“ครับแม่...แม่คุณทูนหัว”
พูดจบปากอุ่นก็ประกบลงมาหาปากอิ่มแต่หญิงสาวเบนหน้าหนีอย่างรวดเร็ว เพราะชายหนุ่มเท้ามือบนโซฟา ไม่ได้ล็อกหน้าเธอเอาไว้จึงพอหลบเขาได้บ้าง หากอีกฝ่ายก็ไล่จูบแก้ม คาง ลำคอ ซุกไซ้ปากกับจมูกในทุกจุดที่สามารถประทับจูบแล้วสูดดมความหอมบนเนื้อสาวได้
“อื้อ อย่านะซัน อย่ามือไวใจเร็วกับพี่นะ ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่คุยกับซันอีก”
ภาสกรชะงัก หักห้ามใจจากกลิ่นหอมละมุนน่าหลงใหล ในใจยังก้ำกึ่งระหว่างเดินหน้าต่อกับยอมถอย เพราะรู้ดีว่าหากเขาจะก้าวต่อไปพนิดาไม่มีทางหลุดรอดมือแน่ ทว่าเขาไม่อยากหักหาญเจ้าของร่างบางที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นกับหัวใจของเขา ฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำก็คือสะกดอารมณ์ของตัวเอง
ในเมื่อบอกว่าจะจีบเขาก็จะทำตามนั้น
พนิดาอ่อนด้อยประสบการณ์รัก ห่างไกลจากเขาชนิดที่เดินคนละเส้นทางเลยก็ว่าได้ ในขณะที่เขารู้จักโลกของกามารมณ์ตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่ม ทว่าหญิงสาวกลับเพิ่งก้าวออกจากอ้อมอกของพ่อไปเที่ยวกลางคืนในคืนที่เขาบังเอิญช่วยเธอเอาไว้ หญิงสาวบริสุทธิ์เกินไปสำหรับเขาด้วยซ้ำ
ทว่าความผุดผ่องของเธอกลับให้ความอบอุ่นอ่อนโยนกับจิตใจเขา แค่เขากอดพนิดาเพียงนิดเดียวเมื่อครู่ ยังอุ่นใจกว่านอนกอดสาวหลังฟัดกันมันหยดไปแล้วหลายชั่วโมง อ้อมอกอวบๆ ของสาวคนอื่นที่ผ่านมาเทียบไม่ได้เลยกับอ้อมอกอุ่นของพนิดา
“คุณวุ้นอย่าใจดำกับผม อย่าโกรธผมเลยนะครับ”
ภาสกรอ้อน มั่นใจว่าลูกไม้นี้ใช้กับหญิงสาวได้ พนิดาใจอ่อน อ่อนมากเกินไป แต่ก็เป็นผลดีกับเขา
“ถอยออกไปก่อน”
“บอกมาก่อนว่าคุณวุ้นไม่โกรธผม”
พนิดาเหลือบมองคนดื้อแล้วก็ถอนหายใจ หากก็รู้ว่าการไม่ต่อต้านจะเป็นผลดีกับตัวเอง
“จ้ะ ไม่โกรธ”
เพียงเท่านั้นชายหนุ่มก็ยิ้ม แต่แทนที่จะถอยห่างในทันที เขากลับจูบเบาๆ ที่ข้างแก้มเธอครั้งหนึ่ง
“จุ๊บ”
คนที่กำลังโล่งอกคิดว่าอีกฝ่ายเชื่อฟังถึงกับอึ้งไป หากร่างสูงกำยำก็ขยับออกอย่างที่รับปาก มือสองข้างยกขึ้นข้างลำตัวให้รู้ว่าเขาเชื่อฟัง ทว่าไม่ได้ไปไกลนักทำให้ดวงตาคู่สวยยังมองอย่างระแวดระวัง ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนลามไปจนถึงลำคอ
“เอาล่ะ ในเมื่อซันพูดเรื่องที่คงไม่อยากบอกใครกับพี่ พี่ก็จะถือว่าซันไว้ใจพี่ พี่ก็จะไว้ใจซัน เราจะคุยกันอย่างตรงไปตรงมา”
ไม่ใช่ว่าเธอสนใจเรื่องที่ชายหนุ่มขอหรอกนะ ทว่าพนิดาไม่อยากปฏิเสธอีกฝ่าย อาจเพราะสงสารและไม่อยากให้ภาสกรออกไปเที่ยวแก้เหงาแบบนั้น มันไม่ใช่วิธีแก้ไขที่ดีนัก เธออยากช่วยให้เขาจัดการกับความรู้สึกไม่ดีที่ฝังใจแม้จะยังไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร แม้จะไม่สนใจก็ได้ในเมื่ออีกฝ่ายก็เป็นผู้ใหญ่พอที่จะแยกแยะได้ว่าอะไรถูกผิด แต่เธอกลับไม่อยากดูดายเพราะชายหนุ่มเดินเข้ามาหาเธอด้วยความไว้วางใจ เธอทิ้งเขาไม่ลง
ภาสกรพยักหน้ารับ เรื่องที่เล่าให้อีกฝ่ายฟัง เขาไม่ได้โกหก และเป็นครั้งแรกที่เขาพูดเปิดอกกับใครสักคน แบบที่อยู่ๆ ก็อยากบอกอยากเล่า อยากเรียกร้องความสนใจจากหญิงสาว
“แล้วตกลงอยากให้พี่เลี้ยง? แบบไหน?”
พนิดากัดฟันข่มใจถาม เธอยังไม่แน่ใจกับจุดประสงค์ที่อีกฝ่ายต้องการ ตกลงเขาเห็นว่าเธออบอุ่นเหมือนแม่จนอยากมีพี่สาวพูดคุยอยู่เป็นเพื่อนในวันที่เหงา หรือว่าในแบบอื่น?
“แบบแม่คุณทูนหัว”
ภาสกรตอบย้ำคำเดิมชัดเจน ตาคู่คมมองเธอด้วยแววล้ำลึกชวนวาบหวิวจนต้องหลบตาเขา ทั้งเขินทั้งอาย อยู่ๆ จะให้เธอเลี้ยงผู้ชายทั้งคน ใครจะไปกล้า เพื่อนของเธอที่มีเด็กเพราะเขาไม่สามารถคบผู้ชายด้วยกันอย่างจริงจังออกหน้าออกตาได้
“พี่ไม่ได้มีเงินถุงเงินถังอะไรจะเลี้ยงผู้ชายตัวโตอย่างเธอ”
“เลี้ยงผมไม่ต้องใช้เงินหรอกครับ”
“แล้วใช้อะไร”
ถามไปแล้วก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจข้างแก้ม ร่างสูงกำยำโน้มมาชิดอีกครั้ง นั่นยิ่งทำให้เธอไม่กล้าหันไปมองเขา
“ใช้หัวใจครับ”
เสียงทุ้มข้างหูกับลมหายใจร้อนระอุทำให้พนิดารู้สึกราวตัวเองกำลังเป็นเม่นพองขนอย่างไรอย่างนั้น เนื้อตัวสั่นขนลุกซู่เลยทีเดียว
“แต่ผมรู้ว่ายังไงก็คงไม่ได้หัวใจของคุณวุ้นง่ายๆ เพราะฉะนั้นระหว่างนี้ก็ขอเป็นจูบหวานๆ ชโลมใจแทนไปก่อนก็ได้ครับ”
“คือว่าพี่...”
“คุณวุ้นไม่เก่ง ไม่เคย ผมรู้ครับ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น”
“หรือคุณวุ้นเคย?”
