LOGINข้อความที่ถูกส่งมาโดยตรงระบุชัดเจน "ฉันคือเจ้าของของปริ๊นเซสค่ะ"
ใจของปลายฟ้าหล่นวูบ ปลายฟ้ารู้สึกใจหายมากๆ ราวกับหัวใจถูกบีบอัดจนหายใจไม่ออก เธอเคยคิดว่าเรื่องนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้น หรืออย่างน้อยก็คงไม่เกิดขึ้นเร็วขนาดนี้ เพราะธีร์เองก็ผูกพันกับเจ้าแมวน้อยตัวนี้ไปแล้ว
ปลายฟ้าอ่านข้อความซ้ำหลายครั้ง เจ้าของตัวจริงให้รายละเอียดของแมวได้อย่างถูกต้องทุกประการ รวมถึงประวัติการรักษาและเครื่องหมายพิเศษที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน การโกหกหรือการเข้าใจผิดจึงเป็นไปไม่ได้
เธอเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่นอย่างช้า ๆ ธีร์ยังคงนั่งทำงานอยู่บนโซฟา โดยมีปริ๊นเซสนอนหลับอย่างสบายอยู่บนตักของเขา
“คุณธีร์คะ” ปลายฟ้าเอ่ยเรียกเสียงสั่น
ธีร์เงยหน้าขึ้นมองเธออย่างแปลกใจเมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือดของปลายฟ้า เธอชูโทรศัพท์ให้เขาดูข้อความนั้น ธีร์ก้มลงอ่าน ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปเป็นความตกใจและเศร้าสร้อยเช่นกัน
“เขา... เขานัดเจอที่ไหนครับ” ธีร์ถามเสียงแผ่ว พลางลูบหัวปริ๊นเซสอย่างอ่อนโยน ราวกับเป็นการบอกลาล่วงหน้า
“ที่สวนสาธารณะ ตรงข้ามกับคอนโดฯ ค่ะ เขาอยากเจอน้อง แล้วก็อยากจะคุยเรื่องรับน้องกลับ”
ปลายฟ้ารู้ว่าถึงเวลาที่ต้องทำใจ เธอเดินไปหยิบ ตระกร้า ใส่สัตว์เลี้ยงอย่างเงียบ ๆ เธอพาเจ้าหญิงน้อยใส่ตระกร้า โดยมีธีร์ช่วยประคองแมวน้อยลงไปอย่างระมัดระวัง
“ผมไปด้วย” ธีร์บอกเสียงหนักแน่น เขาลุกขึ้นยืนทันที
“ไม่เป็นไรค่ะ” ปลายฟ้ายื่นมือไปแตะที่แขนเขา “จัดการเรื่องนี้คนเดียวดีกว่าค่ะ”
ธีร์พยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่ดวงตาของเขายังคงเต็มไปด้วยความเสียใจ เขาทำได้เพียงจ้องมองแมวตัวโปรดที่กำลังจะถูกพรากไป
ปลายฟ้าหิ้วตะกร้าที่มี ปริ๊นเซส อยู่ด้านใน ไปนัดเจอเจ้าของที่สวนสาธารณะ หัวใจของเธอหนักอึ้งกับภารกิจที่ต้องทำ ส่งมอบ 'เจ้าหญิงน้อย' ที่เธอและธีร์ผูกพันด้วยความรักกลับไปสู่เจ้าของที่แท้จริง
ปลายฟ้าเดินหิ้วตะกร้าใส่ ปริ๊นเซส เข้าไปในบริเวณสวนสาธารณะที่ร่มรื่นภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ เธอเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ เธอมาถึงก่อนเวลานัดเล็กน้อย
ไม่นานนัก หญิงสาวคนหนึ่งในชุดลำลอง ดูเรียบร้อยและมีใบหน้าอ่อนโยนก็เดินเข้ามาหาเธอ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหวังและความตื้นตันใจ
“คุณปลายฟ้าใช่ไหมคะ” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดีใจ
“ใช่ค่ะ” ปลายฟ้าตอบเสียงสั่น “คุณคือเจ้าของของน้อง ปริ๊นเซส ใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ! ชื่อ เอมอร ค่ะ” เอมอรทรุดตัวลงนั่งข้างตะกร้าทันที เธอเปิดฝาตะกร้าออกอย่างระมัดระวัง เมื่อ ปริ๊นเซส เห็นเธอ ก็ร้องเหมียวเบา ๆ และขยับตัวเข้าหาอย่างคุ้นเคย
น้ำตาของเอมอรรื้นขึ้นมาทันที “ขอบคุณพระเจ้าซันนี่ จริง ๆ ด้วย! ฉันตามหาลูกมานานมาก คิดว่าจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว”
ปลายฟ้ารู้สึกใจหาย เมื่อเห็นว่าแมวผูกพันกับเจ้าของเดิมมากเพียงใด แต่ก็รู้สึกโล่งใจที่มันไม่ได้ถูกทอดทิ้ง
“ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราดูแลน้องอย่างดีมาตลอด” ปลายฟ้ากล่าว
เอมอรเงยหน้าขึ้นมองปลายฟ้าด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ “ฉันต้องขอบคุณคุณมาก ๆ เลยนะคะ ที่ดูแลลูกสาวของฉันอย่างดี... ฉันเห็นรูปที่พวกคุณลงประกาศไว้ น้องดูอ้วนขึ้นและมีความสุขมากจริง ๆ ค่ะ”
เอมอรเริ่มเล่าว่าเธอทำปริ๊นเซสหายไประหว่างย้ายบ้าน และต้องใช้เวลานานในการย้ายกลับมาที่กรุงเทพฯ เพื่อตามหา
“ฉันเข้าใจว่าคุณธีร์คงผูกพันกับน้องมาก” เอมอรพูดอย่างเห็นใจ “ฉันเห็นจากโพสต์ตามหาแล้ว... น้องปริ๊นเซสเป็นแมวที่น่ารักมากจริง ๆ ค่ะ”
ปลายฟ้าก้มหน้าลงซ่อนความเศร้า “ค่ะ... คุณธีร์ รัก ปริ๊นเซส มาก และ ฟินิกซ์ ก็ผูกพันกับน้องไปแล้วด้วย”
“ฉันเสียใจนะคะ แต่ฉันอยู่กับน้องมาตั้งแต่เล็ก ๆ แล้ว... ชีวิตของฉันขาดเขาไม่ได้จริง ๆ ค่ะ” เอมอรกล่าวอย่างหนักแน่น เธออุ้มปริ๊นเซสออกจากตะกร้า แล้วกอดไว้แน่นเพื่อเป็นการยืนยัน เธอจึงยืนยันที่จะรับแมวกลับไป
ปลายฟ้าพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ฉันเข้าใจค่ะปริ๊นเซสโชคดีมากที่มีคุณเป็นเจ้าของ”
ปลายฟ้าส่งมอบของใช้และของเล่นทั้งหมดที่ซื้อให้ปริ๊นเซสคืนให้เอมอร รวมถึงปลอกคอใหม่ที่เธอเพิ่งซื้อให้เมื่อวานเป็นการบอกลา
เมื่อเอมอรเดินจากไปพร้อมกับ ปริ๊นเซส ในอ้อมแขน ปลายฟ้าทรุดตัวลงนั่งบนม้านั่งในสวนสาธารณะ ความเศร้าเข้าจู่โจมเธออย่างกะทันหัน เธอรู้ว่าการจากลาครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อ ธีร์ มากแค่ไหน เพราะ ปริ๊นเซส เป็นมากกว่าแมว แต่มันคือสัญลักษณ์แห่งความสงบที่เพิ่งกลับมาในชีวิตเขา
ปลายฟ้าเดินกลับมาที่เพนเฮ้าส์อย่างเชื่องช้า ตะกร้าใส่สัตว์เลี้ยงในมือดูเบาโหวงเหวงผิดปกติ ปริ๊นเซสหายไปแล้ว มันกลับไปอยู่ในอ้อมกอดของเอมอร และหายไปจากชีวิตประจำวันของพวกเขา
เธอพยายามสูดหายใจลึกหลายครั้ง ปลายฟ้าพยายามทำตัวให้เข้มแข็ง ตั้งแต่เริ่มเดินออกจากสวนสาธารณะ เธอรู้ว่าเธอต้องเป็นเสาหลักทางอารมณ์ในสถานการณ์นี้ เพราะธีร์กำลังเจ็บปวดจากการสูญเสียความรู้สึกดี ๆ ที่เพิ่งได้รับกลับมาอีกครั้ง
