LOGINหลังจากธีร์ขับรถออกไปอย่างไร้จุดหมาย ปลายฟ้าก็กลับเข้าสู่ เพนเฮ้าส์ ด้วยความกระวนกระวายใจ
เธอเฝ้ารอ และพยายามโทรศัพท์หาธีร์อย่างต่อเนื่องตั้งแต่สามทุ่มจนถึงห้าทุ่มครึ่ง แต่โทรศัพท์ของเขาก็ไม่รับสาย และปิดไปในที่สุด
ปลายฟ้าตัดสินใจหาเบอร์โทรศัพท์ของ เอก ลูกน้องคนสนิทของธีร์จากสมุดบันทึกในแฟ้มงานของเขา
“สวัสดีค่ะ คุณเอก นี่ปลายฟ้า ผู้ช่วยคุณธีร์นะคะ” เธอพยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่น
“คุณธีร์ขับรถออกไปอย่างเร่งรีบหลังทานอาหารเย็น ฟ้าติดต่อเขาไม่ได้เลย คุณพอจะทราบไหมคะว่าเขาอยู่ที่ไหน”
เอกที่ได้รับสายคงจะตกใจไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันนี้
“คุณธีร์ออกไปตั้งแต่หลังทานอาหารเย็นเหรอครับ... ผมคิดว่าเขาจะคุยงานต่อเสียอีก... ให้ผมลองเช็กดูก่อนนะครับคุณปลายฟ้า” เอกตอบกลับมา มันยิ่งทำให้ปลายฟ้ากังวลหนักขึ้น
เวลาประมาณเที่ยงคืน โทรศัพท์ของปลายฟ้าก็สั่นขึ้น
มันเป็นข้อความสั้นๆ ที่ถูกส่งมาจากเบอร์ของเอก
“คุณปลายฟ้าครับ ผมเจอคุณธีร์แล้ว เขาอยู่ที่บาร์แห่งหนึ่งในตัวเมืองใกล้ๆ ท่าเรือ ตอนนี้เมามาก ผมกำลังจะพาเขากลับไปส่งที่เพนเฮ้าส์นะครับ”
ปลายฟ้าถอนหายใจยาวด้วยความโล่งใจ ไม่นานนัก รถยนต์คันเดิมของธีร์ก็เคลื่อนเข้ามาจอดหน้า เพนเฮ้าส์ พร้อมกับรถอีกคันของเอก
เอกประคองธีร์ที่แทบจะไม่ได้สติเข้ามาในห้อง ธีร์ตัวหนักอึ้ง เขาพิงตัวไว้กับเอกและทำได้เพียงละเมอเล็กน้อย
“คุณปลายฟ้าช่วยต่อเลยนะครับ ผมต้องรีบไปเคลียร์รถที่หน้าบาร์ต่อ” เอกกระซิบบอกเธอเพราะกลัวว่าเสียงของเขาจะรบกวนเจ้านาย เอกส่งกุญแจรถของธีร์ให้ปลายฟ้า “เขาเมาหนักกว่าครั้งก่อนๆ ครับ”
ปลายฟ้าพยักหน้ารับคำอย่างเข้าใจ เธอช่วยเอกประคองธีร์มาถึงเตียงนอนใหญ่ของเขาได้สำเร็จ ก่อนที่เอกจะรีบขอตัวกลับไปทำงานที่เหลือ
เมื่อเอกออกไปแล้ว ปลายฟ้ามองร่างสูงที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียง ใบหน้าของเขายังคงมีร่องรอยของความเจ็บปวดจากเหตุการณ์ที่บ้านคุณเทวา
ปลายฟ้าถอดรองเท้าและเสื้อนอกที่เปียกชื้นเพราะเหงื่อและแอลกอฮอล์ของเขาออกอย่างบรรจง เธอนำผ้าขนหนูชุบน้ำหมาดๆ มาเช็ดใบหน้าและลำคอให้เขา
เธอไม่ได้ทำเพราะเป็นหน้าที่ แต่ทำเพราะความเห็นใจต่อความอ่อนแอที่เขาไม่เคยเผยให้ใครเห็น ธีร์พลิกตัวเล็กน้อยและส่งเสียงอู้อี้ออกมาเบาๆ
ปลายฟ้ายืนอยู่ข้างเตียงของเขา คอยเฝ้าดูอยู่เงียบๆ จนกระทั่งแน่ใจว่าเขาหลับไปอย่างสงบแล้ว
ปลายฟ้าตื่นขึ้นมาก่อนฟ้าสางเล็กน้อย เธอเตรียมน้ำและยาแก้แฮงค์ไว้ให้ธีร์อย่างเงียบเชียบ เธอรู้สึกกังวลอย่างมากเกี่ยวกับสภาพจิตใจของเขา หลังจากการปะทุที่บ้านคุณเทวาและการดื่มหนักเมื่อคืน
เมื่อธีร์เดินออกมาจากห้องนอนใหญ่ในช่วงเช้าตรู่ ปลายฟ้าคาดหวังว่าจะเห็นความหงุดหงิดตามประสาคนแฮงค์ หรือสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา
แต่ธีร์กลับดู นิ่งกว่าปกติใบหน้าของเขายังคงมีร่องรอยความเหนื่อยล้าจากการดื่มหนัก และขอบตาดูคล้ำเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้แสดงอาการฉุนเฉียว ไม่ได้ทำตัวเป็นเด็กหนุ่มขี้รำคาญ
“กาแฟหน่อยครับ” เขาออกคำสั่งสั้นๆ
“เตรียมไว้แล้วค่ะคุณธีร์” ปลายฟ้าที่เตรียมกาแฟดำเข้มๆ ไว้ล่วงหน้าก็นำมาให้ตามคำสั่งของเจ้านายหนุ่ม
บรรยากาศในที่ทำงานยังคงเงียบสงบและเต็มไปด้วยความตึงเครียดที่ถูกควบคุม ธีร์ใช้เวลาช่วงเช้าทั้งหมดในการทำงานอย่างหนัก และปลายฟ้าก็จัดการทุกอย่างได้อย่างไร้ที่ติ
ช่วงบ่ายเป็นวาระสำคัญ การเซ็นสัญญาระยะยาวกับแบรนด์นาฬิกาหรู ‘อาร์เตอัส’ (Arteus) ซึ่งเป็นสัญญาที่มีมูลค่าสูงและเป็นหน้าเป็นตาของธีร์ในตลาดเอเชีย
ปลายฟ้าจัดเตรียมโต๊ะกาแฟในห้องนั่งเล่นให้เป็นสถานที่ลงนาม เธอจัดวางปากกาสลักชื่อ แฟ้มเอกสาร และน้ำดื่มอย่างเป็นระเบียบ เธอต้องแน่ใจว่าไม่มีอะไรจะทำให้ธีร์หงุดหงิดได้
“เอกสารสัญญาฉบับสุดท้ายเรียบร้อยแล้วนะคะคุณธีร์ ทุกจุดที่ปรึกษาคุณทนายไว้ก็แก้ไขแล้วค่ะ” เธอรายงานด้วยน้ำเสียงปกติ
“ดีครับ” เขาตอบสั้นๆ
ไม่นาน ทีมผู้บริหารของแบรนด์อาร์เตอัสและทนายความก็เดินทางมาถึง ธีร์ทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้มที่เป็นมืออาชีพและสง่างาม ไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้เลยว่าเขาเพิ่งผ่านพ้นคืนที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดจากการถูกทรยศมา
ปลายฟ้าทำหน้าที่อำนวยความสะดวกอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งเสิร์ฟเครื่องดื่มและดูแลให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่น เธอทำตัวให้กลืนไปกับฉากหลัง
การพูดคุยเริ่มต้นขึ้นอย่างราบรื่น พวกเขาชื่นชมผลงานการถ่ายแบบที่รีสอร์ตของธาม และกล่าวถึงอนาคตของแบรนด์
คุณธีร์ครับ ทางเราประทับใจมากจริงๆ ภาพถ่ายที่ 'ซีเคร็ต ฮาเวน' นั้นออกมาสมบูรณ์แบบมากครับ”
ในระหว่างที่ทนายกำลังตรวจสอบเอกสารฉบับสุดท้าย ผู้บริหารคนหนึ่งก็หันมาพูดคุยกับธีร์ด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“และเราก็ได้ยินข่าวจากวงในมาเล็กน้อยนะครับว่า คุณธามเพื่อนสนิทของคุณธีร์ก็ได้เข้ามาลงทุนในรีสอร์ตนี้อย่างจริงจังเลยใช่ไหมครับ”
ธีร์พยักหน้ารับคำอย่างใจเย็น
“เรามาเซ็นสัญญาให้เรียบร้อยกันดีกว่าครับ ผมมีนัดประชุมกับสิงคโปร์ต่อตอนบ่ายสามโมง”
ธีร์ตัดบทอย่างเด็ดขาด และหยิบปากกาขึ้นมาลงนามในสัญญา ปลายฟ้าถอนหายใจออกมาอย่างเงียบเชียบ
หลังจากทีมผู้บริหารของอาร์เตอัสเดินทางกลับไปแล้ว ธีร์ก็จมอยู่กับความเงียบงัน ปลายฟ้าเห็นร่องรอยความเจ็บปวดในแววตาของเขา และรู้ว่าการนั่งทำงานต่อใน ออฟฟิศ จะยิ่งทำให้เขาเก็บกดความรู้สึก
