“แต่งงานกับพี่ดีไหม” อีกฝ่ายเบิกตาโตเมื่อกูพูดออกมาโต้งๆ “พอดีพี่ชอบหนูมาก เห็นครั้งแรกก็แบบตกหลุมรักเลยอะ แบบรอได้ ถ้าจะได้สปาร์คจอยด้วย”
“...”
“ถือว่าวันนี้เราเข้าม่านรูดด้วยกัน เป็นแฟนกันแล้วนะ” ผมทึกทักเอาเอง เพราะผมชอบแล้วผมต้องได้อะ อีกอย่างก็ไม่เคยมีแฟนเป็นจริงเป็นจัง ผมยังซิงแถมไร้เดียงสารู้จักแค่โลกต่อยตี เลยไม่รู้ว่าควรต้องจีบผู้หญิงยังไง “ฝากไปบอกแม่ด้วย”
“...!!”
ก็ผมสปาร์คกับน้องตั้งแต่แรกพบอะ แล้วผมก็ต้องได้น้องมาเป็นแฟนด้วย
[จบพาร์ท : ตะขวด]
หนูนั่งกำมือที่สั่นเทาอยู่บนหน้าตัก ระหว่างที่พี่ขวดคนนั้นเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำโรงแรม
อาจจะดูไม่ฉลาดเลยที่เขาเข้าไปอาบน้ำแล้วปล่อยหนูอยู่ในห้องคนเดียวแบบนี้ แต่หนูกลับไม่กล้าที่จะลุกเดินออกไปเปิดประตูเพื่อหนีออกไปจากที่นี่
ละ... แล้วจะลุกไปได้ยังไงล่ะคะ
ก็พี่ขวดเขาเปิดประตูห้องน้ำเอาไว้นี่
“ไม่มาอาบด้วยกันจริงดิ” เสียงทุ้มดังออกมาจากภายในห้องน้ำในนาทีนั้น หนูสะดุ้งโหยง พาให้ขนลุกซู่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “สบู่ที่นี่หอมสลัด แถมมีน้ำอุ่นด้วยนะ”
“มะ ไม่ค่ะ” เสียงหนูค่อยมากจนแทบกลืนหายไปในลำคอ
“*วยพี่แข็งด้วย มาช่วยหน่อยดิ”
“มะ... ไม่ค่ะ!” เสียงหัวเราะระเบิดลั่นในห้องน้ำ เหมือนว่าเขาสนุกที่ได้รังแกหนูแบบนี้ จนหนูแทบอยากจะร้องไห้ออกมา ไม่เข้าใจว่าเขาต้องอยู่ในสังคมแบบไหนมาถึงได้กลายเป็นคนหยาบคายแบบนี้
จนผ่านไปไม่กี่นาที พี่ขวดก็เดินออกมาจากห้องน้ำที่เปิดไว้อยู่ หนูได้ยินเสียงฝีเท้าจึงหันกลับไปมองโดยสัญชาตญาณ แต่เขาดันออกมาโดยที่ไม่ใส่อะไรเลย!
“กรี๊ด” หนูกรี๊ดลั่นเพราะเห็นเจ้าโลกของเขาเต็มทั้งสองตา หน้าแดงก่ำไปจนถึงลำคอตอนที่รีบเอามือมาปิดตาไว้ “สะ ใส่กางเกงสิคะ!”
“ก็มันร้อนอ่ะหนู ไม่รู้แอร์เสียป่าว” เขาโทษเครื่องปรับอากาศหน้าตาเฉย ก่อนที่จะกดเปิดโทรทัศน์ “พี่จองไว้ห้าชั่วโมง แต่ก็ไม่ได้สปาร์ค”
“...”