เมื่อปลายฟ้าเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น ธีร์นั่งอยู่บนโซฟาตัวเดิม แต่ท่าทางของเขาดูแตกต่างออกไป เขาไม่ได้เล่นเกม เขาไม่ได้ทำงาน เจ้าฟินิกซ์ แมวเบงกอลกำลังเดินวนเวียนอยู่ที่เท้าของธีร์อย่างสับสน ราวกับกำลังมองหาเพื่อนตัวน้อยที่หายไป
“กลับมาแล้วเหรอครับ” ธีร์เอ่ยถามเสียงแผ่ว ใบหน้าของเขาเรียบเฉยอย่างที่สุด เหมือนกับกำลังปกปิดความรู้สึกที่ปวดร้าวไว้ภายใน
ปลายฟ้าวางตะกร้าเปล่าลงข้างประตูอย่างระมัดระวัง เธอไม่แสดงความเศร้าออกมาต่อหน้าธีร์ เธอพยายามปั้นสีหน้าให้เป็นกลางที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ค่ะ เรียบร้อยแล้ว” ปลายฟ้าเดินเข้าไปหาธีร์ “เจ้าของน้องน่ารักมากค่ะ เขาชื่อเอมอร เป็นคนดีมาก เขาผูกพันกับน้องตั้งแต่เด็กจริง ๆ ค่ะ”
ปลายฟ้ายื่นมือถือให้ธีร์ดูรูปที่เธอถ่ายไว้ก่อนหน้านี้ “น้องปลอดภัยดีนะคะ... ปริ๊นเซส รักเจ้าของของเขามากจริง ๆ”
ธีร์มองภาพแมวตัวโปรดในจอโทรศัพท์ของปลายฟ้าอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะรับโทรศัพท์ไปถือไว้
“ดีแล้วครับ” ธีร์ตอบสั้น ๆ ก่อนจะลูบเจ้าฟินิกซ์ที่กำลังเอาหัวมาถูไถขาเขาอย่างต้องการความสนใจ ฟินิกซ์ส่งเสียงร้องเหมียวอย่างผิดปกติ
“เราเหลือแค่เจ้าตัวยุ่งนี่แล้วสินะ” ธีร์พูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้ติดตลก
ปลายฟ้ารู้ดีว่าธีร์กำลังแสดงความเข้มแข็งออกมาเช่นกัน เพื่อไม่ให้เธอรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้ ความเงียบระหว่างคนทั้งสองกลับมาอีกครั้ง เป็นความเงียบที่เต็มไปด้วยความเข้าใจและการปลอบโยนที่ถูกระงับไว้
ปลายฟ้าตัดสินใจเดินไปที่ห้องครัว เพื่อทำหน้าที่ของเธอต่อไป การเตรียมอาหารเที่ยง เพื่อดึงตัวเองและเขาออกจากความรู้สึกสูญเสียนี้
ปลายฟ้ากำลังจะเดินเข้าครัว แต่ธีร์ก็เอ่ยขึ้นจากด้านหลัง
“ปลายฟ้าครับ” ธีร์บอกว่ามื้อเที่ยงวันนี้ไม่ต้องทำแล้ว เขาลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ “เราไปหาร้านกินด้านนอกกันดีกว่า”
ปลายฟ้าหันมามองเขาอย่างประหลาดใจ การออกไปทานอาหารนอกบ้านในวันหยุดถือเป็นเรื่องที่ไม่ปกติสำหรับธีร์ แต่เธอก็พยักหน้าอย่างยินดี เพราะเธอเองก็ไม่อยากอยู่ท่ามกลางความเงียบงันที่ไร้ ปริ๊นเซส
“เดี๋ยวผมจัดการเจ้าตัวยุ่งนี่ก่อน” ธีร์เอาเจ้าฟินิกซ์ไปด้วย เขาเดินไปหยิบสายจูงมาคล้องคอเจ้าแมวเบงกอลอย่างเบามือ
ร่างสูงรอปลายฟ้าแต่งตัว เขานั่งลงบนโซฟาอย่างใจเย็น โดยมี ฟินิกซ์ นั่งอยู่บนตักและส่งเสียงครางเบาๆ ปลายฟ้าใช้เวลาไม่นานนักในการเปลี่ยนชุด
