LOGIN“ผมขอถามคำถามหนึ่งได้ไหมครับ” ธีร์กล่าว “วันนั้น วันที่เราเจอกันครั้งแรก ทำไมคุณถึงเมาขนาดนั้นครับ? เพราะจากที่ผมรู้จักคุณมา คุณดูไม่ใช่คนที่จะดื่มเหล้าได้เลย”
ปลายฟ้าเงียบไป เธอหลบสายตาเขาเล็กน้อย
“ไม่ต้องตอบก็ได้ถ้าคุณไม่อยากตอบ” ธีร์กล่าวอย่างอ่อนโยน
“ไม่ค่ะ” ปลายฟ้าสูดหายใจลึกๆ เธอตัดสินใจที่จะเปิดเผยเรื่องจริง “วันนั้นฉันไม่ได้ตั้งใจจะดื่มเหล้าเลยค่ะคุณธีร์ แต่ฉันโดนลูกค้าที่บาร์มอมเหล้า ค่ะ”
คำตอบนั้นทำให้ดวงตาของธีร์วาวโรจน์ด้วยความโกรธทันที เขากำมือปลายฟ้าไว้แน่น
“ผมรู้สึกดีมากที่ได้อยู่กับคุณครับปลายฟ้า” ธีร์กล่าวสรุป ธีร์ยิ้มให้ปลายฟ้า
ปลายฟ้ามองรอยยิ้มที่อ่อนโยนของธีร์อย่างเต็มตา หัวใจของเธอพลันเต้นระรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความรู้สึกร้อนผ่าวแล่นขึ้นมาที่ใบหน้าจนแดงก่ำอย่างควบคุมไม่ได้
เธอรับรู้ถึงความจริงใจ ความห่วงใย และความรู้สึกดีๆ ที่เขามอบให้ มันเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับภาพลักษณ์ภายนอกของเขาอย่างสิ้นเชิง
ผู้ชายคนนี้ ปลายฟ้าคิดในใจ ...เขาคือคนที่ทุกคนพูดว่า เป็นนายแบบที่โด่งดัง มีใบหน้าที่หล่อร้าย มีนิสัยที่มักจะเอาแต่ใจตัวเอง ไม่สนใจโลก และผ่านผู้หญิงมามากมาย
แต่รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ มันไม่ใช่รอยยิ้มของชายที่กร้านโลกเลยแม้แต่น้อย มันเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนอบอุ่นและเต็มไปด้วยความเมตตาที่เธอไม่เคยได้รับจากผู้ชายคนไหนมาก่อน
ปลายฟ้าเข้าใจแล้วว่า คำร่ำลือไม่สามารถตัดสินตัวตนที่แท้จริงของเขาได้เลย ธีร์อาจจะมีมุมที่เอาแต่ใจตัวเองและกระล่อนบ้างตามที่เคยแสดงออก แต่ภายใต้เปลือกนอกนั้น เขาคือผู้ชายที่เต็มไปด้วยความรับผิดชอบและความต้องการที่จะปกป้องคนที่อ่อนแอ
“คุณธีร์คะ” ปลายฟ้าเอ่ยเรียกชื่อเขาอย่างแผ่วเบา ธีร์หัวเราะเบาๆ ดวงตาของเขาทอประกายอย่างมีเสน่ห์
“ขอบคุณนะคะ” ปลายฟ้ายิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้า ตอนนี้เธอไม่มีอะไรตอบแทนเขานอกจากรอยยิ้มนี้แล้ว
ช่วงเวลาที่อยู่บนเกาะส่วนตัวนั้น ผ่านไปรวดเร็วอย่างน่าใจหาย ปลายฟ้าไม่รู้ว่าวันเวลาได้ล่วงเลยไปได้อย่างไร เธอรู้สึกราวกับว่าเพิ่งมาถึงเมื่อวานนี้ แต่ความจริงคือเกือบสี่วันเต็มที่เธอได้ใช้ชีวิตอย่างปราศจากความหวาดระแวง
เมื่อถึงเช้าวันเดินทางกลับ ปลายฟ้ายืนมองวิวทะเลจากระเบียงวิลล่าด้วยความอาลัย เธอรู้ดีว่านี่คือจุดสิ้นสุดของความสุขสงบ และถึงเวลาแล้วที่ต้องกลับไปเผชิญหน้ากับความจริงที่รออยู่
ปลายฟ้ายังคงทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยงานของธีร์ตามปกติ ซึ่งในช่วงนี้ตารางงานของธีร์ค่อนข้างยุ่งมาก ทำให้ทั้งสองคนต้องใช้เวลาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดยิ่งกว่าเดิม และการทำงานที่ใกล้ชิดนี่เองที่กลายเป็นเชื้อไฟชั้นดีให้กับการซุบซิบนินทาจากคนรอบข้าง
มีหลายครั้งที่ปลายฟ้าแอบได้ยินเสียงกระซิบกระซาบ หรือสายตาที่มองมาอย่างจับผิดและไม่พอใจจากทีมงานหรือคนรู้จักในวงการ โดยเฉพาะเวลาที่เธอและธีร์ต้องอยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้องประชุมหรือในรถส่วนตัว แม้เธอจะพยายามทำเป็นไม่ได้ยิน แต่ความรู้สึกแย่ๆ ก็ยังกัดกินใจเธออยู่เงียบๆ