“งั้นเราจะทำเหี้ยไรกันดี” ไม่ถามเปล่า พี่ขวดเดินมานั่งขนาบข้างหนูโดยที่ไม่คิดจะใส่อะไรอีกเลย
“พะ... พี่คะ” หนูแทบจะยกมือขึ้นไหว้โดยที่ไม่มองไปทางเขา “ใส่กางเกงเถอะนะคะ... หนูขอร้อง”
“ใส่ให้หน่อยดิ” แต่คำตอบที่ห้วนจัดของเขากลับทำให้หนูไปไม่เป็น
“นะ... หนูกลัว”
“กลัวอะไรอ่ะ แค่อวัยวะสืบพันธุ์” พูดโต้งๆ แบบนั้นไม่พอ เขายังขยับเข้ามาชิดอีกจนตัวที่เปลือยเปล่าแถมเปียกน้ำของเขามาชนจนเสื้อนักเรียนของหนูชุ่มนิดๆ “ดูๆ ไว้ครับน้อง นี่คือเรื่องธรรมชาติของมนุษย์”
หนูจะไม่ใส่กางเกงให้เขาหรอกนะ
“มะ... ไม่เอาค่ะ”
“เชี่ย เอาเรื่อง” พี่ขวดสบถออกมา ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นไปคว้าบ็อกเซอร์สีแดงเลือดหมูของเขามานุ่ง (ที่หนูรู้เพราะหนูฟังจากเสียง) แล้วเขาก็มานั่งประชิดตัวหนูเหมือนเดิม
หนูนั่งเงียบ ตัวแข็งไปหมดเพราะเขาหายใจรดใบหูของหนูเสียงดังครืด ครืด
จะ... จั๊กจี้ แถมขนลุกด้วย
“หนูอกน้อยเนอะ” อยู่ๆ พี่เขาก็โพล่งขึ้นมาเหมือนจะต้องการทำลายความเงียบ แล้วหนูก็หน้าร้อนวูบ เพราะเรื่องที่เขาพูดขึ้นมามัน...
“...”
“หรือเพราะหนูใส่บราเด็ก? พี่ขอดูได้ไหม” ไม่พูดเฉยๆ นะคะ เขาใช้ปลายนิ้วชี้เกี่ยวของคอปกเสื้อหนูทำท่าจะแหวกออกดูด้านใน
“พะ พี่ขวด!!” หนูเผลอเรียกชื่อเขาเสียงดัง มือหนาชะงักกึก
“อะไร?” เขาเลิกคิ้วถาม
“อะ... เอามือออกไปนะคะ” เสียงหนูเบาลงเพราะความกลัว ร่างสูงโปร่งเลยแค่นหัวเราะ
“ดูนมแฟนตัวเอง ก็เฉยๆ ปะ” พูดแบบนั้นแต่ก็ยอมเอามือออกแต่โดยดี
หนูถอนหายใจพรืดใหญ่อย่างโล่งอก อย่างน้อยๆ เขาก็ยังพอฟังกันอยู่บ้าง
“... หนูไม่ใช่แฟนพี่ไหมคะ” หนูพูดขึ้นมา เริ่มกล้าแย้งขึ้นมานิดหน่อยแล้วล่ะค่ะ แต่ก็ไม่กล้าเสียงดังมากเท่าไหร่นัก เพราะหนูเดาใจพี่ขวดไม่ได้เลยจริงๆ ที่เขาทำหนูเมื่อกี้อย่างอุกอาจ หนูก็ฝังใจจนไม่กล้าทำอะไรที่จะทำให้เขาโมโหอีกเลย “นะ... หนูยังไม่ได้ตกลงเลย แล้วหนูก็ไม่อยากมีแฟนด้วย”
“เหรอ” เขาท้าวคางบนสันเท้าที่ยกขึ้นทับเข่าอีกข้างของตัวเอง ร่างสูงถลึงตาโตอย่างน่ากลัวตอนหนูหันไปมองอย่างกล้าๆ กลัวๆ “แล้วไงอะ”
“... คะ?”
“ไม่ชอบพูดย้ำนะ แต่ว่า” เขากระชากเสียง หนูสะดุ้งเลย “พอดีว่าไม่แคร์ว่ะ ไม่ได้ขอความเห็นจากหนู ก็พี่ชอบ พี่จะเอา”
“...”
