ย้อนไปเมื่อประมาณเกือบสามปีก่อนพอลเตอร์กำลังนั่งทำหน้าตาระรื่นในห้องรับแขกบ้านไร่ขุนเขาโดยมีเจ้าของบ้านและน้องสาวเขากอดอกมองด้วยคิ้วขมวดยับย่นทั้งสองข้างหลังจากรับรู้เรื่องภารกิจที่พอลเตอร์เกริ่นถึงเมื่อหลายเดือนก่อนขุนเขาก็แทบอยากจะเข้าไปถีบยอดหน้าเพื่อนเข้าให้ เพราะนอกจากมันจะเสี่ยงอันตรายแล้ว ไอ้เพื่อนแสนรักยังจะขออนุญาตให้น้องสาวแสนรักของตนปลอมตัวไปพร้อมกับมันเพื่อให้แนบเนียนยิ่งขึ้นตอนนี้ขุนเขาเลยค่อนข้างไม่พอใจพอลเตอร์เป็นอย่างมาก ส่วนต้นหญ้าเองก็ไม่ค่อยต่าง เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนพี่ชายต้องเจาะจงเป็นเธอ ทั้งที่เขาน่าจะมีผู้หญิงที่เป็นทีมงานของตนอยู่ไม่น้อย“เหตุผลง่าย ๆ ผู้หญิงในทีมฉันมีแต่ระดับนางงาม หมายถึงหน้าตาอะนะ ไอ้จะไปหาคนหน้าตาบ้าน ๆ ดูซื่อ ๆ หลอกง่ายที่ไว้ใจได้มันก็ออกจากยากไปหน่อยน่ะ”“ไอ้บ้านี่! นั่นปากเหรอวะ”ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจมากนักเพราะชายหนุ่มพูดภาษาอังกฤษเร็วมาก แต่เธอก็พอจับใจความได้ว่าตนถูกเหน็บแนมเรื่องความสวยนะโว้ย“แกกำลังบอกว่าน้องฉันขี้เหร่มากพอจะช่วยงานได้?”“ต้นหญ้าไม่ได้ขี้เหร่ขนาดนั้น แต่เธอดูไม่มีพิษมีภัย เหมาะกับภารกิจมากกว่าสาวแซ่บในทีมฉัน”“
วันนี้เป็นวันเปิดตัวสินค้าและเปิดตัวคู่ค้าคนใหม่ที่เพิ่งตกลงเซ็นสัญญาหลังจากการพูดคุยกันกว่าสามปีกับไฮโซป้อง ด้วยเพราะอีกฝ่ายค่อนข้างมีชื่อเสียงและฝั่งขุนเขาเองก็กำลังก้าวหน้า งานเลี้ยงจึงจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในโรงแรมหรูใจกลางเมืองงานเริ่มไปแล้วเมื่อสามสิบนาทีก่อน แต่เจ้าภาพอย่างขุนเขายังไม่ปรากฏตัวขึ้น มีเพียงเมธีเท่านั้นที่เข้ามารับหน้าให้ เนื่องจากเขาเองก็เป็นหนึ่งในผู้บริหารเช่นเดียวกัน นั่นสร้างความไม่พอใจเป็นอย่างมากให้ก้องเกียรติ เขาคิดว่าชายหนุ่มไม่ให้เกียรติตนและต้องการหักหน้า อาจเพราะเมื่อครั้งในอดีตเขาเคยเล็งธาราเอาไว้ ขุนเขาคงนึกแค้นในใจแล้วเอาคืนเขาในครั้งนี้หารู้ไม่ว่าแท้ที่จริงแล้วขุนเขาไม่ได้นึกแค้นเคืองก้องเกียรติแต่อย่างใด ที่เขายังมาไม่ถึงงานเพราะติดปัญหาใหญ่นั่นคือการแต่งตัวของเมียคนสวยมากกว่า!ธาราในชุดเดรสปักเหลื่อมแสนสวนสีแดงสด มันดูเข้ากันมากกับการแต่งหน้าด้วยลุคเปรี้ยวจี๊ดปากสีเชอร์รีของเธอ หากข้างหน้าไม่แหวกลึกจนเห็นเนินนม และข้างหลังไม่เว้าจนเกือบเห็นก้มก้นงอนงามขุนเขาไม่ยอมให้เมียออกไปจากห้องโดยเด็ดขาดจนกว่าเธอจะยอมเปลี่ยน แม้เขาจะทำให้คู่ค้าไม่พอใจ แต่ชา