เมื่อเดินออกมา เธอใส่ชุดเดรสสีขาว ยาวเกือบถึงข้อเท้า เป็นชุดที่ดูเรียบร้อยแต่ก็ขับผิวขาวของเธอให้ดูโดดเด่น ผมยาววันนี้ถูกถักเป็นเปีย อย่างง่าย ๆ ใบหน้าหวานแต่งหน้าอ่อน ๆ อย่างพิถีพิถัน เพื่อปกปิดดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำตา เธอพยายามควบคุมตัวเอง เธอพยายามไม่ร้องไห้ เพราะไม่อยากให้ธีร์กังวลไปมากกว่านี้
ธีร์มองปลายฟ้าอย่างชื่นชม เขาไม่พูดอะไร แต่เดินนำเธอไปที่รถ
ธีร์พาขับรถออกมาไกลพอสมควร ออกมาแถวชานเมือง ที่ไม่พลุกพล่านนัก พวกเขามาถึงร้านอาหารที่ดูอบอุ่นและเป็นกันเอง
ร้านนั้นเป็น ร้านอาหารออร์แกนิก อาหารราคาไม่แพง บรรยากาศเงียบสงบ ร้านตกแต่งฟีลเหมือนเรามาทานอาหารกับคุณแม่ที่บ้าน มีสวนผักเล็ก ๆ ล้อมรอบและมีพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ
ธีร์เดินเข้าไปในร้านพร้อมกับ ฟินิกซ์ ในอ้อมแขน เขายิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าปลายฟ้าชอบสถานที่นี้
“ผมว่าที่นี่น่าจะเหมาะกับเราสองคนตอนนี้” ธีร์พูดพร้อมกับเลือกโต๊ะที่นั่งสบายที่สุด “คุณจะได้พักผ่อนจากเรื่องวุ่นวายทั้งหมดด้วย”
ธีร์ นั่งลงตรงข้ามกับปลายฟ้า ท่าทางของเขายังคงระมัดระวังตัว ธีร์ใส่แว่นกันแดด และสวม หมวกปิดใบหน้าหล่อ ของเขาไว้เกือบทั้งหมด เพราะหลังจากที่เป็นข่าวไป เขาก็ปกปิดตัวเองมากขึ้น ปลายฟ้าเข้าใจดีว่าการเป็นบุคคลสาธารณะต้องแลกมาด้วยความเป็นส่วนตัวขนาดไหน
หลังจากที่พนักงานนำน้ำมาเสิร์ฟและรับออเดอร์จากธีร์เรียบร้อยแล้ว ปลายฟ้าก็เป็นฝ่ายสั่งอาหารของเธอ
เธอสั่งสลัดอะโวคาโด สเต็กแซลมอน และเต้าหู้ทอด เป็นเมนูที่ดูเรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยโภชนาการ
ในขณะที่รออาหาร ฟินิกซ์ ถูกปล่อยให้เดินเล่นอยู่ใต้โต๊ะอย่างสงบเรียบร้อย ธีร์ถอดแว่นกันแดดออกเมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจพวกเขา
“ขอบคุณนะครับปลายฟ้า” ธีร์เอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง “ขอบคุณที่คุณช่วยจัดการเรื่อง ปริ๊นเซส ให้ผม คุณทำได้ดีกว่าที่ผมจะทำเองเสียอีก”
ปลายฟ้าส่ายหน้าช้า ๆ เธอพยายามไม่ร้องไห้ และมองลึกเข้าไปในดวงตาที่อ่อนล้าของธีร์
“ฉันเสียใจด้วยนะคะ คุณธีร์... ฉันรู้ว่าคุณผูกพันกับน้องมาก” ปลายฟ้ากล่าว เธอให้กำลังใจธีร์ ด้วยคำพูดที่เรียบง่ายแต่หนักแน่น
“แต่มันก็ดีแล้วค่ะที่ ปริ๊นเซส ได้กลับบ้านของเขาจริง ๆ”
ธีร์ยิ้มอย่างขมขื่น “ผมแค่ไม่ชอบการจากลา” เขาหยุดไปครู่หนึ่ง
“ทุกครั้งที่ผมเริ่มมีความรู้สึกดี ๆ กับอะไรบางอย่าง มันเหมือนว่าสิ่งนั้นจะถูกพรากไปจากผมเสมอ”
ปลายฟ้าเข้าใจว่าธีร์ไม่ได้พูดถึงแค่แมว แต่เขากำลังพูดถึงแม่ของเขา และความรู้สึกดี ๆ ที่เขาเคยมีต่ออรัญญา