“มีปัญหาอะไรไหม”
ก็พูดซะขนาดนี้ ใครจะกล้ามีปัญหาด้วยล่ะคะ
ตรงนั้นมัน...“เฮ้ย” ผมรีบผละออกทันที น้องมนต์ยกมือขึ้นปิดหน้าสะอื้นแบบอับอายสุดกู่ ผมที่ทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์แบบนี้ถึงกับชี้นกชี้ฟ้า “นี่อะไรอะ”“อะ... ฮึก”“หนูฉี่ราดอ่อ?”น้องมนต์ร้องไห้ออกมาอย่างหนักทันที เธอคงขายหน้าจนหยุดไม่อยู่ ขาเรียวเล็กและขาวจัดสั่นระริก น้องเอามือปิดหน้าอยู่แบบนั้น ในขณะที่ผมจะผละออก วางขาน้องลงทันทีน้องฉี่ราดว่ะ เหมือนกลัวมากจนเผลอเล็ดออกมามันไม่ใช่เรื่องน่าอายสำหรับผม แต่ออกจะเป็นเรื่องที่ชวนให้รู้สึกแย่ อาจจะดูเหมือนผู้ชายเหี้ยๆ คนนึงที่คิดแต่เรื่องกามๆ แต่ก็คงเป็นงั้นจริงๆ สงสัยผมรุกหนักเกินไป เด็กมันเลยกลัวจนเป็นแบบนี้รู้สึกละอายใจ แต่เพราะนิสัยเลวๆ ที่ติดเป็นนิสัย ผมทำทีเป็นยิ้มแห้งๆ ออกมา“อะ... ออกไปนะ” น้องไล่ผมด้วยท่าทางที่บ่งบอกว่ากำลังหวาดกลัวสุดขีด “... ไม่เอาแล้ว”“เอาเป็นว่า” ผมเกาคางตัวเอง ท่ามกลางเสียงห่าฝนมันพาลทำให้นึกอะไรไม่ออก จะแก้ต่างอะไรให้ตัวเองงั้นเหรอ? ในเมื่อผมทำลงไปซะขนาดนี้แล้ว“...”“จะเก็บเป็นความลับระหว่างเราสองคนก็ได้”“...”“ไปก่อนนะคะ” ผมพูดกับน้องมนต์ที่นั่งน้ำตาร่วงเผาะหน้าแดงก่ำอยู่ที่เก้าอี้ ไม่ได้ทำอะไรหลังจากนั
“กินเหล้ามาอะ ค่อนข้างเมา ขอหอมดับเมาหน่อยได้ปะ”“ไม่ได้นะคะ เดี๋ยวพ่อมาเห็น” หนูห้ามเขา ลุกลนจนปากสั่นไปหมด พออยู่ใกล้กันแบบนี้กลิ่นเหล้าคละคลุ้งไปหมด หัวใจหนูเต้นแรงมากๆ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจฟังเลยพี่ขวดใช้ลิ้นปลดกระดุมหนูอีกเม็ดจนมันเผยไหปลาร้าของหนู หนูหน้าแดงก่ำ แต่อยู่ในท่าทางที่ไม่สามารถขัดขืนอะไรได้เลย พอขยับตัวพี่ขวดก็จะบีบเอวหนูจนรู้สึกเจ็บคนตัวใหญ่กว่าเงยหน้าขึ้นมามอง ใบหน้าเราอยู่ห่างกันแค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น พี่ขวดมองหนูด้วยแววตาหลงใหลอย่างบอกไม่ถูก เขาใช้มือข้างที่ว่างดันหน้าท้องหนูจนหนูหงายหลังกระแทกลงกับเก้าอี้หน้าโต๊ะหนังสือ“หนูขาวอมชมพูมาก” เขาพูดออกมาด้วยสีหน้าคลั่งไคล้แบบบอกไม่ถูก “ที่เคยคุยมามีแต่ดำๆ ไม่ขาวจัดแบบนี้เลยว่ะ”“พะ พี่ขวด” หนูเรียกชื่อเขาเสียงสั่นเพื่อเตือนสติเผื่อว่าอีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมาจากอาการเมามายจนน่ากลัว แต่มันไม่เป็นผลเลยสักนิดพี่ขวดนั่งคุกเข่าตรงระหว่างขาของหนูด้วยท่าทางที่อันตรายมากๆ ดวงตาของเขาฉ่ำปรือ และใบหน้าของเขาก็ประจันหน้าอยู่ตรง ‘นั้น’ พอดี หน้าหนูร้อนจนชาเมื่อเขาเอานิ้วโป้งมาปาดลิ้นสากแล้วเริ่มปลดกระดุมหนูที่เหลือออกด้วยมือแทน