เสียงทุ้มเข้มขึ้นราวไม่พอใจ หากคนฟังก็นึกฉุนเช่นกันที่เขาถามเรื่องแบบนี้กับเธออย่างน่าไม่อาย แต่เธออายที่จะพูดถึงมัน
“นี่ซัน ถ้าอยากให้พี่คุยด้วย ก็อย่าพูดเรื่องพวกนี้”
ภาสกรมองออกว่าหญิงสาวเริ่มขุ่นใจตนเองแล้ว
“ไม่พูดก็ได้ครับ ทำเลยดีกว่า”
พูดจบร่างสูงกำยำก็ขยับมาประชิด แขนเขากอดรัดร่างบางทันที ใบหน้าขาวคมเคลื่อนลงมาจนปากได้รูปแนบกับปากอิ่มรวดเร็ว ไม่ให้หญิงสาวหลบเลี่ยงได้ทัน
ดวงตาคู่สวยขยายแล้วชะงักค้างอยู่อย่างนั้น ปากกระด้างจูบซับบนกลีบปากเธอแผ่วละมุน เฝ้าและเล็มลิ้มชิมทีละนิดราวกลัวชอกช้ำ พนิดามองใบหน้าขาวที่ขยับไปมาในระยะใกล้ แต่เธอแทบมองไม่เห็นสิ่งใดด้วยสายตาแทบโฟกัสอะไรไม่ได้เลย ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลหยุดอยู่ที่ริมฝีปากของตนซึ่งกำลังถูกรุกราน ทว่าชายหนุ่มก็ไม่ได้รุนแรง จูบจากภาสกรนุ่มนวลชวนละลายเหมือนเธอกำลังถูกลนด้วยเปลวเทียนวูบวาบอ่อนแรง ที่ให้แสงเพียงน้อยนิดแต่ก็ทำให้ภายในห้องอันมืดมนสว่างอบอุ่นนวลตา
คนจูบไม่ได้คิดกล้ำกรายไปมากกว่านี้ เพียงอยากเชยชมปากอิ่มสีสวยลิ้มลองความหวานน้อยนิด ในเมื่อเขาเฝ้ามองเวลาที่เจ้าตัวเผยอหรือขยับพูดอย่างสะกดตนเองมานานแล้ว ได้ชิดใกล้กันขนาดนี้ภาสกรก็อยากได้น้ำทิพย์รินรดหัวใจบ้าง ถึงจะเอาแต่ใจไปหน่อยและรู้ว่าหญิงสาวต้องไม่พอใจตน แต่เขาก็มั่นใจว่าจะทำให้อีกฝ่ายใจอ่อนผ่อนปรนให้เขาได้
รอยย้ำประทับบนปากกลีบปากหยุดนิ่ง ตาคมเข้มที่ปิดอยู่เปิดขึ้นมาสบกับเธอนั่นทำให้พนิดานิ่งงัน กระแสอารมณ์ลึกซึ้งกรุ่นจนรับรู้ได้ชัดเจนทำเอาใจเธอเต้นระรัว ครู่หนึ่งชายหนุ่มก็ผละออกเพียงเล็กน้อย ทั้งที่เนื้อตัววูบวาบไปหมดทว่าหญิงสาวก็รีบดึงความคิดของตนกลับมาโดยเร็ว
“ทำไมซันทำแบบนี้ พี่ยังไม่ตกลงนะ”
“ผมหลงคุณวุ้นจนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว คุณวุ้นอย่าใจร้ายเลยครับ”
ใบหน้าสวยส่ายเบาๆ สีหน้าไม่สบายใจ
“แต่มันไม่เหมาะ”
“เรื่องหัวใจ ต้องใช้หัวใจคิดครับ ถ้าใช้สมองคุณวุ้นจะไม่มีวันรู้ใจตัวเอง”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พี่ก็ไม่เคยมองเธอในแง่อื่น”
เธอหมายถึง ‘ชู้สาว’ แต่ไม่กล้าพูดออกไป
