LOGINร่างหนาลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานกลางห้องแล้วบิดคอไปมาเพื่อยืดเส้นยืดสายหลังจากที่เขานั่งทำงานมาตั้งแต่ช่วงเช้าของวันจนตอนนี้ก็ใกล้จะหกโมงเย็นแล้ว ชายหนุ่มสาวเท้าเดินตรงไปที่หน้าต่างบานใหญ่ในห้องของตัวเอง ที่สูงกว่าตัวเขาถึงสองเท่าก่อนจะกรีดนิ้วแกร่งแง้มม่านให้เปิดกว้างออก พลันสายตาคมก็ปะทะเข้ากับนนท์และไมอาที่กำลังยืนหัวเราะคุยกันอยู่ที่ด้านล่างหน้าวังพอดี ใบหน้าหล่อไร้ซึ่งสีหน้าใดๆ แสดงออกมาเขาเลื่อนสายตาไปมองด้านหลังของร้านหอมละมุนเป็นที่ถัดไป เพราะถ้ามองจากห้องของเขามันจะตรงกับหลังร้านของยัยนั่นพอดีเช่นกัน…
ว่างงานขนาดที่มายืนคุยเล่นกันอยู่ตรงนี้เลยหรอ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณย่ารดาให้ต้นอ้อเอาของว่างมาเสิร์ฟค่ะ” เสียงใสดังขึ้นที่หน้าประตู
“เชิญ” คามินตอบพร้อมกับปล่อยม่านให้ทิ้งตัวปิดลงตามเดิม
หลานสาวของป้าช่อเดินเข้ามาภายในห้องนอนของเขาด้วยท่าทางเก้ๆ กัง เธอเดินตรงไปวางของทานเล่นที่ว่าลงบนโต๊ะทำงานของเขาก่อนจะหมุนตัวหันมาหาเจ้าชายเพียงคนเดียวของที่นี่
“เอ่อ…มีผลไม้รวมปอกพร้อมทานกับเค้กแครอทของพี่ไมอาค่ะคุณคามิน”
“อืม ขอบใจ” ตาคมมองหญิงสาวหน้าตาสดใสตรงหน้าอย่างไม่ใส่ใจ
“คุณคามินต้องการอะไรเพิ่มเติมไหมคะ”
“ไม่ ไปเถอะ” เขาพูดตัดบทด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ค่ะ งั้นต้นอ้อขอตัวนะคะ”
“…”
ใบหน้าหล่อพยักน้อยๆ แทนคำตอบทำให้หลานสาวของป้าช่อหมุนตัวเดินกลับออกไป แต่ไม่ทันที่ร่างอ้อนแอ้นของสาววัยยี่สิบต้นๆ จะพ้นออกไปจากประตูห้อง ชายหนุ่มก็เอ่ยห้ามเธอไว้ทำให้ต้นอ้อต้องหมุนตัวกลับมาอีกครั้ง
“…เดี๋ยว”
“ค่ะ เจ้าชาย” ต้นอ้อรีบหันตัวกลับมาและเอ่ยขานรับเขาทันทีพลางกดใบหน้าลงไม่กล้ามองสบตากับนัยน์ตาคมที่จ้องมองใบหน้าเธออยู่
“ไปตามไมอาขึ้นมาหน่อย”
“เอ่อ…อ๋อ ได้ค่ะ เจ้าชายรอสักครู่นะคะ”
คามินมองผู้หญิงตรงหน้าที่เผลอหลุดแววตาตกใจออกมากับคำสั่งของเขาก่อนที่เธอจะหมุนตัวเดินกลับออกไปด้วยความเร่งรีบ ร่างสูงเลยก้าวขาเดินตรงไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองตามเดิม แต่เขาเลือกที่จะยืนเอาตัวพิงกับโต๊ะทำงานแทนแล้วหันหน้าออกไปทางประตูอย่างกับเสือจ้องรอตะครุบเหยื่อ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เชิญ” เสียงทุ้มเข้มดังลอดออกมาจากด้านใน
มือบางดันประตูห้องของเขาเปิดออกช้าๆ ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปอย่างกับโจรย่องเบาที่จะมาขโมยของในวัง
“นี่เธอจะมาขโมยของในห้องหรือไงถึงต้องลีบตัวขนาดนั้น”
ปากนายนี่ไวเท่าความคิดฉันเลยนะ!