ปลายฟ้าตัดสินใจทำลายความเงียบ
“คุณธีร์คะ” เธอเรียกเขาเบาๆ “งานวันนี้เสร็จสิ้นแล้วนะคะ เอกสารทุกอย่างเข้าแฟ้มเรียบร้อยแล้วค่ะ” ธีร์พยักหน้า
“ฟ้าว่าเราออกไปข้างนอกกันสักหน่อยดีไหมคะ” เธอเสนอด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “แค่สักชั่วโมงก็ได้ค่ะ อากาศข้างนอกดีกว่าในห้องทำงานเยอะเลย”
ธีร์มองเธอด้วยสายตาที่สงสัยเล็กน้อยแต่เขาก็ยอมรับอย่างง่ายดาย
“ก็ได้ครับ”
ปลายฟ้าพาธีร์มาที่สวนสาธารณะขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในตัวเมือง แม้ธีร์จะดูไม่คุ้นชินกับการเดินเล่นในที่สาธารณะนัก แต่เขาก็ยอมเดินตามเธอไปอย่างเงียบๆ
ปลายฟ้าเดินตรงไปยังรถเข็นไอศกรีมสีสันสดใส เธอซื้อไอศกรีมโคนรสวานิลลาและช็อกโกแลตมาสองโคน แล้วยื่นโคนช็อกโกแลตให้กับธีร์
“ทานนี่ก่อนนะคะคุณธีร์”
ธีร์รับไอศกรีมมาอย่างงงๆ เขาไม่เคยคาดหวังว่าการมาสวนสาธารณะจะมีการ 'พักเบรก' แบบนี้
“คุณธีร์จำได้ไหมคะ ตอนที่คุณธีร์บาดเจ็บเพราะเรื่องของฟ้า ฟ้าเคยบอกว่าได้ตอบแทนการทำแผลให้คุณแล้ว”
“จำได้ครับ” ธีร์มองไอศกรีมในมือ
“แต่มีอีกเรื่องที่ฟ้ายังไม่ได้ตอบแทนค่ะ” ปลายฟ้าเดินนำเขาไปนั่งที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ “ตอบแทนที่คุณธีร์พาฟ้าไปที่ทะเลตอนนั้น” ปลายฟ้าหันมามองเขาอย่างจริงใจ
“ตอนนั้นคุณเสียเวลาไปกับเรื่องของฟ้าเยอะมาก วันนี้ฟ้าเลยอยากชดเชยให้บ้างค่ะ ถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่ได้ไปไกลเลย แต่มันก็ช่วยให้เราหลุดจากเรื่องเครียดๆ ได้นะคะ”
ธีร์มองปลายฟ้าที่กำลังนั่งทานไอศกรีมอย่างมีความสุข เขาตระหนักว่าปลายฟ้าไม่ได้พยายามจะ 'จีบ' หรือ 'เอาใจ' เขา แต่เธอเพียงแค่อยากให้เขาอารมณ์ดี การกระทำนี้บริสุทธิ์และไม่ได้ซ่อนเร้นความต้องการใดๆ
ธีร์ค่อยๆ ยกไอศกรีมโคนขึ้นชิม ความเย็นและความหวานของไอศกรีมสวนทางกับความร้อนระอุในใจเขาตั้งแต่เมื่อวาน
ใบหน้าของธีร์ค่อยๆ คลายความตึงเครียดลง รอยยิ้มแรกของวันก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา มันเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนและผ่อนคลายอย่างแท้จริง
“ขอบคุณครับ ปลายฟ้า” ธีร์หัวเราะในลำคอ
“นี่เป็นไอศกรีมที่แพงที่ผมเคยกินมาในชีวิตเลยครับ”
ปลายฟ้ารู้สึกโล่งใจอย่างที่สุด รอยยิ้มของธีร์ในสวนสาธารณะแห่งนี้ มีค่ามากกว่าการลงนามในสัญญาใดๆ ที่เขาเคยทำมา
“คุณนี่มีเรื่องให้ผมประหลาดใจได้ตลอดเลยนะครับ” เขารับถ้วยไอศกรีมมาถือไว้
“ขอบคุณครับ ปลายฟ้านี่เป็นรอยยิ้มแรกของผมในรอบยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยนะ”
ปลายฟ้ารู้สึกโล่งใจและอบอุ่นในใจ
“ฟ้าดีใจที่ทำให้คุณธีร์ยิ้มได้นะคะ”