“ตอนนี้ยัง แต่ต่อไปไม่แน่ ให้เวลาผมสิครับ รับรองคุณวุ้นจะรักเด็กในปกครองคนนี้มากแน่นอน”
อีกฝ่ายพูดทั้งที่หน้ายังใกล้กันเพียงช่วงลมหายใจ แววตาบ่งบอกความมั่นใจทั้งยังเต็มไปด้วยความแพรวพราวพาให้ใจสาวสั่นไหว หากไม่เพราะภาสกรอายุน้อยกว่าเธอคงจิตใจเอนเอียงตามเขาไปไม่น้อย ทว่าด้วยความที่อายุห่างกันหลายปีทำให้เธอคิดว่าชายหนุ่มคงใจร้อน ใจเร็วด่วนได้ตามประสา ยิ่งอะไรที่ถูกใจโดนใจยิ่งอยากได้มาครอบครอง ไม่นานนักพอได้อยู่ใกล้เธออย่างที่ต้องการ ชายหนุ่มอาจหมดความหวือหวาความน่าสนใจไปเอง
“ซันพูดว่าจะจีบพี่ เพราะฉะนั้นก็ใช้ความพยายามของซัน อย่าใช้วิธีนี้ อย่าบังคับพี่ด้วยกำลัง”
เธอพยายามจ้องตอบภาสกรอย่างจริงจัง แม้ในใจจะหวิวหวั่นไม่น้อยกับความชิดใกล้ระหว่างกัน แต่เธอยังไม่ปักใจเชื่อว่าความรู้สึกสนใจเธอของอีกฝ่ายจะมั่นคง เวลาผ่านไป ช่องว่างระหว่างวัยที่มีก็คงเปลี่ยนใจของชายหนุ่ม
ภาสกรนิ่งคิดไม่นานก่อนจะถอนหายใจ
“ได้ครับ เอาเป็นว่าผมจะขอก่อนแตะตัวคุณ แต่ว่า...คุณวุ้นต้องสัญญาว่าคุณจะใช้หัวใจตัดสินใจเรื่องของเรา”
พนิดายังไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายจะเบื่อเธอ หรือเลิกสนุกกับการตอแยเธอเมื่อไร อย่างน้อยตอนนี้ภาสกรก็ยอมฟังเธอ และเขาคงอยากมีใครสักคนเป็นที่พึ่งทางใจ ในที่สุดเธอก็ยอมตอบรับเขาไป อย่างไรเสียตนเองก็จะไม่ยอมให้เขาแตะต้องเนื้อตัวได้ตามใจ ยังไงก็ต้องอยู่ในลิมิตที่เธอยอมรับได้
=====
“อยากทำแบบนี้กับคุณวุ้นตั้งแต่วันที่แอบจูบแน่ะ”เสียงทุ้มดูสนุกตื่นเต้น ทว่าคนได้ยินอายจนตัวแทบม้วน“ใครจะยอม”“รู้ว่าวันนั้นไม่ยอม แต่วันนี้ยอมนะครับ”คุยไปด้วยมือหนาก็ดึงชายเสื้อที่อยู่ในขอบเอวกระโปรงหญิงสาวขึ้น สอดมือเข้ามาเคล้นคลึงอกอวบภายใน ปลุกเร้าอารมณ์สาวไปด้วยอย่างไม่ยอมเสียเวลา สะโพกสวยถูกบดเบียดรุมร้อน เร่งความปรารถนาให้กับคนทั้งคู่ พนิดารับรู้ถึงกายแกร่งชัดเจน“อื้อ ใจร้อนไปไหม เร็วจัง”“กับคุณวุ้นก็เร็วตลอดอยู่แล้วนี่ครับ”ชายหนุ่มยิ้มมุมปากทั้งยังขยับสะโพกเข้าหาไม่หยุด กับพนิดาแล้วเขาไม่เคยรู้สึกตัวช้าเลย หากก็รั้งตัวเองให้เวลาหญิงสาวเสมอ“นะครับ ขอนะ”เสียงทุ้มครางพร่าชิดซอกคอนุ่มบ่งบอกว่าเจ้าตัวมาถึงจุดที่ฝืนไม่ไหวแล้ว นอกจากเขาจะตั้งใจเร่งร้อนแล้วน้ำตาของหญิงสาวก็ทำให้เขายิ่งอยากกอดเธอ ภาสกรแพ้น้ำตาอีกฝ่ายเห็นเมื่อไรทนไม่ได้ทุกที อยากกอดอยากคลุกเคล้ากระโปรงบานพอดีเข่าไม่ยากที่จะรั้งขึ้นสูง มือหนาโลมเล้าผ่านผ้าเนื้อบางแนบสัดส่วนอ่อนไหว ปากก็เม้มผิวเนื้ออ่อนข้างลำคอ ได้ยินเจ้าของร่างบางหอบแรงและไม่มีเสียงห้ามปรามอีกแล้ว เขาจึงเดินหน้าดูแลให้ หญิงสาวพร้อมก้าวขั้นต่อไป ซ
1 ปีผ่านไป...ภาสกรไปส่งพนิดาทุกบ่ายวันเสาร์ตามคำสั่งของคุณไพศาลหลังจากหญิงสาวอยู่กับเขาที่คอนโดในคืนวันศุกร์ และอยู่กินข้าวเย็นที่นั่นทุกวัน ชายหนุ่มไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของบิดาหญิงสาวนัก หากท่านก็ยอมรับในตัวเขา เพราะถือว่าทำมาหากินดูแลตัวเองมาตั้งแต่เรียนจบ ค่อนข้างมีความมั่นคงในหน้าที่การงาน และเป็นคนเก่งคนหนึ่ง โดยข้อนี้พศินกับพริษฐ์ยืนยันเสียงเดียวกัน ถือว่าอนาคตไกล ส่วนกับคุณดารณีนั้นท่านถูกใจ ชายหนุ่ม เพราะเขาเอาใจเก่งปากหวานกับท่านเหมือนกับพนิดา และเอาอกเอาใจท่านกับหญิงสาว ต่างจากคุณไพศาลที่ชายหนุ่มไม่เข้าหาหรือตีสนิท เขาวางตัวปกติ ตอบคำถามอย่างเป็นการเป็นงานข้อนี้พนิดาบอกกับมารดาว่าน่าจะเพราะภาสกรไม่ได้รับการเลี้ยงดูที่อบอุ่นจากบิดาของเขา เขาอยู่กับมารดา เมื่อสูญเสียมารดาก็โหยหาความรักความทะนุถนอมอ่อนโยนแบบที่เคยได้รับ จึงชินกับการเข้าหาผู้หญิงและทำให้รักเอ็นดูตนเองมากกว่าผู้ชาย สังเกตได้จากที่ชายหนุ่มสนิทกับผู้หญิงหลายคนในที่ทำงาน รวมทั้งอนงค์นางกับนิอรด้วยตอนนี้ภาสกรมีคีย์การ์ดสำรองเข้าห้องของพนิดาได้โดยที่หญิงสาวไม่ต้องลงไปรับอีกแล้ว หลังจากล้างหน้าล้างตาก็มาหาเจ้าของร่าง
“อือ ซัน”เสียงหวานพึมพำเมื่อชายหนุ่มเร่งมือก่อนจะตัวสั่นเล็กน้อย ทว่าเพียงเท่านั้นยังไม่พอ อีกฝ่ายปล่อยให้หน้าอกเธอเป็นอิสระ ใบหน้าขาวคมซุกไซ้ลงเรื่อยไป หากก็ไม่ลืมพาเธอลงไปนอนแล้วเปิดเปลือยร่างงามไปด้วยเมื่อหญิงสาวไร้ซึ่งเสื้อผ้า เขาก็ปลดเปลื้องตนเองเช่นกันอย่างไม่ให้น้อยหน้า พาร่างสูงกำยำแทรกกลางเรียวขาสวย หากเมื่อเคลื่อนใบหน้าลงต่ำก็ได้ยินทักแผ่วหวิว“ซันจ๊ะ”พนิดาอายที่เขาจะทำแบบนี้กับเธออีก เพราะเวลานี้ร่างกายเธอตอบสนองว่าตนเองพร้อมแล้ว ทว่าชายหนุ่มส่งยิ้มอ่อนโยนพร้อมบอก“ผมอยากทำครับ”หน้าที่ร้อนผ่าวอยู่แล้วของเธอร้อนราวกำลังไหม้เมื่อตามองใบหน้าขาวคมฝังลงกลางกาย สัมผัสนุ่มนวลอ่อนโยน หากก็ประชิดทุกซอกมุมทำให้เธอเขินสุดขีด แต่ก็ต้องยอมรับว่าปลายลิ้นร้อนชื้นกับปากอุ่นทำให้เธอรู้สึกดีอย่างเหลือแสน สุขสมเต็มอิ่มล้นอกภาสกรไล้ปากกับปลายลิ้นอย่างพึงพอใจ ความงามตรงหน้าเชิญชวนให้ลิ้มชิมไม่รู้เบื่อ ยิ่งเห็นสะโพกสวยขยับ เขาก็ยิ่งปรนเปรอหญิงสาว หากมือหนาก็ไม่ลืมเตรียมตนเองไปด้วย ใช่ว่าเขาไม่ลุกเพราะพนิดา แต่เพราะอยากตื่นตัวถึงขีดสุดเพื่อจัดเต็มในทันทีที่ชิดใกล้ต่างหาก แน่นอนว่าครั้งนี้เขา
พนิดาไม่ยอมให้ภาสกรอาบน้ำด้วยแม้เขาจะอ้อนแค่ไหนก็ตาม ขณะกินข้าวด้วยกันเจ้าตัวก็ส่งสายตาคมวาบหวามให้เธออย่างมีความนัยตลอดเวลาจนเธอต้องถอนหายใจให้รู้ว่าอ่อนใจกับเขาแค่ไหน ทว่าแทนที่ชายหนุ่มจะสลดกลับหัวเราะกรุ้มกริ่มในลำคอเสียอย่างนั้น“ซันล้างจานแล้วกันนะ”หญิงสาวบอกแล้วก็ลุกขึ้นเดินหนีไปทันที ทั้งที่ปกติเธอจะช่วยเขา แม้ชายหนุ่มจะอาสาทำเองก็ตาม ทำเอาภาสกรได้แต่เกาหัว“สงสัยแสดงออกมากเกินไปแฮะเรา”หลังจากจัดการในครัวเรียบร้อย ภาสกรก็ไปยังห้องทำงานของพนิดาเพราะคิดว่าหญิงสาวน่าจะอยู่ในนั้น ร่างสูงกำยำชะงักเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนหันหลังหาอะไรสักอย่างบนชั้นหนังสือขณะคุยโทรศัพท์“หึๆ ไม่ต้องอ้อนเลยอ้น ไม่ได้ผล”คิ้วเข้มขมวด พยายามตีความกับสิ่งที่ได้ยิน“ไม่...ไม่เล่า”พนิดาเสียงแข็งแต่ก็เจือความขำ“หาเอาเองสิจ๊ะ ผู้ชายแซบๆ น่ะ ไม่ได้เก็บได้ตามถนนสักหน่อย”ภาสกรเริ่มย่องเบาๆ เข้าไปใกล้ร่างบาง เหมือนเธอจะได้หนังสือเล่มที่ต้องการแล้ว“ไม่ให้ลูบ หวง...เด็กใครเด็กมัน วุ้นยังไม่สนใจจะยุ่งกับเด็กอ้นเลย”คราวนี้เขาหยุดไม่ห่างจากหญิงสาวนักแล้วเกาหัว“เดี๋ยวจะกระซิบบอกซันว่าเจอกันอ้นจะแอบลูบกล้าม เขาจะได้ร
“ตอนนี้มีแต่กลิ่นกับข้าวมั้งจ๊ะ”เธอแย้งเสียงเบาหวิวอารมณ์ใคร่ตีตื้นวนเวียนเพราะมืออีกฝ่ายไม่ได้อยู่นิ่ง“ไม่ครับ หอม”ชายหนุ่มย้ำแล้วจูบซ้ำมาอีก คลอเคลียปากกับจมูกจนผิวอ่อนเริ่มแดงเพราะไรเครา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเม้มแล้วจูบแรงขึ้น ร่างบางสะดุ้งนิดๆ ขณะที่มือหนาไล้วนช่วงท้องน้อยไม่ห่าง“ซันจ๊ะ ขาวุ้น...”พนิดาชักจะยืนไม่ไหวแล้ว เธออ่อนเปลี้ยไปทั้งตัว เมื่อบอกไปแล้วอีกฝ่ายก็ช้อนอุ้มเธอขึ้นพาเดินมายังโซฟา ทิ้งกระเป๋าเป้ของเขาไว้ที่พื้นหน้าประตูห้องอย่างนั้นชายหนุ่มวางคนตัวเล็กให้นั่งบนโซฟา ส่วนตนคุกเข่าข้างหนึ่งคร่อมข้างสะโพกสวยโน้มหน้าลงไปหาปากอิ่มแสนหวาน ขณะเดียวกันก็ถอดสูทของหญิงสาวออก ลูบผะแผ่วไปบนบ่าบอบบาง ทรวงอวบงดงาม หน้าท้องขาวผ่องแล้วกลับมากอบกุมบีบกระชับหน้าอกหน้าใจที่เสื้อตัวสั้นลูกไม้สีขาวโอบอยู่ สิ่งที่รับรู้ทำให้ภาสกรถอนจูบ ตาคมหลุบลงมองแฟชั่นแสนเซ็กซี่ของคนรักแล้วยิ้มมุมปาก มีเสื้อสูทคลุมก็ดูเรียบร้อยดี ใครจะไปคิดว่าด้านในจะทั้งหวานทั้งเซ็กซี่ขนาดนี้ เขารู้มาบ้างว่าบางครั้งสาวๆ ก็ใส่เพียงเสื้อชั้นในด้านในสูท ทว่าผิวขาวนวลกับเสื้อลูกไม้ขาวตัวสั้นบนเรือนร่างงามลออของพนิดาก็เห
ร่างสูงกำยำที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงหน้าประตูแผนกทำให้คนที่เพิ่งก้าวออกมาเห็นรีบเดินเข้าไปตบไหล่หนา“เฮ้ย มาทำอะไรถึงนี่ หรือมาหาเพื่อนกินข้าว”จักรินทร์ถามเจ้าตัวก็หันมายกมือไหว้เขา“พี่โจ๊ก สวัสดีครับ”ภาสกรทักทาย ขณะนั้นหลายคนในแผนกเริ่มออกมาแล้วมองเขาอย่างสนใจและทักเช่นกัน เพราะไม่ได้เห็นหน้าเท่าไรนัก รวมทั้งญาดาด้วย“ว่าแต่ ทำไมหน้าเหมือนไปกินยำตีนมาวะ”คนถูกถามยิ้มขื่น ญาดาซึ่งเดินมาใกล้จึงเอ่ยแทน“ซันมันไปสะดุดตอใหญ่มาก”“สะดุดตอก็น่าจะล้ม ทำไมไม่หัวแตก แต่ดันปากแตกหน้าช้ำ”จักรินทร์ยิ่งสงสัย หลายคนขมวดคิ้วไปตามๆ กัน“นั่นสิคะพี่พริก”นัชชาสาวกราฟิกคนสนิทของญาดาพูดพร้อมพยักหน้า“น่า บอกว่าสะดุดตอก็สะดุดตอสิ แล้วนี่...อย่าบอกนะว่ามา...”ดวงตาคู่กลมโตของญาดาเหลือบเข้าไปข้างในแวบหนึ่งโดยไม่พูดอะไร ขณะที่ภาสกรยกยิ้มมุมปาก ทำเอาคนอื่นยิ่งสงสัย แล้วสามสาวเพื่อนซี้รุ่นใหญ่ในแผนกก็ออกมาพอดี“มายืนมุงอะไรกันตรงนี้จ๊ะ ไม่รีบไปกินข้าวเหรอ”เสียงอนงค์นางดังขึ้นทำให้หลายคนเริ่มขยับตัว ทว่าเมื่อปรากฏร่างสูงกำยำท่ามกลางผู้คนหญิงสาวก็ถอนหายใจ ทว่าเสียงที่ทักขึ้นเป็นนิอร“แหม มารอเร็วจังนะพ่อคุณ”