วันหนึ่ง ระหว่างที่กำลังเดินออกจากลิฟต์เพื่อกลับไปที่ออฟฟิศ หลังจากเพิ่งเสร็จสิ้นการประชุมใหญ่ ปลายฟ้าก็เผลอได้ยินเสียงนินทาที่ดังขึ้นด้านหลังอีกครั้ง เธอรู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่ใบหน้า ก่อนจะเร่งฝีเท้าให้เดินตามธีร์ไปเร็วขึ้น
ธีร์ที่สังเกตเห็นความผิดปกติของเธอมาตลอด หันกลับมามองใบหน้าที่ซีดลงของปลายฟ้า
“เป็นอะไรอีกครับ” เขาถามเสียงเรียบแต่แฝงความหนักแน่น
ปลายฟ้าส่ายหน้า พยายามยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นดูฝืนจนน่าใจหาย “เปล่าค่ะ แค่... เมื่อย”
ธีร์หยุดเดิน เขาเท้าแขนกับผนังลิฟต์ พลางก้มตัวลงมาเล็กน้อยเพื่อสบตาเธอในระยะใกล้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายและติดตลกอย่างที่เขาใช้ปลอบเธอเสมอ
“ผมรู้ว่าคุณได้ยินอะไรมาอีกแล้ว” เขาลูบผมเธอเบาๆ “เลิกทำหน้าแบบนี้ได้แล้วครับ”
“คุณธีร์”
“พวกเขาอิจฉาคุณต่างหากปลายฟ้า” ธีร์ยิ้มกว้างอย่างมั่นใจในตัวเอง
“อิจฉาที่คุณได้อยู่ใกล้ชิดกับคนหล่อและฮอตที่สุดในประเทษอย่างผมนี่ไง”
เขาพูดด้วยท่าทางที่ดูยียวนกวนประสาทเล็กน้อย ซึ่งคำพูดที่ดูโอ้อวดนั้นกลับทำให้ปลายฟ้าหลุดยิ้มออกมาได้ในที่สุด เธอรู้สึกคลายความตึงเครียดลงไปมาก
“บ้า! ใครจะไปอิจฉาคุณธีร์คะ” เธอพูดติดตลก แต่ก็รู้สึกดีขึ้นจริงๆ
“เชื่อผมสิ” ธีร์ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “ดังนั้น ถ้าได้ยินอีกก็ให้คิดไว้ในใจว่า ‘นี่แหละคือโทษของฉันที่ต้องมาทนทำงานกับคนหล่อขนาดนี้ทุกวัน’ นะครับ”
คำพูดของธีร์อาจไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ แต่มันก็ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันความรู้สึกที่ดีที่สุดในตอนนี้ ปลายฟ้าพยักหน้าอย่างเข้าใจ เธอรู้ว่าเขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะปกป้องความรู้สึกที่บอบบางของเธอ
หลายวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ปลายฟ้ายังคงทำหน้าที่ผู้ช่วยของธีร์อย่างแข็งขัน ความใกล้ชิดในที่ทำงานไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย ทุกครั้งที่เธอทำหน้าเหงาหงอยเพราะได้ยินเสียงนินทา ธีร์ก็จะรีบเข้ามาปลอบโยนด้วยคำพูดขี้เล่นที่ทำให้เธอยิ้มได้เสมอ
เย็นวันหนึ่ง ขณะที่ปลายฟ้ากำลังนั่งตรวจสอบตารางนัดหมายของธีร์อยู่ที่โต๊ะทำงาน โทรศัพท์มือถือของเธอที่ใช้เป็นเบอร์สำหรับติดต่อประสานงานก็สั่นขึ้นพร้อมกับโชว์เบอร์โทรศัพท์แปลกๆ ที่ไม่คุ้นเคย
“คุณธีร์คะ มีเบอร์แปลกโทรเข้ามือถือสำนักงานค่ะ”
ธีร์ซึ่งกำลังเซ็นเอกสารอยู่เงยหน้าขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “รับสิครับ”
ปลายฟ้ากดรับสาย ก่อนจะประหลาดใจกับสิ่งที่ปลายสายพูด
“สวัสดีค่ะ... ค่ะ? ขอสายคุณธีร์นะคะ” เธอหันไปมองธีร์ด้วยความลังเล “คุณธีร์คะ ปลายสาย... บอกว่าเธอเป็นคุณแม่ของคุณค่ะ”
ธีร์ชะงักมือที่กำลังเซ็นเอกสารทันที สีหน้าของเขาที่เคยผ่อนคลายด้วยรอยยิ้มก็แปรเปลี่ยนเป็นความ เครียดขรึม อย่างฉับพลัน เขายื่นมือมารับโทรศัพท์ไปแนบหู