หนูนั่งหลบสายตาพ่อระหว่างที่กินข้าวด้วยกันจะทำยังไงดีล่ะ พี่ขวดเล่นพูดกับพ่อไปแบบนั้นแล้วด้วยพ่อที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกินข้าวโดยไม่พูดไม่จาอะไรกับหนูเลยสักคำเดียว ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองหนูเลยด้วยซ้ำ หนูเม้มปากแน่น ในขณะที่จะยื่นช้อนมาตักผัดผักใส่กุ้งใส่จานข้าวให้พ่ออย่างเกร็งๆพ่อนิ่งไป แต่ก็ยอมตักผัดผักที่หนูตักให้เข้าปากหนูคลี่ยิ้ม ถึงพ่อจะดุ ตีหนูบ่อยๆ แต่พ่อก็รักหนูเสมอ“ไอ้ผู้ชายคนนั้นน่ะ” พ่อโพล่งขึ้นมา หนูสะดุ้งเมื่อได้ยินว่าพ่อพูดถึงพี่ขวด แทบสำลักข้าวที่เคี้ยวอยู่ในปากเลย “มันเป็นแฟนแกจริงเหรอมนต์?”หนูกระแอมไอเพราะข้าวไหลลงคอไปด้วยอารามตกใจ ก่อนที่จะก้มหน้างุด“... ก็” หนูอึกอัก ต้องตอบไปว่ายังไงดีนะ เพราะพี่ขวดคงไม่ยอมเลิกราวีหนูแน่ๆ “ก็น่าจะใช่ค่ะ”“คบกันตั้งแต่ตอนไหน”“วะ... วันนี้ค่ะ”“คุยกันมานานเท่าไหร่แล้ว ถึงตกลงไปคบกับมัน” คราวนี้หนูอึกอักไปพักใหญ่เลย จะตอบกลับยังไงดี“กะ... ก็หลายเดือน... ค่ะ” สุดท้ายหนูก็เลือกที่จะโกหกพ่อออกไป เพราะกลัวพี่ขวดมากจนขึ้นสมอง หนูคงรู้ล่ะมั้งคะว่าพี่ขวดจะตามมายุ่งวุ่นวายอีกเรื่อยๆ เพราะเขารู้ที่อยู่ของหนูแล้วด้วยพ่อรวบช้อนทันที เงยหน
“ถามว่าเข้าใจไหม?” เขาย้ำอีกทีตอนที่เขยิบเอาไหล่ที่เต็มไปด้วยรอยสักมาชนหน้าอกหนู หนูสะดุ้งโหยงเลย แทบจะร้องไห้ออกมาด้วย“ขะ เข้าใจค่ะ” สุดท้ายก็ลงเอยต้องตอบกลับไปแบบนี้ทั้งที่ในใจไม่เต็มใจเลยสักนิดแต่ยังไม่ทันที่พี่ขวดจะพูดอะไรออกมามากกว่านี้พลั่ก!ไม้หวายของพ่อก็พุ่งเข้ากระแทกศีรษะของเขาอย่างแรงจนพี่ขวดที่ไม่ทันตั้งตัวทำรถคว่ำเซเกือบล้มตึงไป หนูที่แทบจะล้มลงไปด้วยเกิดอาการตกใจเลยกรี๊ดออกมา พอๆ กับที่ได้ยินเสียงทุ้มใหญ่พ่อดังก้องอยู่หน้าบ้าน“มึงเป็นใคร ทำไมมากับลูกสาวกู!!”“ไอ้เชี่ย!” พี่ขวดสบถคำหยาบคายออกมาเสียงดังลั่นตอนที่แฮนด์รถกระแทกพื้น เขาขยับรถกลับมาตั้งตรงตามเดิม ในขณะที่หนูที่เผลอดึงชายเสื้อช็อปสีเทาของเขาเอาไว้ต้องรีบชักมือออกอย่างตกใจ เลิ่กลั่กมองไปทางพ่อที่กำลังเดินย่างสามขุมเข้ามาที หันไปมองร่างสูงข้างหน้าที่กุมศีรษะตัวเองที “โยนมาทำเหี้ยไรวะไอ้แก่!!”หนูอ้าปากค้าง พอๆ กับที่พ่อที่เข้ามาประชิดตัวได้กระชากคอเสื้อของเขามาชิดใบหน้าทันที“... มึงเรียกใครว่าไอ้แก่ฮะ?”[พาร์ท : ตะขวด]ผมเหลือบมองผู้ชายวัยกลางคนเบ้าหน้าดุดันที่กระชากคอเสื้อผมไว้จนตัวแทบลอย รอยตีนกาบนหน้าทำเอ