“ไม่ใช่ทุกสิ่งหรอกค่ะที่ถูกพรากไป” ปลายฟ้าตอบอย่างอ่อนโยน เธอเอื้อมมือไปแตะมือของธีร์ที่วางอยู่บนโต๊ะเบา ๆ
“บางสิ่งก็แค่ต้องเปลี่ยนที่... แต่ความทรงจำที่ดีจะยังอยู่กับคุณเสมอค่ะ”
ธีร์มองมือเล็ก ๆ ที่แตะมือเขาอย่างแผ่วเบา รอยยิ้มเศร้า ๆ ค่อย ๆ จางหายไปแทนที่ด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น
“ขอบคุณนะครับ... คุณปลอบใจคนเก่งขึ้นมากจริง ๆ”
หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ ทั้งธีร์และปลายฟ้าก็ตัดสินใจที่จะยังไม่กลับเข้าเพนเฮ้าส์ทันที ทั้งสองก็ไปเดินเล่นต่อที่บึง น้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้กับร้านอาหาร
อากาศในยามบ่ายเย็นสบายและบริสุทธิ์กว่าในเมืองมาก ทั้งสองนั่งสูดอากาศสงบ ๆ อยู่บนม้านั่งไม้เก่า ๆ ริมบึง เจ้าฟินิกซ์ ถูกปล่อยให้เดินเล่นบนพื้นหญ้าที่ปกคลุมด้วยร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ มันส่งเสียงครางเบา ๆ อย่างพอใจกับอิสระที่ได้รับ
ธีร์เอนหลังพิงพนักม้านั่ง และถอดหมวกกับแว่นกันแดดออกอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้เขาไม่ได้สนใจการอำพรางตัวอีกแล้ว เขามองออกไปยังผิวน้ำที่สะท้อนท้องฟ้าสีคราม
“แปลกจัง”
ธีร์บอกว่าเมื่อก่อนเขาไม่เคยรู้สึกว่าจะต้องมานั่งมองธรรมชาติแบบนี้เลย
“ผมเคยคิดว่ามันเสียเวลา ทุกอย่างต้องถูกจัดการและวางแผน... ผมไม่เคยใช้เวลาทำอะไรที่มัน ‘ไร้ประโยชน์’ แบบนี้มาก่อน”
ปลายฟ้ายิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำสารภาพที่ตรงไปตรงมาของเจ้านาย
“ก็เป็นอย่างนั้นแหละค่ะ” ปลายฟ้าบอกว่าเวลาที่ปลายฟ้าไม่สบายปกติจะชอบมานั่งมองน้ำมองต้นไม้
“มันทำให้รู้สึกสงบ และหายเหนื่อย... เหมือนโลกภายนอกที่วุ่นวายมันเข้ามาถึงเราไม่ได้”
“ตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจแล้ว” ธีร์กล่าว เขาหันมามองใบหน้าอ่อนหวานของปลายฟ้า “คุณเป็นเหมือนบึงน้ำนี่แหละ มองแล้วรู้สึกสงบ ทั้งที่รอบ ๆ ตัวผมมีแต่เรื่องที่ทำให้เหนื่อยล้า”
ปลายฟ้าหน้าแดงเล็กน้อยกับคำพูดเปรียบเทียบที่อ่อนโยนของธีร์ เธอพยายามเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้สถานการณ์โรแมนติกเกินไป
“ดูสิคะ ฟินิกซ์ กำลังไล่จับแมลงอะไรก็ไม่รู้” ปลายฟ้าชี้ไปที่แมวเบงกอลที่กำลังวิ่งซน
ธีร์มองตามไปด้วยรอยยิ้มที่แท้จริง เขาไม่เคยคิดว่าชีวิตของเขาจะผ่อนคลายได้ถึงเพียงนี้ ตั้งแต่มีปลายฟ้าเข้ามา ทุกความเครียดในชีวิตดูเหมือนจะเบาบางลงไปอย่างน่าประหลาด
แต่ในขณะที่ทั้งสองกำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศที่เงียบสงบอยู่นั้น...