“สวัสดีครับ” น้ำเสียงของธีร์เย็นชาและเหินห่างผิดกับเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง
บทสนทนาเป็นไปอย่างตึงเครียดและสั้นกระชับ ธีร์พูดเพียงคำว่า ‘ครับ’ และ ‘เข้าใจแล้ว’ เท่านั้น ก่อนจะกดวางสายลงโดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ สีหน้าของเขาดูไม่สบอารมณ์อย่างถึงที่สุด
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณธีร์” ปลายฟ้าถามอย่างกังวล
“พ่อสั่งให้กลับไปทานอาหารเย็นที่บ้านใหญ่” ธีร์ตอบเสียงห้วน ใบหน้าเต็มไปด้วยความขัดเคือง “และผมไม่มีทางเลือก”
“ทานข้าวเย็นเหรอคะ? แต่หน้าคุณธีร์ดูไม่เหมือนไปทานข้าวเย็นธรรมดาเลยนะคะ”
ธีร์ถอนหายใจยาว พลางเสยผมขึ้นอย่างหงุดหงิด “มันไม่ธรรมดาหรอกปลายฟ้า พ่อผมไม่เคยเรียกผมกลับบ้านถ้าไม่เกี่ยวกับเรื่องธุรกิจ หรือเรื่องของผู้หญิงคนนั้น”
เขาหันมาสบตาปลายฟ้า แววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“ผมเกลียดการกลับไปที่นั่น ผมเกลียดพ่อที่จงใจให้ผมต้องเผชิญหน้ากับ แม่เลี้ยง ของผม แต่ผมต้องไป” ธีร์ยื่นมือมาจับข้อมือปลายฟ้า “คุณต้องไปกับผม”
“ฉัน? ไปด้วยเหรอคะ?”
“ใช่! ผมต้องการกำลังใจ และต้องการโล่กำบังจากคุณ” ธีร์บอกอย่างไม่รอคำปฏิเสธ “ไปครับ เตรียมตัวให้พร้อม”
รถยนต์คันหรูของธีร์ขับผ่านประตูเหล็กดัดขนาดใหญ่ที่แกะสลักอย่างวิจิตรบรรจง เข้าสู่บริเวณบ้านพักส่วนตัว บ้านหลังใหญ่ ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือคฤหาสน์สไตล์โคโลเนียลที่สง่างามเกินกว่าจะเรียกว่าบ้าน มันถูกสร้างขึ้นด้วยหินอ่อนสีขาวและตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางสวนที่ถูกตัดแต่งอย่างเป็นระเบียบ แต่แทนที่จะให้ความรู้สึกอบอุ่น บ้านหลังนี้กลับให้ความรู้สึกโอ่อ่า เย็นชา และเคร่งครัด ราวกับพิพิธภัณฑ์ที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
ธีร์จูงมือปลายฟ้าเดินเข้าไปในห้องรับประทานอาหารที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโคมไฟระย้าคริสตัล ทันทีที่ก้าวเข้าไป ปลายฟ้าก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่หนักอึ้งและตึงเครียดโต๊ะอาหารตัวยาว มีบุคคลสำคัญสามคนนั่งรออยู่แล้ว
ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะใบหน้าของเขาดูเข้มงวดและน่าเกรงขาม นั่นคงเป็นนพ่อของคุณธีร์ ถัดมาผู้หญิงวัยสี่สิบกว่าที่แต่งกายด้วยชุดราตรีเรียบหรู ดูสวยสง่าใบหน้ามีรอยยิ้มอบอุ่น แม่เลี้ยงของคุณธีร์ และอีกคนหญิงสาวสวยสง่าที่นั่งอยู่ข้างคุณธนา เธอมีใบหน้าที่คุ้นตาจากนิตยสารธุรกิจและสังคม คนที่ปลายฟ้าเคยเจอ คุณรินลดา
ทุกคนหันมามองธีร์และปลายฟ้าพร้อมกัน เมื่อเห็นปลายฟ้าที่เดินจับมือธีร์เข้ามาในห้องอย่างเปิดเผย ใบหน้าของสามคนนั้นก็แสดงความประหลาดใจที่แตกต่างกันออกไป
“ธีร์! นี่แกทำอะไรของแก” คุณเทวาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจอย่างรุนแรง
แต่ก่อนที่ธีร์จะตอบ ธีร์ก็ชิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นและแฝงความเสียดสี
“สวัสดีครับคุณพ่อ คุณอรัญญา” เขาเมินเฉยต่อผู้หญิงอีกคน ก่อนจะหันมาแนะนำปลายฟ้าด้วยน้ำเสียงท้าทาย
