Masuk"อย่าบีบให้ฉันต้องรังแกผู้หญิง"
เสียงทุ้มพูดลอดไรฟันด้วยความโมโห ไม่แปลกใจที่เพื่อนสนิทเขาควงเธอไปไหนมาไหนด้วยตั้งนาน แต่ทว่าความสัมพันธ์ไม่คืบหน้า เพราะดูเป็นผู้หญิงประหลาดแบบนี้นี่เอง "ผู้ชายแบบพี่นี่น่าสนใจดีนะคะ ทำยังไงดีล่ะ ตอนนี้ฉันอยากได้พี่ไปแล้วและก็ต้องได้ด้วย" ใบเฟิร์นยังพูดยั่วอารมณ์เขาไม่หยุด เธอถนัดอยู่แล้วเรื่องปั่นประสาทคนอื่น ยิ่งเป็นผู้ชายความคิดสกปรกแบบเขาเธอยิ่งชอบ อยากจะรู้เหมือนกันว่าเขาจะทนฟังได้สักกี่น้ำ "อย่าร่านให้มากนะ" "....." "จะบอกอะไรให้เอาบุญ เห็นฉันเป็นแบบนี้ ฉันก็เลือกนะ ผู้หญิงแบบเธอฉันไม่แหย่ให้เสียเวลาหรอก" คนตัวเล็กอึ้งไปทันที โดนพูดตอกใส่หน้าจนหน้าชา ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะปากจัดได้ขนาดนี้ "แน่ใจเหรอคะ ว่าไม่อยากแหย่ ถ้าฉันนอนแบให้ ฉันว่าคนแบบพี่คงกลืนกินฉันไปทั้งตัว" "ออกไปจากที่นี่!!! ก่อนที่ฉันจะให้คนของฉันมาลากเธอออกไป" เสียงทุ้มตะโกนออกมาดังลั่นอย่างเหลืออด เขาไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนเป็นแบบเธอมาก่อน"ขนาดพวกทำงานอย่างว่า ยังดูมีศักดิ์ศรีมากกว่าเธอเลย เธอมันทำตัวไร้ค่า ไร้ราคา" รถหรูกระชากตัวออกจากจุดจอดทันที ทำให้คนตัวสูงที่ยืนเกาะกระจกกระเด็นไปอีกทาง คนขับอย่างใบเฟิร์นเหลือบมองกระจกด้านหลัง ก่อนจะยิ้มสะใจออกมา แต่ทว่าขับมาได้ไม่เท่าไหร่เธอก็ต้องขับเข้าจอดข้างทางและฟุบหน้ากับพวงมาลัยร้องไห้ออกมาทันที "ฮึก ฮึก" เธอพอจะรู้ว่าเขาไม่ชอบหน้าเธอ แต่ไม่คิดว่าเขาจะไม่ชอบเธอขนาดนี้ เมื่อก่อนยังพอเข้าใจได้ว่าเพราะกลัวเธอจะไปแย่งพี่ฟรินท์มาจากพี่สาวของตัวเอง แต่ในตอนนี้ที่พี่ฟรินท์แต่งงานมีลูกไปแล้ว และเธอก็ยอมรับทุกอย่าง ไม่ได้ไปคิดยื้อแย่งกลับมาและเธอก็ยอมรับได้มาตั้งแต่ก่อนที่เขาสองคนจะแต่งงานกันแล้วด้วย เพียงแค่ไม่ได้ไปป่าวประกาศให้ใครรู้แค่นั้นเอง แต่ทำไมเขาถึงยังคิดแบบนั้นกับเธออยู่ ทำราวกับว่าเธอจะไปเป็นมือที่สามในความสัมพันธ์ของเขาทั้งคู่แล้วอย่างนั้นแหละ ทั้งที่เธอไม่เคยคิดแบบนั้น ที่ร้องไห้ไม่ใช่แค่ความเสียใจ แต่เธอคับแค้นใจที่เขาตัดสินเธอโดยที่ยังไม่รู้จักเธอดีพอ ครืด! ครืด! เสียงโทรศัพท์มือถือสั่นระรัว จำได้ว่าก่อนหน้าไทเกอร์เป็นคนหยิบโทรศัพท์ของเธอไปเพื่อจะลบเบอร์ติดต่อของฟรินท์ แต่ทว่าไม่ทันได้มองว่าเขาเอาโทรศัพท์เธอวางไว้ตรงไหน ก่อนจะเหลือบไปเห็นตรงคอนโซลตรงหน้าเบาะข้างคนขับ “ไม่ใช่เครื่องนี้นิ”เมื่อหยิบมาดูก็ไม่พบแจ้งเตือนหรือสายเรียกเข้าจากเครื่องของเธอ แต่ทว่ายังคงได้ยินเสียงสั่นอยู่ เลยมองหาที่มาของเสียงนั้น จนไปเจอแสงไฟจากหน้าจอตรงซอกเบาะรถ เมื่อหยิบมาดูมุมปากเล็กก็ยกขึ้นเพราะรูปหน้าจอเป็นรูปของเจ้าของสนามแข่งที่ด่าเธอเมื่อกี้นี้ เธอนั่งรอจนมีสายเรียกเข้าดังขึ้นอีกครั้ง ถึงกดรับสาย“ฮัลโหล” (ทำไมโทรศัพท์ฉันถึงไปอยู่ที่เธอ) “พี่ทำตกไว้เองนะ ฉันไม่ได้ขโมยมาเสียหน่อย” (แน่ใจเหรอ ไม่ใช่ว่าเป็นแผนของเธอหรอกใช่ไหม) “ตอนแรกก็ไม่ใช่ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจเป็นแผนการของฉันก็ได้ค่ะ” (คิดไว้ไม่มีผิด) “ถ้าอยากได้คืน พี่ต้องมีอะไรมาแลกนะคะ” (เธอต้องการอะไร?) ใบเฟิร์นยิ้มเยาะออกมา พอจะเข้าใจว่าโทรศัพท์คงสำคัญกับนักธุรกิจแบบเขามาก แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดเธอที่เขามาทำตกไว้ในรถและตอนนี้เธอก็ไม่อยากคืนเขาด้วย "ยังคิดไม่ออกค่ะ ไว้คิดออกจะโทรไปบอกนะคะ" (อย่ามาเล่นบ้า ๆ นะ เธอก็รู้ว่าโทรศัพท์สำคัญกับฉัน) "ไม่มีตรงไหนที่ฉันล้อเล่นพี่เลยนะคะ ตอนนี้ฉันโคตรจริงจังเลย ที่บอกว่าไม่ว่างก็จริงจังเหมือนกัน" เธอรู้ว่าตอนนี้เขาคงกำลังโกรธเธอมากแค่ไหน แต่เขาเป็นคนเริ่มเรื่องนี้มาก่อน เขาทำให้เธอเสียความรู้สึก ทำให้เธอหมดเวลาที่เธอจะได้คิดอะไรเรื่อยเปื่อยคนเดียว โดยไม่มีใครมาบังคับกะเกณฑ์อะไรในชีวิต หากพ้นจากสนามแข่งไปแล้ว เธอก็ต้องกลับมาเป็นใบเฟิร์นลูกสาวที่แสนดีของคนเป็นแม่ ที่ต้องคอยทำตามคำสั่งทุกอย่าง ไม่ว่าแม่จะหาผู้ชายมาให้เธอสักกี่คน เธอก็ต้องยิ้มรับอย่างหน้าชื่นตาบาน โดยที่ไม่มีใครสนใจความรู้สึกข้างในของเธอเลยแม้แต่น้อย (ฉันให้เวลาเธอสิบนาที เอาโทรศัพท์มาคืนฉันเดี๋ยวนี้) "ตกลงพี่จะเอายังไงกันแน่คะ เมื่อกี้พี่ไล่ให้ฉันออกจากสนามแข่งพี่และไม่ต้องกลับไปที่นั่นอีก มาตอนนี้จะให้ฉันกลับไป อย่าทำตัวย้อนแย้งไปหน่อยเลยค่ะ" (.....) "ตอนนี้ฉันไม่ว่างแล้ว ไว้เมื่อไหร่ว่างฉันจะเอาไปคืนนะคะ" (นี่ทะ....) เธอกดวางสายเขาไปทันที พร้อมกับกดปิดเครื่องไปด้วย เอามือลูบหน้าของตัวเองที่ยังเปียกปอนไปด้วยคราบน้ำตา พลางถอนหายใจออกมา ด้านไทเกอร์หลังจากที่อีกฝ่ายตัดสายไป เขาก็เดินไปเดินมาในห้องทำงาน หงุดหงิดงุ่นง่านที่ผู้หญิงคนนั้นทำแบบนี้ รู้ทั้งรู้ว่าโทรศัพท์สำคัญกับเขาขนาดไหน แต่เธอก็ยังทำเหมือนเด็กเล่นขายของ กดโทรออกไปหลายครั้งแต่พบว่าเธอปิดเครื่องของเขาไปแล้ว "เธอจะเอาแบบนี้กับฉันใช่ไหมใบเฟิร์น" กรามหนาขบเข้าหากันแน่น ก่นด่าเธอในใจไม่หยุด ผู้หญิงคนนี้กำลังทำให้เขาหมดความอดทน เธอกดวางสายใส่เขาไม่พอ ยังกดปิดเครื่องไปด้วย ทำให้อารมณ์โกรธเขาตอนนี้พุ่งสูงขึ้นไปอีก แกร๊ก!!! เสียงเปิดประตูห้องทำงานเข้ามา เมื่อหันไปดูก็พบว่าเป็นฟรินท์ที่เดินผิวปากมีความสุข ช่างตรงข้ามกับอารมณ์เขาตอนนี้ จนขัดลูกหูลูกตาไปหมด"มึงมาทำไมตอนนี้?" "อ้าว ถามแปลก ๆ กูก็มาดูเอกสารให้มึงไงว่ะ" เห็นหน้ามันแล้วก็โมโห เพราะเด็กเก่ามันคนเดียวที่ทำให้เขาเป็นบ้าอยู่แบบนี้และเหมือนฟรินท์จะสังเกตุเห็นอาการไม่ปกติของเพื่อนสนิท "เป็นไรว่ะ หน้ามึงเหมือนพร้อมจะฆ่าใครก็ได้ คงไม่ใช่กูหรอกนะ" "....." "มึงก็รู้กูต้องช่วยพี่สาวมึงดูแลลูก จะมาพาลโกรธกูไม่ได้นะ มึงเป็นคนบอกเองว่าไม่ต้องห่วงงานที่นี่ มึงทำได้สบายมาก" เพราะคิดว่าเพื่อนไม่พอใจตัวเองที่พักนี้ไม่ค่อยได้เข้ามาที่สนามแข่ง เลยพูดแก้ตัวเสียยืดยาว แต่ทว่าอีกฝ่ายก็ยังไม่พอใจอยู่ "นี่มึงโกรธกูจริงเหรอว่ะ?" "ไม่ใช่มึง" "แล้วใครทำให้เพื่อนกูหัวร้อนขนาดนี้ได้ว่ะ" "มึงถามเพราะจะไปจัดการให้กูเหรอว่ะ" ฟรินท์ส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มออกมา"เปล่าว่ะ กูแค่อยากบอกว่าเก่งฉิบหายที่ทำให้มึงหัวร้อนได้" "เพราะมึงนั่นแหละไอ้สัดฟรินท์ นั่งทำงานมึงไปเงียบ ๆ เลยนะ" เขาเลิกสนใจเพื่อน ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา เอาแต่คิดว่าจะทำยังไงให้เขาได้โทรศัพท์กลับคืนมา ป่านนี้ถ้าเธอไม่ปิดเครื่อง เขารับรองได้ว่าสายจะต้องไหม้แล้วแน่นอน จะให้ถามเบอร์ติดต่อผู้หญิงคนนั้นกับเพื่อนเขาก็ไม่ได้ ไม่อยากให้มันนึกถึงผู้หญิงคนนั้นอีก ตอนนี้คงมีทางเดียว คือเขาต้องรอให้เธอติดต่อมาหาเอง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่และต้องรออีกนานแค่ไหน "พักนี้มึงเครียดเกินไปหรือเปล่าว่ะ ไอ้ธันโทรบอกกูมึงไปเมาผับมันทุกวัน" "กูก็ไปแบบนี้ทุกวันอยู่แล้วไหมว่ะ แล้วมันเสือกมาสงสัยอะไรกู" "กูก็แค่..."ฟรินท์จ้องหน้าเพื่อนก่อนจะเอ่ยต่อ"กลัวมึงเหงา" "สัดฟรินท์ กูจะสามสิบแล้ว ไม่ใช่เด็กที่จะให้มึงคิดแบบนี้นะโว้ย!!"