ด้วยความเป็นคุณแม่ฟูลไทม์และขุนเขาเองก็มีงานการให้ทำมากมายแม้จะมีเมธีเข้ามาช่วยเหลือบ้างบางครั้งแต่ชายหนุ่มก็ยังยุ่งอยู่เสมอ ยิ่งเวลาผ่าน บริษัทภายใต้การบริหารของเขาก้าวหน้ามากขึ้นถึงขนาดทำการตลาดกับต่างประเทศขุนเขายิ่งทำงานหนักขึ้นจนไม่มีเวลากระทั่งกินข้าวเที่ยงในบางวันต้นน้ำอายุสองขวบแล้วในตอนนี้ จากที่คิดว่าจะทำลูกหัวปีท้ายปี กลายเป็นว่าผ่านไปสองปีแล้วภรรยาสุดสวยยังไม่ตั้งท้องลูกคนที่สองเลย อาจจะเพราะธาราไม่ปล่อยเพราะเธอยังรู้สึกเหนื่อยกับการเลี้ยงลูกด้วยตัวเองด้วย และอีกเหตุผลคือเขาไม่ค่อยมีแรงทำการบ้านหนักเหมือนเมื่อก่อน ครั้นจะให้มานั่งนับวันตกไข่ของเมียมันก็ดูออกจะจริงจังเกินไป เพราะเหตุนั้นธาราจึงลงความเห็นว่าเธอจะแบ่งเบาภาระสามีลงด้วยการกลับไปทำงานคู่กับเขา ส่วนต้นน้ำให้บิดาเป็นคนดูแลในตอนกลางวันไปก่อน จนกว่าเด็กน้อยจะอายุถึงเกณฑ์เข้าโรงเรียนคราแรกมันค่อนข้างยาก เพราะภรรยาคนสวยดูปรับตัวไม่ค่อยได้ พอเวลาผ่านไปสักพักทั้งคู่ก็ชินกินมากขึ้น บริหารเวลาได้ดีขึ้น และแน่นอนว่ามีเวลาในการออกไปนอนคอนโดใกล้บริษัทเพื่ออยู่กันสองต่อสองบ่อยขึ้นวันนี้ก็เช่นกัน สองผัวเมียจัดดินเนอร์เล็ก ๆ
เสียงร้องแสบหูของทารกแรกเกิดดังก้องไปทั่วห้องคลอด ขุนเขามองร่างเล็กขนาดเพียงแค่ไม่กี่กิโลกรัมกำลังถูกทำความสะอาดโดยพยาบาลแล้วยิ้มกว้างปลื้มปรีติ เขาแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ตอนเห็นใบหน้าลูกชายคนแรกของตน ลูกชายที่ตนอุตส่าห์ตั้งใจให้เกิดมา แล้วเขาก็ถือกำเนิดในเวลาต่อมาเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ท่าทางแข็งแรงแถมยังคลอดง่ายเพราะคนเป็นแม่แทบไม่ปวดท้องทรมาน หรือออกแรงเบ่งมากเกินไปด้วย“เก่งมากครับที่รัก”ก้มลงจูบภรรยาแสนรักที่ขมับเธอเพื่อเป็นรางวัลปลอบใจกับการให้กำเนิดของขวัญแสนพิเศษในครั้งนี้ ธารายิ้มหวานตอบกลับ หลุบตามองต่ำไปยังลูกชายของตนแล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน“นี่ลูกชายของเรา น้องต้นน้ำ ลืมตามามองลูกหน่อยสิครับคนดี”เสียงนั้นปลุกเธอให้ตื่นอีกครั้ง ธาราเอื้อมมือไปสัมผัสลูกน้อย ก่อนรับเขาเข้ามาอุ้มแนบอก ความรู้สึกต่าง ๆ มากมาย พรั่งพรูออกมากลายเป็นสายน้ำตา เธอร้องไห้ในขณะที่ลูบไล้นิ้วมือไปตามใบหน้าเล็ก ๆ ก่อนเงยหน้ามองสามีเพื่อยิ้มให้เขา“ของขวัญคนแรกของเรา… ขอบคุณนะครับที่มีเขาให้พี่ เราจะเลี้ยงเขาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้”เพราะความอ่อนเพลียเธอจึงไม่พูดอะไรตอบกลับสามีมากนัก ขุนเขายอมให้ภรรยาได้