“และนี่คือ ปลายฟ้า ผู้ช่วยส่วนตัวคนใหม่ของผมครับ”
สายตาของปลายฟ้าปะทะเข้ากับ รินลดา คู่หมั้นของธีร์ รัตติมาไม่ได้แสดงอาการตกใจ แต่ดวงตาของเธอมองสำรวจปลายฟ้าตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถามและความไม่พอใจที่ยากจะปกปิด
คุณเทวาทำเสียงขึ้นจมูกด้วยความไม่พอใจอย่างชัดเจนที่ธีร์พาใครไม่รู้เข้ามาด้วย แต่มารยาททางสังคมที่ถูกฝึกฝนมาอย่างดีก็ทำให้เขาต้องควบคุมสีหน้าไว้
“ธีร์ การพาแขกที่ไม่ได้แจ้งไว้ล่วงหน้ามาที่โต๊ะอาหารค่ำแบบนี้... ถือว่าเสียมารยาทกับหนูรินมากนะ” คุณเทวา เอ่ยเสียงเรียบ แต่เจือไปด้วยการประชดประชัน
“แต่เอาเถอะ ในเมื่อพามาถึงนี่แล้ว ก็เชิญนั่ง”
ยังไม่ทันที่คุณเทวาจะออกคำสั่งให้ปลายฟ้าไปนั่งในที่ที่ห่างไกลจากเขาที่สุด ธีร์ก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาดึงเก้าอี้ตัวที่ติดกับเก้าอี้ของตัวเองออกมา
“เชิญครับปลายฟ้า” ธีร์พูดเสียงทุ้มต่ำและหนักแน่น เป็นการตัดสินใจแทนประธานของบ้านคือให้เธอนั่งข้างเขา แทนที่จะเป็นรินลดา
ปลายฟ้าใจเต้นแรง เธอรับรู้ถึงสายตาเหยียดหยามจากคุณเทวา และสายตาที่เต็มดูถูกของ รินลดา คู่หมั้นของธีร์ แต่เธอก็ยอมนั่งลงข้างเขาตามที่ถูกสั่งอย่างว่าง่าย
คุณเทวา เริ่มการสนทนาอย่างตั้งใจที่จะสร้างบรรยากาศให้ธีร์กับ รินลดา ใกล้ชิดกัน
“รินลดา เขาเพิ่งกลับจากลอนดอน ธีร์ช่วยแนะนำเรื่องงานให้น้องหน่อยสิ” คุณเทวา พูดพลางหันไปทางรินลดาด้วยรอยยิ้มอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยมีให้ธีร์เลย
“รินลดาเก่งมากนะลูก เขาเพิ่งเรียนจบด้านการบริหารจากมหาวิทยาลัยชั้นนำมาเลย ธีร์น่าจะได้คำปรึกษาดีๆ”
รินลดา ยิ้มหวานและพยายามชวนธีร์คุยด้วยคำถามที่สุภาพและฉลาดเฉลียว แต่ธีร์ไม่พูดอะไรเลย เขาเพียงแค่ตัดอาหารในจานอย่างเชื่องช้า และตอบคำถามรินลดาด้วยการส่ายศีรษะหรือพยักหน้าเท่านั้น
บรรยากาศเริ่มอึดอัดหนักขึ้นเรื่อยๆ จนปลายฟ้าที่นั่งอยู่ข้างๆ รู้สึกเหมือนกำลังหายใจอยู่ในห้องที่ไม่มีอากาศ เธอพยายามยกมือขึ้นเพื่อจะขอตัวออกไปจากตรงนั้น แต่ทันทีที่เธอขยับ มือของธีร์ก็ยื่นมาจับมือเธอที่วางอยู่บนตักไว้แน่นอย่างห้ามปราม
ความตึงเครียดนี้หนักหน่วงจนแม้แต่ อรัญญา แม่เลี้ยงของธีร์ ซึ่งนั่งเงียบมาตลอดก็รู้สึกไม่สบายใจ
“ดิฉัน ขอตัวไปพักก่อนนะคะคุณเทวา รู้สึกไม่ค่อยสบายเท่าไหร่” อรัญญาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าปกติ ใบหน้าของเธอดูไม่กล้าสู้หน้าธีร์เลยแม้แต่น้อย เพราะรู้ดีว่าลูกชายคนโตคนนี้เกลียดชังเธอมากที่สุด
เมื่ออรัญญาจากไปแล้ว คุณเทวา ก็ตัดสินใจเลิกเสแสร้ง เขายกแก้วไวน์ขึ้นจิบ ก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับปลายฟ้าเต็มตัว แววตาที่มองมาเต็มไปด้วยการตรวจสอบและเหยียดหยาม
“เธอ ปลายฟ้าใช่ไหม” คุณเทวา เรียกชื่อเธออย่างเน้นย้ำ “มาจากไหน ทำงานอะไรนะ ผู้ช่วย ใช่ไหม”
“ค่ะ” ปลายฟ้าตอบเสียงเบา เธอรู้สึกราวกับว่าทุกคำที่เขาพูดคือเข็มที่ทิ่มแทงเข้าสู่ความรู้สึก
“ตำแหน่งผู้ช่วยนี่ ต้องทำหน้าที่อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า” คุณเทวา ถามด้วยรอยยิ้มเย็นชาที่ทำให้ปลายฟ้าตื่นกลัวเขา