การกระทำเล็กๆ น้อยๆ นี้ ช่วยเยียวยาความแตกสลายที่ซ่อนอยู่ภายในของธีร์ได้มากกว่าการเซ็นสัญญาหลายพันล้าน
หลังจากเหตุการณ์ที่สวนสาธารณะสาธารณะที่ปลายฟ้าพาธีร์ไปทานไอศกรีม สวนเล็กๆ ในอาณาเขตของคอนโดหรูที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวและมีระบบรักษาความปลอดภัยสูง ก็กลายเป็นสถานที่ที่ทั้งสองคนมักจะแวะเวียนไปนั่งเล่นบ่อยๆ
สวนแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่โตโอ่อ่า แต่เต็มไปด้วยต้นไม้ที่ถูกจัดแต่งอย่างพิถีพิถัน มีน้ำพุเล็กๆ และม้านั่งที่วางอยู่ภายใต้ร่มเงา ที่สำคัญที่สุดคือ แทบไม่มีใครเข้ามาใช้สวนนี้เลย ทำให้พวกเขาไม่ต้องกังวลว่าจะมีปาปารัสซี่แอบถ่าย หรือมีคนมาขัดจังหวะ
การไปนั่งเล่นในสวนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของพวกเขา มักจะเป็นช่วงเย็นหลังเลิกงาน ที่สวน... ธีร์ไม่ได้สวมมาดผู้บริหารที่จุกจิกอีกต่อไป เขาสวมแค่เสื้อยืดและกางเกงวอร์มสบายๆ และมักจะพาฟีนิกซ์ติดตัวไปด้วย แมวสฟิงซ์จะกระโดดไปมาอย่างสนุกสนานกับผีเสื้อที่บินว่อน
แต่มาวันนี้ ปลายฟ้าต้องมานั่งเล่นอยู่บนม้านั่งในสวนเพียงลำพัง เพราะธีร์บอกว่าเขามีธุระสำคัญที่ต้องจัดการเป็นการด่วน เธอหยิบสมุดบันทึกออกมาวาดภาพต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้าอย่างสบายใจ
ขณะที่เธอกำลังเพลิดเพลินกับการวาดภาพ จู่ๆ ก็มีเสียงร้องตกใจดังขึ้นไม่ไกล ปลายฟ้าเงยหน้าขึ้นก็เห็นร่างของชายชราคนหนึ่งกำลังเซถลา เพราะมีเด็กชายตัวเล็กวิ่งชนอย่างไม่ตั้งใจ
ปลายฟ้าทิ้งสมุดลงทันที เธอรีบวิ่งเข้าไปช่วยพยุงร่างของคุณตาเอาไว้ ด้วยความรวดเร็วและมั่นคง
“คุณตา! เป็นอะไรไหมคะ!” ปลายฟ้าถามอย่างร้อนรน ด้วยความห่วงใย เธอช่วยประคองคุณตามานั่งพักบนม้านั่งที่ว่างอยู่ใกล้ๆ
คุณตาคนนั้นแต่งตัวเรียบร้อยดูภูมิฐาน แต่ใบหน้าแสดงความเจ็บปวดเล็กน้อยจากการเซเมื่อครู่
“ขอบใจนะพ่อหนุ่ม เอ๊ย! พ่อหนุ่มที่ไหนกัน หนูเป็นผู้หญิงนี่นา” คุณตาพูดติดตลกเล็กน้อย
“คุณตาเจ็บตรงไหนไหมคะ? หนูจะพาไปห้องพยาบาลไหมคะ”
“โอ๊ย ไม่เป็นไรหรอกพ่อคุณ แค่เข่ามันเสื่อมตามวัยเท่านั้น” คุณตาส่ายมือปฏิเสธ ก่อนจะมองสำรวจใบหน้าของปลายฟ้าด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นและใจดีอย่างประหลาด
ปลายฟ้ายังคงเป็นห่วง “แล้วคุณตามากับใครคะ? มีใครมารับไหม หรือว่ากำลังรอใครอยู่”
คุณตาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มกว้างอย่างมีเลศนัย
“เรื่องของตามันไม่สำคัญหรอกหนู” คุณตาเอ่ย พลางมองสำรวจเธอตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเอ็นดู “ที่สำคัญที่สุด... คือหนูมีแฟนรึยังนี่สิ!”
คำถามที่มาแบบไม่ทันตั้งตัวนี้ทำให้ปลายฟ้าถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง ใบหน้าของเธอเห่อร้อนขึ้นมาทันที
คุณตานี่ถามแปลกจริงๆ!
