ฟูมิโกะและเก็นเดินออกมาจากตัวอาคารหลักของโรงพยาบาลร้างสู่ลานกว้างด้านหน้า ลมเย็นยามค่ำคืนพัดปะทะใบหน้า ความเงียบสงัดเข้าปกคลุมอีกครั้งหลังจากเสียงการต่อสู้ที่ดุเดือดเมื่อครู่ มีเพียงแสงจันทร์สลัวๆ ที่ลอดผ่านหมู่เมฆส่องลงมา ทำให้มองเห็นต้นไม้ใหญ่ที่ยืนต้นตายอย่างโดดเดี่ยว และรูปปั้นหมอใหญ่ที่ชำรุดทรุดโทรมตั้งตระหง่านอยู่กลางลาน
“ผ้ายันต์… มันอยู่ตรงไหนกันนะ?” ฟูมิโกะพึมพำ เธอชี้ไปที่นาฬิกาข้อมืออาคมของเธอ ซึ่งตอนนี้แสดงจุดสีแดงสุดท้ายที่กะพริบอยู่ตรงกลางลานกว้างพอดี เก็นมองไปรอบๆ “ระวังตัวไว้ฟูมิโกะ… ที่นี่เงียบเกินไป เหมือนกับว่า… กำลังมีบางอย่างรอเราอยู่” เขากำมีดลงอาคมแน่นในมือ แววตาของเขาเคร่งขรึม ทั้งคู่ก้าวเท้าเดินเข้าสู่ลานกว้างอย่างช้าๆ ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ฟูมิโกะสัมผัสได้ถึงพลังงานที่แตกต่างออกไปจากเดิม มันไม่ใช่พลังงานอาฆาตที่ดุร้าย แต่เป็นพลังงานที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก ความเจ็บปวด และความสิ้นหวังที่รุนแรงจนน่าขนลุก มันแผ่ออกมาจากพื้นดิน ราวกับว่าลานกว้างแห่งนี้เป็นสุสานของวิญญาณนับร้อยนับพัน “ฉันรู้สึกถึงอะไรบางอย่างเก็น… มัน… มันเป็นความรู้สึกที่เศร้ามาก” ฟูมิโกะเอ่ย เสียงของเธอแผ่วเบา “ฉันก็รู้สึกได้” เก็นตอบ “วิญญาณเหล่านั้น… พวกมันถูกกักขังอยู่ที่นี่มานานเกินไป” เมื่อพวกเขาเดินมาถึงใจกลางลานกว้าง จุดสีแดงบนนาฬิกาก็หยุดนิ่งอยู่ตรงหน้า รูปปั้นหมอใหญ่ ที่ชำรุดทรุดโทรม ผ้ายันต์ผืนสุดท้ายถูกพันรอบคอของรูปปั้น ราวกับผ้าพันคอที่เก่าแก่ “นั่นไง! ผ้ายันต์ผืนที่เจ็ด!” ฟูมิโกะอุทานด้วยความตื่นเต้น เธอรีบก้าวเข้าไปหารูปปั้นทันที แต่ก่อนที่เธอจะถึงตัวรูปปั้น เสียงกระซิบที่แหบพร่าและทรมานก็ดังขึ้นจากรอบทิศทาง เสียงนั้นไม่ใช่เสียงที่ดังจากปาก แต่เป็นเสียงที่ดังขึ้นในหัวของฟูมิโกะและเก็น ราวกับเสียงร้องของคนนับร้อยนับพันที่กำลังเจ็บปวดทรมาน “อย่า… แตะต้อง… ผู้อาวุโส…” ร่างของฟูมิโกะชะงัก เธอเงยหน้าขึ้นมองรูปปั้นหมอใหญ่ ดวงตาของรูปปั้นที่เคยว่างเปล่า บัดนี้กลับมีแสงสีแดงจางๆ ลุกโชนขึ้นมา ราวกับว่ามีชีวิต “อะไรน่ะ?” ฟูมิโกะพึมพำ ทันใดนั้น! พื้นดินรอบๆ ตัวพวกเขาก็เริ่มสั่นสะเทือน! เสียงแตกของพื้นคอนกรีตดังขึ้น แคร๊ก! แคร๊ก! มือที่ซีดเซียวและผอมเกร็งนับสิบ นับร้อย โผล่ออกมาจากพื้นดิน พยายามที่จะเอื้อมคว้าจับร่างของพวกเขา “พวกมันมาแล้ว!” เก็นคำราม เขาดึงฟูมิโกะเข้ามาใกล้ตัว ก่อนจะกวาดมีดลงอาคมฟันเข้าใส่มือนับไม่ถ้วนที่ผุดขึ้นมาจากพื้นดิน เสียงมีดกระทบกับพลังงานมืดมิดดังขึ้น ฉัวะ! ฉัวะ! “นี่มัน… วิญญาณของผู้ป่วยที่ถูกกักขังไว้ที่นี่!” ฟูมิโกะอุทาน เธอจำกลิ่นอายของความเจ็บปวดและความสิ้นหวังที่เคยสัมผัสได้ในห้องแล็บร้างได้ “พวกมันไม่ต้องการให้เราเอาผ้ายันต์ไป!” เก็นตะโกนบอก “ผ้ายันต์ผืนนี้คงจะเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงพวกมันไว้กับโลกนี้!” มือที่ผุดขึ้นมาจากพื้นดินมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับพรมสีเทาที่กำลังเคลื่อนไหว พวกมันพยายามที่จะจับตัวพวกเขาไว้ ไม่ใช่เพื่อทำร้าย แต่เพื่อรั้งเอาไว้ เพื่อไม่ให้พวกเขาเข้าไปถึงรูปปั้นหมอใหญ่ได้ “เราต้องไปที่รูปปั้นให้ได้เก็น!” ฟูมิโกะตะโกนบอก เธอเปิดขวดเก็บวิญญาณออก แล้วร่ายคาถาดูดดวงวิญญาณอย่างต่อเนื่อง แสงสีฟ้าอ่อนๆ พุ่งเข้าดูดกลืนมือที่พยายามจะคว้าจับพวกเขา ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! มือเหล่านั้นหายไปในขวดอาคมของฟูมิโกะ แต่พวกมันก็ยังคงผุดขึ้นมาไม่หยุดหย่อน ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด “พวกมันเยอะเกินไป!” เก็นตะโกน เขาพยายามฟันฝ่าวงล้อมของมือเหล่านั้น แต่ก็ยังคงถูกรั้งเอาไว้ “ฟูมิโกะ… ใช้ผ้ายันต์ผืนที่สาม! ผ้ายันต์แห่งการตรึง!” เก็นบอก ฟูมิโกะพยักหน้า เธอหยิบผ้ายันต์ผืนที่สามออกมาจากกระเป๋า แล้วร่ายคาถาตรึงวิญญาณ พลังงานสีขาวบริสุทธิ์จากผ้ายันต์แผ่ออกไปเป็นวงกว้าง แสงนั้นส่องสว่างไปทั่วลานกว้าง และเมื่อแสงนั้นสัมผัสกับมือที่ผุดขึ้นมาจากพื้นดิน มือเหล่านั้นก็หยุดนิ่ง ไม่สามารถขยับได้อีก ราวกับถูกตรึงเอาไว้ด้วยพลังที่มองไม่เห็น “ได้ผล!” ฟูมิโกะอุทานด้วยความดีใจ “ตอนนี้แหละ! รีบไปเอาผ้ายันต์!” เก็นบอก ทั้งคู่ใช้จังหวะที่มือเหล่านั้นถูกตรึงไว้ พุ่งตรงไปยังรูปปั้นหมอใหญ่ทันที แต่เมื่อพวกเขามาถึงหน้ารูปปั้น เสียงกระซิบที่น่าสะพรึงกลัวก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มันไม่ใช่เสียงกระซิบจากวิญญาณของผู้ป่วย แต่เป็นเสียงที่หนักแน่นและทรงพลังกว่ามาก เสียงที่เต็มไปด้วยความคับแค้นใจและจิตอาฆาตที่น่ากลัว “เจ้า… ไม่ควร… มาที่นี่…” ปัง! ปัง! ปัง! พื้นดินรอบๆ รูปปั้นระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง เศษคอนกรีตและฝุ่นควันพวยพุ่งขึ้นมา สิ่งที่ปรากฏตัวออกมาท่ามกลางฝุ่นควันคือ ร่างของบุรุษชราผู้หนึ่ง สวมชุดแพทย์เก่าๆ ที่ขาดรุ่งริ่ง ใบหน้าของเขาซีดขาว ดวงตาเบิกโพลงไร้แวว แต่กลับมีเปลวไฟสีม่วงลุกโชนอยู่ในเบ้าตา ร่างกายของเขาโปร่งใส แต่กลับแผ่ออร่าที่น่ากลัวออกมาอย่างมหาศาล และที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดคือ เข็มฉีดยาขนาดมหึมา ที่เต็มไปด้วยของเหลวสีดำคล้ำอยู่ในมือของเขา “ท่าน… ท่านเป็นใคร?!” ฟูมิโกะถาม เสียงของเธอสั่นเครือ เธอสัมผัสได้ถึงพลังงานมืดมิดที่รุนแรงกว่าปีศาจพยาบาลเสียอีก บุรุษชราไม่ตอบเป็นคำพูด แต่เสียงของเขาดังขึ้นในหัวของฟูมิโกะและเก็น เสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ความโกรธแค้น และความผิดหวัง “ข้าคือ… ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลแห่งนี้… ผู้ที่พยายาม… จะช่วยชีวิตทุกคน… แต่กลับ… ถูกทอดทิ้ง… ให้ตายไปพร้อมกับความหวัง…” ฟูมิโกะเบิกตากว้าง “นี่คือ… วิญญาณของหมอใหญ่?!” “ใช่… วิญญาณของข้า… ที่ถูกกักขัง… ไว้ที่นี่… โดยพวกมัน…” บุรุษชราตอบ เสียงของเขาเต็มไปด้วยความแค้น “ผ้ายันต์ผืนนั้น… คือพันธนาการที่เชื่อมข้าไว้กับสถานที่นี้… หากมันถูกทำลาย… ข้าก็จะหลุดพ้น… แต่พวกเจ้า… ไม่ควร… มายุ่งเกี่ยวกับมัน!” “พวกมัน? พวกมันคือใคร?!” เก็นถาม เขาพยายามทำความเข้าใจสถานการณ์ บุรุษชราหัวเราะเยาะอย่างบ้าคลั่ง “พวกมัน… คือสิ่งที่สร้างความทุกข์ทรมานให้กับข้า… สิ่งที่ทำให้ข้าต้องตาย… สิ่งที่ทำให้วิญญาณของผู้ป่วยต้องถูกกักขัง!” เขาชี้ไปที่ผ้ายันต์ที่พันรอบคอของรูปปั้น “พวกเจ้าคิดว่าผ้ายันต์เหล่านั้นจะช่วยพวกเจ้าได้งั้นหรือ? หึหึ… พวกมันคือพันธนาการ… ที่ทำให้พวกเจ้าต้องจมดิ่งลงสู่ความมืดมิด!” “ไม่จริง! ผ้ายันต์เหล่านี้คือสิ่งที่ใช้ผนึกปีศาจ!” ฟูมิโกะโต้แย้ง “เจ้ายังไม่เข้าใจอะไรเลย…” บุรุษชราตอบ “เจ้าคิดว่าปีศาจเหล่านั้นเกิดขึ้นมาเองงั้นหรือ? ไม่ใช่! พวกมันคือ… สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา… จากความทุกข์ทรมานของข้า… และของผู้ป่วยทุกคนที่ต้องตายที่นี่!” เก็นกับฟูมิโกะมองหน้ากันด้วยความตกใจ นี่คือเรื่องราวที่พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อน “ท่านหมายความว่าอย่างไร?” เก็นถาม บุรุษชราเล่าเรื่องราวของเขาให้ฟัง เขาคือผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลแห่งนี้ เขาอุทิศทั้งชีวิตเพื่อรักษาผู้ป่วย แต่แล้วโรคระบาดร้ายแรงก็แพร่กระจายไปทั่ว ผู้ป่วยล้มตายเป็นจำนวนมาก โรงพยาบาลถูกปิดตาย และเขาก็ถูกทิ้งให้ตายไปพร้อมกับความหวังที่จะช่วยชีวิตคนไข้ทุกคน “ผ้ายันต์เหล่านั้น… ไม่ได้มีไว้ผนึกปีศาจอย่างที่พวกเจ้าคิด… แต่มีไว้เพื่อกักขัง… วิญญาณของผู้ที่ตายที่นี่… เพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงาน… ให้กับ… นายใหญ่ของพวกมัน!” บุรุษชราส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น “นายใหญ่?! ใครคือนายใหญ่?!” ฟูมิโกะถาม แต่บุรุษชราไม่ได้ตอบคำถามนั้น เขากลับมองไปที่ผ้ายันต์ผืนที่เจ็ดที่พันรอบคอรูปปั้น “ข้าต้องทำลายผ้ายันต์ผืนนั้น… ข้าต้องหลุดพ้นจากพันธนาการนี้!” เขาพุ่งเข้าใส่รูปปั้นหมอใหญ่ทันที เข็มฉีดยาขนาดมหึมาในมือของเขาส่องประกายสีม่วงราวกับจะพร้อมทำลายทุกสิ่ง “อย่า!” ฟูมิโกะร้อง เธอรู้ว่าถ้าผ้ายันต์ผืนนั้นถูกทำลาย ไม่ใช่แค่วิญญาณของหมอใหญ่จะหลุดพ้น แต่วิญญาณของผู้ป่วยคนอื่นๆ ที่ถูกตรึงไว้ด้วยผ้ายันต์เหล่านั้นก็จะหลุดออกมาพร้อมกัน และอาจจะสร้างความหายนะที่ร้ายแรงกว่าเดิม เก็นพุ่งเข้าขวางทางบุรุษชราทันที มีดลงอาคมในมือของเขาส่องประกายสีเงินวูบวาบ “ถอยไป! ข้าจะทำลายมัน!” บุรุษชราคำราม เขาใช้เข็มฉีดยาขนาดใหญ่แทงเข้าใส่เก็นอย่างรวดเร็ว เก็นหลบหลีกการโจมตีได้อย่างหวุดหวิด เขาใช้มีดอาคมฟันเข้าใส่ร่างของบุรุษชรา แต่มีดของเขากลับทะลุผ่านร่างที่โปร่งใสของเขาไปโดยไม่สร้างความเสียหายใดๆ “เขาเป็นวิญญาณ… เหมือนผีลม!” ฟูมิโกะตะโกนบอก “ต้องใช้คาถาดูดดวงวิญญาณ!” “แต่เขาไม่ใช่ปีศาจ… เขาคือวิญญาณที่ถูกกักขัง!” เก็นโต้แย้ง “เราจะดูดกลืนเขาได้ยังไง?!” การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด บุรุษชราพยายามจะพุ่งเข้าหารูปปั้นหมอใหญ่เพื่อทำลายผ้ายันต์ ขณะที่เก็นก็พยายามขัดขวางเขาอย่างสุดกำลัง ฟูมิโกะเองก็พยายามร่ายคาถาดูดดวงวิญญาณ แต่เธอก็ยังลังเลที่จะใช้มันกับวิญญาณของมนุษย์ “ท่านหมอ!” ฟูมิโกะตะโกน “โปรดฟังข้า! หากท่านทำลายผ้ายันต์นี้ วิญญาณของผู้ป่วยคนอื่นๆ ก็จะหลุดออกไป และพวกเขาก็จะไม่สงบสุข!” บุรุษชราหยุดชะงักเล็กน้อย “เจ้า… หมายความว่าอย่างไร?” “ผ้ายันต์เหล่านี้… ไม่ได้มีไว้เพื่อกักขังท่านเพียงคนเดียว” ฟูมิโกะอธิบาย “แต่พวกมันถูกใช้เพื่อกักขังวิญญาณของผู้ที่ตายที่นี่ทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้พวกท่านไปทำร้ายโลกภายนอก!” “ไม่จริง! พวกมันคือพันธนาการ!” บุรุษชราคำราม “ข้ารู้ว่าท่านทุกข์ทรมาน” ฟูมิโกะเอ่ย เสียงของเธอเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ “แต่การทำลายผ้ายันต์นี้จะนำมาซึ่งความหายนะมากกว่าเดิม เราจะช่วยท่านได้… เราจะทำให้วิญญาณของท่านและทุกคนที่นี่สงบสุข… แต่เราต้องหาผ้ายันต์ให้ครบทุกผืนก่อน และทำพิธีที่ถูกต้อง” บุรุษชรายังคงลังเล เขาจ้องมองฟูมิโกะด้วยดวงตาที่ลุกโชนด้วยเปลวไฟสีม่วง ราวกับกำลังพิจารณาคำพูดของเธอ “เจ้า… จะช่วยข้าได้จริงๆ งั้นหรือ?” บุรุษชราถาม เสียงของเขาเริ่มแผ่วลงเล็กน้อย “ใช่! เราจะช่วยท่าน! เราจะทำพิธีปลดปล่อยวิญญาณของท่านและทุกคนที่นี่” ฟูมิโกะตอบด้วยความมั่นใจ “แต่ท่านต้องช่วยเราก่อน… ช่วยให้เราได้ผ้ายันต์ผืนสุดท้ายนี้ไป” บุรุษชรายังคงนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะถอนหายใจอย่างยาวนาน เสียงนั้นเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าที่สั่งสมมานานนับศตวรรษ “ข้า… จะเชื่อเจ้า… มนุษย์ผู้แปลกประหลาด” บุรุษชราเอ่ย “แต่หากเจ้า… หลอกลวงข้า… ข้าจะตามไป… หลอกหลอนเจ้า… ชั่วกาลนาน…” เขาค่อยๆ ลดเข็มฉีดยาขนาดใหญ่ลง แสงเปลวไฟสีม่วงในดวงตาของเขาก็ค่อยๆ จางหายไป “ขอบคุณท่านหมอ!” ฟูมิโกะเอ่ย เธอรีบวิ่งเข้าไปที่รูปปั้นหมอใหญ่ แล้วค่อยๆ ดึงผ้ายันต์ผืนสุดท้ายออกจากคอของรูปปั้น ทันทีที่ผ้ายันต์ถูกดึงออกไป ร่างของบุรุษชราก็เริ่มส่องแสงสีขาวนวลจางๆ แสงนั้นค่อยๆ สว่างขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสว่างจ้าไปทั่วลานกว้าง “อิสระ… ในที่สุด…” บุรุษชราพึมพำ เสียงของเขาเต็มไปด้วยความโล่งใจและสันติสุข ก่อนที่ร่างของเขาจะสลายกลายเป็นละอองแสงสีขาวเล็กๆ และลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ผสมผสานไปกับแสงจันทร์ และหายลับไปในที่สุด ฟูมิโกะมองตามแสงนั้นจนกระทั่งมันหายไป เธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่สงบและเป็นสุขที่แผ่ซ่านเข้ามาในใจ นั่นแสดงว่าวิญญาณของหมอใหญ่ได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานแล้ว “เราทำได้แล้วเก็น! เราได้ผ้ายันต์ครบทุกผืนแล้ว!” ฟูมิโกะเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจสุดขีด เธอชูผ้ายันต์ผืนสุดท้ายขึ้นมา มันเป็นผ้ายันต์สีขาวบริสุทธิ์ มีอักขระสีทองสลักอยู่เต็มผืน ผ้ายันต์ผืนนี้ให้ความรู้สึกของ “ความสงบสุข” และ “การปลดปล่อย” เก็นเดินเข้ามาหาฟูมิโกะ เขายิ้มอย่างโล่งใจ “ใช่… เราทำได้แล้ว… ฟูมิโกะ” “แต่… เรายังต้องทำพิธีปลดปล่อยวิญญาณอื่นๆ ที่ถูกกักขังไว้ในโรงพยาบาลนี้” ฟูมิโกะบอก “และเรายังต้องตามหานายใหญ่ที่ท่านหมอกล่าวถึงด้วย” เก็นพยักหน้า “ถูกต้อง… การผจญภัยของเรายังไม่จบ… แต่ตอนนี้เรามีผ้ายันต์ครบทุกผืนแล้ว… เราก็มีพลังที่จะจัดการกับทุกสิ่งได้” ทั้งคู่มองหน้ากันและกัน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่แข็งแกร่งกว่าเดิมแสงแรกของรุ่งอรุณสาดส่องผ่านหน้าต่างที่พังทลายของห้องผ่าตัด สาดไล่ความมืดมิดที่เคยปกคลุมโรงพยาบาลแห่งนี้มานานหลายทศวรรษให้จางหายไป ความเหนื่อยล้าถาโถมเข้าใส่ฟูมิโกะและเก็นอย่างหนัก ทั้งคู่ล้มตัวลงนอนแผ่กับพื้นคอนกรีตเย็นเฉียบ หอบหายใจอย่างหนักหน่วง ราวกับเพิ่งผ่านการวิ่งมาราธอนอันยาวนาน แต่ในดวงตาของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความโล่งอกและความสุขที่ไม่สามารถบรรยายได้ฟูมิโกะหันไปมองเก็น ใบหน้าของเธอเปื้อนฝุ่นและมีรอยขีดข่วนเล็กน้อย แต่รอยยิ้มที่ปรากฏบนริมฝีปากกลับเปล่งประกายสดใส เก็นเองก็ยิ้มตอบ ดวงตาของเขายังคงฉายแววอ่อนเพลีย แต่ก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในสิ่งที่พวกเขาทำสำเร็จ“เราทำได้จริงๆ ด้วยนะเก็น…” ฟูมิโกะพึมพำ เสียงของเธอแหบพร่าด้วยความเหนื่อยล้า แต่ก็เต็มไปด้วยความตื้นตันใจ“ใช่ฟูมิโกะ… เราทำได้แล้ว” เก็นตอบ เสียงของเขาเองก็หอบไม่แพ้กัน “มันเป็นการต่อสู้ที่หนักหนาสาหัสที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลย”ฟูมิโกะค่อยๆ หยิบ ขวดกักเก็บวิญญาณ ที่มีแสงสีเหลืองอำพันเรืองรองอยู่ภายในขึ้นมาดูด้วยรอยยิ้ม แสงนั้นอบอุ่นและบริสุทธิ์ ไม่ใช่แสงสีดำที่น่าขนลุกเหมือนตอนแรกอีกต่อไป“ในที่สุด… เหล่าวิญญาณก็ไ
เสียงทุบประตูห้องผ่าตัดยังคงดังกึกก้องไม่หยุดหย่อน ผนังห้องสั่นสะเทือนราวกับจะพังทลายลงมาได้ทุกเมื่อ เก็นและฟูมิโกะนั่งพิงกำแพง หอบหายใจอย่างหนัก ร่างกายของพวกเขาเหนื่อยล้าเต็มทีจากบาดแผลและจากการต่อสู้ที่ไม่รู้จบกับ "นายใหญ่" ที่ยังคงกราดเกรี้ยวอยู่ภายนอก“เราจะทำยังไงดีเก็น?” ฟูมิโกะถาม เสียงของเธอเต็มไปด้วยความกังวล เธอพลิกหน้าหนังสืออาคมอย่างรวดเร็ว ดวงตากวาดไปตามตัวอักษรโบราณพยายามหาวิธีที่จะเอาชนะนายใหญ่ได้เสียทีเก็นมองไปที่ประตูห้องผ่าตัด ผ้ายันต์ผืนที่สองที่แปะอยู่เริ่มเรืองแสงริบหรี่ลงแล้ว แสดงว่าพลังป้องกันของมันกำลังจะหมดลงในไม่ช้า “เราต้องหาทางหยุดมันให้ได้ก่อนที่มันจะบุกเข้ามา ฟูมิโกะ!”ตูม!ประตูห้องผ่าตัดถูกกระแทกอย่างรุนแรงจนบานประตูเริ่มปริแตกออก เศษไม้กระเด็นเข้ามาในห้อง“มันใกล้จะพังแล้ว!” ฟูมิโกะอุทาน เธอกัดฟันแน่น พยายามรวบรวมสมาธิทั้งหมดที่มี เพื่ออ่านหนังสืออาคมให้เร็วที่สุดทันใดนั้น!ดวงตาของฟูมิโกะก็หยุดอยู่ที่หน้ากระดาษหน้าหนึ่ง! เธอจำได้ว่าเคยเห็นคาถานี้มาก่อน! มันเป็นคาถาที่ดูเหมือนจะไม่รุนแรงมาก แต่กลับมีคุณสมบัติที่น่าสนใจ!“เก็น! ฉันเจอแล้ว!” ฟูมิโกะตะ
กลิ่นยาฆ่าเชื้อที่ผสมปนเปกับความชื้นและกลิ่นคาวเลือดจางๆ ยังคงคละคลุ้งอยู่ในห้องแล็บที่มืดมิด ฟูมิโกะกับเก็นนั่งอยู่บนพื้นคอนกรีตเย็นเฉียบ หอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้กับ "นายใหญ่" บนดาดฟ้า ผ้ายันต์ผืนที่สองที่แปะอยู่บนประตูกำลังเรืองแสงจางๆ เป็นเกราะป้องกันที่เปราะบาง แต่ก็เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยได้ในตอนนี้“เราต้องหาผ้ายันต์อีกสองผืนให้เจอ” ฟูมิโกะบอก เสียงของเธอแหบพร่าเล็กน้อย เธอเปิดหนังสืออาคมเล่มหนาออกอีกครั้ง พยายามกวาดสายตาหาเบาะแสเก็นพยักหน้า เขายังคงกุมแขนที่บาดเจ็บจากกรงเล็บของนายใหญ่ “ใช่… ยิ่งเราได้ผ้ายันต์ครบเร็วเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีโอกาสโค่นมันได้มากเท่านั้น”“แต่ผ้ายันต์ผืนสุดท้ายที่ฉันสัมผัสบนดาดฟ้า… มันหายไป” ฟูมิโกะพึมพำ “ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร หรือว่ามันทำงานยังไง”“อย่าเพิ่งคิดมากเรื่องนั้นเลยฟูมิโกะ” เก็นบอก “ตอนนี้เราต้องหาอีกสองผืนที่เหลือให้เจอ” เขามองไปที่นาฬิกาข้อมืออาคมของฟูมิโกะที่วางอยู่ข้างๆฟูมิโกะเห็นแล้ว ดวงตาของเธอเบิกกว้าง “จุดสีแดง! มันอยู่ที่ด้านหลังโรงพยาบาล! ทั้งสองจุดเลย!” เธอกรีดร้องด้วยความดีใจ“ด้านหลังโรงพยาบาลเหร
แสงจันทร์ส่องสลัวๆ ลงมาบนดาดฟ้าที่ทรุดโทรมของโรงพยาบาลร้าง เสียงลมยามค่ำคืนพัดหวีดหวิวราวกับเสียงกระซิบของเหล่าวิญญาณที่ถูกจองจำ เก็นและฟูมิโกะยืนเผชิญหน้ากับ “นายใหญ่” ร่างกายของมันสูงใหญ่กำยำ บิดเบี้ยวผิดรูป เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งราวกับหินผา ดวงตาสีแดงฉานคู่นั้นจ้องมองมาที่พวกเขาอย่างอำมหิต พลังงานมืดมิดแผ่ออกมาจากร่างของมันอย่างมหาศาล จนอากาศรอบตัวรู้สึกหนักอึ้ง“เจ้า… จะต้องชดใช้… สำหรับสิ่งที่เจ้าทำ!” เสียงของนายใหญ่ดังก้องในหัวของฟูมิโกะและเก็น มันไม่ใช่เสียงพูดที่ออกมาจากลำคอ แต่เป็นเสียงที่ส่งตรงจากจิตใจ เต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่รุนแรงจนน่าสะพรึงกลัวเก็นก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย มือหนึ่งกำมีดลงอาคมแน่น อีกมือหนึ่งถือผ้ายันต์แห่งสายฟ้าที่ยังคงเรืองแสงสีม่วงเข้ม “เรามาที่นี่เพื่อยุติความทุกข์ทรมานของวิญญาณทุกดวงในโรงพยาบาลแห่งนี้! และเราจะไม่มีวันยอมให้เจ้าทำร้ายใครได้อีก!”“หึหึ… ไร้สาระ!” นายใหญ่หัวเราะเยาะ เสียงหัวเราะของมันแหบพร่าและน่าขนลุก “เจ้าคิดว่า… เจ้าจะทำอะไรข้าได้งั้นหรือ? ข้าคือ… ผู้ที่ควบคุมทุกสิ่งในสถานที่แห่งนี้! ข้าคือ… ผู้ที่สร้างพวกมันขึ้นมา!” มันยกแข
แสงจันทร์ส่องสลัวๆ ลงมาบนดาดฟ้าที่ทรุดโทรมของโรงพยาบาลร้าง เสียงลมยามค่ำคืนพัดหวีดหวิวราวกับเสียงกระซิบของเหล่าวิญญาณที่ถูกจองจำ เก็นและฟูมิโกะยืนเผชิญหน้ากับ “นายใหญ่” ร่างกายของมันสูงใหญ่กำยำ บิดเบี้ยวผิดรูป เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งราวกับหินผา ดวงตาสีแดงฉานคู่นั้นจ้องมองมาที่พวกเขาอย่างอำมหิต พลังงานมืดมิดแผ่ออกมาจากร่างของมันอย่างมหาศาล จนอากาศรอบตัวรู้สึกหนักอึ้ง“เจ้า… จะต้องชดใช้… สำหรับสิ่งที่เจ้าทำ!” เสียงของนายใหญ่ดังก้องในหัวของฟูมิโกะและเก็น มันไม่ใช่เสียงพูดที่ออกมาจากลำคอ แต่เป็นเสียงที่ส่งตรงจากจิตใจ เต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่รุนแรงจนน่าสะพรึงกลัวเก็นก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย มือหนึ่งกำมีดลงอาคมแน่น อีกมือหนึ่งถือผ้ายันต์แห่งสายฟ้าที่ยังคงเรืองแสงสีม่วงเข้ม “เรามาที่นี่เพื่อยุติความทุกข์ทรมานของวิญญาณทุกดวงในโรงพยาบาลแห่งนี้! และเราจะไม่มีวันยอมให้เจ้าทำร้ายใครได้อีก!”“หึหึ… ไร้สาระ!” นายใหญ่หัวเราะเยาะ เสียงหัวเราะของมันแหบพร่าและน่าขนลุก “เจ้าคิดว่า… เจ้าจะทำอะไรข้าได้งั้นหรือ? ข้าคือ… ผู้ที่ควบคุมทุกสิ่งในสถานที่แห่งนี้! ข้าคือ… ผู้ที่สร้างพวกมันขึ้นมา!” มันยกแข
เสียงการต่อสู้ที่ดุเดือดดังมาจากชั้นล่างของโรงพยาบาลร้าง คลอไปกับเสียงฝีเท้าหนักอึ้งของ "นายใหญ่" ที่กำลังไล่ตามฟูมิโกะมาติดๆ บนดาดฟ้า ลมยามค่ำคืนพัดกรรโชกแรงจนเส้นผมของฟูมิโกะปลิวไสวไปตามแรงลม เธอยืนอยู่หน้า เสาล่อฟ้าขนาดใหญ่ ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางดาดฟ้า ผ้ายันต์ผืนที่หกเรืองแสงสีม่วงเข้มพร้อมกับสายฟ้าเล็กๆ ที่แลบแปลบปลาบอยู่รอบๆ ราวกับมันกำลังมีชีวิต"ผ้ายันต์ผืนนั้น… มันคงเป็นผ้ายันต์แห่งสายฟ้าแน่ๆ" ฟูมิโกะพึมพำกับตัวเอง เธอสัมผัสได้ถึงพลังงานที่มหาศาลจากผ้ายันต์ผืนนั้น พลังงานที่แตกต่างจากผ้ายันต์อื่นๆ ที่เธอเคยสัมผัสมาทั้งหมดตุบ! ตุบ! ตุบ!เสียงฝีเท้าหนักๆ ของ "นายใหญ่" ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มันกำลังปีนขึ้นมาบนบันไดที่นำไปสู่ดาดฟ้า"ไม่นะ… มันกำลังมาแล้ว!" ฟูมิโกะอุทานด้วยความตกใจ เธอรู้ว่าไม่มีเวลาลังเลอีกต่อไปแล้วทันใดนั้น!ร่างของเก็นก็พุ่งพรวดขึ้นมาบนดาดฟ้า! ใบหน้าของเขาซีดเซียวเล็กน้อย มีรอยเปื้อนฝุ่นและรอยขีดข่วนอยู่หลายแห่ง แต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่แข็งแกร่งกว่าเดิม เขากำมีดลงอาคมแน่นในมือ“ฟูมิโกะ! เธอไม่เป็นไรนะ?!” เก็นตะโกนถาม เสียงของเขาหอบเล็กน้อยจ