“เห็นธีร์พาออกงานด้วย พามาทานข้าวด้วย พาเข้าห้องพักด้วย... เป็นตำแหน่งที่ต้องนอนในห้องเดียวกับเจ้านายเลยหรือไง ถึงได้ดูแลกันใกล้ชิดขนาดนี้”
ปลายฟ้าหน้าซีดเผือด ตัวสั่นด้วยความอับอายและเจ็บปวด คำพูดของเขาไม่ได้แค่ดูถูกเธอ แต่ยังตอกย้ำความรู้สึกที่เธอเพยายามเยียวยาไปเมื่อวานให้กลับมาอีกครั้ง
ในที่สุดธีร์ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เก้าอี้ของธีร์ถูกดันออกอย่างแรงจนเกิดเสียงดังสนั่น
“พอแล้วครับพ่อ!” ธีร์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ดวงตาของเขาวาวโรจน์ไปด้วยความโกรธ
เขาไม่สนใจสายตาตกใจของทุกคนบนโต๊ะ ธีร์รีบจับมือปลายฟ้าไว้แน่น แล้วดึงให้เธอลุกขึ้นตามเขามาทันที
“เรากลับกันเถอะปลายฟ้า”
ธีร์เดินนำปลายฟ้าออกจากห้องอาหารใหญ่ทันที ทิ้งให้ คุณเทวา และ รินลดา นั่งมองด้วยความตกตะลึงกับการกระทำที่หุนหันพลันแล่นและการท้าทายอำนาจของเขาเป็นครั้งแรกต่อหน้าครอบครัว
รถยนต์คันหรูของธีร์พุ่งออกจากบริเวณบ้านใหญ่ของคุณเทวาอย่างรวดเร็ว ความเร็วของรถบ่งบอกถึงความโกรธที่อัดแน่นอยู่ภายในใจของเขา ธีร์ขับรถด้วยความเงียบสนิท ไม่มีการเปิดเพลง ไม่มีการพูดคุย ความเงียบที่หนักอึ้งนี้ทำให้ปลายฟ้าอึดอัดอย่างที่สุด เธอสัมผัสได้ถึงความโกรธ ความคับแค้นใจ และความเจ็บปวดที่แผ่ออกมาจากผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ
ปลายฟ้าไม่กล้าพูดอะไร เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เธอควรจะซักถามใดๆ แต่ความเงียบนั้นกำลังกัดกินเธอ
เมื่อรถแล่นมาถึงเพนเฮ้าส์ของพวกเขา ธีร์จอดรถอย่างกะทันหัน ธีร์ปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วลงจากรถทันที เขาเดินอ้อมมาที่ฝั่งปลายฟ้า ใบหน้าของเขาถูกซ่อนไว้ในเงามืด
ปลายฟ้ารับรู้ถึงความปวดร้าวที่แผ่ออกมาจากเขา เธอเดินเข้าไปใกล้ด้วยความเป็นห่วง
“คุณธีร์คะ... ให้ฟ้าอยู่เป็นเพื่อนไหมคะ” เธอเสนอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ธีร์ไม่ตอบ เขาหยิบบุหรี่จากซองออกมาจุดไฟ ควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากปอดของเขาอย่างรุนแรง ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมาเธอไม่เคยเห็นธีร์สูบบุหรี่มาก่อน
“ไม่จำเป็นครับ” เขาเอ่ยสั้นๆ “คุณเข้า เพนเฮ้าส์ ไปก่อน”
ธีร์ไม่ได้รอให้ปลายฟ้าตอบ เขาพิงตัวกับรถคันหรูของเขา จมดิ่งอยู่กับความเงียบและควันบุหรี่
ปลายฟ้ารู้ว่าเขาต้องการอยู่คนเดียว และคำสั่งของเขาคือสิ่งที่เธอต้องทำตาม เธอจึงเดินเข้าประตู เพนเฮ้าส์ ไปอย่างช้าๆ ทันทีที่ประตู เพนเฮ้าส์ ปิดลง ธีร์ก็ทิ้งบุหรี่ที่ยังไม่หมดมวนลงบนพื้น แล้วย่ำมันด้วยรองเท้าหนังราคาแพง เขาเปิดประตูรถแล้วขึ้นไปนั่งที่เบาะคนขับ
เครื่องยนต์คำรามขึ้นอย่างรุนแรง ธีร์เหยียบคันเร่งเต็มกำลัง รถยนต์คันหรูพุ่งทะยานออกจากบริเวณรีสอร์ตด้วยความเร็วสูงทันที แสงไฟท้ายสีแดงวูบหายไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางความมืดของเกาะ
ปลายฟ้ายืนอยู่ที่หน้าต่างใน เพนเฮ้าส์ มองตามแสงไฟนั้นด้วยหัวใจที่บีบรัด
เขาไปไหน? เขาจะไปทำอะไร?
