@SoSay Pub
ผัวะ!!
โอ๊ยยย...
“ของกู ไอ้สัส!!” ผมฟาดฝ่ามือลงกลางกระบาล ไอ้ยูตะ น้องชายตัวดีที่คลานตามกันมาเต็มแรงจนมันร้องลั่น เพราะมันทำเนียนล้วงมือเข้ามาในโหลคุกกี้สุดโปรดของผมโดยไม่ได้รับอนุญาต
“ขี้หวงฉิบหาย” มันค้อนขวับพลางลูบหัวตัวเองป้อยๆ ก่อนจะเอี้ยวตัวหลบหลังผู้หญิงที่นั่งถัดไปในตอนที่ผมยกมะเหงกขึ้นกลางอากาศ
“เมียจ๋า ไอ้เฮียแกล้งเค้า”
“โธ่ๆๆ น่ารักตายห่าละ ไอ้สัส!!” อาการผมแสดงออกชัดเจนว่าหมั่นไส้ขั้นสุด บีบเสียงซะขนลุกเกรียวไปทั้งตัว ขนาด มิณ เป็นเมียมันแท้ๆ ยังอดไม่ได้ที่จะสั่นศีรษะไปมาด้วยความเอือมระอา
“มึงก็รู้ว่ามันหวงขนาดไหน ไม่เคยได้แดกสักปี ยังจะอยากโดนด่า” นี่เป็นเสียงของ ไอ้หมอไวน์ นายแพทย์หนุ่มหล่อ เก่งรอบด้าน มากไปด้วยประสบการณ์และยังเป็นทายาทเจ้าของโรงพยาบาลชื่อดัง ที่มีแต่นางพยาบาลแสนสวยพากันรุมล้อม ขนาดคนไข้สาวๆ ก็ยังแกล้งป่วยเพื่อมาหามัน
ส่วนผมก็หันมาสนใจโหลคุกกี้ในอ้อมกอดต่อ ปกติผมไม่ได้ชอบกินขนมอะไรแบบนี้หรอกนะ แต่คุกกี้เนี่ย ผมจะได้กินแค่ปีละสองครั้งเท่านั้นเอง วันเกิดแล้วก็วันวาเลนไทน์ มันถูกส่งมาเกือบห้าปีได้แล้วมั้ง แรกๆ ก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ แต่พอได้ลองชิมกลายเป็นผมเฝ้ามันทุกปีเฉยเลย แล้วก็อย่าหวังว่าใครจะได้แตะ
ผมก็ไม่รู้หรอกว่าใครส่งมาให้แล้วก็ไม่ได้อยากรู้ด้วย เพราะผมกลัวว่าจะรับรักเธอไม่ได้น่ะสิ ผมชอบคุกกี้ของเธอแต่ไม่ได้แปลว่าผมต้องชอบเธอหรอกนะ ปล่อยให้เป็นไปแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว
“มึงไม่อยากรู้จริงเหรอวะ ว่าใครส่งมา”
ผมละสายตาจากคุกกี้ชิ้นสุดท้าย มองไปยังต้นเสียง ไอ้แม็กซ์ เพื่อนอีกคนในกลุ่ม ที่ทั้งหล่อ ทั้งรวย และมาดทะเล้นขี้เล่นของมัน ยังเป็นแรงดึงดูดสาวน้อย สาวใหญ่เข้าหาได้ดีมากๆ อีกด้วย
“ไม่!!” ผมยืนยันคำตอบเสียงหนักแน่น
“ไม่อยากรู้จริงเหรอว้า~” ยัง...ไอ้แม็กยังเซ้าซี้ไม่เลิก
“ไม่เสือก!” ผมเน้นชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะยัดคุกกี้ชิ้นสุดท้ายเข้าปากตัวเอง