การเปลี่ยนมือบริหารอีกครั้งเหมือนจะเป็นเรื่องไม่แย่นัก บริษัทภายใต้การดูแลของขุนเขาก้าวไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว เติบโตจนทุกคนยังอดแปลกใจไม่ได้ อาจจะเพราะผู้บริหารคนใหม่ทั้งเก่ง ฉลาด หลักแหลม มีหัวคิดการไกล ขุนเขามักจะเสนอไอเดียใหม่ ๆ แบบที่ไม่มีใครกล้าหยิบเอามาทำในที่ประชุมเสมอ และเมื่อทุกคนเห็นชอบ โครงการเขาได้รับเลือกผลที่ออกมาเป็นที่น่าประทับใจ ทุกคนจึงเริ่มไว้ใจชายหนุ่มมากยิ่งขึ้น เริ่มปรับตัวทันเขาเพราะขุนเขาโดยปกติแล้วเป็นคนทำงานรวดเร็วมากแต่ทว่าเจ้าตัวเองดันยังปรับตัวไม่ค่อยจะได้ ชีวิตในวัยสามสิบนิด ๆ ของเขายังต้องการอยู่กับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไปอีกสักพักใหญ่ นั่นคงเพราะเขาขลุกอยู่ในไร่เป็นเวลานานมากเกินไป การเข้ามาอยู่ในเมืองจึงเป็นเรื่องลำบาก ติดขัดเสียจนน่ารำคาญในบางครั้ง“เฮ้อ…”เสียงทิ้งปากกาลงกับโต๊ะทำคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาอย่างถือวิสาสะถึงกับชะงัก ธารามองสามีตนทำท่าเหนื่อยล้าพิงร่างหนาลงกับพนักเก้าอี้ปิดเปลือกตาอยู่แล้วรีบเดินเข้าไปหาเขา วางตะกร้าสตรอว์เบอร์รี่จากไร่ที่ต้นหญ้าส่งมาให้ลงแล้วจัดการนวดบ่าไหล่ให้หวังชายหนุ่มผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น“อืม…สบายดีจังเลยครับ”ค
เรือนจำแห่งหนึ่งธาราตัดสินใจมาเยี่ยมพรรณธิดาหลังจากเวลาผ่านไปได้สักพัก ที่เธอมาเยี่ยมใช่ว่าจะยอมความหรือรู้สึกเห็นใจอาตนเองแต่อย่างใด แต่เธอแค่อยากรู้ว่าหากอาดาเห็นตนอยู่ดีมีความสุขพร้อมมีลูกน้อยในครรภ์ที่กำลังเกิดมาหล่อนจะมีปฏิกิริยาแบบใดมากกว่าหญิงสาวนั่งรอในห้องที่มีกระจกกั้นระหว่างผู้ต้องขังและญาติผู้มาเยี่ยม จะต้องใช้โทรศัพท์ในการโทรคุยกันเท่านั้นและระหว่างคุยจะมีเจ้าหน้าที่ควบคุมอยู่ด้านหลังตลอดเวลาเพื่อความปลอดภัยมือน้อยกุมเข้าหากันแน่น อดประหม่าไม่ได้เพราะบรรยากาศโดยรอบค่อนข้างหดหู่ กดดัน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังทำใจดีสู้เสือ ด้วยเพราะอยากเห็นว่าอาตนจะทำหน้าอย่างไรเมื่อเห็นว่าใครมาเยี่ยม เธออยากเห็นมันจนแทบทนไม่ไหวแม้แต่วินาทีเดียวไม่นานนักร่างระหงของพรรณธิดาก็ปรากฏตรงหน้า หล่อนชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นธารานั่งอยู่ ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ลีลาหรือปฏิเสธผู้คุมแต่อย่างใด หล่อนเดินเข้ามานั่งประจำที่ ยกหูโทรศัพท์ขึ้นเพื่อพูดคุยกับธาราใบหน้าที่เคยอ่อนเยาว์บัดนี้ดูโทรมเสียยิ่งกว่าอายุจริงของหล่อนไปแล้ว ผมเผ้ายุ่งเหยิงดูไม่เป็นทรง เนื้อตัวดูสกปรกจนไม่น่ามอง ทุกอย่างตรงหน้าช่างหน้าเวทนา