได้

“ตรงนี้แหละฮารุ!” อิจิพูดขึ้น เขาช่วยฮารุมุดลอดช่องว่างนั้นเข้าไปภายในวิหารอย่างทุลักทุเล

ภายในวิหารมืดมิดและอบอ้าว กลิ่นอายของฝุ่นผงและความเก่าแก่คละคลุ้งไปทั่ว มีเพียงแสงสลัวๆ จากช่องว่างที่พวกเขาเข้ามาเท่านั้นที่ส่องเข้ามาถึงพื้น อิจิและฮารุทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นหินอย่างหมดแรง หอบหายใจอย่างหนัก

“รอดแล้ว…” ฮารุพึมพำ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความโล่งอก

“ยังไม่รอดหรอกฮารุ… ดูนั่นสิ” อิจิพูดขึ้น เขาชี้ไปที่ใจกลางวิหารที่มืดมิด

ท่ามกลางความมืดมิด มีแท่นบูชาขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่บนแท่นบูชามีบางสิ่งบางอย่างที่เปล่งประกายเรืองรองสีฟ้าอ่อนๆ มันคือ ผ้ายันต์โบราณผืนที่สาม!

ผ้ายันต์ผืนนั้นถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีฟ้าอ่อนๆ ราวกับมีชีวิตอยู่ และรอบๆ แท่นบูชา มีรูปสลักขนาดใหญ่ที่คล้ายกับสัตว์ประหลาดที่ดูน่าเกรงขาม พวกมันสลักขึ้นจากหินสีเข้ม และดวงตาของพวกมันเปล่งประกายสีแดงก่ำ ราวกับกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่

“ผ้ายันต์ผืนที่สาม… เราเจอแล้ว!” ฮารุพูดขึ้นด้วยความดีใจ เธอพยายามจะลุกขึ้นเดินเข้าไปใกล้

“เดี๋ยวก่อนฮารุ! ระวังตัวไว้!” อิจิร้องเตือน เขาสัมผัสได้ถึงพลังงานมหาศาลที่แผ่ออกมาจากรูปสลักเหล่านั้น มันไม่ใช่พลังงานที่บริสุทธิ์แบบผู้คุ้มกันที่พวกเขาเคยเจอ แต่มันเป็นพลังงานที่เต็มไปด้วยความดุร้ายและกระหายเลือด… พลังงานของ เงาปีศาจ!

ทันใดนั้นเอง! ดวงตาของรูปสลักเหล่านั้นก็พลันเปล่งประกายสีแดงก่ำเจิดจ้ากว่าเดิม ร่างของพวกมันเริ่มสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ก่อนที่แผ่นหินที่ประกอบกันเป็นรูปสลักจะแตกกระจายออก เผยให้เห็นร่างที่แท้จริงของพวกมัน… เงาปีศาจขนาดยักษ์สามตัว!

พวกมันมีรูปร่างคล้ายสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ ลำตัวเต็มไปด้วยเกล็ดหินสีดำสนิท มีกรงเล็บแหลมคม และดวงตาเรืองแสงสีแดงก่ำราวกับถ่านเพลิงในนรก ออร่าสีดำมืดแผ่ออกมาจากร่างของพวกมันจนอากาศรอบข้างหนาวเย็นยะเยือก

“ผู้บุกรุก! เจ้ากล้าดียังไงมาเหยียบย่างในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้?!” เงาปีศาจตัวแรกคำราม เสียงของมันดังก้องกังวานไปทั่ววิหารราวกับเสียงฟ้าร้อง

“พวกมันคือผู้พิทักษ์ผ้ายันต์ผืนที่สาม!” อิจิพูดขึ้น “และดูเหมือนว่าพวกมันจะแข็งแกร่งกว่าตัวที่เราเคยเจอมาทั้งหมด!”

“เราจะทำยังไงดีอิจิ? นายยังไม่หายดีเลยนะ!” ฮารุถามด้วยความตกใจ

“ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วฮารุ… เราต้องสู้!” อิจิพูดขึ้น เขากระชับดาบในมือแน่นขึ้น แม้จะรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่าง แต่จิตใจของเขาก็ยังคงมุ่งมั่น “เธอหาที่กำบังให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และอย่าออกมาจนกว่าฉันจะจัดการพวกมันได้!”