เธอไม่รู้ว่าธีร์ขับรถไปที่ไหน เธอรู้เพียงแค่ว่า ผู้ชายคนนั้นกำลังหลบหนีจากความเจ็บปวดที่เขาได้รับมาอย่างสุดกำลัง
“อ้าว! มาแล้วเหรอปลายฟ้า!” นวลจันทร์ส่งเสียงทักอย่างดีใจ แต่สำหรับปลายฟ้าแล้วภาพตรงหน้าคือภาพฝันร้ายที่กลับมาเยือนโอมยิ้มกว้างอย่างเจ้าเล่ห์ เขาไม่ได้ดูสำนึกผิดเลยแม้แต่น้อย แต่กลับดูดีใจที่ได้เจอเธอปลายฟ้าเดินเข้าไปนั่งลงตรงข้ามพวกเขาด้วยสีหน้าเย็นชา“ทำไมไม่รับสายไม่ตอบข้อความพี่เขาเลย!” นวลจันทร์เริ่มต้นตำหนิเธออย่างรวดเร็ว โดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดอะไร“จนโอมเขาต้องไปหาแม่ที่บ้าน! ทำอะไรหัดโตได้แล้วนะปลายฟ้า!”คำพูดตำหนิของแม่ราวกับมีคนมาบีบคั้นสมองของปลายฟ้าให้แน่น เธอเริ่มรู้สึกหูอื้อ ภาพตรงหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย ความรู้สึกหวาดกลัวและคลื่นไส้ปั่นป่วนอยู่ในท้อง“พี่เขามาหาแกด้วยความหวังดี เขารักแกจะตาย” นวลจันทร์พูดต่อโดยไม่สนใจสีหน้าของลูกสาว“ปลายฟ้า พี่อุตส่าห์มาหาถึงที่นี่นะ” โอมเสริมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนจนน่าขยะแขยง“รู้ไหมว่าพี่คิดถึงปลายฟ้ามากแค่ไหน”ความกดดันจากแม่และโอมที่ประดังเข้ามาพร้อมกัน ทำให้ปลายฟ้าแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ หัวของเธอเหมือนโดนบีบแน่น และความรู้สึกอยากอาเจียนก็แล่นขึ้นมาปลายฟ้าพยายามรวบรวมสติทั้งหมดไว้ และเปล่งเสียงออกมาเบาที่สุด เสียงที่สั่นเครือแต่
ปลายฟ้าหน้าซีดเผือด เธอเข้าใจในทันทีว่า ธีร์ ไม่ได้แค่ขอร้อง แต่กำลังใช้สถานการณ์นี้บีบบังคับเธอ เธอไม่สามารถเป็นต้นเหตุให้บริษัทต้องเสียหายได้ เธอพยักหน้าอย่างช้า ๆ ด้วยใบหน้าที่จำนนต่ออำนาจและความต้องการของเขาสุดท้ายธีร์ก็กดดันให้ปลายฟ้าถ่ายแบบจนได้ ธีร์คลี่ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ แต่รอยยิ้มนั้นไม่ได้แสดงความอ่อนโยนเลยแม้แต่น้อย เขามองไปที่ช่างภาพ“โอเคครับ ทีมงาน!” ธีร์ประกาศเสียงดัง “นางแบบคนใหม่ของเราคือคุณปลายฟ้า เตรียมเปลี่ยนชุดและแต่งหน้าทำผมให้เธอเดี๋ยวนี้! เราจะเริ่มถ่ายทำภายในสิบห้านาที”ธีร์ปล่อยให้ปลายฟ้ายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ก่อนจะเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง ทิ้งให้ปลายฟ้ารับรู้ว่าเกมนี้เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะชนะเขาได้เลยหลังจากที่ปลายฟ้าได้รับการแปลงโฉมและกลับมาพร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจ ธีร์ ก็ตัดสินใจที่จะเข้าร่วมถ่ายแบบคู่กับเธอในทันทีปลายฟ้าถูกพาตัวมาพักหลังจากถ่ายแบบเดี่ยวเสร็จ ก่อนจะเริ่มถ่ายคู่กับธีร์ เธอเห็นตัวเองในกระจก... ใบหน้าที่สวยสง่าและเปี่ยมด้วยพลังอำนาจ แต่ดวงตาของเธอยังคงมีความไม่พอใจและกังวลอย่างชัดเจนธีร์ดูปลายฟ้าที่กำลังแต่งหน้า เขานั่งอยู่บ