น่าแปลกที่ปีนี้มันถูกส่งมาก่อนวาเลนไทน์และมันยังเยอะกว่าทุกครั้งอีกด้วย เพราะปกติผมกินวันเดียวก็หมดแหละ แต่นี่เกือบอาทิตย์เพิ่งจะหมด จากนั้นผมจัดการปิดโหลแล้ววางไว้บนโต๊ะอย่างดีก่อนจะปัดมือทำความสะอาดให้เรียบร้อย
ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วใช้เท้าแหวกทางไอ้พวกเวรทั้งหลายเพื่อเดินไปเปิดประตูห้อง VIP พวกผมมีสิทธิพิเศษกว่าคนอื่นๆ เพราะเจ้าของที่นี่คือ ไอ้ดิน รุ่นน้องคนสนิทและยังเป็นเพื่อนรักของไอ้ยูตะอีกด้วย
ความจริงผมมีเพื่อนรักอีกคน ไอ้ฟิวส์ มันหล่อแต่แม่งโคตรเงียบ…เงียบจนผมลืมไปเลยว่ามีมันอยู่ในห้องด้วย แต่ช่างพวกมันก่อนเหอะ...ตอนนี้ได้เวลานัดสำคัญแล้ว แต่พอประตูเปิดออกผมก็ต้องหยุดชะงักเพราะมีคนเดินสวนเข้ามาซะก่อน และก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ไอ้ธาม เพื่อนรักอีกคนของไอ้ยูตะ ส่วนผู้หญิงที่มันจูงเข้ามานั้น ก็ โรส คุณหนูแสนสวย ที่พิชิตใจเจ้าชายน้ำแข็งไปได้ในที่สุดนั้นเอง พากันไปเซอร์ไพรส์ห่าอะไรก็ไม่รู้...ไร้สาระ
ยังจะเสือกมายักคิ้วให้อีก มีความสุขกันเหลือเกินนะพวกมึง แล้วจะรู้ว่านรกมีจริง กูจะรอสมน้ำหน้าไอ้พวกมีเมียทั้งหลาย เหอะๆ กูจะไม่เอาผู้หญิงคนไหนมาเป็นห่วงมัดคอแบบพวกมึงเด็ดขาด
ครืดดดด~ ครืดดดด~
ผมเดินผิวปากออกมาจากห้องอย่างสบายใจพลางล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงเลื่อนสไลด์รับสาย น้องผิงผิงคนสวย
[ผิง รออยู่ห้องแล้วค่ะ]
“อืม ไม่เกินสิบนาทีถึง”
ติ๊ด!
ผมวางสายยัดมือถือเก็บเข้ากระเป๋าเหมือนเดิมและไม่รอช้า บึ่งตรงไปยังเป้าหมายที่รอผมอยู่ตอนนี้ทันที อยากปลดปล่อยจะตายห่าอยู่แล้ว ผมชอบซื้อกินมากกว่าเอาเป็นตัวตน ขี้เกียจวุ่นวาย จ่ายเงินก็จบ และก็อีกแบบคือผมไม่ต้องเสียอะไรเลย ผู้หญิงถวายตัวให้ผมเองแบบน้องผิงผิงนี่ไง โทรตามผมยิกๆ เลย เด็กพวกนี้รู้จักข้อปฏิบัติในการร่วมเตียงของผมเป็นอย่างดี ถ้าขืนงี่เง่าขึ้นมาล่ะก็ ผมเขี่ยทิ้งแบบไม่ไยดีเหมือนกัน
@อพาร์ตเมนต์ JJ
ก๊อกๆๆ
ผมยกมือขึ้นเคาะประตูห้องที่ผมเคยมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ประตูถูกเปิดออกโดยเจ้าของห้องที่อยู่ในชุดนอนสุดแสนจะบางจนเห็นทุกอย่างที่อยู่ภายใต้ผ้าบางนั้น ฟันที่เรียงกันสวยกัดปากล่างตัวเองเบาๆ อย่างยั่วยวน พร้อมส่งสายตาเชิญชวนมาให้ ผู้หญิงอะไรยั่วเก่งชะมัด จิ๊ๆๆ กวางน้อยอยู่ตรงหน้า มีเรอะ…ที่เสืออย่างผมจะไม่ตะครุบ อยากขยี้จะแย่อยู่แล้ว