เงาปีศาจทั้งสามตัวพุ่งเข้าใส่พวกเขาพร้อมกัน กรงเล็บแหลมคมของพวกมันฟาดฟันเข้าใส่ราวกับใบมีด อิจิรับมือด้วยความยากลำบาก เขาใช้ดาบปัดป้องและเบี่ยงเบนการโจมตีอย่างรวดเร็วและแม่นยำ แต่การที่เขาบาดเจ็บทำให้การเคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้าลงไปมาก

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

เสียงโลหะเสียดสีกันดังกึกก้อง สะเก็ดไฟแลบแปลบปลาบไปทั่ววิหาร อิจิถูกแรงกระแทกกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าว บาดแผลที่สีข้างเปิดออกอีกครั้ง เลือดสีแดงสดไหลซึมออกมาไม่หยุด

“อิจิ!” ฮารุร้องลั่นด้วยความตกใจ เธอเห็นอิจิถูกรุมโจมตีอย่างหนัก เธอรู้สึกไร้ประโยชน์ที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

“อย่าเข้ามาฮารุ! พวกมันแข็งแกร่งเกินไป!” อิจิตะโกนบอก เขาพยายามตั้งหลักรับมือกับการโจมตีที่รุนแรงของเงาปีศาจทั้งสามตัว

เงาปีศาจตัวหนึ่งอาศัยจังหวะที่อิจิกำลังตั้งรับการโจมตีจากอีกสองตัว พุ่งเข้ามาจากด้านหลัง กรงเล็บแหลมคมของมันพุ่งตรงไปยังกลางหลังของอิจิ

ฉัวะ!

อิจิพลาดท่า กรงเล็บของปีศาจเฉือนเข้าที่กลางหลังของเขาอย่างจัง เสื้อผ้าขาดวิ่น เลือดพุ่งกระฉูดออกมาจากบาดแผล อิจิทรุดตัวลงไปกองกับพื้นอย่างช้าๆ ดาบในมือของเขาหลุดออกจากมือ กลิ้งไปไกล

“อิจิ!!!” ฮารุร้องลั่นด้วยความหวาดกลัวสุดขีด ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจ เธอลืมสิ้นถึงคำสั่งของอิจิ และพุ่งตัวเข้าไปหาเขาโดยไม่คิดชีวิต

เงาปีศาจทั้งสามตัวหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เสียงหัวเราะของพวกมันดังก้องไปทั่ววิหาร ราวกับกำลังเยาะเย้ยความอ่อนแอของมนุษย์

“เจ้ามนุษย์ต่ำต้อย… ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องชดใช้แล้ว!” เงาปีศาจตัวหนึ่งคำราม มันยกกรงเล็บขึ้นสูง เตรียมจะปลิดชีพของอิจิ

“ไม่นะ! ไม่! แกไม่มีวันได้แตะต้องเขา!” ฮารุร้องตะโกน เธอไม่ได้คิดถึงความกลัวอีกต่อไปแล้ว สิ่งเดียวที่อยู่ในใจของเธอคือการปกป้องอิจิให้ได้

ทันใดนั้นเอง! แสงสีฟ้าอ่อนๆ ก็ระเบิดออกมาจากร่างของฮารุ แสงนั้นเจิดจ้ากว่าครั้งไหนๆ ที่ผ่านมา มันพุ่งตรงเข้าไปยังร่างของเงาปีศาจที่กำลังจะโจมตีอิจิ แสงนั้นไม่ได้ทำลายล้าง แต่กลับพันธนาการร่างของปีศาจไว้ มันรัดแน่นราวกับโซ่ตรวนที่มองไม่เห็น

“อ๊ากกกกกกกก! นี่มันอะไรกัน?!” เงาปีศาจตัวนั้นกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด มันพยายามดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการของแสงสีฟ้าได้