[พาร์ท : ตะขวด]ผมนั่งดูทีวีในม่านรูดจนง่อยกินไปได้ไม่ถึงห้าชั่วโมง น้องมนต์ก็มีสายเรียกเข้า ตอนแรกผมเหลือบตามองว่าเป็นใครเพราะอยู่ดีๆ ก็รู้สึกหวงขึ้นมาซะดื้อๆ ทั้งๆ ที่น้องมนต์ไม่ได้เต็มใจด้วยซ้ำ แต่พอรู้ว่าเป็นพ่อเธอผมก็ยิ้มกริ่มน้องมนต์ที่หน้าซีดเซียวเดินหนีไปคุยกับพ่อที่หน้าประตู น้องคุยเสียงค่อยมาก แต่ได้ยินลางๆ ว่าพ่อมาตามกลับบ้านอะไรทำนองนั้นพอวางสาย เธอก็แทบจะร้องไห้ออกมา ตอนที่ละล่ำละลั่กบอกผมว่า“ถะ... ถ้าไม่กลับบ้านก่อนหกโมงเย็นพ่อจะตีหนูนะคะ”ผมแหงนหน้ามองนาฬิกาที่ติดอยู่บนผนังห้อง เข็มนาฬิกาตีขึ้นที่ 5.30 นาที ก่อนที่จะไหวไหล่ พ่อท่าทางจะดุ แต่คงสู้กูไม่ได้หรอกครับ“เค๊” ผมมันเป็นผู้ชายที่ทั้งเฟี้ยวและว่าง่ายสุดๆ “เดี๋ยวพี่ไปส่ง”หน้าน้องมนต์เหมือนจะขาดใจตายตรงนั้น“มะ ไม่ได้นะคะ ถ้าพ่อรู้พ่อต้องตีหนูแน่ๆ”“กลัวไรอ่ะ เดี๋ยวให้พ่อเธอตีพี่แทนก็ได้” พูดไปงั้น ลองตีผมดิผมจะสวนให้ แก่ๆ ก็ไม่เว้นหรอก “บ้วนปากแปป”“... พี่คะ” คนตัวเล็กน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาตอนที่ผมเดินผ่านตัวเธอจะเข้าไปบ้วนปากถ่มน้ำลายทิ้งในห้องน้ำโรงแรม “ขอร้องนะคะ อย่าไปส่งหนูเลยนะ”ผมเลิกคิ้ว อะไรที่ทำให้น้อ
“แต่งงานกับพี่ดีไหม” อีกฝ่ายเบิกตาโตเมื่อกูพูดออกมาโต้งๆ “พอดีพี่ชอบหนูมาก เห็นครั้งแรกก็แบบตกหลุมรักเลยอะ แบบรอได้ ถ้าจะได้สปาร์คจอยด้วย”“...”“ถือว่าวันนี้เราเข้าม่านรูดด้วยกัน เป็นแฟนกันแล้วนะ” ผมทึกทักเอาเอง เพราะผมชอบแล้วผมต้องได้อะ อีกอย่างก็ไม่เคยมีแฟนเป็นจริงเป็นจัง ผมยังซิงแถมไร้เดียงสารู้จักแค่โลกต่อยตี เลยไม่รู้ว่าควรต้องจีบผู้หญิงยังไง “ฝากไปบอกแม่ด้วย”“...!!”ก็ผมสปาร์คกับน้องตั้งแต่แรกพบอะ แล้วผมก็ต้องได้น้องมาเป็นแฟนด้วย[จบพาร์ท : ตะขวด]หนูนั่งกำมือที่สั่นเทาอยู่บนหน้าตัก ระหว่างที่พี่ขวดคนนั้นเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำโรงแรมอาจจะดูไม่ฉลาดเลยที่เขาเข้าไปอาบน้ำแล้วปล่อยหนูอยู่ในห้องคนเดียวแบบนี้ แต่หนูกลับไม่กล้าที่จะลุกเดินออกไปเปิดประตูเพื่อหนีออกไปจากที่นี่ละ... แล้วจะลุกไปได้ยังไงล่ะคะก็พี่ขวดเขาเปิดประตูห้องน้ำเอาไว้นี่“ไม่มาอาบด้วยกันจริงดิ” เสียงทุ้มดังออกมาจากภายในห้องน้ำในนาทีนั้น หนูสะดุ้งโหยง พาให้ขนลุกซู่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “สบู่ที่นี่หอมสลัด แถมมีน้ำอุ่นด้วยนะ”“มะ ไม่ค่ะ” เสียงหนูค่อยมากจนแทบกลืนหายไปในลำคอ“*วยพี่แข็งด้วย มาช่วยหน่อยดิ”“มะ... ไม่ค่