ปึงงงง
ทันทีที่ประตูปิดลง เธอก็พุ่งเข้าหมายจะจูบแต่ผมเบือนหน้าหนีซะก่อน ผมไม่ชอบจูบกับผู้หญิงแบบนี้สักเท่าไหร่ เพราะไม่รู้ว่าเธอสะอาดแค่ไหนและผมก็ป้องกันตัวเองทุกครั้งไม่มีพลาด
เมื่อเธอพลาดเป้าหมายแรก ก็เบี่ยงไปที่ซอกคอผมแทน มือเล็กจัดแจงปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของผมออกทีละเม็ดจนหมดแล้วลูบไล้ปัดป่ายไปจนทั่วแผงอกแกร่ง ผู้หญิงพวกนี้รู้หน้าที่เป็นอย่างดีโดยที่ผมไม่ต้องทำอะไร
“อืม~”
ผมครางขึ้นในลำคอทันทีที่มือเล็กเลื่อนลงไปลูบคลำลูกชายผมที่มันคับแน่นอยู่ภายใต้กางเกงยีนส์ราคาแพงและตอนนี้มันพร้อมรบเต็มที่แล้วด้วย และผมคงจะได้ปลดปล่อยแน่ๆ ถ้าไม่ติดว่า เสียงเคาะประตูดังขึ้นซะก่อน
ก๊อกๆๆๆ
“ไม่ต้องสนใจ” ผมพูดขึ้นเสียงเข้มพลางดันร่างบางไปที่เตียงทันที ใครจะมาก็ช่างแม่ง ผมไม่สนทั้งนั้น แต่...
“ผิง! เปิดประตูให้พ่อหน่อย ทำอะไรอยู่” เสียงที่ดังมาจากด้านนอกทำให้เธอและผมหยุดการกระทำ หันขวับมองบานประตูแทบจะพร้อมกัน เสียงแผ่วเบาหลุดออกมาจากปากคนใต้ร่างอย่างเลื่อนลอย แถมหน้าเธอยังถอดสีอย่างเห็นได้ชัด
“พะ...พ่อ ซวยแล้ววว”
“เวรเอ๊ย!” ผมสบถออกมาด้วยโทนเสียงไม่แตกต่าง แล้วผละออกจากร่างบางทันที ก่อนจะยกมือขึ้นยีผมอย่างหัวเสีย มาทำอะไรตอนนี้วะ ปัญหาเกิดแน่ๆ ถ้าพ่อยัยน้องผิงผิงนี่เข้ามาเจอสภาพเราสองคนแบบนี้ มีหวังโดนจับแต่งแหงๆ เสียงเคาะประตูก็ยังคงเร่งเร้าไม่หยุด
“หลบไหน” ผมถามเจ้าของห้องพลางจ้องหน้าเธอเขม็ง
“ละ...หลบไหนดีอะ อ๋อ ระเบียง...”
สิ้นเสียงลุกลี้ลุกลนของผิงผิง ผมก็พุ่งตัวออกไปนอกระเบียงด้วยความเร็วแสง โดยเธอยังตามมาจัดระเบียบผ้าม่านแล้วลงกลอนอย่างดี แต่ผมไม่ได้โล่งอกเลยสักนิด ถ้าไม่อยู่ในห้องนี้น่าจะปลอดภัยกว่า...ไวกว่าความคิดคือผมปีนระเบียงโดดข้ามไปห้องข้างๆ เรียบร้อยแล้ว
เฮ้ย!!!
ผมสะดุ้งโหย่งเมื่อหันมาจ๊ะเอ๋เข้ากับเจ้าของห้องที่ผมเพิ่งปีนข้ามมาถึงหมาดๆ เวรแล้วไง นึกว่าไม่มีคนอยู่ ซวยบรรลัยเลยกู
อร๊ายยยย...อุ๊บบบ!