“นาย…เอ่อ คุณคามินเรียกฉันขึ้นมามีอะไรหรอคะ”
ไมอารีบเปลี่ยนสรรพนามในการเรียกเขาทันทีที่นึกขึ้นได้ว่าชายหนุ่มไม่ได้เป็นคนธรรมดาแบบเธอ ตากลมสวยมองคามินที่ยืนกอดอกไขว้ขาพิงตัวอยู่ตรงขอบโต๊ะด้วยความสงสัยถึงเหตุผลในการที่เขาเรียกเธอขึ้นมาบนนี้
“เรียกปกติเถอะ เพราะเดี๋ยวยังไงก็หลุดเรียกนายอยู่ดี ไม่ต้องเรียกคุณให้เมื่อยหรอก” เขาเอ่ยออกมาอย่างรู้ทัน
“ค่ะ สรุปนายมีธุระอะไรถึงเรียกฉันขึ้นมา” ใบหน้าสวยพยักหน้าเห็นด้วยแล้วเปลี่ยนคำเรียกเขาตามที่ตัวเองถนัด
ก็เขาอนุญาตแล้วนี่…แบบนี้ฉันก็ไม่ผิดสักหน่อย
“หึ”
“…” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเพราะเธอยังคงไม่ได้คำตอบ
“ดูเป็นคนกล้าดีนะ เดินเข้ามาใกล้ๆ หน่อยสิ”
“ทำไมฉันต้องเข้าไปใกล้นายด้วย” ไมอายืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับ
“ทำไม กลัวหรอ? หรือ ไม่เคยเข้าใกล้ผู้ชาย?” ชายหนุ่มเอียงศีรษะเล็กน้อยแล้วเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มของตน
“ไม่ได้กลัว แต่ทำไมต้องเข้าใกล้ผู้ชาย” เธอตอบออกไปตามที่คิด
“อืม แล้วถ้าผู้ชายเข้าใกล้ล่ะ…”
ไม่ทันที่เสียงทุ้มจะพูดจบเขาก็ย่างสามขุมเดินตรงเข้ามาหาเธอด้วยความไว จนมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของคนตัวเล็กในระยะที่ตัวห่างกันไม่ถึงคืบ ทำให้ร่างบางเผลอกลั้นลมหายใจโดยไม่รู้ตัว
“นะ นี่ แล้วจะมายืนชิดขนาดนี้ทำไม” ปากจิ้มลิ้มเปล่งเสียงออกมาด้วยความประหม่าแต่ก็ไม่ยอมถอยหลังเพราะเดี๋ยวเขาจะคิดว่าเธอกลัว
“ทำไมดูประหม่าขนาดนั้น ไม่เคยใกล้ผู้ชายขนาดนี้เลยหรอหรือ…กลัว” คามินยังคงไม่ตอบคำถามของหญิงสาวแต่เขากลับใช้มือเชยคางไมอาให้เงยใบหน้าขึ้นปะทะกับสายตาคม
“…” นัยน์ตาสวยจ้องมองเข้าไปในนัยน์ตาสีน้ำตาลเหลือบเทานั่นอย่างกับคนโดนสะกด
“…หรือชอบ” เขามองแววตาที่สั่นไหวของหญิงสาวตรงหน้าก็พอจะเข้าใจ ว่าเธอกำลังรู้สึกไม่มั่นใจ
“ฉันไม่ได้กะ…”
เสียงหวานที่กำลังจะปฏิเสธออกมาถูกกลืนหายไปเพราะผู้ชายตรงหน้าเธอโน้มใบหน้าลงมาประกบปิดปากของเธอเอาไว้ ดวงตากลมสวยเบิกโตขึ้นกว่าเดิมด้วยความตกใจแต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้เพราะมีฝ่ามือแกร่งประคองกึ่งบังคับล็อกหน้าเธอไว้อยู่
