คีตาของผมยังเซ็กซี่เหมือนเดิม...อันที่จริงผมไม่คิดว่าคีตาจะยอมผมง่ายๆ ผมอยากรื้อฟื้นความหลังกับเขาก็จริง แต่หากเขาไม่ยินยอมผมคงทำอะไรไม่ได้ แต่คีตาก็ยังเป็นคนที่ผมคาดเดาไม่ได้เราสองคนอยู่ในสภาพหมิ่นเหม่ เขาค่อยๆ เอื้อมมือเล็กๆ มาปลดกระดุมเสื้อของผม ล้วงมือเข้ามาลูบลอนกล้ามท้องของผมจากกึ่งกลางอกไล่ลงมาทีละนิดจนผมรู้สึกวูบวาบประหลาดก่อนมือซุกซนจะค่อยๆ ปลดกระดุมกางเกงแล้วรูดซิปกางเกงสแล็คของผมจนมันหล่นลงกับพื้นผมเฝ้ามองการกระทำของเขาไปพลางรู้สึกหลงใหลแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกของเขาเป่ามนต์สะกดเข้าให้ผมชอบคีตา...ชอบตั้งแต่แรกเห็น เป็นความรู้สึกที่ไม่เกิดกับใครก็คงไม่มีวันรู้ว่าเป็นเช่นไร…ผมระดมจูบไปทั่วใบหน้านวลเนียนที่ตอนนี้หลับตาพริ้มรับสัมผัสจากผมด้วยความเต็มใจ ทั้งริมฝีปาก พวงแก้มนุ่ม เปลือกตากระทั่งถึงใบหูไม่มีส่วนไหนของเขาที่ริมฝีปากผมไม่ได้สัมผัส ราวกับว่าผมโหยหามันมานานเต็มทีและในที่สุดผมก็ได้ครอบครองมันอีกครั้งหวาน...หวานจนใจเจ็บ...จากทีแรกคีตายังขัดขืนเล็กน้อยแต่ต่อมาเมื่อผมคลุกวงในหนักเข้า มือของคีตาก็กลับโอบรอบคอผมแนบแน่นโดยไม่รู้ตัว คงเพราะเขามีอารมณ์ร่วมกับผมเหมื
ทันทีที่คีตาเปิดประตูพาผมเข้ามา ผมก็หันไปปิดล็อคลูกบิดประตูแล้วหันกลับมามองด้วยแววตาหื่นกระหายจนเขาถอยหลังกรูด“คุณ! คุณล็อกประตูทำไมฮะ”“เพื่อความปลอดภัย”ผมตอบไปงั้นเพราะที่จริงตั้งใจทำมากกว่านั้น อย่างว่าล่ะ ผมกับเขาเปรียบไปก็วัวเคยขาม้าเคยขี่...“แต่ผมรู้สึกไม่ปลอดภัย”คีตาบอกพลางเหลียวซ้ายแลขวาแล้วหันหลังกลับไปที่ประตู แต่ไม่ทันผมที่คว้าเอวเขาดึงเขาหาตัวแล้วล่ะ“คุณจะทำอะไรฮะ!”“ฉันอยากทำอย่างว่า...”“อะไรนะฮะ!” คีตาร้องเสียงหลง“ฉันอยากทำอย่างว่ากับนาย” ผมบอกเจตจำนงโดยไม่ปิดบัง ผมคงต้องรื้อฟื้นความทรงจำที่มีร่วมกับเขาในคืนนั้น เพื่อทุกอย่างจะได้ง่ายเข้า “ฉันอยากนอนกับนาย”“คุณจะนอนกับผมได้ไง!”“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ นายทำให้ฉันคิดถึงนายตลอดเวลาได้ยังไง หือ... คีตา”“ผมไม่ได้ทำอะไรให้คุณเลย คุณจะมาคิดถึงผมทำไม”“นายทำ นาย... ทำ” ผมเน้นเสียงพลางชี้นิ้วมาที่อกซ้ายของตัวเอง กดย้ำๆ หนักๆ ที่หัวใจ “เพราะนาย ที่ตรงนี้ของฉันมันถึงเต้นแรงแบบนี้”“โอ๊ย! คุณพูดไม่รู้เรื่อง คงเพราะเมาแล้วแน่ๆ ผมว่าผมกลับดีกว่า”เขาตัดบทแล้วหันหลังเดินแกมวิ่งไปที่ประตู แต่ผมไม่ปล่อยให้คีตาหลุดมือจึงวิ่งเข้าหาแล