ปลายฟ้าและธีร์นั่งอยู่ในห้องประชุมขนาดใหญ่ที่มีเครื่องปรับอากาศเย็นเฉียบ พวกเขากำลังจัดการประชุมคัดเลือกนางแบบสำหรับแบรนด์เครื่องสำอางและเสื้อผ้าไลน์ใหม่ของบริษัทชื่อว่า Zenithปลายฟ้าสวมชุดทำงานที่ดูเนี้ยบและเป็นทางการ เธอรักษาระยะห่างจากธีร์อย่างเคร่งครัด หลังจากเหตุการณ์ในคอนโด แม้ธีร์จะเข้าใจความรู้สึกของเธอแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นอีก และปลายฟ้าเองก็ยังคงอยู่ในโหมด 'มืออาชีพที่เย็นชา'เบื้องหน้าของธีร์คือโต๊ะที่เต็มไปด้วยแฟ้มประวัตินางแบบหลายสิบคน ธีร์เป็นผู้นำในการคัดเลือกทั้งหมดเพราะโจทย์คือต้องหานางแบบที่มีภาพลักษณ์แข็งแกร่งและดูดีพอที่เหมาะกับงานและคู่กับนายแบบอย่างเขาปลายฟ้าเป็นผู้เรียกชื่อนางแบบทีละคน เธอถือคลิปบอร์ดไว้แน่น พยายามไม่สบตากับธีร์“คนต่อไปค่ะ คุณลินนา มณีรัตน์” ปลายฟ้าประกาศเสียงเรียบประตูเปิดออก ลินนา ก้าวเข้ามาด้วยความมั่นใจ เธอเป็นนางแบบสาวสวยที่มีใบหน้าคมกริบ การแต่งกายและรอยยิ้มของเธอดูไร้ที่ติและมีความทะเยอทะยานสูง“สวัสดีค่ะคุณธีร์ สวัสดีค่ะทีมงาน” ลินนากล่าวด้วยน้ำเสียงที่พยายามดัดให้หวานกว่าปกติลินนาเริ่มแสดงท่าทางโพสตามที่ทีมงานต้องกา
ข้อความที่ถูกส่งมาโดยตรงระบุชัดเจน "ฉันคือเจ้าของของปริ๊นเซสค่ะ"ใจของปลายฟ้าหล่นวูบ ปลายฟ้ารู้สึกใจหายมากๆ ราวกับหัวใจถูกบีบอัดจนหายใจไม่ออก เธอเคยคิดว่าเรื่องนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้น หรืออย่างน้อยก็คงไม่เกิดขึ้นเร็วขนาดนี้ เพราะธีร์เองก็ผูกพันกับเจ้าแมวน้อยตัวนี้ไปแล้วปลายฟ้าอ่านข้อความซ้ำหลายครั้ง เจ้าของตัวจริงให้รายละเอียดของแมวได้อย่างถูกต้องทุกประการ รวมถึงประวัติการรักษาและเครื่องหมายพิเศษที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน การโกหกหรือการเข้าใจผิดจึงเป็นไปไม่ได้เธอเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่นอย่างช้า ๆ ธีร์ยังคงนั่งทำงานอยู่บนโซฟา โดยมีปริ๊นเซสนอนหลับอย่างสบายอยู่บนตักของเขา“คุณธีร์คะ” ปลายฟ้าเอ่ยเรียกเสียงสั่นธีร์เงยหน้าขึ้นมองเธออย่างแปลกใจเมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือดของปลายฟ้า เธอชูโทรศัพท์ให้เขาดูข้อความนั้น ธีร์ก้มลงอ่าน ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปเป็นความตกใจและเศร้าสร้อยเช่นกัน“เขา... เขานัดเจอที่ไหนครับ” ธีร์ถามเสียงแผ่ว พลางลูบหัวปริ๊นเซสอย่างอ่อนโยน ราวกับเป็นการบอกลาล่วงหน้า“ที่สวนสาธารณะ ตรงข้ามกับคอนโดฯ ค่ะ เขาอยากเจอน้อง แล้วก็อยากจะคุยเรื่องรับน้องกลับ”ปลายฟ้ารู้ว่าถึงเวลาที่ต