เงาปีศาจอีกสองตัวที่เหลือเบิกตากว้างด้วยความตกใจ พวกมันไม่เคยเห็นพลังแบบนี้มาก่อน

“ฮารุ! เธอใช้พลังแห่งชีวิตได้แล้ว!” อิจิพูดขึ้นอย่างอ่อนแรง เขาพยายามยันตัวเองขึ้นนั่ง แม้จะเจ็บปวดไปทั้งร่าง

ฮารุหลับตาลง เธอรู้สึกถึงพลังมหาศาลที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย เป็นพลังที่บริสุทธิ์และอบอุ่น พลังที่เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีอยู่ในตัวเธอ เธอรู้สึกเหมือนกำลังเชื่อมโยงกับบางสิ่งบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง

“เจ้าเด็กหญิง! แกมีพลังอะไรกันแน่?!” เงาปีศาจตัวหนึ่งคำราม มันพุ่งเข้าใส่ฮารุด้วยความโกรธแค้น แต่ก่อนที่มันจะถึงตัวฮารุ แสงสีฟ้าจากร่างของเธอก็แผ่ขยายออกไปเป็นวงกว้าง สร้างกำแพงพลังงานที่มองไม่เห็นขึ้นมาขวางกั้นระหว่างพวกเขากับปีศาจ

เงาปีศาจทั้งสองตัวไม่สามารถทะลวงกำแพงแสงสีฟ้าเข้ามาได้ พวกมันคำรามอย่างบ้าคลั่ง พยายามโจมตีใส่กำแพงพลังงานอย่างไม่หยุดยั้ง

“ตอนนี้แหละฮารุ! รีบไปเอาผ้ายันต์!” อิจิตะโกนบอก แม้จะเจ็บปวด แต่เขาก็รู้ว่านี่คือโอกาสเดียวของพวกเขา

ฮารุพยักหน้า เธอเดินฝ่ากำแพงแสงสีฟ้าเข้าไปหาแท่นบูชาอย่างรวดเร็ว แสงสีฟ้าจากร่างของเธอส่องสว่างนำทางไปตลอดทาง เมื่อเธอเอื้อมมือไปสัมผัสผ้ายันต์ แสงสีฟ้าจากผ้ายันต์ก็ส่องสว่างวาบขึ้นมาทันที มันผสานเข้ากับแสงสีฟ้าจากร่างของเธออย่างสมบูรณ์

ทันใดนั้นเอง! ผ้ายันต์ก็ลอยขึ้นจากแท่นบูชา มันหมุนวนกลางอากาศก่อนที่จะพุ่งตรงเข้ามายังร่างของฮารุ ผ้ายันต์ไม่ได้รวมเข้ากับร่างของเธอ แต่มันกลับไปประทับอยู่บนฝ่ามือของเธอ ราวกับเป็นรอยสักที่เปล่งประกายสีฟ้าอ่อนๆ

ในชั่วพริบตาเดียว! แสงสีฟ้าที่พันธนาการเงาปีศาจตัวแรกไว้ก็พลันสว่างจ้าขึ้นอย่างรุนแรง ก่อนที่มันจะระเบิดออกอย่างรุนแรง เสียงกรีดร้องโหยหวนของปีศาจดังก้องไปทั่ววิหาร ร่างของมันสลายกลายเป็นละอองสีดำมืดปลิวหายไปในอากาศช้าๆ

เงาปีศาจอีกสองตัวที่เหลือเบิกตากว้างด้วยความตกใจ พวกมันไม่เคยเห็นปีศาจตนใดถูกทำลายได้อย่างสมบูรณ์แบบนี้มาก่อน

“เป็นไปไม่ได้! พลังแห่งชีวิต! มันคือพลังแห่งชีวิตที่แท้จริง!” เงาปีศาจตัวหนึ่งคำรามด้วยความหวาดกลัว “เราต้องหนี!”