เธอเอามือขึ้นปิดตาและกรีดร้องสุดเสียง ส่งผลให้ผมต้องพุ่งเข้าชาร์จ มือข้างหนึ่งส่งไปอุดปาก ส่วนแขนอีกข้างล็อกตัวเธอไว้แน่น พลางดันคนตัวเล็กกลับเข้าไปในห้องอย่างถือวิสาสะ ฝ่าเท้าถูกใช้เลื่อนประตูปิดสนิท เพราะกลัวห้องข้างๆ จะได้ยิน ถ้าความแตกเป็นเรื่องแน่
“อื้อออ อ่อยอะ” เธอส่งเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอพลางดิ้นขลุกอยู่ในอ้อมกอดผม แรงเยอะซะด้วย เหอะ! แต่ผมแค่จะขอผ่านทางเพื่อออกจากที่นี่เฉยๆ เอง ไม่ได้จะทำร้ายใครสักหน่อย
“ชู่วววว์ เงียบ! ฉันจะปล่อยเธอ แต่อย่าร้องนะ” ผมบอกสาวน้อยในอ้อมกอดด้วยโทนเสียงที่อ่อนโยนที่สุด เพื่อไม่ให้เธอตกใจกลัวมากไปกว่านี้ และเหมือนเธอจะเข้าใจนะ ผมเห็นว่าเธอนิ่งเงียบ เลยค่อยๆ คลายมือออกแต่ยังไม่ทันหลุดดี ยัยตัวเล็กออกแรงผลักผมแล้ววิ่งไปที่ประตูพร้อมจะตะโกนขอความช่วยเหลือ
“ช่วยดะ...อุ๊บบบ”
แต่ผมอาศัยช่วงขาที่ยาวกว่า ก้าวได้ไวกว่า ดึงเจ้าของห้องตัวน้อยเข้าสู่อ้อมกอดแน่นจนแผ่นหลังแนบชิดแผงอกแข็งแรง พร้อมยกมือขึ้นปิดปากไม่ให้เธอส่งเสียง และพาเธอถอยให้ห่างจากประตูมากที่สุด
“แม่งเอ๊ย! บอกให้เงียบ!!” ผมตะคอกเสียงลั่นด้วยความหงุดหงิด คือเธอแม่งไม่ฟังเลยและผมก็ไม่ใช่คนมีความอดทนขนาดนั้นไหม
“อื้อออ...อ่อย อื้ออออ” ยัง...ยังดิ้นไม่หยุด
“จิ๊! ทำไมดื้อจังวะ จับกดแม่งเลยดีมะ”
สิ้นเสียงผม คนตัวเล็กชะงักไปในทันที ยืนนิ่งแข็งทื่อไม่ไหวติง เหอะ! คำขู่ของผมได้ผลเฉย เล่นซะเหนื่อยเลย ผู้หญิงบ้าอะไรวะ แรงเยอะชะมัด
“เออ! เงียบได้สักทีซินะ ถ้าขืนยังดื้ออีกละก็ ฉันทำจริงๆ แน่!” ผมข่มขู่เธอหนักขึ้นไปอีก แต่บางทีก็อาจจะไม่ได้แค่ขู่ ถ้าเธอยังกระตุ้นอารมณ์ผมอยู่แบบนี้ ผู้หญิงอะไรตัวหอมเป็นบ้าหรือผมอาจจะแค่ค้างจากยัยน้องผิงผิงนั่น มันก็เลยมีแต่เรื่องอย่างว่าแล่นเข้าหัวผมเต็มไปหมด เวรจริงๆ ยิ่งกอดไว้แบบนี้ไม่ดีแน่ ผมเลยปล่อยเธอให้เป็นอิสระและหันกลับมาจัดการติดกระดุมเสื้อตัวเองทันที วันนี้แม่ง ซวยสุดๆ ค้าง กู ค้างเหี้ยๆ
แกร่งงงง!!
เสียงโลหะบางอย่างตกกระทบพื้นจังหวะที่ผมเงยหน้าขึ้นจากกระดุมเสื้อเม็ดสุดท้าย พบว่าเจ้าของห้องตัวน้อยยืนทำหน้าเหวออยู่ตรงซิงค์ล้างจานในโซนห้องครัวซึ่งไม่ไกลจากจุดที่ผมยืนเท่าไหร่ ดวงตากลมโตเบิกกว้างจนแทบถลนออกจากเบ้าพร้อมจ้องหน้าผมนิ่ง
เดี๋ยวนะ...ท่าทางแบบนั้นเหมือนเธอตกตะลึงอะไรสักอย่าง หึ และผมว่าผมรู้นะ ว่าเธอกำลังตะลึงกับอะไร ผมขยับเท้าเข้าไปหาเธอ ก่อนจะหยุดในระยะประชิด แต่ดูเหมือนสติเธอจะเตลิดไปไหนต่อไหนแล้ว ผมค่อยๆ โน้มหน้าลงไปให้อยู่ระดับเดียวกันพร้อมเอ่ยแซวขึ้นแบบขำๆ
“ตะลึงในความหล่อของฉันขนาดนั้นเลยเหรอสาวน้อย หึ!”
“ผมถอนจูบออกพลางเอาลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองที่ยังมีความหวานติดอยู่ด้วยความเสียดาย แต่ถ้าไม่หยุดก่อนมีหวังยัยตัวเล็กตรงหน้าขาดใจตายก่อนแน่ ร่างเล็กโน้มตัวลงมาเอาหน้าซบไหล่ผมจนรู้สึกถึงอัตราการเต้นของหัวใจได้อย่างชัดเจน บวกกับอาการหอบจนตัวโยนเพราะผมเล่นสูบอากาศจากตัวเธอออกมาจนแทบหมด จะช็อกไหมล่ะนั่น...ใจเต้นแรงขนาดนี้ แต่ก็นะ...ไม่เคยมีใครตายจากจูบซะหน่อย เหอะ...เด็กน้อยจริงๆ“อื้อออ”ผมอดไม่ได้ที่จะซุกหน้าลงบนซอกคอขาว ที่พอหันไปก็ดันอยู่ในระดับสายตาพอดี บวกกับกลิ่นพีชหอมอ่อนๆ จากตัวเธอที่ลอยมาปะทะเข้ากับจมูกผมและไหนจะเสียงครางหวานนั่นอีก ทุกอย่างมันทำให้ผมไม่สามารถหยุดการกระทำตรงหน้าได้อีกแล้ว มีแต่จะปล่อยให้มันเป็นไปในแบบที่ควรจะเป็นก็เท่านั้นมือผมเลื่อนขึ้นค่อยๆ รูดซิปด้านหลังชุดเดสแขนกุดสีเทาของหนูเฌอลงจนสุด ความไม่เป็นประสาของคนตัวเล็กตรงหน้า ทำให้ผมแทบคลั่ง ไม่อยากเชื่อเลย ปกติผมแทบไม่เคยเล้าโลมให้ใครแบบนี้ด้วยซ้ำ ผมเลื่อนมือขึ้นมาวางตรงไหล่เล็กทั้งสองข้างก่อนจะกระซิบบอกร่างเล็กที่อยู่ในอาการเคลิบเคลิ้มเสียงแหบพร่า“หนูเฌอ เฮียข
@ อพาร์ทเม้นท์ JJ“เฮียขา~~”“อือ!” ผมขานรับด้วยเสียงปนหงุดหงิดหน่อยๆ พร้อมกับวางร่างบางลงยืนทรงตัวบนพื้นโดยมีผมประคองอยู่เพื่อจะหากุญแจในกระเป๋าเธอเพื่อไขเข้าห้อง“งุ้ยย ดุหนูอีกแล้วววว~” เสียงเล็กเอื้อนเอ่ยขณะที่ผมกำลังพาเธอไปยังห้องนอน และคือจะไม่ให้ผมหงุดหงิดได้ไง เรียกเสียงแบบนี้มาตลอดทาง แล้วผมก็เป็นผู้ชายเปล่าวะ ลำพังไม่เมาเรียกเสียงอ้อนแบบนี้ผมก็อ่อนระทวยไปหมดแหละ พอเมาปุ๊บ...คือระดับความหวานของเสียงมันก็เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าไหมล่ะ คิดถูกคิดผิดวะเนี่ย ถ้าให้เพื่อนเขามาส่งเอง เหมือนจะปลอดภัยกว่านะ หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆผมวางร่างสะลึมสะลือลงบนเตียงนอนที่ถูกปูด้วยผ้าสีหวานแล้วดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างให้ ก่อนจะหมุนตัวเพื่อจะเดินออก กะจะไปจัดการไอ้สองตัวข้างล่างซะหน่อย ไม่รู้แม่งเฝ้าอีท่าไหน ปล่อยให้ออกไปโผล่อยู่ที่ผับได้เฉย แต่...ฝีเท้าก็ต้องหยุดกึกลงทันทีที่หันกลับมาเห็นรูปตัวเองที่ถูกอัดใส่กรอบบานใหญ่แขวนไว้บนผนังด้านข้างรูปนี้มันตั้งแต่ผมเรียนมหาลัยเลยนะ...ยัยเด็กนี่คงชอบผมมานานมากแล้วจริงๆนั่นแหละ
“ขอโทษค่ะ”ฉันรีบเอ่ยบอกคนตรงหน้าพร้อมกับโค้งตัวลงอย่างรีบร้อนเพราะกลัวว่าเธอจะโกรธที่ฉันซุ่มซ่ามเดินไม่ดูตาม้าตาเรือมาชนเธอ“อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ” เธอตอบกลับมาแบบยิ้มๆ“ขอโทษอีกทีนะคะ” ฉันพูดพร้อมกับส่งยิ้มกลับไปให้ ก่อนเธอจะเดินออกไปพร้อมกับผู้ชายที่คิดว่าน่าจะเป็นแฟนเธอ แต่ที่ฉันข้องใจก็คือ ผู้ชายคนนั้นเขามองฉันแปลกๆ เหมือนสงสัยอะไรบางอย่าง แถมเดินไปแล้วยังหันกลับมามองอีกรอบด้วยนะ รู้จักฉันงั้นเหรอ...จะว่าไปก็หน้าคุ้นๆ นะ แต่นึกไม่ออก ช่างเถอะๆ รีบไปเข้าห้องน้ำดีกว่าจะได้กลับไปที่โต๊ะ……………พอเข้าห้องน้ำเสร็จฉันก็เดินกลับมาที่โต๊ะทันที แต่ไม่มีใครสนใจฉันหรอกนะ เพราะพวกหล่อนกำลังสนุกสุดเหวี่ยงอยู่กับการโยกย้ายส่ายสะโพกไปมาประกอบเสียงดนตรีที่ดังสนั่นอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะมากนัก จะมีก็แต่หันมายิ้มให้เล็กน้อยเท่านั้นและหันไปเต้นต่อฉันเอื้อมมือไปหยิบเหยือกน้ำปั่นสีหวานที่ตั้งอยู่บนโต๊ะมารินใส่แก้วน้อยน่ารักแล้วจิบไปพลางๆ ระหว่างที่รอเพลงที่อยู่โหมดแดนซ์ของพวกมันจบ แอลกอฮอล์
ผัวะ!!ทันทีที่ผมได้ยินประโยคแสลงหูจากปากของไอ้เหี้ยแม็กซ์มือผมก็ฟาดลงไปกลางกระบาลมันโดยอัตโนมัติเสียงดังลั่นพร้อมกับพ่นคำออกมาอย่างลืมตัว“ไอ้สัส!!! ไม่ใช่!”“แม่งเอ๊ยย...ตบซะแรงเลย ไอ้ห่า กูก็ลืมป่ะ?”“ห้ามลืม ห้ามทักผิดด้วย จำไว้ในซีกสมองอันน้อยนิดของพวกมึงเลยนะ” ผมออกคำสั่งเสียงเข้มพลางชี้หน้ามันทั้งสองตัวอย่างคาดโทษ ผมยิ่งกลัวจะทักผิดคนอยู่มองผิวเผินแม่งเหมือนกันเด๊ะ ขนาดผมเห็นแค่แวบเดียวยังคิดว่าเป็นหนูเฌอเลย ไอ้หมอมันไม่เคยจำคนผิดบ้างเหรอวะ“สรุปยังไง” ไอ้ฟิวส์ถามขึ้นเสียงเรียบ ผมเหลือบมองหน้ามันเล็กน้อย ก่อนจะหยิบบุหรี่ออกจากปาก ซึ่งมันเรียบจริงๆ นะ หน้าแม่งนิ่งสัส คือมึงเคยตื่นเต้นกับอะไรบ้างไหม ผมล่ะอยากรู้จริงๆ เวลามันเอาผู้หญิงมันยังทำหน้านิ่งแบบนี้ไหม“ตอนนี้กูทำได้แค่ส่งคนตามดูเด็กนั่นไม่ให้คาดสายตาก็เท่านั้น แล้วถ้ากูบุกไปตอนนี้ มีแต่เสียกับเสีย กูจะนิ่งไว้ก่อน” ผมตอบ“คือมึงจะให้มันคิดว่าเด็กนั่นไม่ใช่เป็นตัวแปรสำคัญ”“ถูก” ผมเสร