“กะ ก็เปล่านี่”ผมรู้สึกอับอายนิดๆ ที่เผลอพูดอะไรแบบนั้นออกไป รีบเปิดประตูรถที่นั่งข้างคนขับแล้วจับคีตาที่เดินโงนเงนราวกับตุ๊กตาล้มลุกให้นั่งลงแล้ววิ่งอ้อมมาเปิดประตูฝั่งคนขับแล้วออกรถไปอย่างรวดเร็ว ผมมองกระจกหลังเห็นพวกนายอรรถที่ตามมาหาเรื่องแต่ไม่ทันเตะลมเตะแล้งตามหลังก็นึกเคืองไม่หาย พวกมันบังอาจมาวุ่นวายกับคนของผมได้ยังไงกัน “ฉันไปส่งนายที่ร้านก็แล้วกันนะ” “แต่ผมกลัวปู่เห็น” “เออ ลืมไป”ผมบอกเสียงเรียบขณะรถติดไฟแดงอยู่ตรงทางแยก เขาได้แต่พยักหน้าไม่มีคำพูดใดๆ ผมได้ยินเสียงคีตาสะอื้นเบาๆ ก็หยิบทิสชูจากคอนโซลรถยื่นให้“เช็ดหน้าเช็ดตาก่อนสิ”“ขอบคุณฮะ”เขาตอบพลางเอื้อมมือสั่นระริกรับทิสชูจากมือผมไปเช็ดหน้าตาตัวเองอย่างเงียบๆ เป็นความเงียบที่ชวนอึดอัดพอๆ กับผมที่รู้สึกแปลกๆ กับตัวเอง“หรือว่าแอบๆ เข้าร้าน ปู่นายอาจจะหลับแล้วก็ได้ ”ผมเสนอขณะปรายตามองที่เขาแทนการมองตรงๆ เพราะดูจากสภาพของเขาแล้วเหมือนจะไม่พร้อมเผชิญหน้ากับปู่เท่าไหร่หากโดนซักไซ้ขึ้นมาคงไม่ดีนักคีตาก้มมองแขนเสื้อที่ขาดจนห้อยรุ่งริ่งเพราะถูกพวกนั้นยื้อยุดก็รีบดึงแขนเสื้อขึ้นม
“แต่มึงเมาแล้วไอ้อรรถ ทำแบบนี้เดี๋ยวมีเรื่องขึ้นโรงพัก พ่อมึงเอาตายแน่”เพื่อนคนหนึ่งของนายอรรถบอก แต่ถูกผลักเข้าให้“แม่งโว้ย! พวกมึงไม่ต้องมายุ่ง!” นายอรรถโวยลั่นแต่ถูกเพื่อนๆ ลากตัวกลับเข้าไปเพราะขยาดสายตาผม แน่จริงก็เข้ามา งานนี้มีบวกแน่...ผมโอบไหล่เล็กๆ ที่กำลังสั่นระริกแน่นเข้าเขาตัวสั่นจนผมรู้สึกได้ และผมรู้สึกว่าต้องปกป้องเขาไม่ให้ต้องเจ็บปวดจึงหันไปบอกนายจุล “ผมขอตัวพาคีกลับก่อนครับ”“คุณเป็นใคร”“ผม?”ผมชี้ที่ตัวเอง นายจุลพยักยิ้มอย่างคนมนุษย์สัมพันธ์ดี แต่ผมรู้ว่ามันเป็นรอยยิ้มที่จางและเจื่อนที่สุด“ครับ ผมจะได้รู้ว่าควรฝากคีไว้กับคุณได้ไหม”“ได้อยู่แล้ว”ผมสังเกตว่านายจุลชะงักไปครู่หนึ่งจึงเลื่อนสายตาไปจับจ้องอยู่กับคีตาที่ไม่ยอมสบตา แล้วนายจุลก็หันมาหาผม“งั้นฝากคีด้วยนะครับ”ผมยิ้มตอบ อย่างน้อยก็ต่อหน้าคนอื่น เขาไม่หลุดคำพูดก้าวร้าวเหมือนนายอรรถนั่นทั้งที่แววตาที่มองผมดูไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่ ผมมองดวงหน้าขาวของหนุ่มตี๋ก็ไม่แปลกใจว่าเหตุใดเด็กนี่ถึงได้หลงใหลได้ปลื้มกับคนตรงหน้าขนาดนี้แต่ว่าก็ว่าเถอะ...ผมหล่อกว่าเห็นๆ“ขอทราบชื่อคุณหน่อยได้ไหมครับ”ผมชะงักก่อนตอบ “ผม ตร