ตุ๊บ! ตุ๊บ! "เพราะพี่นั่นแหละไอ้คนหื่น ไหนบอกว่าจะพอรอบเดียว ทำไมพี่ทำจนเกือบเช้า พี่ก็รู้ว่าฉันต้องตื่นมาเลี้ยงลูก" "โทษพี่คนเดียวได้ที่ไหน เธอเองก็เด้งเข้าสู้พี่ไม่หยุดเหมือนกัน ลองเธอไม่ยั่วสิ พี่ก็หยุดไปตั้งนานแล้ว" ดวงตากลมโตเบิกโพลงเมื่อได้ยินคำพูดของเขา เธอใช้นิ้วยิกเอวหนาของเขาอย่างแรง คราวนี้คนตัวสูงร้องโอดโอยทันที เพราะจุดนั้นคือจุดที่เขาอ่อนไหวที่สุด "นี่พี่โทษฉันเหรอ" "เปล่านะ" "ก็ดี ฉันจะงด ไม่ให้พี่แตะต้องฉันอีก หลังจากนี้เหลือแค่อาทิตย์ละครั้งเท่านั้น" ไทเกอร์หน้าซีดเผือดทันที เมื่อเห็นท่าทางเด็ดขาดของเมีย ทว่ายังไม่ทันได้โต้แย้งอะไรออกไป ก็ได้ยินเสียงแผดร้องของลูกแฝดดังออกมาจากห้องนอนอีกฝั่ง ที่ก่อนหน้ามันคือห้องนอนเล็กติดกับห้องนอนของเขา ที่เขาให้คนมารีโนเวทจนกลายเป็นห้องเดียวกัน แค่เดินไปไม่กี่ก้าวก็เข้าถึงตัวลูกได้อย่างไว "โอ๋ ๆ ไลออนของพ่อ ไม่ร้องครับ พ่อมาแล้วครับ" เป็นไลออนลูกชายคนโตที่แผดเสียงร้องทันทีที่ตื่นนอน ส่วนอีกสองคน ลีโอและไลลาก็ตื่นนอนแล้วเหมือนกัน แต่ทว่านั่งเล่นตุ๊กตาอยู่ในเปลนอนด้วยท่าทีสนุกสนาน สักพักเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตามเข้ามาในห้
"อืม อ๊าสส" ใบเฟิร์นครางเสียงแผ่ว รู้สึกถึงแรงดึงดูดและความร้อนแรงที่แผ่ซ่านไปทั้งตัว มือเล็กยกขึ้นโอบรอบคอแกร่งแน่น พยายามดึงเขาเข้ามาใกล้ร่างเธอมากที่สุด ราวกับไม่อยากให้เขาหยุดปรนเปรอร่างกายของเธอ “คืนนี้ผัวจะทำให้เมียหายเหนื่อยเองนะ”คนตัวสูงกระซิบเสียงทุ้มต่ำ คำพูดของเขาทำให้เธออยากหัวเราะออกมา ไม่รู้ว่าเธอจะหายเหนื่อยหรือเหนื่อยเพิ่มกันแน่ ดูจากใบหน้าแดงก่ำที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของเขาตอนนี้แล้ว เธอว่าน่าจะอย่างหลังมากกว่า ฝ่ามือของเขาเลื่อนลงไปสัมผัสผิวเนื้อเนินอวบอิ่มด้านล้าง เธอครางตอบด้วยความรู้สึกทั้งเหนื่อยและเร่าร้อน ร่างกายแกร่งของไทเกอร์ประกบร่างกายเธอแนบชิด ทุกแรงกอด ทุกจูบ ทุกสัมผัสของเขาส่งตรงไปถึงหัวใจและร่างกายของเธอที่ร้อนผ่าวไปทั้งตัว เสียงลมหายใจปะปนกับเสียงครางตอบสนองแรงปรารถนาของเขาอย่างเต็มที่ "อื้อ~ อ๊าสส" ฝ่ามือหนาของคนตัวสูงลูบไล้ตามซอกคอขาว ไล่ลงมาถึงไหล่บาง ก่อนจะลากมาประกบสองเต้าอวบอิ่ม ที่หลังจากคลอดลูกแฝด อกอวบอิ่มของเธอ กลายเป็นผลแตงโมขนาดใหญ่ ที่บรรจุน้ำนมไว้ให้ลูกแฝดทั้งสามคน "อยากดูดนมเมีย" นิ้วเรียวยาวบีบบี้ตรงจุกยอดจนมีน้ำนมไหลผุดซึมออกมา คน