วันต่อมา….18:00 น.กลุ่มควันสีหม่นถูกพ่นออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากปากผม มือหนึ่งถือแก้วเหล้า อีกมือคีบบุหรี่ เหอะ! ดูโสมมยังไงก็ไม่รู้ แต่จะให้ทำไงได้ล่ะ ใครมีวิธีแก้เครียดได้ดีกว่านี้ไหม ช่วยบอกทีเถอะ‘หนูชอบเฮีย ชอบมานานมากแล้วด้วย และไม่มีวันที่จะเปลี่ยนใจ ต่อให้เฮียจะไล่ จะด่า จะปฏิเสธแบบไร้เยื่อใยขนาดไหน สุดท้ายหนูก็เลิกชอบเฮียไม่ได้อยู่ดี’ประโยคนี้ของเธอยังคงดังก้องอยู่ในหัวผมซ้ำๆ สลัดเท่าไหร่ก็ไม่ออก และอะไรสั่งให้ผมจูบเธอไปแบบนั้นวะ ตั้งแต่ที่ไปส่งยัยเด็กหัวรั้นนั่นเมื่อกลางดึก จนมาถึงตอนนี้ผมยังไม่ได้ปล่อยให้มันพักเลยด้วยซ้ำ ทั้งภาพและเสียงสอดประสานกันทำงานอยู่แบบนั้น และคือเข้าใจป่ะ? ที่ผมปฏิเสธไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบเธอ แต่ตอนนี้อะไรๆ มันก็ดูเสี่ยงไปหมด ทั้งเรื่องอันตรายที่เธอจะต้องเจอ ทั้งเรื่องที่ผมก็ยังไม่แน่ใจตัวเอง ใช่...ตอนนี้ผมอาจจะชอบเธอ แต่จะเอาอะไรมามั่นใจว่าผมจะสามารถมีเธอแค่คนเดียวได้ไปตลอด หนูเฌอไม่มีวันเอาผู้ชายอย่างผมอยู่หรอก ข้อนี้ผมทุ่มหมดหน้าตักเลย และสุดท้ายเธอก็จะเสียใจนี่ขนาดยังไม่ได้เป็นอะไ
“หายตกใจแล้วเหรอเราอะ” ประโยคทำลายความเงียบหลุดออกมาจากปากเฮียวาโยหลังจากที่ต่างคนต่างไม่พูดอะไรกันมาพักใหญ่“ค่ะ...หนูอยากกลับแล้ว” ตอนนี้ต้องใช้คำว่าช็อกมากกว่า...ฉันพูดขึ้นเสียงแผ่วเหมือนคนหมดแรงและยังคงก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเองอยู่แบบนั้น ฉันควรไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดก่อนที่มันจะเจ็บไปมากกว่านี้“เดี๋ยว! ใครอนุญาต” มือหนาคว้าแขนเล็กไว้หลังจากที่ฉันเดินผ่านหน้าเขามาได้เพียงไม่กี่ก้าว“หนูจะกลับไปอยู่ในที่ของหนู ต้องรอใครอนุญาตด้วยเหรอคะ” คำพูดประชดประชันหลุดออกไปจนได้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่มีสิทธิ์พูดแบบนี้ด้วยซ้ำ“ความจริงก็ไม่ต้อง แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว เราต้องอยู่ที่นี่” เฮียวาโยว่าทั้งๆ ที่ยังรั้งแขนฉันไว้แบบนั้น ฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจที่เขาพูดเท่าไหร่ แต่คิดว่าน่าจะเกี่ยวกับเรื่องที่โดนทำร้าย ถึงจะยังงั้นก็ไม่เกี่ยวกับฉันอยู่ดี“แต่…”“ไม่มีแต่” สิ้นเสียงเข้มของเฮียวาโย ร่างฉันก็ถูกดึงกลับไปนั่งที่เตียงเหมือนเดิม ร่างหนาของผู้กระทำนั่งยอ