ปากนุ่มร้อนบดขยี้ริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้มนั่นช้าๆ อย่างละเมียดละไมเพราะเขาต้องการให้หญิงสาวตรงหน้าเรียนรู้ทักษะการจูบไปในตัวและต้องการปล่อยให้ตัวเองลิ้มรสความหวานปานน้ำผึ้งจากมันได้อย่างเต็มที่ด้วย
ร่างกายของไมอาเริ่มอ่อนระทวยไปกับสัมผัสชวนฝันจากเขา เธอเผลอขยับปากตามในจังหวะเดียวกันหลังจากที่ถูกคนตัวสูงสอนมาหลายนาที ปากเล็กเผยอปากออกเพราะเธอปล่อยให้เขาดูดดึงมันอยู่นานจนลมหายใจเริ่มขาดห้วงทำให้คามินรีบแทรกลิ้นร้อนเข้ามาทันทีเมื่อมีโอกาส เขาไล่ต้อนลิ้นเล็กของไมอาที่พยายามถดหนีแต่จนแล้วจนรอดหญิงสาวไร้ประสบการณ์ก็ต้องยอมจำนนท์ปล่อยให้เขาตักตวงเกี่ยวกระหวัดมันจนหนำใจ
“…อื้อ” เสียงขัดขืนของคนตัวเล็กที่พยายามปัดมือหนาให้ออกห่างจากหน้าอกของเธอ
พลั่ก!
“แฮ่ก แฮ่ก…” ไมอาพ่นลมหายใจเสียงดังออกมาหลังจากผลักชายหนุ่มให้ออกห่างจากตัวได้สำเร็จ
“หึ แค่นี้ก็หายใจไม่ทันแล้วหรอ”
“…” เธอมองค้อนเขาแต่ไม่พูดอะไร
“จะไปไหน” คามินถามเพราะเห็นสาวเจ้าของร้านกาแฟทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง
“เข้าห้องน้ำ” ไมอาตอบเสียงห้วน
“หาทางหนีหรอ กลัวขนาดนั้นเลย?” แขนแกร่งยกขึ้นกอดอก
“ปวดฉี่ อยากเข้าห้องน้ำ” ไมอาเอ่ยย้ำอีกรอบ
“ก็ไปเข้าสิ ห้องฉันก็มี”
“…” คนตัวเล็กไม่ได้ตอบอะไรแต่เดินไปที่ห้องน้ำของเขาแทนจะได้เป็นการยืนยันว่าเธอไม่ได้กลัว
“หึ”
ห้องน้ำในห้องนอนของคามิน
ร่างเล็กเดินพ้นเข้ามาด้านในห้องน้ำก็ต้องรีบยกมือขึ้นปิดจมูกของตัวเองแทบไม่ทัน
“ทำไมกลิ่นเหล้าหึ่งขนาดนี้เนี่ย…นี่เขาติดเหล้าขนาดนั้นเลยหรอ”
ไมอาพูดออกมาทั้งๆ ที่จมูกก็ยังย่นเข้าหากันเพราะตอนที่เธอเข้ามาในห้องเขาก็พอจะเห็นอยู่ว่ามีขวดเหล้าวางเรียงรายไปทั่วทุกมุมห้อง แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะกินหนักขนาดที่เอามันเข้ามาในนี้ด้วย…
สุดท้ายคนตัวเล็กก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจแล้วเดินไปตรงโถสุขภัณฑ์หรูที่มุมห้องเพื่อทำธุระส่วนตัว แต่ไม่ทันที่ร่างบางจะได้หย่อนกายลงสายตาของเธอก็เห็นอะไรบางอย่างเลยเข้าใจว่าทำไมกลิ่นมันถึงคละคลุ้งได้ขนาดนี้
นิ้วเรียวกดปุ่มดิจิตอลด้านข้างของโถเพื่อไล่น้ำสีอำพันที่ถูกเขาเททิ้งให้ไหลลงไป…เอาเหล้าแพงๆ มาเททิ้งในโถเนี่ยนะ?