สองปีต่อมา แสงแดดยามสายสาดส่องเข้ามาในห้องครัวที่แสนวุ่นวาย ได้ยินเสียงร้องและเสียงหัวเราะของเด็กน้อยแฝดสามในวัยหนึ่งขวบดังไม่หยุดหย่อน ไทเกอร์คุณพ่อสุดห่ามถือถ้วยข้าวต้มอยู่ในมือ พยายามป้อนไลออนลูกชายคนโต ที่กำลังเอื้อมมือไปหยิบของเล่นจากพื้น “ไลออนครับ อย่าโยนช้อนพ่อครับ”เขาพูดพร้อมหัวเราะเบา ๆ ไลออนเองก็หัวเราะลั่นดีใจที่ได้แกล้งให้คนเป็นพ่อให้หัวร้อน ก่อนจะแอบดึงผ้ากันเปื้อนที่ใส่อยู่โยนทิ้งไปบนพื้น วุ่นวายคนเป็นพ่อต้องหยิบกลับขึ้นมาใส่ให้ใหม่ ส่วนใบเฟิร์นยืนอยู่ใกล้โต๊ะกินข้าวของลูกน้อยทั้งสามคนอีกฝั่ง กำลังป้อนข้าวไลลาลูกสาวแฝดคนเล็กของเธอ ขณะเดียวกันลีโอลูกชายคนกลางก็ปีนขึ้นบนเก้าอี้พยายามจะเอาช้อนของไลออนมาจากมือคนเป็นพ่อ “พอได้แล้วนะลูก”เธอพูดพลางใช้มือดันลีโอลูกชายคนกลางให้กลับไปนั่งบนเก้าอี้เหมือนเดิม “ถ้าไม่กินข้าวก็ห้ามไปเล่นของเล่นเลยนะ” คนตัวสูงอมยิ้มพลางมองหน้าเมียสุดที่รัก ที่ทำเป็นดุลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ก่อนจะรีบยื่นมือไปรับลีโอที่เกือบตกลงมาจากเก้าอี้ มืออีกข้างก็ถือชามข้าวต้มที่อีกนิดเดียวก็จะหกเกลื่อนพื้น ความวุ่นวายที่เห็น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแทบทุกวัน ทำ
กลีบกุหลาบโปรยปรายอยู่บนผ้าปูสีขาวสะอาด กำลังกระพือขึ้นลง เพราะการขยับตัวของบ่าวสาวในคืนเข้าหอ ไทเกอร์โน้มใบหน้าลงประกบจูบอย่างดุดัน รสจูบหนักแน่นจนแทบทำให้ใบเฟิร์นหายใจไม่ทัน ก่อนจะผ่อนคลายลงเป็นความอ่อนโยนอบอุ่นที่แฝงความโหยหา มือแกร่งค่อย ๆ ไล้ไปตามเรือนร่างสมส่วนที่สั่นสะท้านของเธอ ปลดปล่อยพันธนาการของชุดเจ้าสาวทีละชิ้นช้า ๆ เสียงเนื้อผ้าเสียดสีกับผิวกายขาวผ่องดังแผ่วเบาแต่กลับยิ่งปลุกเร้าอารมณ์คนทั้งคู่ให้รุนแรงขึ้น สายตาชายหนุ่มมีทั้งความหลงใหลและการอยากครอบครองอย่างชัดเจน "วันนี้เฟิร์นสวยมาก สวยจนพี่อยากจะเข้าไปต่อยหน้าคนในงานทุกคนที่จ้องมองเมีย" คนตัวเล็กพยายามหลบสายตาเพราะความเขินอาย แต่กลับถูกเขายกคางขึ้น บังคับให้สบตากัน "อย่าหลบตา คืนนี้พี่ต้องการเห็นหน้าเมียตลอดเวลาที่พี่จะทำให้เมียมีความสุข"น้ำเสียงทุ้มต่ำทำให้เธอรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วทั้งร่าง เมื่อร่างกายไม่มีสิ่งใดกั้นขวางอีกต่อไป ฝ่ามือหนาก็เริ่มการสัมผัสแนบผิวเนื้อนุ่มอย่างชัดเจน ความอุ่นซ่านจากผิวกายของคนตัวสูง โอบล้อมร่างกายเธอไว้อย่างแนบแน่น เสียงหอบหายใจประสานกันไปกับการเคลื่อนไหวของฝ่ามือหนาที่เริ่มเร่าร้อนข
ค่ำคืนที่เปรียบเสมือนดั่งเทพนิยายที่ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นความจริง แสงไฟระยิบระยับสาดส่องไปทั่วห้องจัดเลี้ยงโรงแรมหรูหราที่ถูกเนรมิตให้กลายเป็นปราสาทกลางเมืองในจินตนาการ ผ้าม่านสีขาวนวลประดับด้วยคริสตัลใสและดอกกุหลาบสดนับพันดอกถูกจัดเรียงอย่างประณีต กลิ่นหอมละมุนลอยคลุ้งไปทั่ว สร้างบรรยากาศโรแมนติกเกินบรรยายให้กับงานแต่งงานของไทเกอร์และใบเฟิร์น แขกผู้มีเกียรติทั้งนักธุรกิจ เพื่อนสนิท และคนสำคัญในวงการ ต่างแต่งกายด้วยชุดราตรีและสูทสุดหรู เสียงดนตรีสุดโรแมนติกดังคลอเบา ๆ ทำให้ทุกสายตาหันไปยังคู่บ่าวสาวที่กำลังก้าวเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ ไทเกอร์อยู่ในชุดสูทสั่งตัดเข้ารูปสีดำตัดกับเสื้อเชิ้ตขาวสะอาด สายตาคมแฝงไปด้วยความสุขและความภาคภูมิใจ ส่วนใบเฟิร์นเธอดูงดงามราวเจ้าหญิงในชุดแต่งงานสีงาช้างที่ปักด้วยคริสตัลเลื่อมแวววาวทั้งชุด ผ้าคลุมยาวระยิบระยับสะท้อนกับแสงไฟ รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอทำให้บรรยากาศทั้งงานสดใสขึ้นมาทันตา เมื่อทั้งสองคนขึ้นมายืนบนเวที เสียงพิธีกรกล่าวเชิญชวนแขกทุกคนให้เป็นสักขีพยาน เป็นการกล่าวขอบคุณแขกเหรื่อในงานและมีการพูดคุยเกี่ยวกับความรักที่ผ่านมาของเจ้าบ่าวเจ้าสาว ที่มีเสียงโ
ช่วงนี้ที่สนามแข่งกำลังจัดการแข่งขันรถยนต์ระดับประเทศอีกแล้ว ทำให้ไทเกอร์แทบไม่มีเวลาส่วนตัวกับแฟนสาว ตอนนี้เขาคบกับใบเฟิร์นครบหนึ่งปีพอดี เวลาที่ผ่านมาก็มีทั้งสุข ทั้งเศร้า มีรอยยิ้มและมีทะเลาะกันบ้าง ตามประสาคนที่อยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลา จะห่างกันแค่ช่วงที่สนามแข่งมีการแข่งขันเท่านั้น อย่างวันนี้เขาก็โทรหาให้เธอมาหาเขาที่สนาม เพราะวันนี้คือวันสุดท้ายของการแข่งขัน ซึ่งเธอก็ตอบรับทันที โดยเธอบอกเขาว่าจะมาถึงสนามแข่งตอนหนึ่งทุ่ม เพราะมีนัดกับปั้นแป้งไปช็อปปิ้งกันตามประสาผู้หญิง “กูกลับก่อนนะ รันเวย์ไม่ค่อยสบาย” ฟรินท์เองก็ยุ่งจนหัวหมุนในแต่ละวัน เขาต้องวิ่งวุ่นที่บริษัทและสนามแข่ง เพราะไม่อยากให้เพื่อนจัดการคนเดียว แค่เขาเข้ามาช่วยดูหลาย ๆ ส่วน เพื่อให้ไทเกอร์ได้พักผ่อนบ้าง “แล้วมึงช้าอยู่ทำไมว่ะ หลานกูไม่สบาย ทำไมพี่เรนไม่โทรหากูเลยว่ะ” “มึงอ่ะ เมื่อไหร่จะแต่งงาน”ฟรินท์เลิกคิ้วถามเพื่อน เพราะเขามั่นใจแล้วว่าตอนนี้ไทเกอร์พร้อมจะมีครอบครัวแล้วจริง ๆ อีกอย่างแม่ยายของเขาก็ถามไถ่อยู่ตลอดว่าไทเกอร์มีแง้มเรื่องแต่งงานให้ฟังบ้างหรือเปล่า ท่านไม่อยากให้ลูกชายอายุเลยสามสิบไปแล้ว ถึงจะมีลู