ปลายฟ้าซบหน้าเข้ากับแผงอกที่เปลือยเปล่าของธีร์อย่างเต็มใจ เธอได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นอย่างช้า ๆ และสม่ำเสมอ เป็นจังหวะที่ช่วยปลอบประโลมจิตใจของเธอได้เป็นอย่างดีในอ้อมกอดที่แน่นหนานี้ปลายฟ้าไม่ได้รู้สึกว่าเธอกำลังนอนอยู่กับเจ้านายที่เย็นชา แต่เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องการเพียงความรักและการปลอบโยนเท่านั้นความเงียบปกคลุมทั่วห้อง ปลายฟ้าหลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย ขณะที่ธีร์ก็หลับตาลงอย่างเจ็บปวด โดยหวังว่าเมื่อตื่นขึ้นมา แสงสว่างจากวันใหม่จะช่วยพาเขากลับไปยังจุดที่เขาทิ้งรอยยิ้มที่หายไปไว้เบื้องหลังได้แสงแดดยามเช้าลอดผ่านม่านทึบเข้ามาได้เพียงน้อยนิด ทว่าเพียงพอที่จะทำให้ปลายฟ้าค่อย ๆ ลืมตาตื่นจากห้วงนิทราที่แสนเหนื่อยล้า ปลายฟ้าตื่นขึ้นมาก็สบตาเข้ากับดวงตาคมเข้ม ที่อยู่ห่างออกไปเพียงคืบดวงตาคู่นั้นกำลังจ้องมองเธออยู่ อย่างเงียบงันธีร์ตื่นได้สักพักแล้วเขาไม่ได้ขยับตัว เพียงแค่นอนมองใบหน้าของคนในอ้อมแขนมาเนิ่นนาน เขามองคนตัวเล็กตรงหน้าอย่างละเอียดถี่ถ้วนขนตาของปลายฟ้ายาวหนา เป็นแพสวยงามจมูกเล็กๆ ที่ดูดื้อรั้น รับกับปากอวบอิ่มที่เขาเคยประทับ รสชาติหวานละมุนนั้นยังคงติดอยู่ในความทรงจำลึกๆ ขอ
“ฉันต้องขอโทษแทนคุณเทวาด้วยนะคะ” อรัญญากล่าวอย่างรู้สึกผิด “ฉันรู้สึกผิดกับธีร์ และฉันเหนื่อยมาก ๆ เลย ค่ะ”อรัญญาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอย่างอ่อนล้า“ฉันเข้ามาเป็นเมียน้อยในตอนแรก และยอมทนอยู่เพื่อรอให้ แม่ของธีร์เสีย ไป ก่อนที่ฉันจะได้ขึ้นมาเป็นคุณนายที่ถูกต้อง”คำสารภาพของอรัญญาดังก้องอยู่ในความเงียบงันของศาลาริมน้ำ กลิ่นหอมของดอกไม้ดูเหมือนจะเจือด้วยความขมขื่น ปลายฟ้านิ่งงันไป น้ำเสียงของอรัญญาไม่แสดงความรู้สึกผิดบาป แต่เป็นความเหนื่อยล้าจนถึงที่สุด ราวกับว่าการพูดความจริงออกมาเป็นภาระหนักอึ้งที่เธอแบกมานานปลายฟ้าจ้องมองใบหน้าของอรัญญาที่เงยขึ้นมองท้องฟ้าอย่างอ่อนล้า ใบหน้าที่มีร่องรอยความงามสง่า แต่ก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้ฉากหน้าของ 'คุณนาย'“คุณ คุณอรัญญา” ปลายฟ้าเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา เธอไม่รู้ว่าควรจะปลอบใจหรือควรจะถามคำถามใดออกไปอรัญญาค่อย ๆ ก้มหน้าลงมองมือของตัวเองที่ประสานกันบนตัก เธอพยายามควบคุมน้ำเสียงให้มั่นคง “ใช่ค่ะ ฉันอยากจะโกหกคุณ แต่ฉันเลือกที่จะบอกความจริง เพราะฉันรู้ว่าคุณเป็นคนเดียวที่จะเข้าใจความรู้สึกของธีร์”“การเป็น 'คุณนาย' ไม่ได้สวยง