“ถ้าอย่างนั้นหนูขอตัวกลับก่อนนะคะคุณตา” ปลายฟ้าเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพ เมื่อเห็นว่าแสงอาทิตย์เริ่มอ่อนลงมากแล้ว
คุณตายิ้มอย่างใจดี “มานั่งเล่นบ่อยไหมล่ะหนู ตาจะได้มานั่งเฝ้า เอ๊ย! มานั่งคุยด้วยอีก”
ปลายฟ้าหัวเราะเบาๆ “หนูมานั่งเล่นบ่อยค่ะคุณตา แต่คงไม่บ่อยเท่าคุณตามาวิ่งออกกำลังกายหรอกนะคะ” เธอตอบติดตลก ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วย่อตัวไหว้ลาคุณตาอย่างนอบน้อม
“ดี! ดีแล้ว! ตาจะมาหาหนูอีกนะ” คุณตาโบกมือให้เธออย่างกระตือรือร้น
ปลายฟ้าเดินออกจากสวนสาธารณะแล้วขับรถกลับไปยังคอนโดมิเนียมของธีร์ เมื่อเดินเข้ามาในห้องชุดที่เงียบสงบ เธอก็พบว่าธีร์กลับมาถึงแล้ว เขากำลังนั่งอยู่บนโซฟา มือถือรีโมตทีวีแต่ไม่ได้เปิด
“คุณธีร์! กลับมาแล้วเหรอคะ” ปลายฟ้าถอดรองเท้าอย่างรวดเร็ว “ไปธุระมาเหนื่อยไหมคะ กินอะไรมารึยัง...”
ยังไม่ทันที่ปลายฟ้าจะถามจบ เสียงประตูด้านหน้าห้องก็ถูกเปิดออกอย่างแรง ตามมาด้วยเสียงพูดคุยของใครบางคนที่ดังเจื้อยแจ้ว
“ไหน! พาฉันมาดูหลานชายบ้างานของฉันหน่อย! ฉันบอกแล้วว่าต้องพักผ่อนบ้าง!” เสียงทุ้มแหบแต่เต็มไปด้วยพลังงานดังเข้ามาในห้อง แล้วตามมาด้วยเสียงคุยกับใครบางคน
“ไม่เป็นไร ฉันหาหลานสะใภ้ให้มันได้แล้ว ต้องพาไอ้ธีร์ไปรู้จักให้ได้!” ปลายฟ้าเบิกตากว้าง เธอจำเสียงนั้นได้ทันที! เสียงของคุณตาจากสวนสาธารณะ!
ความตื่นตระหนกทำให้ปลายฟ้าคิดเพียงแค่จะรีบหลบเข้าไปในห้องนอนก่อนที่ผู้มาเยือนจะเห็น แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป
“อ้าว! ไอ้ธีร์แก!” คุณตาเดินนำเข้ามาในห้อง แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นปลายฟ้าที่กำลังยืนอยู่ตรงนั้น “นี่แกพาผู้หญิงมานอนอีกแล้วเหรอวะ! ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำตัวเหลวไหล!”
คุณตาชี้หน้าหลานชายอย่างไม่พอใจ ส่วนธีร์นั้นใบหน้าเคร่งเครียดทันทีเมื่อเห็นคุณตาเข้ามาในห้องโดยไม่บอกกล่าว
“คุณตา!” ธีร์ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าไม่พอใจ
คุณตาไม่สนใจธีร์ แต่กำลังหันไปมองปลายฟ้าเต็มๆ เพื่อจะดุหลานชายต่อว่าอย่าทำตัวมั่วซั่วกับผู้หญิงไปเรื่อย แต่เมื่อดวงตาของคุณตาสบเข้ากับดวงตาของปลายฟ้าอย่างชัดเจนในห้องที่สว่าง
“เอ้า!!! ยัยหนู!” คุณตาร้องเสียงหลง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจอย่างที่สุด
ปลายฟ้าเองก็ตกใจไม่แพ้กัน เธอไม่คิดว่าคุณตาใจดีที่เธอเจอในสวนจะคือ...
“คุณตา... หนูปลายฟ้าค่ะ” เธอตอบอย่างสับสน
คุณตาสลับมองระหว่างธีร์กับปลายฟ้า แล้วก็หัวเราะออกมาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง “เป็นไปได้ยังไง! ไอ้ธีร์! นี่แก... พาคนที่ฉันหมายตาไว้เป็นหลานสะใภ้มานอนในห้องก่อนที่ฉันจะแนะนำให้รู้จักเนี่ยนะ!”
สีหน้าของคุณตาตอนนี้เต็มไปด้วยความประหลาดใจ ผสมกับความตลก และความสับสนวุ่นวายใจอย่างถึงที่สุด ธีร์มองคุณตาของเขาด้วยสายตาที่พูดว่า ‘ผมไปพาแม่มาอีกคนได้ไหมครับ?’
คุณตาเปลี่ยนจากสีหน้าตกใจเป็นยิ้มกริ่มอย่างภูมิใจในสายตาที่เฉียบคมของตหลานชาย
ธีร์ถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยหน่าย เขาเดินเข้าไปประคองแขนคุณตาที่กำลังยืนเกะกะอยู่หน้าประตู แล้วพาไปนั่งที่โซฟา
“คุณตาครับ! นี่มันเรื่องบังเอิญนะครับ ปลายฟ้าเขาเป็นผู้ช่วยผม และเขาก็พักที่นี่” ธีร์รีบแก้ต่าง ก่อนจะหันไปทางปลายฟ้า
“ปลายฟ้าครับ นี่คุณตาของผมเอง คุณตามงคล”
ปลายฟ้ารีบยกมือไหว้คุณตาอย่างนอบน้อมอีกครั้ง
“สวัสดีค่ะคุณตา”
“อู้ย! ไม่ต้องไหว้ๆ” คุณตา มงคล รับไหว้ด้วยความยินดีอย่างเห็นได้ชัด
“ตาชื่อตามงคล จ้ะหนูปลายฟ้า ไม่น่าเชื่อ! ตั้งแต่ตาเห็นหนูที่สวนแล้ว ตาว่าหนูเป็นคนดี มีน้ำใจ เหมาะจะเป็นหลานสะใภ้ตาสุดๆ เลย! ดูสิ! ตาไม่ต้องเสียเวลาหาให้แกเลยไอ้ธีร์! ฮ่าๆ”
คุณตามงคลหันไปตบขาธีร์ดังปุๆ ด้วยความดีใจอย่างออกนอกหน้า ธีร์กุมขมับ
“คุณตาครับ! เรื่องมันไม่ใช่อย่างที่คุณตาคิดนะครับ!” คุณตามงคลไม่สนใจหลานชาย เขาหันมาจับมือปลายฟ้าไว้แน่น
“หนูปลายฟ้า ตาดีใจมากนะที่หนูอยู่กับไอ้ธีร์! ตานั่งเหงาอยู่ที่บ้านมานาน ไม่รู้ว่าหลานชายตัวดีมาซ่อนสาวน่ารักไว้ที่นี่!”
“อ้าว! มาแล้วเหรอปลายฟ้า!” นวลจันทร์ส่งเสียงทักอย่างดีใจ แต่สำหรับปลายฟ้าแล้วภาพตรงหน้าคือภาพฝันร้ายที่กลับมาเยือนโอมยิ้มกว้างอย่างเจ้าเล่ห์ เขาไม่ได้ดูสำนึกผิดเลยแม้แต่น้อย แต่กลับดูดีใจที่ได้เจอเธอปลายฟ้าเดินเข้าไปนั่งลงตรงข้ามพวกเขาด้วยสีหน้าเย็นชา“ทำไมไม่รับสายไม่ตอบข้อความพี่เขาเลย!” นวลจันทร์เริ่มต้นตำหนิเธออย่างรวดเร็ว โดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดอะไร“จนโอมเขาต้องไปหาแม่ที่บ้าน! ทำอะไรหัดโตได้แล้วนะปลายฟ้า!”คำพูดตำหนิของแม่ราวกับมีคนมาบีบคั้นสมองของปลายฟ้าให้แน่น เธอเริ่มรู้สึกหูอื้อ ภาพตรงหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย ความรู้สึกหวาดกลัวและคลื่นไส้ปั่นป่วนอยู่ในท้อง“พี่เขามาหาแกด้วยความหวังดี เขารักแกจะตาย” นวลจันทร์พูดต่อโดยไม่สนใจสีหน้าของลูกสาว“ปลายฟ้า พี่อุตส่าห์มาหาถึงที่นี่นะ” โอมเสริมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนจนน่าขยะแขยง“รู้ไหมว่าพี่คิดถึงปลายฟ้ามากแค่ไหน”ความกดดันจากแม่และโอมที่ประดังเข้ามาพร้อมกัน ทำให้ปลายฟ้าแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ หัวของเธอเหมือนโดนบีบแน่น และความรู้สึกอยากอาเจียนก็แล่นขึ้นมาปลายฟ้าพยายามรวบรวมสติทั้งหมดไว้ และเปล่งเสียงออกมาเบาที่สุด เสียงที่สั่นเครือแต่
ปลายฟ้าหน้าซีดเผือด เธอเข้าใจในทันทีว่า ธีร์ ไม่ได้แค่ขอร้อง แต่กำลังใช้สถานการณ์นี้บีบบังคับเธอ เธอไม่สามารถเป็นต้นเหตุให้บริษัทต้องเสียหายได้ เธอพยักหน้าอย่างช้า ๆ ด้วยใบหน้าที่จำนนต่ออำนาจและความต้องการของเขาสุดท้ายธีร์ก็กดดันให้ปลายฟ้าถ่ายแบบจนได้ ธีร์คลี่ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ แต่รอยยิ้มนั้นไม่ได้แสดงความอ่อนโยนเลยแม้แต่น้อย เขามองไปที่ช่างภาพ“โอเคครับ ทีมงาน!” ธีร์ประกาศเสียงดัง “นางแบบคนใหม่ของเราคือคุณปลายฟ้า เตรียมเปลี่ยนชุดและแต่งหน้าทำผมให้เธอเดี๋ยวนี้! เราจะเริ่มถ่ายทำภายในสิบห้านาที”ธีร์ปล่อยให้ปลายฟ้ายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ก่อนจะเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง ทิ้งให้ปลายฟ้ารับรู้ว่าเกมนี้เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะชนะเขาได้เลยหลังจากที่ปลายฟ้าได้รับการแปลงโฉมและกลับมาพร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจ ธีร์ ก็ตัดสินใจที่จะเข้าร่วมถ่ายแบบคู่กับเธอในทันทีปลายฟ้าถูกพาตัวมาพักหลังจากถ่ายแบบเดี่ยวเสร็จ ก่อนจะเริ่มถ่ายคู่กับธีร์ เธอเห็นตัวเองในกระจก... ใบหน้าที่สวยสง่าและเปี่ยมด้วยพลังอำนาจ แต่ดวงตาของเธอยังคงมีความไม่พอใจและกังวลอย่างชัดเจนธีร์ดูปลายฟ้าที่กำลังแต่งหน้า เขานั่งอยู่บ
ปลายฟ้าและธีร์นั่งอยู่ในห้องประชุมขนาดใหญ่ที่มีเครื่องปรับอากาศเย็นเฉียบ พวกเขากำลังจัดการประชุมคัดเลือกนางแบบสำหรับแบรนด์เครื่องสำอางและเสื้อผ้าไลน์ใหม่ของบริษัทชื่อว่า Zenithปลายฟ้าสวมชุดทำงานที่ดูเนี้ยบและเป็นทางการ เธอรักษาระยะห่างจากธีร์อย่างเคร่งครัด หลังจากเหตุการณ์ในคอนโด แม้ธีร์จะเข้าใจความรู้สึกของเธอแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นอีก และปลายฟ้าเองก็ยังคงอยู่ในโหมด 'มืออาชีพที่เย็นชา'เบื้องหน้าของธีร์คือโต๊ะที่เต็มไปด้วยแฟ้มประวัตินางแบบหลายสิบคน ธีร์เป็นผู้นำในการคัดเลือกทั้งหมดเพราะโจทย์คือต้องหานางแบบที่มีภาพลักษณ์แข็งแกร่งและดูดีพอที่เหมาะกับงานและคู่กับนายแบบอย่างเขาปลายฟ้าเป็นผู้เรียกชื่อนางแบบทีละคน เธอถือคลิปบอร์ดไว้แน่น พยายามไม่สบตากับธีร์“คนต่อไปค่ะ คุณลินนา มณีรัตน์” ปลายฟ้าประกาศเสียงเรียบประตูเปิดออก ลินนา ก้าวเข้ามาด้วยความมั่นใจ เธอเป็นนางแบบสาวสวยที่มีใบหน้าคมกริบ การแต่งกายและรอยยิ้มของเธอดูไร้ที่ติและมีความทะเยอทะยานสูง“สวัสดีค่ะคุณธีร์ สวัสดีค่ะทีมงาน” ลินนากล่าวด้วยน้ำเสียงที่พยายามดัดให้หวานกว่าปกติลินนาเริ่มแสดงท่าทางโพสตามที่ทีมงานต้องกา
ข้อความที่ถูกส่งมาโดยตรงระบุชัดเจน "ฉันคือเจ้าของของปริ๊นเซสค่ะ"ใจของปลายฟ้าหล่นวูบ ปลายฟ้ารู้สึกใจหายมากๆ ราวกับหัวใจถูกบีบอัดจนหายใจไม่ออก เธอเคยคิดว่าเรื่องนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้น หรืออย่างน้อยก็คงไม่เกิดขึ้นเร็วขนาดนี้ เพราะธีร์เองก็ผูกพันกับเจ้าแมวน้อยตัวนี้ไปแล้วปลายฟ้าอ่านข้อความซ้ำหลายครั้ง เจ้าของตัวจริงให้รายละเอียดของแมวได้อย่างถูกต้องทุกประการ รวมถึงประวัติการรักษาและเครื่องหมายพิเศษที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน การโกหกหรือการเข้าใจผิดจึงเป็นไปไม่ได้เธอเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่นอย่างช้า ๆ ธีร์ยังคงนั่งทำงานอยู่บนโซฟา โดยมีปริ๊นเซสนอนหลับอย่างสบายอยู่บนตักของเขา“คุณธีร์คะ” ปลายฟ้าเอ่ยเรียกเสียงสั่นธีร์เงยหน้าขึ้นมองเธออย่างแปลกใจเมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือดของปลายฟ้า เธอชูโทรศัพท์ให้เขาดูข้อความนั้น ธีร์ก้มลงอ่าน ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปเป็นความตกใจและเศร้าสร้อยเช่นกัน“เขา... เขานัดเจอที่ไหนครับ” ธีร์ถามเสียงแผ่ว พลางลูบหัวปริ๊นเซสอย่างอ่อนโยน ราวกับเป็นการบอกลาล่วงหน้า“ที่สวนสาธารณะ ตรงข้ามกับคอนโดฯ ค่ะ เขาอยากเจอน้อง แล้วก็อยากจะคุยเรื่องรับน้องกลับ”ปลายฟ้ารู้ว่าถึงเวลาที่ต
ปลายฟ้าซบหน้าเข้ากับแผงอกที่เปลือยเปล่าของธีร์อย่างเต็มใจ เธอได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นอย่างช้า ๆ และสม่ำเสมอ เป็นจังหวะที่ช่วยปลอบประโลมจิตใจของเธอได้เป็นอย่างดีในอ้อมกอดที่แน่นหนานี้ปลายฟ้าไม่ได้รู้สึกว่าเธอกำลังนอนอยู่กับเจ้านายที่เย็นชา แต่เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องการเพียงความรักและการปลอบโยนเท่านั้นความเงียบปกคลุมทั่วห้อง ปลายฟ้าหลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย ขณะที่ธีร์ก็หลับตาลงอย่างเจ็บปวด โดยหวังว่าเมื่อตื่นขึ้นมา แสงสว่างจากวันใหม่จะช่วยพาเขากลับไปยังจุดที่เขาทิ้งรอยยิ้มที่หายไปไว้เบื้องหลังได้แสงแดดยามเช้าลอดผ่านม่านทึบเข้ามาได้เพียงน้อยนิด ทว่าเพียงพอที่จะทำให้ปลายฟ้าค่อย ๆ ลืมตาตื่นจากห้วงนิทราที่แสนเหนื่อยล้า ปลายฟ้าตื่นขึ้นมาก็สบตาเข้ากับดวงตาคมเข้ม ที่อยู่ห่างออกไปเพียงคืบดวงตาคู่นั้นกำลังจ้องมองเธออยู่ อย่างเงียบงันธีร์ตื่นได้สักพักแล้วเขาไม่ได้ขยับตัว เพียงแค่นอนมองใบหน้าของคนในอ้อมแขนมาเนิ่นนาน เขามองคนตัวเล็กตรงหน้าอย่างละเอียดถี่ถ้วนขนตาของปลายฟ้ายาวหนา เป็นแพสวยงามจมูกเล็กๆ ที่ดูดื้อรั้น รับกับปากอวบอิ่มที่เขาเคยประทับ รสชาติหวานละมุนนั้นยังคงติดอยู่ในความทรงจำลึกๆ ขอ
“ฉันต้องขอโทษแทนคุณเทวาด้วยนะคะ” อรัญญากล่าวอย่างรู้สึกผิด “ฉันรู้สึกผิดกับธีร์ และฉันเหนื่อยมาก ๆ เลย ค่ะ”อรัญญาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอย่างอ่อนล้า“ฉันเข้ามาเป็นเมียน้อยในตอนแรก และยอมทนอยู่เพื่อรอให้ แม่ของธีร์เสีย ไป ก่อนที่ฉันจะได้ขึ้นมาเป็นคุณนายที่ถูกต้อง”คำสารภาพของอรัญญาดังก้องอยู่ในความเงียบงันของศาลาริมน้ำ กลิ่นหอมของดอกไม้ดูเหมือนจะเจือด้วยความขมขื่น ปลายฟ้านิ่งงันไป น้ำเสียงของอรัญญาไม่แสดงความรู้สึกผิดบาป แต่เป็นความเหนื่อยล้าจนถึงที่สุด ราวกับว่าการพูดความจริงออกมาเป็นภาระหนักอึ้งที่เธอแบกมานานปลายฟ้าจ้องมองใบหน้าของอรัญญาที่เงยขึ้นมองท้องฟ้าอย่างอ่อนล้า ใบหน้าที่มีร่องรอยความงามสง่า แต่ก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้ฉากหน้าของ 'คุณนาย'“คุณ คุณอรัญญา” ปลายฟ้าเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา เธอไม่รู้ว่าควรจะปลอบใจหรือควรจะถามคำถามใดออกไปอรัญญาค่อย ๆ ก้มหน้าลงมองมือของตัวเองที่ประสานกันบนตัก เธอพยายามควบคุมน้ำเสียงให้มั่นคง “ใช่ค่ะ ฉันอยากจะโกหกคุณ แต่ฉันเลือกที่จะบอกความจริง เพราะฉันรู้ว่าคุณเป็นคนเดียวที่จะเข้าใจความรู้สึกของธีร์”“การเป็น 'คุณนาย' ไม่ได้สวยง