“ก็พี่นิสัยไม่ดีก่อนอะ” คีตาโพล่งขึ้นคงยิ่งเหมือนเป็นสิ่งยั่วยุให้หมอนั่นตามตอแยต่อ คีตาเดินจ้ำๆ ทิ้งห่างออกมาแต่ไอ้พวกนั้นกลับยิ่งไล่ต้อน ไม่รู้ไอ้หมาหมู่พวกนี้ไม่มีใครอบรมสั่งสอนหรือยังไง ผมเริ่มเดือดดาลเมื่อฟังมันพูดไล่หลังต่อ“ไอ้เด็กนิสัยเสีย ไม่รู้จักบุญคุณคน”คีตาชะงักกึก ผมเห็นเขาหน้าสั่นตัวสั่นไปหมด ยิ่งนายอรรถอะไรนั่นที่เป็นลูกพี่ไอ้คนปากเสียดูไม่สะทกสะท้านกลับก้าวมาดักหน้าแล้วยื่นแก้วไวน์ให้“งั้นกินนี่ก่อนแล้วค่อยไป” “ไม่เอาน่าอรรถ” จุลปัดมืออรรถที่คะยั้นคะยอยื่นแก้วไปที่ปากคีตาทิ้ง “พี่บอกให้กินไง!” “ก็ผมบอกว่าไม่กิน!”คราวนี้คีตาเสียงแข็งอย่างที่ผมไม่เคยเห็น แต่ผมกลับคุ้นกิริยาของนายอรรถยิ่งขึ้น ผมเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวจนกระจ่างว่าที่แท้นายอรรถคนนี้เคยมีคดีกับคีตาครั้งหนึ่งและผมคือคนที่เข้าไปช่วยเด็กนี่ไว้ในคืนนั้น ไอ้สารเลวเอ๊ย! “งั้นพี่ไม่เกรงใจแล้วนะ”อรรถรั้งข้อมือเล็กๆ ของคีตา อีกข้างถือแก้วไวน์จะหกไม่หกแหล่ทั้งที่ตัวเองยืนแทบไม่ตรงด้วยความเมาเข้ามาปล้ำจูบ จุลเห็นสีหน้าของคีตาจึงเข้าไปห้ามแต่
“วางยาอีกแล้วเหรอ มุกซ้ำไปป่าวยะ”“เออ เห็นว่าคราวก่อนโดนเด็กนี่หักหน้าก็เลยจะสั่งสอนแต่มันดันรอดไปได้ซะก่อน คืนนี้เลยวางแผนจะเผด็จศึกมันให้ได้”“วันนี้มันก็น่าหมั่นไส้จริงๆ นั่นแหละ แต่งตัวยั่วซะ น่าหมั่นไส้ชะมัด”สามสาวหัวเราะชอบใจ แล้วอีกคนที่เป็นผู้ฟังมาตลอดก็โพล่งขึ้น “ดี จะได้รู้ซะมั่งว่าคิดจะแข่งกับคนสวยอย่างพวกเราผลที่ได้จะเป็นยังไง”“เจอของจริงเข้าไป อาจจะติดใจนายอรรถเลยก็ได้มั้ง”หญิงสาวชุดขาวแต่ท่าทางจะใจไม่ขาวสวยเหมือนชุดที่ใส่โพล่งคำพูดที่ทำให้ผมรู้สึกว่ากำลังจะมีเรื่องไม่ดีไม่งามเกิดขึ้นกับคีตา ผมไม่รู้ตัวเลยว่าห่วงใยเด็กนั่นจนนั่งไม่ติดแล้วจะแปลกอะไรในเมื่อคีตาเป็นของผม ใครที่คิดจะทำร้ายคีตาต้องเจอผม!รถของสามสาวแล่นออกไป ผมจึงเปิดประตูรถเดินตรงเข้าไปด้านในถามถึงชั้นที่จัดงานเลี้ยงจบการศึกษาของนายจุลอะไรนั่นแล้วจึงตรงไปที่ลิฟต์พอประตูลิฟต์เปิด ผมก็ก้าวออกมาไม่ทันที่ลิฟต์จะปิดด้วยซ้ำ ผมก็เห็นคีตาเดินแกมวิ่งออกมาจากห้องจัดงานตรงมาที่ลิฟต์ด้วยน้ำตานองหน้า ดูสภาพเขาแล้วใจผมหล่นไปอยู่ตาตุ่มเลย หรือว่ามันทำร้ายคีตาแล้ว หรือว่าผมมาไม่ทัน!เชี่ย!ไอ้พวกภัยสังคมรวยเงินแต่สมองก