ในพุ่มไม้หนาทึบที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่สิบเมตร เลนส์กล้องของช่างภาพคนหนึ่งได้จับภาพช่วงเวลาที่ธีร์มองปลายฟ้าด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึก รวมถึงภาพที่พวกเขานั่งใกล้ชิดกันในอิริยาบถที่ผ่อนคลายที่สุด มีคนแอบถ่ายธีร์กับปลายฟ้าไปกินด้วยกัน และกำลังเดินเล่นอย่างใกล้ชิด
ช่างภาพกดชัตเตอร์รัว ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าได้หลักฐานที่ชัดเจนที่สุด ก่อนจะรีบถอยห่างออกไปอย่างเงียบเชียบ ราวกับเงาที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
ธีร์และปลายฟ้านั่งสูดอากาศบริสุทธิ์ริมบึงน้ำอยู่อีกพักใหญ่ เจ้าฟินิกซ์ ก็เดินกลับมาที่เท้าของเจ้านายอย่างเชื่อฟัง มันนอนลงอย่างสบายอารมณ์ แสดงให้เห็นว่ามันมีความสุขกับวันพักผ่อนนี้ไม่แพ้กัน
“ดีจังเลยนะครับ” ธีร์กล่าว สีหน้าของเขาผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ขอบคุณนะครับปลายฟ้า ที่พาผมมาหาความสงบที่นี่” ปลายฟ้ายิ้มอย่างอบอุ่น เธอรู้สึกดีใจที่ได้เห็นธีร์ในมุมนี้
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ ฉันก็มีความสุขไปด้วย”
ธีร์ลุกขึ้นยืน เขาหยิบหมวกและแว่นกันแดดขึ้นมาสวมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพื่ออำพรางตัว แต่เป็นสัญญาณว่าถึงเวลาต้องกลับไปสู่โลกแห่งความจริงแล้ว
“กลับกันเถอะครับ”
ทั้งสองเดินกลับไปที่รถธีร์ขับรถกลับเข้าสู่ใจกลางเมืองอย่างช้า ๆ ไม่ได้เร่งรีบเหมือนครั้งที่เขาขับด้วยความโกรธแค้นเมื่อหลายวันก่อน บรรยากาศในรถเต็มไปด้วยความเงียบที่อบอุ่นและเข้าใจกัน
เมื่อกลับถึงเพนเฮ้าส์ปลายฟ้าก็จัดการดูแลฟินิกซ์และเริ่มเตรียมอาหารมื้อเย็นต่อทันที ส่วนธีร์ก็กลับไปทำงานที่ค้างไว้บนโต๊ะอาหาร
“อ้าว! มาแล้วเหรอปลายฟ้า!” นวลจันทร์ส่งเสียงทักอย่างดีใจ แต่สำหรับปลายฟ้าแล้วภาพตรงหน้าคือภาพฝันร้ายที่กลับมาเยือนโอมยิ้มกว้างอย่างเจ้าเล่ห์ เขาไม่ได้ดูสำนึกผิดเลยแม้แต่น้อย แต่กลับดูดีใจที่ได้เจอเธอปลายฟ้าเดินเข้าไปนั่งลงตรงข้ามพวกเขาด้วยสีหน้าเย็นชา“ทำไมไม่รับสายไม่ตอบข้อความพี่เขาเลย!” นวลจันทร์เริ่มต้นตำหนิเธออย่างรวดเร็ว โดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดอะไร“จนโอมเขาต้องไปหาแม่ที่บ้าน! ทำอะไรหัดโตได้แล้วนะปลายฟ้า!”คำพูดตำหนิของแม่ราวกับมีคนมาบีบคั้นสมองของปลายฟ้าให้แน่น เธอเริ่มรู้สึกหูอื้อ ภาพตรงหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย ความรู้สึกหวาดกลัวและคลื่นไส้ปั่นป่วนอยู่ในท้อง“พี่เขามาหาแกด้วยความหวังดี เขารักแกจะตาย” นวลจันทร์พูดต่อโดยไม่สนใจสีหน้าของลูกสาว“ปลายฟ้า พี่อุตส่าห์มาหาถึงที่นี่นะ” โอมเสริมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนจนน่าขยะแขยง“รู้ไหมว่าพี่คิดถึงปลายฟ้ามากแค่ไหน”ความกดดันจากแม่และโอมที่ประดังเข้ามาพร้อมกัน ทำให้ปลายฟ้าแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ หัวของเธอเหมือนโดนบีบแน่น และความรู้สึกอยากอาเจียนก็แล่นขึ้นมาปลายