ความเงียบเข้าปกคลุมห้องผ่าตัดอีกครั้งหลังจากที่ปีศาจพยาบาลถูกผนึกไปแล้ว มีเพียงเสียงหอบหายใจของฟูมิโกะและเก็นที่ยังคงดังก้องอยู่ เก็นยังคงยืนประคองฟูมิโกะอยู่ ใบหน้าของเขาซีดเซียวเล็กน้อย แต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่แข็งแกร่งกว่าเดิม
“นายแน่ใจนะว่าไหวเก็น?” ฟูมิโกะถามด้วยความเป็นห่วง เธอยังคงรู้สึกผิดที่เขาต้องมารับภาระหนักขนาดนี้ เก็นพยักหน้าช้าๆ “ไหว… เชื่อฉันสิ” เขายิ้มอ่อนโยนให้เธอ “เธอช่วยฉันไว้ตั้งเยอะ ฉันก็ต้องตอบแทนบ้างสิ” ฟูมิโกะรู้สึกอบอุ่นในใจเมื่อได้ยินคำพูดของเขา เธอรู้ว่าเก็นกำลังปลอบใจเธออยู่ เธอตัดสินใจไม่ถามอะไรอีก “งั้นเราไปกันเถอะ” ฟูมิโกะเอ่ยขึ้น เธอเดินไปที่ประตูห้องผ่าตัดที่พังครืนลงมาอย่างระมัดระวัง ผ้ายันต์ทั้งสองผืนที่เธอติดไว้ยังคงเรืองแสงจางๆ แม้จะดูอ่อนแรงลงไปมากแล้วก็ตาม ฟูมิโกะค่อยๆ ดึงผ้ายันต์อาคมที่แปะประตูใส่กระเป๋า อย่างระมัดระวัง เธอรู้สึกได้ว่าพลังงานของมันลดลงไปมากจากการต่อสู้ครั้งล่าสุด แต่เธอก็รู้ว่ามันยังคงมีประโยชน์อยู่ เธอรวบรวมผ้ายันต์ทั้งห้าผืน (รวมถึงผ้ายันต์ผืนที่สามที่ได้จากห้องแล็บ และผ้ายันต์ที่ปกป้องเก็น) ใส่กระเป๋าของเธอ “เราต้องหาผ้ายันต์ที่เหลือให้ครบ” ฟูมิโกะหันไปพูดกับเก็น “ตอนนี้เรามีห้าผืนแล้ว เหลืออีกสองผืน” เก็นพยักหน้า “ถูกต้อง… ยิ่งมีผ้ายันต์มากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีพลังในการต่อสู้กับพวกมันมากขึ้นเท่านั้น” ฟูมิโกะเหลือบมองแผนที่บนนาฬิกาข้อมืออาคมของเธออีกครั้ง จุดสีแดงเล็กๆ ที่แสดงตำแหน่งของผ้ายันต์ผืนต่อไปปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน ผ้ายันต์ผืนที่หก! มันไม่ได้อยู่ในตัวอาคารอีกต่อไป แต่มันอยู่ห่างออกไปจากตัวอาคารหลักเล็กน้อย “ผ้ายันต์ผืนต่อไป… มันอยู่ที่ ลานกว้างหน้าโรงพยาบาล เก็น!” ฟูมิโกะบอกด้วยความประหลาดใจ “ทำไมมันถึงไปอยู่ตรงนั้นได้นะ?” เก็นครุ่นคิดเล็กน้อย “บางที… สถานที่นั้นอาจจะเป็นจุดรวมพลังงานบางอย่างก็เป็นได้… หรืออาจจะเป็นจุดที่วิญญาณชั้นสูงอีกตัวซ่อนตัวอยู่” “งั้นเราก็ต้องไปที่นั่นกัน” ฟูมิโกะตัดสินใจ เธอรู้ว่ายิ่งพวกเขาอยู่ข้างในนี้นานเท่าไหร่ ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น ทั้งคู่เดินออกจากห้องผ่าตัดที่พังทลาย เดินย้อนกลับไปตามโถงทางเดินที่มืดมิดและเงียบสงัดอีกครั้ง แต่คราวนี้พวกเขากลับไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย มีเพียงเสียงฝีเท้าของพวกเขาที่ดังก้องไปมาเท่านั้น “ทำไมมันเงียบแบบนี้อีกแล้วนะ…” ฟูมิโกะพึมพำ เธอรู้สึกถึงความอึดอัดที่โอบล้อมรอบตัว เก็นเองก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ผิดปกติ เขาเหลียวมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง มีดลงอาคมในมือของเขากระชับแน่นขึ้น “นั่นสิ… มันเงียบเกินไป เหมือนกับว่า… กำลังรอเราอยู่” ขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินไปตามโถงทางเดินที่ทอดยาวไปยังทางออกของตัวอาคาร ทันใดนั้น! เสียงหวีดหวิวของลมก็ดังขึ้น! มันไม่ใช่ลมธรรมดา แต่เป็น ลมพายุที่พัดแรงอย่างรุนแรง พัดผ่านช่องหน้าต่างที่แตกหักและซอกหลืบต่างๆ ของอาคาร เสียงลมนั้นหอบเอาเศษฝุ่นละอองและเศษซากปรักหักพังปลิวว่อนไปทั่วโถงทางเดิน เคร้ง! แคร๊ก! เพล้ง! กระจกหน้าต่างบานใหญ่ที่อยู่ตามแนวโถงทางเดินเริ่มแตกกระจาย! เศษกระจกปลิวว่อนราวกับคมมีด ฟูมิโกะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เธอเห็นเงาปีศาจจำนวนมากปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับลมพายุที่พัดโหมกระหน่ำเข้ามาในอาคาร พวกมันไม่ใช่เงาปีศาจธรรมดา แต่เป็นเงาปีศาจที่ก่อตัวขึ้นจากกระแสลมที่รุนแรง ดูคล้ายพายุหมุนขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยดวงตาสีแดงฉานนับไม่ถ้วน “ฟูมิโกะ! หลบไปด้านหลัง!” เก็นตะโกนบอก เขาดันร่างของฟูมิโกะไปอยู่ด้านหลังของเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะ จับกำมีดอาคมไว้แน่นในท่าเตรียมพร้อมต่อสู้ ดวงตาของเขาฉายแววมุ่งมั่นและจริงจังถึงขีดสุด ฟูมิโกะเองก็ไม่ได้ลังเล เธอเข้าใจสถานการณ์ทันที เธอก็กำขวดกักเก็บวิญญาณไว้แน่นเช่นกัน พร้อมกับผ้ายันต์ทั้งห้าผืนที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋า เธอรู้ว่าพวกเขากำลังจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แตกต่างออกไปจากเดิม “พวกมันคืออะไรเก็น?!” ฟูมิโกะถาม เสียงของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อย เก็นตอบด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “พวกมันคือ ‘วิญญาณแห่งวายุ’ หรือ ‘ผีลม’ พวกมันไม่มีรูปร่างที่ชัดเจน แต่สามารถสร้างความเสียหายได้อย่างรุนแรงโดยการพัดพาสิ่งต่างๆ เข้ามาโจมตี และพวกมันก็ดูดพลังงานจากกระแสลมรอบๆ ตัวเพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเอง” ลมพายุหมุนที่เต็มไปด้วยเงาปีศาจพัดโหมกระหน่ำเข้ามาในโถงทางเดิน แรงลมนั้นรุนแรงจนฟูมิโกะแทบจะยืนไม่อยู่ เศษฝุ่นและเศษซากปรักหักพังปลิวว่อนไปมา แรงปะทะของลมทำให้เธอต้องหลับตาลงเล็กน้อย “พวกมันกำลังมาแล้ว!” เก็นคำราม เขาพุ่งเข้าใส่พายุหมุนที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มนั้นทันที มีดลงอาคมในมือของเขาส่องประกายสีเงินวูบวาบตัดผ่านกระแสลมที่บ้าคลั่ง ฉัวะ! ฉัวะ! เก็นฟันเข้าใส่ร่างของพายุหมุนเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว แต่มีดอาคมกลับแทบไม่สามารถสร้างความเสียหายใดๆ ให้กับพวกมันได้เลย มันเป็นเพียงกระแสลมที่หมุนวนอย่างรวดเร็ว ทำให้มีดของเขาฟันผ่านไปโดยไม่โดนอะไรที่จับต้องได้ “ไม่ได้ผล!” เก็นอุทานด้วยความหงุดหงิด เขาถูกแรงลมกระแทกจนเซไปมาเล็กน้อย “เก็น! พวกมันไม่มีแก่นแท้ทางกายภาพ!” ฟูมิโกะตะโกนบอก เธอฉุกคิดได้ถึงสิ่งที่เธอเคยอ่านในตำราอาคม “พวกมันมีแต่จิตวิญญาณ! นายต้องใช้พลังวิญญาณโจมตี!” เก็นหันกลับมามองฟูมิโกะ “แล้วเธอจะทำยังไง?!” ฟูมิโกะกำขวดเก็บวิญญาณแน่น เธอเปิดฝาขวดออก แล้วร่ายคาถาดูดดวงวิญญาณ แสงสีฟ้าอ่อนๆ พุ่งออกมาจากขวด พุ่งตรงไปยังพายุหมุนที่กำลังพัดโหมกระหน่ำ ฟุ่บ! ฟุ่บ! ทันทีที่แสงสีฟ้าสัมผัสกับพายุหมุน ลมที่หมุนวนอย่างบ้าคลั่งก็เริ่มชะลอตัวลงเล็กน้อย และมีเสียงกรีดร้องที่แหบพร่าดังขึ้นจากภายในพายุหมุน แสดงว่าคาถาของเธอได้ผล! “ได้ผลเก็น! พวกมันอ่อนแอต่อคาถาดูดดวงวิญญาณ!” ฟูมิโกะตะโกนบอกด้วยความตื่นเต้น “ดีมากฟูมิโกะ! งั้นฉันจะสร้างช่องว่างให้เธอเอง!” เก็นตอบ เขารวบรวมพลังงานวิญญาณทั้งหมดที่มีไว้ที่ปลายมีดลงอาคม แล้วฟันเข้าใส่พายุหมุนเหล่านั้นอย่างรุนแรงอีกครั้ง คราวนี้มีดของเขาส่องประกายสีทองอร่าม เปรี้ยง! พลังงานวิญญาณจากมีดลงอาคมของเก็นพุ่งเข้าปะทะกับพายุหมุนเหล่านั้นอย่างจัง แรงปะทะทำให้ลมพายุหมุนปั่นป่วนอย่างรุนแรง และมีเสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฟูมิโกะไม่รอช้า เธอร่ายคาถาดูดดวงวิญญาณซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างรวดเร็ว แสงสีฟ้าจากขวดอาคมพุ่งเข้าดูดกลืนพายุหมุนเหล่านั้นไปทีละตัว ทีละตัว เสียงกรีดร้องของพวกมันดังระงมไปทั่วโถงทางเดินก่อนจะเงียบหายไปเมื่อพวกมันถูกดูดเข้าไปในขวดอาคมของฟูมิโกะ “เก็น! มันมาอีกแล้ว!” ฟูมิโกะตะโกนบอก เธอเห็นพายุหมุนลูกใหม่กำลังก่อตัวขึ้นที่ปลายทางเดินอีกด้านหนึ่ง และคราวนี้มันมีขนาดใหญ่กว่าเดิมมาก ราวกับพายุทอร์นาโดขนาดย่อมๆ ที่กำลังพัดเข้ามาหาพวกเขา “นี่มัน… ไม่มีที่สิ้นสุดหรือไง?!” เก็นพึมพำ เขารู้สึกถึงความอ่อนล้าที่เริ่มเข้าครอบงำ “พวกมันคงจะรวบรวมพลังจากลมทั้งหมดในอาคารนี้!” ฟูมิโกะบอก เธอรู้ว่าการต่อสู้แบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขากำลังต่อสู้กับพลังงานที่มองไม่เห็น และสามารถสร้างความเสียหายได้อย่างมหาศาล พายุหมุนลูกใหม่พัดเข้ามาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว เศษกระจกและเศษซากปรักหักพังปลิวว่อนเข้าใส่พวกเขาอย่างไม่หยุดหย่อน เก็นต้องใช้มีดลงอาคมปัดป้องสิ่งของเหล่านั้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อปกป้องตัวเองและฟูมิโกะ “ฟูมิโกะ! เธอต้องรีบจัดการมัน!” เก็นตะโกนบอก เขาพยายามสร้างช่องว่างให้ฟูมิโกะได้ร่ายคาถา ฟูมิโกะกัดฟันแน่น เธอรู้ว่าเธอต้องทำอะไร เธอรวบรวมพลังงานทั้งหมดที่มีอยู่ในตัว และจากผ้ายันต์ทั้งห้าผืนที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋าของเธอ เธอชูขวดเก็บวิญญาณขึ้นสุดแขน และร่ายคาถาดูดดวงวิญญาณด้วยเสียงที่ดังและชัดเจนที่สุดเท่าที่เธอเคยทำมา “จงสลายไป! วิญญาณแห่งวายุ!” ฟูมิโกะคำราม แสงสีฟ้าอมม่วงขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากขวดอาคมของฟูมิโกะ พุ่งตรงไปยังพายุหมุนลูกมหึมาอย่างรวดเร็ว แรงดูดจากคาถาของเธอรุนแรงจนโถงทางเดินสั่นสะเทือน พายุหมุนที่บ้าคลั่งเริ่มสั่นคลอน และส่งเสียงกรีดร้องที่ยาวนานและทรมานออกมา ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ร่างของพายุหมุนลูกมหึมาเริ่มแตกสลายกลายเป็นละอองแสงสีดำ และถูกดูดเข้าไปในขวดเก็บวิญญาณของฟูมิโกะอย่างช้าๆ มันใช้เวลานานกว่าวิญญาณตัวอื่นๆ ที่เธอเคยผนึกไว้ แสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจที่เหนือกว่าของมัน เมื่อพายุหมุนลูกสุดท้ายถูกดูดเข้าไปในขวดอาคมของฟูมิโกะ ขวดอาคมของเธอก็เรืองแสงสีดำทึบขึ้นมาอย่างรุนแรง จนแทบจะระเบิดออกอีกครั้ง ก่อนจะกลับคืนสู่สภาพปกติ พร้อมกับความเงียบที่กลับเข้าปกคลุมโถงทางเดิน ฟูมิโกะทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง เธอหอบหายใจอย่างหนัก ร่างกายของเธอเจ็บระบมไปหมด แต่เธอก็ยิ้มออกมาได้เล็กน้อยเมื่อเห็นเก็นยืนอยู่ตรงหน้าเธอ “ฟูมิโกะ… เธอทำได้…” เก็นเอ่ยเสียงแผ่ว เขาเดินเข้ามาหาเธอ แล้วช่วยพยุงเธอให้ลุกขึ้นยืน “นายเองก็ทำได้เหมือนกันเก็น” ฟูมิโกะตอบ เธอรู้สึกถึงความภาคภูมิใจในตัวเก็นอย่างมากที่เขาฟื้นตัวและสู้เคียงข้างเธอ ทั้งคู่มองหน้ากันและกัน ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง แต่คราวนี้มันเป็นความเงียบที่เต็มไปด้วยความโล่งใจและชัยชนะ “เรายังต้องไปหาผ้ายันต์ผืนสุดท้ายที่ลานกว้างนะ” ฟูมิโกะเอ่ยขึ้น เสียงของเธอแม้จะเหนื่อยล้า แต่ก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เก็นพยักหน้า “ไปกันเถอะ… ฟูมิโกะ” ทั้งคู่เดินไปตามทางเดินที่ตอนนี้เต็มไปด้วยเศษกระจกและซากปรักหักพัง พวกเขาเดินมุ่งหน้าไปยังทางออกของตัวอาคาร เพื่อไปยังลานกว้างด้านหน้าโรงพยาบาลที่ผ้ายันต์ผืนสุดท้ายกำลังรอพวกเขาอยู่ พวกเขารู้ว่าการเดินทางครั้งนี้ยังไม่จบ แต่ตราบใดที่พวกเขายังมีกันและกัน พวกเขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งแสงแรกของรุ่งอรุณสาดส่องผ่านหน้าต่างที่พังทลายของห้องผ่าตัด สาดไล่ความมืดมิดที่เคยปกคลุมโรงพยาบาลแห่งนี้มานานหลายทศวรรษให้จางหายไป ความเหนื่อยล้าถาโถมเข้าใส่ฟูมิโกะและเก็นอย่างหนัก ทั้งคู่ล้มตัวลงนอนแผ่กับพื้นคอนกรีตเย็นเฉียบ หอบหายใจอย่างหนักหน่วง ราวกับเพิ่งผ่านการวิ่งมาราธอนอันยาวนาน แต่ในดวงตาของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความโล่งอกและความสุขที่ไม่สามารถบรรยายได้ฟูมิโกะหันไปมองเก็น ใบหน้าของเธอเปื้อนฝุ่นและมีรอยขีดข่วนเล็กน้อย แต่รอยยิ้มที่ปรากฏบนริมฝีปากกลับเปล่งประกายสดใส เก็นเองก็ยิ้มตอบ ดวงตาของเขายังคงฉายแววอ่อนเพลีย แต่ก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในสิ่งที่พวกเขาทำสำเร็จ“เราทำได้จริงๆ ด้วยนะเก็น…” ฟูมิโกะพึมพำ เสียงของเธอแหบพร่าด้วยความเหนื่อยล้า แต่ก็เต็มไปด้วยความตื้นตันใจ“ใช่ฟูมิโกะ… เราทำได้แล้ว” เก็นตอบ เสียงของเขาเองก็หอบไม่แพ้กัน “มันเป็นการต่อสู้ที่หนักหนาสาหัสที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลย”ฟูมิโกะค่อยๆ หยิบ ขวดกักเก็บวิญญาณ ที่มีแสงสีเหลืองอำพันเรืองรองอยู่ภายในขึ้นมาดูด้วยรอยยิ้ม แสงนั้นอบอุ่นและบริสุทธิ์ ไม่ใช่แสงสีดำที่น่าขนลุกเหมือนตอนแรกอีกต่อไป“ในที่สุด… เหล่าวิญญาณก็ไ
เสียงทุบประตูห้องผ่าตัดยังคงดังกึกก้องไม่หยุดหย่อน ผนังห้องสั่นสะเทือนราวกับจะพังทลายลงมาได้ทุกเมื่อ เก็นและฟูมิโกะนั่งพิงกำแพง หอบหายใจอย่างหนัก ร่างกายของพวกเขาเหนื่อยล้าเต็มทีจากบาดแผลและจากการต่อสู้ที่ไม่รู้จบกับ "นายใหญ่" ที่ยังคงกราดเกรี้ยวอยู่ภายนอก“เราจะทำยังไงดีเก็น?” ฟูมิโกะถาม เสียงของเธอเต็มไปด้วยความกังวล เธอพลิกหน้าหนังสืออาคมอย่างรวดเร็ว ดวงตากวาดไปตามตัวอักษรโบราณพยายามหาวิธีที่จะเอาชนะนายใหญ่ได้เสียทีเก็นมองไปที่ประตูห้องผ่าตัด ผ้ายันต์ผืนที่สองที่แปะอยู่เริ่มเรืองแสงริบหรี่ลงแล้ว แสดงว่าพลังป้องกันของมันกำลังจะหมดลงในไม่ช้า “เราต้องหาทางหยุดมันให้ได้ก่อนที่มันจะบุกเข้ามา ฟูมิโกะ!”ตูม!ประตูห้องผ่าตัดถูกกระแทกอย่างรุนแรงจนบานประตูเริ่มปริแตกออก เศษไม้กระเด็นเข้ามาในห้อง“มันใกล้จะพังแล้ว!” ฟูมิโกะอุทาน เธอกัดฟันแน่น พยายามรวบรวมสมาธิทั้งหมดที่มี เพื่ออ่านหนังสืออาคมให้เร็วที่สุดทันใดนั้น!ดวงตาของฟูมิโกะก็หยุดอยู่ที่หน้ากระดาษหน้าหนึ่ง! เธอจำได้ว่าเคยเห็นคาถานี้มาก่อน! มันเป็นคาถาที่ดูเหมือนจะไม่รุนแรงมาก แต่กลับมีคุณสมบัติที่น่าสนใจ!“เก็น! ฉันเจอแล้ว!” ฟูมิโกะตะ