เงาปีศาจทั้งสองตัวไม่รอช้า พวกมันพุ่งตัวเข้าไปในเงามืดของวิหารและหายลับไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อปีศาจจากไป แสงสีฟ้าจากร่างของฮารุก็เลือนหายไป เธอทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างอ่อนแรง หอบหายใจอย่างหนัก รอยสักผ้ายันต์บนฝ่ามือของเธอยังคงเรืองแสงจางๆ แต่ก็ไม่ได้สว่างจ้าเหมือนเมื่อครู่

“ฮารุ! เธอเป็นอะไรไหม?!” อิจิรีบคลานเข้าไปหาเธอ เขาพยายามตรวจสอบบาดแผลของเธอ

“ฉัน… ฉันไม่เป็นไร…” ฮารุตอบเสียงแผ่ว “แต่ฉันรู้สึกเหมือนพลังทั้งหมดในตัวฉันถูกใช้ไป… มันอ่อนแรงมาก”

อิจิพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งข้างๆ ฮารุ เขาหยิบผ้ายันต์ผืนแรกที่ได้มาจากเงาปีศาจตัวแรกออกมาจากกระเป๋า เขานำผ้ายันต์ทั้งสองผืนมาวางเคียงกัน เขาพบว่าสัญลักษณ์บนผ้ายันต์ทั้งสองผืนเมื่อนำมาวางรวมกันแล้วก็ยังไม่สมบูรณ์ แต่ก็ใกล้เคียงกว่าเดิมมาก

“นี่แหละคือผ้ายันต์ผืนที่สาม…” อิจิพึมพำ เขามองไปยังรอยสักผ้ายันต์บนฝ่ามือของฮารุ “และดูเหมือนว่ามันจะเลือกเธอเป็นผู้ถือครอง”

“มันหมายความว่าไงอิจิ?” ฮารุถาม

“ฉันไม่แน่ใจ… แต่ผ้ายันต์ผืนนี้อาจจะรวมเข้ากับพลังของเธอไปแล้ว” อิจิอธิบาย “เหมือนกับว่าเธอคือส่วนหนึ่งของมัน… และมันก็เป็นส่วนหนึ่งของเธอ”

“แล้วเราจะทำยังไงต่อไป?” ฮารุถาม น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความสับสน “เรายังเหลืออีกหนึ่งผืนใช่ไหม?”

“ใช่… เหลืออีกหนึ่งผืน” อิจิตอบ เขาจ้องมองไปยังสัญลักษณ์บนผ้ายันต์ผืนที่สามที่อยู่บนฝ่ามือของฮารุ สัญลักษณ์นั้นคล้ายกับดวงตาที่เปิดกว้าง และมีเส้นสายที่ดูคล้ายกับกิ่งไม้ที่แผ่ขยายออกไป

“ดูนี่สิ… สัญลักษณ์นี้คล้ายกับต้นไม้โบราณที่แผ่กิ่งก้านสาขา… หรือไม่ก็ป่าที่กว้างใหญ่” อิจิพึมพำ

“นายหมายความว่า… ผ้ายันต์ผืนสุดท้ายอยู่ที่ป่างั้นเหรอ?” ฮารุถาม

“น่าจะเป็นอย่างนั้น… แต่เราต้องพักฟื้นร่างกายก่อน” อิจิพูดขึ้น เขาสังเกตเห็นว่าบาดแผลของเขายังคงมีเลือดไหลซึมออกมาเรื่อยๆ และร่างกายของเขาก็อ่อนล้าจนแทบจะขยับไม่ได้

“นายต้องพักนะอิจิ! บาดแผลนายหนักมากเลยนะ!” ฮารุพูดด้วยความเป็นห่วง

“ฉันรู้… แต่เราไม่มีเวลามากนัก” อิจิตอบ “ปีศาจตัวนั้น… มันแข็งแกร่งเกินกว่าที่เราจะรับมือได้เพียงลำพัง”

“นายหมายถึง… ‘ผู้ตื่น’ งั้นเหรอ?” ฮารุถาม

“ใช่… มันคือต้นกำเนิดของปีศาจทั้งหมด และมันกำลังจะถูกปลดปล่อยออกมา” อิจิอธิบาย “เราต้องรีบหาผ้ายันต์ผืนสุดท้ายให้เจอ ก่อนที่มันจะสายเกินไป”

พวกเขาตัดสินใจใช้เวลาพักฟื้นในวิหารแห่งนี้ อิจิพยายามทำสมาธิเพื่อฟื้นฟูพลังของเขา และฮารุก็หลับตาลงเพื่อเชื่อมโยงกับผ้ายันต์ผืนที่สามที่ประทับอยู่บนฝ่ามือของเธอ เธอรู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย เป็นพลังที่บริสุทธิ์และเก่าแก่ พลังที่เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีอยู่ในตัวเธอ

ในขณะที่ฮารุกำลังทำสมาธิ ภาพบางอย่างก็ฉายเข้ามาในหัวของเธอ… ภาพของต้นไม้ใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางป่าลึก ต้นไม้นั้นสูงเสียดฟ้า กิ่งก้านสาขาแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ และที่รากของต้นไม้ มีบางสิ่งบางอย่างที่เปล่งประกายเรืองรองสีม่วงเข้ม

“อิจิ! ฉันเห็นมันอีกแล้ว!” ฮารุพูดขึ้น เธอเปิดตาขึ้นอย่างรวดเร็ว “ฉันเห็นตำแหน่งของผ้ายันต์ผืนสุดท้าย!”

อิจิรีบหันมามองเธอ “จริงเหรอ?! มันอยู่ที่ไหนฮารุ?”

“มันอยู่ที่ป่าลึก… ใต้ต้นไม้โบราณขนาดใหญ่ที่สุดที่ฉันเคยเห็นมา” ฮารุอธิบาย “และมันมีแสงสีม่วงเข้มเปล่งออกมาจากรากของต้นไม้”

อิจิพยักหน้าช้าๆ “ถ้าอย่างนั้นก็คงเป็นผ้ายันต์ผืนสุดท้ายที่เราตามหา”

ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง พวกเขารู้สึกได้ถึงภาระอันหนักอึ้งที่อยู่บนบ่า การตามหาผ้ายันต์ผืนสุดท้าย การเผชิญหน้ากับอันตรายที่รอคอยอยู่เบื้องหน้า และความจริงที่น่าสะพรึงกลัวเกี่ยวกับ ‘ผู้ตื่น’ ที่กำลังจะถูกปลดปล่อย

“เราจะสู้ได้ไหมอิจิ?” ฮารุถามขึ้นมาเบาๆ น้ำเสียงของเธอเจือความหวาดกลัว

อิจิวางมือลงบนบ่าของฮารุเบาๆ ดวงตาของเขาฉายแววมุ่งมั่น

“เราต้องสู้ฮารุ” อิจิตอบ “เพื่อปกป้องโลกนี้… และเพื่อปกป้องทุกสิ่งที่เรารัก เราจะไม่มีวันยอมแพ้”

ฮารุพยักหน้าช้าๆ เธอกุมมือของอิจิแน่น แม้จะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่เธอก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งตราบใดที่มีอิจิอยู่เคียงข้าง

เมื่อพายุทรายเริ่มสงบลง และแสงจันทร์เริ่มสาดส่องเข้ามาในวิหาร อิจิและฮารุตัดสินใจออกเดินทางอีกครั้ง มุ่งหน้าสู่ป่าลึกที่ซ่อนผ้ายันต์ผืนสุดท้ายไว้

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • 5/B เมืองร้างต้องคำสาปที่หายสาปสูญ   ปริศนา

    ปดปีผ่านไปนับจากเหตุการณ์บน เกาะแห่งม่านหมอก โลกยังคงสงบสุขภายใต้การดูแลของ อิจิ และ ฮารุ พวกเขายังคงทำหน้าที่ผู้พิทักษ์แห่งสมดุลอย่างเงียบๆ ฮารุในวัย 26 ปี กลายเป็นที่ปรึกษาด้านการพัฒนาชุมชนให้กับเมืองหลวง เธอใช้ความเข้าใจในธรรมชาติของผู้คนและความผูกพันกับผืนดินในการช่วยฟื้นฟูหมู่บ้านและส่งเสริมการศึกษา อิจิในวัย 30 ปี ยังคงเป็นองครักษ์เงาที่แข็งแกร่งและรอบคอบ แต่บทบาทของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากผู้ปกป้องส่วนตัวของฮารุ เขากลายเป็นผู้ดูแลความมั่นคงของเมือง คอยสืบสวนเหตุการณ์แปลกประหลาดที่อาจคุกคามความสงบสุขของประชาชน ผ้ายันต์แห่งความจริงที่เคยเป็นกุญแจสำคัญในการผจญภัยครั้งก่อนๆ บัดนี้ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีในหอคอยแห่งปัญญาของเมืองหลวง เป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้และความจริงที่ไม่มีวันถูกลืมแม้โลกจะสงบสุข แต่ภายในใจของอิจิกลับมีความรู้สึกบางอย่างค้างคามาตลอด เขาไม่เคยลืมคำพูดของ ‘ผู้ตื่น’ ที่ว่า “ข้าจะกลับมา!” และความรู้สึกของเขาบอกว่าความสงบสุขนี้อาจเป็นเพียงม่านบังตา“อิจิ นายยังคงกังวลเรื่องนั้นอยู่หรือเปล่า?” ฮารุถามในขณะที่พวกเขากำลังเดินเล่นในสวนของวังหลวง แสงจันทร์สาดส่องลงมาต้องใบ

  • 5/B เมืองร้างต้องคำสาปที่หายสาปสูญ   2ปี

    สองปีผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับความฝัน อิจิ และ ฮารุ กลับมาใช้ชีวิตที่เงียบสงบในเมืองหลวงของสยามประเทศ เมืองที่เคยถูกม่านหมอกแห่งการลืมเลือนปกคลุม บัดนี้กลับมาคึกคักและสดใสกว่าเดิม ผู้คนใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและจดจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน แม้บาดแผลจากอดีตจะยังคงอยู่ แต่พวกเขาก็เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันและสร้างอนาคตที่ดีกว่า ฮารุในวัย 18 ปี เติบโตเป็นหญิงสาวที่งดงามและเปี่ยมด้วยจิตใจที่เมตตา เธอทุ่มเทเวลาให้กับการสอนหนังสือเด็กๆ ในหมู่บ้านที่เคยถูกทำลาย และช่วยเหลือผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา แม้พลังแห่งชีวิตจะหายไปจนหมดสิ้น แต่จิตวิญญาณอันบริสุทธิ์และเข้มแข็งของเธอกลับเปล่งประกายยิ่งกว่าเดิม อิจิยังคงเป็นองครักษ์เงาของเธอ คอยปกป้องเธอจากห่างๆ และเฝ้ามองการเติบโตของเธอด้วยความภาคภูมิใจ เขารู้สึกถึงความสงบสุขที่แท้จริงที่เขาไม่เคยสัมผัสได้มาก่อน“อาจารย์ฮารุ! วันนี้จะเล่านิทานเรื่องอะไรให้ฟังคะ?!” เสียงใสๆ ของเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งดังขึ้น เด็กๆ หลายคนมารวมตัวกันรอบๆ ฮารุ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความคาดหวังฮารุยิ้มอ่อนโยน “วันนี้อาจารย์จะเล่าเรื่องของ ผู้กล

  • 5/B เมืองร้างต้องคำสาปที่หายสาปสูญ   ไม่ส่าจะเกิดอะไร

    แสงแรกของอรุณรุ่งสาดส่องเข้ามาในศาลเจ้าโบราณที่ตั้งอยู่ท่ามกลางความเงียบสงบของป่า อิจิ และ ฮารุ ยืนอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ใบหน้าของพวกเขามีร่องรอยความเหนื่อยล้าจากการผจญภัยที่ยาวนาน แต่ดวงตาของทั้งคู่ยังคงฉายแววความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว หลังจากการเดินทางผ่าน เมืองแห่งความทรงจำ และการเผชิญหน้ากับ ‘ผู้พิทักษ์’ ที่ถูกควบคุมโดย ‘ผู้ตื่น’ พวกเขาได้รับรู้ถึงแผนการอันชั่วร้ายของ ‘ผู้ตื่น’ ที่ต้องการจะลบเลือนความทรงจำของมนุษย์เกี่ยวกับอดีตทั้งหมด เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ที่มันคือผู้ปกครองสูงสุด“เราจะทำลาย ‘คำสาปแห่งการลืมเลือน’ ได้ยังไงอิจิ?” ฮารุถาม น้ำเสียงของเธอแผ่วเบา เธอวางผ้ายันต์แห่งความจริงลงบนฝ่ามือ มันเป็นเพียงแผ่นผ้าเก่าๆ ธรรมดาๆ ไม่มีแสงเรืองรองใดๆ เหลืออยู่แล้วอิจิหยิบผ้ายันต์ขึ้นมาดูอย่างพินิจพิเคราะห์ “ไคบอกว่าพลังของเธอที่เชื่อมโยงกับจิตวิญญาณแห่งความทรงจำที่แท้จริงคือกุญแจ… และการทำลายคำสาปนี้จะต้องแลกด้วยพลังแห่งชีวิตของเธอทั้งหมด”“ฉันรู้… และฉันก็พร้อมที่จะเสียสละมัน” ฮารุกล่าว ดวงตาของเธอฉายแววแน่วแน่ “ฉันจะไม่ยอมให้ความจริงถูกบิดเบือนไปตลอดก

  • 5/B เมืองร้างต้องคำสาปที่หายสาปสูญ   แน่ใจ

    ท้องฟ้ายามค่ำคืนเหนือยอดเขาไฟอัคคีแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานยาม ดวงจันทร์สีเลือด โคจรขึ้นมาเต็มดวง แสงสีโลหิตอาบไล้ทิวทัศน์รอบข้างให้ดูน่าขนลุกยิ่งกว่าเดิม เสียงคำรามกึกก้องจากปากปล่องภูเขาไฟดังกึกก้องไม่หยุดหย่อน ราวกับเสียงหายใจอันหนักหน่วงของอสูรร้ายที่กำลังจะตื่นจากการหลับใหลที่ยาวนานนับพันปี กลิ่นกำมะถันและกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ยิ่งสร้างความกดดันอันหนักอึ้งให้แก่ อิจิ และ ฮารุ ที่กำลังปีนป่ายขึ้นสู่ยอดเขา“อีกนิดเดียวอิจิ! เราจะไปถึงแล้ว!” ฮารุตะโกนบอก เสียงของเธอสั่นเครือจากความเหนื่อยล้าและความหวาดกลัว แต่ดวงตาของเธอยังคงเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น ผ้ายันต์แห่งความจริงที่สถิตอยู่ในฝ่ามือของเธอเรืองแสงสีรุ้งอ่อนๆ ตอบรับกับพลังงานมหาศาลของดวงจันทร์สีเลือด“ฉันรู้ฮารุ… ฉันสัมผัสได้ถึงมัน” อิจิตอบ เขาปีนป่ายก้อนหินที่แหลมคมอย่างรวดเร็ว แม้ร่างกายจะยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ แต่จิตใจของเขามุ่งมั่นกว่าครั้งไหนๆ ดาบในมือของเขาเปล่งประกายสีเงินจางๆ พร้อมรับมือกับทุกสิ่งลมพายุโหมกระหน่ำรุนแรงขึ้นบนยอดเขา เสียงกรีดร้องโหยหวนคล้ายเสียงวิญญาณดังมาจากปากปล่องภูเขาไฟที่กำลังคุกรุ่น ลาวาสีแดงฉา

  • 5/B เมืองร้างต้องคำสาปที่หายสาปสูญ   รหัสลับ

    สายลมแห่งยามรุ่งอรุณพัดโชยมาปะทะร่าง อิจิ และ ฮารุ ที่ยืนอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ แสงแรกของดวงอาทิตย์สาดส่องลงมายังทิวทัศน์เบื้องหน้า เผยให้เห็นยอดเขาไฟที่สูงเสียดฟ้า มันตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางผืนป่าดิบชื้นที่พวกเขาเพิ่งฝ่าฟันออกมา หมอกจางๆ ลอยปกคลุมรอบฐานของภูเขาไฟราวกับผ้าห่มสีขาว กลิ่นกำมะถันจางๆ ลอยมาตามลมเป็นสัญญาณเตือนถึงพลังงานที่ไม่สงบนิ่งที่อยู่ภายใน“นั่นแหละ… ยอดเขาไฟ” ฮารุพึมพำ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความกังวล “มันดูน่ากลัวกว่าที่คิดไว้เยอะเลยนะอิจิ”อิจิพยักหน้า สีหน้าของเขาเคร่งเครียด “ใช่… พลังงานมืดมิดที่แผ่ออกมาจากที่นั่นมันมหาศาลมาก ‘ผู้ตื่น’ กำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาในไม่ช้า”ผ้ายันต์แห่งความจริงที่ผนึกอยู่ในฝ่ามือของฮารุเรืองแสงจางๆ เป็นการยืนยันถึงความรู้สึกของอิจิ พวกเขามีเวลาเพียงสองราตรีเท่านั้นก่อนที่ ดวงจันทร์สีเลือด จะปรากฏขึ้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พันธนาการของ ‘ผู้ตื่น’ จะอ่อนแอที่สุด“เราต้องไปถึงที่นั่นให้เร็วที่สุด” อิจิกล่าว “และเราต้องหารหัสลับแห่งบรรพกาลให้เจอด้วย”“รหัสลับนั่น… มันอยู่ที่ไหนกันนะ?” ฮารุถาม “จิตวิญญาณแห่งต้นไม้บอกแค่ว่ามันอยู่ในผืนป่าแห่งนี้

  • 5/B เมืองร้างต้องคำสาปที่หายสาปสูญ   การบาดเจ็บ

    คืนเดือนมืดปกคลุมผืนป่าดิบชื้นทางตอนเหนือของสยามประเทศ แสงจันทร์แทบไม่สามารถส่องผ่านม่านไม้หนาทึบลงมาได้ มีเพียงเสียงจิ้งหรีดเรไรร้องระงม และเสียงลมกระโชกแรงที่พัดกิ่งไม้ใบหญ้าให้เสียดสีกันเป็นระยะ ราวกับเสียงกระซิบกระซาบจากวิญญาณแห่งป่า อิจิและฮารุยังคงก้าวเดินอย่างเชื่องช้า ร่างกายของอิจิอ่อนล้าจากบาดแผลที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างเต็มที่ ส่วนฮารุก็ดูซีดเซียวจากการใช้พลังแห่งชีวิตครั้งล่าสุด แต่ดวงตาของทั้งคู่ยังคงฉายแววความมุ่งมั่นที่จะค้นหาผ้ายันต์ผืนสุดท้ายที่ปรากฏในนิมิตของฮารุ“อากาศที่นี่มันแปลกๆ นะอิจิ” ฮารุพึมพำ น้ำเสียงของเธอแผ่วเบา “มันเย็นยะเยือกกว่าที่ควรจะเป็น… เหมือนมีบางอย่างกำลังจับจ้องเราอยู่”“ใช่… ฉันก็รู้สึกได้” อิจิตอบ เขากระชับดาบในมือแน่นขึ้น “พลังงานที่นี่ไม่ใช่พลังงานของปีศาจ แต่มันเป็นพลังที่เก่าแก่กว่านั้น… ลึกซึ้งกว่านั้น”ตามนิมิตของฮารุ ผ้ายันต์ผืนสุดท้ายถูกซ่อนอยู่ใต้ต้นไม้โบราณที่สูงเสียดฟ้าในป่าลึกแห่งนี้ ต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมไปทั่วบริเวณ และมีแสงสีม่วงเข้มเปล่งออกมาจากรากของมัน“เรามาถูกทางแล้วใช่ไหมอิจิ?” ฮารุถาม“ฉันหวังว่าอย่างนั้นฮารุ” อิจ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status