“จะไปไหน?” เสียงทุ้มทักไมอาทันทีที่เห็นร่างบางเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วจะเดินออกไปจากห้องเขา
“กลับบ้านสิ”
“ค่าห้องน้ำฉันล่ะ” เขาไม่พูดเปล่าแต่แบมือออกมายื่นอยู่ตรงหน้าด้วย
“แลกกับจูบนั่นแล้วกัน!” เธอกระแทกเสียงแล้วรีบเดินออกมาจากห้องนอนของเขาด้วยความรวดเร็ว
อะไรของเขาอยู่ดีๆ ก็มาจูบเธอแถมยังมาทวงค่าเข้าห้องน้ำอีก ทำเป็นส้วมที่มาตั้งตามจุดที่จัดงานไปได้ ประสาทหรือเปล่านะ…เฮ้อ จูบแรกของฉันเลยนะเนี่ย แต่ทำไมมันถึงได้ไม่โรแมนติกอย่างที่เคยวาดฝันไว้เลยล่ะ!
ไมอาบ่นในใจพร้อมกับเดินไปตามทางเลียบถนนในวังเพื่อกลับร้านของตัวเองพลางมือเล็กก็ยกขึ้นมาถูปากที่บวมเจ่อของตัวเองอย่างขัดใจ…
อีกด้านหนึ่งในห้องของคามิน
ร่างสูงเดินกลับมายืนอยู่ตรงกระจกเพื่อมองอาการของผู้หญิงที่เขาเพิ่งมอบจูบแสนหวานให้เธอไป แล้วชายหนุ่มก็ได้แต่ยกยิ้มมุมปากออกมากับท่าทางกระฟัดกระเฟียดของเจ้าของร้านหอมละมุน
“หึ จะเก็บเอาไปนอนฝันหรือเปล่านะ จูบแรกซะด้วย”
คามินพูดออกมาตามที่คิดก่อนที่สายตาคมจะมองตามร่างบางเดินหายเข้าไปด้านหลังร้านที่เป็นบ้านของเธอ หญิงสาวเปิดไฟในห้องนอนของตัวเองทำให้คนที่แอบลอบมองอยู่ตรงนี้เห็นเต็มตาว่าเธอกำลังถอดเสื้อผ้าเตรียมจะอาบน้ำ แม้ระยะจะไม่ได้ใกล้กับวังของเขามากนักแต่มันก็ใกล้พอที่คนสายตาดีอย่างเขาจะเห็นว่าเธอใส่บราสีชมพูอ่อนเข้าคู่กับชั้นในตัวจิ๋วในวันนี้
“อ่า…ใจเย็นไว้ลูกชาย”
ฝ่ามือแกร่งรีบปล่อยม่านให้ปิดลงเพราะสัมผัสได้ถึงจุดกลางกลายของตัวเองที่กำลังดันเป้ากางเกงขึ้นมา…
22:30น.ไมอานั่งมาสก์หน้าอยู่บนโซฟาตัวนุ่มหน้าทีวีภายในห้องนั่งเล่นขนาดกลางที่อยู่ระหว่างครัวทำขนมกับอีกฟากหนึ่งเป็นโต๊ะทานอาหาร หลังจากกลับมาจากไปส่งขนมให้อาธเนศที่บริษัทเมื่อช่วงบ่ายถึงร้านก็เย็นแล้ว เธอเลยตัดสินใจปิดร้านเพราะขนมก็ขายหมดเกลี้ยงตู้ไปตั้งแต่เช้าเลยเลือกจะเอาเวลาที่เหลือไปเตรียมวัตถุดิบทำขนมสำหรับวันถัดไปแทน ทำให้พรุ่งนี้เธอไม่จำเป็นต้องตื่นแต่เช้ามาเตรียมของ…จะนอนตื่นสายให้ชื่นใจเลย!ครืดดดด ~ร่างเล็กนั่งอยู่ในชุดนอนละสายตาออกจากหน้าจอตรงหน้ามาเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองที่สว่างวาบขึ้นมาก่อนจะหยิบมันขึ้นมาดูอีกครั้งให้ชัด ถึงเห็นเป็นสายของย่ารดาที่โทรเข้ามาทำให้เธอไม่ลังเลที่จะกดรับมัน“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานเอ่ยทักปลายสายก่อน(ไมอานอนหรือยังลูก)“ยังค่ะ กำลังนั่งดูทีวีอยู่ค่ะ ย่ามีอะไรหรือเปล่าคะ?” เธอถามออกไปเพราะไม่บ่อยครั้งนักที่ย่ารดาจะโทรมาหาเธอดึกดื่นขนาดนี้เพราะล่าสุดก็ตอนที่ให้เอาชาคาโมมายล์ไปให้(เอ่อ พอดีย่ามีเรื่องจะรบกวนหนูนิดนึง) เสียงปลายสายฉายความเกรงใจออกมาจนรู้สึกได้“ได้สิคะ บอกมาได้เลย ย่าไม่ต้องเกรงใจไมอานะ” เสียงหวานย้ำบอก เพราะเธอเต็มใจช่วยผ
หญิงชราวัยเจ็ดสิบปีหรือย่ารดาผู้อาวุโสสูงสุดของวังเปรมเดินกลับออกมาจากสวนดอกไม้ด้านหลังวังพร้อมกับสาวใช้นับสิบคนเดินตามหลังของหญิงผู้มีอำนาจ ถึงแม้อายุจะแตะเลขเจ็ดแล้วแต่สุขภาพของเธอยังคงแข็งแรงดี ขาที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นให้เห็นเด่นชัดก้าวขึ้นบันไดทีละขั้นจนพาตัวเองมายืนอยู่ในห้องโถงใหญ่ของพระราชวัง“เพิ่งตื่นหรอคามิน ลงมาซะสายเลย” เสียงทุ้มพร่าของคนอายุมากทักหลานชายที่เพิ่งโผล่มาให้เห็นหน้าเป็นครั้งแรกของวัน“ครับ เมื่อคืนกว่าจะหลับก็เกือบตีสองแหนะ” ปากหนาคลี่ยิ้มออกมาก่อนจะก้าวขาเดินลงบันไดฝั่งห้องของตนนัยน์ตาที่ยังคงสวยไม่สร่างมองตามร่างแกร่งก้าวเดินลงบันไดมาทีละขั้นเพื่อรอหลานลงมาคุยกันด้านล่างวืดดด ปั่ก ปั่ก ปั่ก!!“ว้ายยยย / กรี๊ดดดดด”เสียงกรีดร้องและเสียงตะโกนออกมาด้วยความตกใจดังขึ้นทันทีที่องค์รัชทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลก้าวพลาดเสียหลักแล้วหงายหลังลงหัวฟาดเข้ากับขั้นบันไดอย่างจังจนชายหนุ่มหมดสตินอนคอพับไปตรงนั้น…“คามิน!! มัวยืนงงอะไรกัน เรียกรถพยาบาลสิ!!!”ผู้มีศักดิ์เป็นย่ารีบวิ่งเข้าไปหาหลานของตนแล้วจับตัวของเขาด้วยความระมัดระวังเพื่อสังเกตอาการเบื้องต้น ก่อนจะหันไปตะคอ
กลิ่นหอมของโกโก้ร้อนลอยตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้องหลังจากที่ไมอาเพิ่งเดินไปชงมันมากับมือแล้วเดินกลับมานั่งลงที่โต๊ะทานข้าว เธอวางแก้วลงบนโต๊ะแล้วจับช้อนส้อมตักข้าวไข่พะโล้ที่เธอเป็นคนทำเองเช่นกันเข้าปาก ในขณะเดียวกันตากลมสวยก็นั่งมองจอไอแพดขนาดใหญ่ที่กำลังฉายซีรีส์เรื่องโปรดอยู่อย่างจดจ่อ เช้านี้เป็นเช้าที่ไม่เร่งรีบของเธอเพราะไม่ต้องเอาขนมเข้าไปส่งในวังอย่างที่เคยทำ เนื่องจากย่ารดาบอกว่าวันนี้ทุกคนจะออกไปทำธุระกันข้างนอกเลยไม่มีใครอยู่ แต่ร้านของเธอก็ยังเปิดให้บริการเป็นปกติเลยต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาอบขนม ดีหน่อยที่พอมีเวลาเหลือระหว่างรอขนมออกจากเตาเลยได้มานั่งเพลิดเพลินอยู่กับซีรีส์สุดฟินตรงหน้าติ๊ง!เสียงของเครื่องอบขนมดังบอกว่าเธอควรไปเอามันออกมาจากตู้อบได้แล้ว ร่างบางจัดการกับอาหารตรงหน้าหมดพอดีเลยรีบลุกขึ้นเดินไปเปิดเตาก่อนจะใส่ถุงมือกันความร้อนและเอาขนมที่เพิ่งอบใหม่ๆ ออกมาวางตรงถาดที่วางรออยู่ก่อนแล้วบนเคาน์เตอร์ครัว กลิ่นหอมของมันโชยเข้าจมูกรั้นจนหญิงสาวอดไม่ได้หยิบหนึ่งชิ้นขึ้นมาเป่าแล้วส่งเข้าปากเล็กของตัวเองไป“อื้ม อร่อย ~” ใบหน้าสวยยกยิ้มออกมาอย่างพอใจกับรสชาติหวานละมุนของมัน
“คุณย่าอยู่นี่นี่เอง วันนี้เข้ามาในสวนแต่เช้าเลยหรอคะ” เสียงของไมอาที่เพิ่งเดินเข้ามาพร้อมกับกระถางดอกไม้ในมือหลังจากที่เธอแวะฝากขนมไว้กับต้นอ้อที่หน้าวังเรียบร้อยแล้ว“ใช่จ้ะ อากาศในสวนช่วงเช้ามันร่มรื่นดีน่ะ…แล้วนั่นเอาอะไรมาด้วย” หญิงสูงวัยตอบก่อนจะถามถึงสิ่งที่สาวน้อยอุ้มมันอยู่ในอ้อมอก“กุหลาบเรนนี่บลูค่ะ พอดีหนูได้เมล็ดพันธุ์มาเลยลองเพาะดูที่สวนหลังร้านแล้วต้นของมันแข็งแรงดีจนใกล้จะออกดอกแล้วเลยเอามาให้ย่า คิดว่าอยู่ในสวนสวยๆ แบบนี้คงเหมาะมากกว่า”“สวยเชียว…งั้นเราปลูกไว้ตรงไหนกันดีล่ะ”“ริมเสาตรงศาลานี้ดีไหมคะ เพราะกุหลาบพันธุ์นี้เป็นไม้เลื้อยออกดอกเป็นพวงสีม่วงอ่อนๆ น่าจะตัดกับเสาสีขาวนี่ออกมาสวยเลย อีกอย่างกลิ่นของมันไม่ฉุนจนเวียนหัวด้วยค่ะ”ย่ารดามองนัยน์ตาคู่สวยของไมอาที่กำลังพูดอธิบายด้วยแววตาเป็นประกาย มันยิ่งทำให้เธอดูน่ารักน่าเอ็นดูในสายตาของหญิงชราเป็นไหนๆ“อื้ม เอาสิ ตามใจเราเลย ใครจะไปรู้ดีเท่าคนปลูกล่ะ…จริงไหม?” ผู้อาวุโสของวังปล่อยให้เด็กสาวทำตามอำเภอใจพร้อมกับหัวเราะออกมาน้อยๆ ด้วยความอารมณ์ดีฟึบ ฟึบเสียงพลั่วตักดินดังขึ้นด้วยแรงของไมอาที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาขุดด
ร่างหนาลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานกลางห้องแล้วบิดคอไปมาเพื่อยืดเส้นยืดสายหลังจากที่เขานั่งทำงานมาตั้งแต่ช่วงเช้าของวันจนตอนนี้ก็ใกล้จะหกโมงเย็นแล้ว ชายหนุ่มสาวเท้าเดินตรงไปที่หน้าต่างบานใหญ่ในห้องของตัวเอง ที่สูงกว่าตัวเขาถึงสองเท่าก่อนจะกรีดนิ้วแกร่งแง้มม่านให้เปิดกว้างออก พลันสายตาคมก็ปะทะเข้ากับนนท์และไมอาที่กำลังยืนหัวเราะคุยกันอยู่ที่ด้านล่างหน้าวังพอดี ใบหน้าหล่อไร้ซึ่งสีหน้าใดๆ แสดงออกมาเขาเลื่อนสายตาไปมองด้านหลังของร้านหอมละมุนเป็นที่ถัดไป เพราะถ้ามองจากห้องของเขามันจะตรงกับหลังร้านของยัยนั่นพอดีเช่นกัน…ว่างงานขนาดที่มายืนคุยเล่นกันอยู่ตรงนี้เลยหรอก๊อก ก๊อก ก๊อก“คุณย่ารดาให้ต้นอ้อเอาของว่างมาเสิร์ฟค่ะ” เสียงใสดังขึ้นที่หน้าประตู“เชิญ” คามินตอบพร้อมกับปล่อยม่านให้ทิ้งตัวปิดลงตามเดิมหลานสาวของป้าช่อเดินเข้ามาภายในห้องนอนของเขาด้วยท่าทางเก้ๆ กัง เธอเดินตรงไปวางของทานเล่นที่ว่าลงบนโต๊ะทำงานของเขาก่อนจะหมุนตัวหันมาหาเจ้าชายเพียงคนเดียวของที่นี่“เอ่อ…มีผลไม้รวมปอกพร้อมทานกับเค้กแครอทของพี่ไมอาค่ะคุณคามิน”“อืม ขอบใจ” ตาคมมองหญิงสาวหน้าตาสดใสตรงหน้าอย่างไม่ใส่ใจ“คุณคามินต้องการอะไรเพิ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก“ย่าครับ ย่ารดา”น้ำเสียงทุ้มคุ้นหูดังเรียกชื่อของหญิงชราที่กำลังนอนอยู่ภายในห้อง ทำให้คุณหญิงย่าของวังตื่นขึ้นมากลางดึก เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ แล้วตั้งตัวลุกขึ้นนั่งเอาหลังพิงกับหัวนอน นัยน์ตาสวยของหญิงวัยเจ็ดสิบเหลือบมองนาฬิหาแขวนตรงผนังห้องที่บอกเวลาตีสอง พลันในหัวก็สงสัยว่าทำไมหลานชายของตนถึงมาเคาะประตูเรียกดึกดื่นป่านนี้“ย่าครับ” คามินเรียกย่าของตนอีกครั้งเพราะยังไม่มีเสียงใดตอบกลับหญิงสูงวัยในห้องเลยเคลื่อนย้ายตัวเองลงมานั่งบนวีลแชร์แล้วใช้พลังที่มีบังคับรถเข็นเปิดประตูออกมาที่หน้าห้องแต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า…แต่กระนั้นคนสูงวัยกลับไม่ได้รู้สึกตกใจอะไร เธอเลือกที่จะใช้พลังของตนบังคับรถเข็นที่นั่งอยู่มุ่งตรงไปที่ห้องโถงใหญ่หน้าวัง คงเพราะรู้ดีว่าเวลานี้ไม่มีคนของวังอยู่แล้ว และเธอก็ได้กำชับคนงานทั้งหมดให้เปิดไฟให้สว่างจนทั่วก่อนเลิกงานบรรยากาศโดยรอบไม่ได้ดูน่ากลัวแต่ด้วยความเงียบงันเลยทำให้รู้สึกวังเวงอยู่ภายในใจไม่น้อย…มือเหี่ยวย่นขยับเพียงไม่นานก็พาตัวเองมาอยู่ตรงโถงกลางของวังระหว่างบันไดทั้งสองข้างที่ด้านบนเคยเป็นห้องนอนของตนและอีกฟากหนึ่งที่เป็นห้องนอนของห