กลิ่นยาฆ่าเชื้อที่ผสมปนเปกับความชื้นและกลิ่นคาวเลือดจางๆ ยังคงคละคลุ้งอยู่ในห้องแล็บที่มืดมิด ฟูมิโกะกับเก็นนั่งอยู่บนพื้นคอนกรีตเย็นเฉียบ หอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้กับ "นายใหญ่" บนดาดฟ้า ผ้ายันต์ผืนที่สองที่แปะอยู่บนประตูกำลังเรืองแสงจางๆ เป็นเกราะป้องกันที่เปราะบาง แต่ก็เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยได้ในตอนนี้“เราต้องหาผ้ายันต์อีกสองผืนให้เจอ” ฟูมิโกะบอก เสียงของเธอแหบพร่าเล็กน้อย เธอเปิดหนังสืออาคมเล่มหนาออกอีกครั้ง พยายามกวาดสายตาหาเบาะแสเก็นพยักหน้า เขายังคงกุมแขนที่บาดเจ็บจากกรงเล็บของนายใหญ่ “ใช่… ยิ่งเราได้ผ้ายันต์ครบเร็วเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีโอกาสโค่นมันได้มากเท่านั้น”“แต่ผ้ายันต์ผืนสุดท้ายที่ฉันสัมผัสบนดาดฟ้า… มันหายไป” ฟูมิโกะพึมพำ “ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร หรือว่ามันทำงานยังไง”“อย่าเพิ่งคิดมากเรื่องนั้นเลยฟูมิโกะ” เก็นบอก “ตอนนี้เราต้องหาอีกสองผืนที่เหลือให้เจอ” เขามองไปที่นาฬิกาข้อมืออาคมของฟูมิโกะที่วางอยู่ข้างๆฟูมิโกะเห็นแล้ว ดวงตาของเธอเบิกกว้าง “จุดสีแดง! มันอยู่ที่ด้านหลังโรงพยาบาล! ทั้งสองจุดเลย!” เธอกรีดร้องด้วยความดีใจ“ด้านหลังโรงพยาบาลเหร
แสงจันทร์ส่องสลัวๆ ลงมาบนดาดฟ้าที่ทรุดโทรมของโรงพยาบาลร้าง เสียงลมยามค่ำคืนพัดหวีดหวิวราวกับเสียงกระซิบของเหล่าวิญญาณที่ถูกจองจำ เก็นและฟูมิโกะยืนเผชิญหน้ากับ “นายใหญ่” ร่างกายของมันสูงใหญ่กำยำ บิดเบี้ยวผิดรูป เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งราวกับหินผา ดวงตาสีแดงฉานคู่นั้นจ้องมองมาที่พวกเขาอย่างอำมหิต พลังงานมืดมิดแผ่ออกมาจากร่างของมันอย่างมหาศาล จนอากาศรอบตัวรู้สึกหนักอึ้ง“เจ้า… จะต้องชดใช้… สำหรับสิ่งที่เจ้าทำ!” เสียงของนายใหญ่ดังก้องในหัวของฟูมิโกะและเก็น มันไม่ใช่เสียงพูดที่ออกมาจากลำคอ แต่เป็นเสียงที่ส่งตรงจากจิตใจ เต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่รุนแรงจนน่าสะพรึงกลัวเก็นก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย มือหนึ่งกำมีดลงอาคมแน่น อีกมือหนึ่งถือผ้ายันต์แห่งสายฟ้าที่ยังคงเรืองแสงสีม่วงเข้ม “เรามาที่นี่เพื่อยุติความทุกข์ทรมานของวิญญาณทุกดวงในโรงพยาบาลแห่งนี้! และเราจะไม่มีวันยอมให้เจ้าทำร้ายใครได้อีก!”“หึหึ… ไร้สาระ!” นายใหญ่หัวเราะเยาะ เสียงหัวเราะของมันแหบพร่าและน่าขนลุก “เจ้าคิดว่า… เจ้าจะทำอะไรข้าได้งั้นหรือ? ข้าคือ… ผู้ที่ควบคุมทุกสิ่งในสถานที่แห่งนี้! ข้าคือ… ผู้ที่สร้างพวกมันขึ้นมา!” มันยกแข
แสงจันทร์ส่องสลัวๆ ลงมาบนดาดฟ้าที่ทรุดโทรมของโรงพยาบาลร้าง เสียงลมยามค่ำคืนพัดหวีดหวิวราวกับเสียงกระซิบของเหล่าวิญญาณที่ถูกจองจำ เก็นและฟูมิโกะยืนเผชิญหน้ากับ “นายใหญ่” ร่างกายของมันสูงใหญ่กำยำ บิดเบี้ยวผิดรูป เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งราวกับหินผา ดวงตาสีแดงฉานคู่นั้นจ้องมองมาที่พวกเขาอย่างอำมหิต พลังงานมืดมิดแผ่ออกมาจากร่างของมันอย่างมหาศาล จนอากาศรอบตัวรู้สึกหนักอึ้ง“เจ้า… จะต้องชดใช้… สำหรับสิ่งที่เจ้าทำ!” เสียงของนายใหญ่ดังก้องในหัวของฟูมิโกะและเก็น มันไม่ใช่เสียงพูดที่ออกมาจากลำคอ แต่เป็นเสียงที่ส่งตรงจากจิตใจ เต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่รุนแรงจนน่าสะพรึงกลัวเก็นก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย มือหนึ่งกำมีดลงอาคมแน่น อีกมือหนึ่งถือผ้ายันต์แห่งสายฟ้าที่ยังคงเรืองแสงสีม่วงเข้ม “เรามาที่นี่เพื่อยุติความทุกข์ทรมานของวิญญาณทุกดวงในโรงพยาบาลแห่งนี้! และเราจะไม่มีวันยอมให้เจ้าทำร้ายใครได้อีก!”“หึหึ… ไร้สาระ!” นายใหญ่หัวเราะเยาะ เสียงหัวเราะของมันแหบพร่าและน่าขนลุก “เจ้าคิดว่า… เจ้าจะทำอะไรข้าได้งั้นหรือ? ข้าคือ… ผู้ที่ควบคุมทุกสิ่งในสถานที่แห่งนี้! ข้าคือ… ผู้ที่สร้างพวกมันขึ้นมา!” มันยกแข
เสียงการต่อสู้ที่ดุเดือดดังมาจากชั้นล่างของโรงพยาบาลร้าง คลอไปกับเสียงฝีเท้าหนักอึ้งของ "นายใหญ่" ที่กำลังไล่ตามฟูมิโกะมาติดๆ บนดาดฟ้า ลมยามค่ำคืนพัดกรรโชกแรงจนเส้นผมของฟูมิโกะปลิวไสวไปตามแรงลม เธอยืนอยู่หน้า เสาล่อฟ้าขนาดใหญ่ ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางดาดฟ้า ผ้ายันต์ผืนที่หกเรืองแสงสีม่วงเข้มพร้อมกับสายฟ้าเล็กๆ ที่แลบแปลบปลาบอยู่รอบๆ ราวกับมันกำลังมีชีวิต"ผ้ายันต์ผืนนั้น… มันคงเป็นผ้ายันต์แห่งสายฟ้าแน่ๆ" ฟูมิโกะพึมพำกับตัวเอง เธอสัมผัสได้ถึงพลังงานที่มหาศาลจากผ้ายันต์ผืนนั้น พลังงานที่แตกต่างจากผ้ายันต์อื่นๆ ที่เธอเคยสัมผัสมาทั้งหมดตุบ! ตุบ! ตุบ!เสียงฝีเท้าหนักๆ ของ "นายใหญ่" ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มันกำลังปีนขึ้นมาบนบันไดที่นำไปสู่ดาดฟ้า"ไม่นะ… มันกำลังมาแล้ว!" ฟูมิโกะอุทานด้วยความตกใจ เธอรู้ว่าไม่มีเวลาลังเลอีกต่อไปแล้วทันใดนั้น!ร่างของเก็นก็พุ่งพรวดขึ้นมาบนดาดฟ้า! ใบหน้าของเขาซีดเซียวเล็กน้อย มีรอยเปื้อนฝุ่นและรอยขีดข่วนอยู่หลายแห่ง แต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่แข็งแกร่งกว่าเดิม เขากำมีดลงอาคมแน่นในมือ“ฟูมิโกะ! เธอไม่เป็นไรนะ?!” เก็นตะโกนถาม เสียงของเขาหอบเล็กน้อยจ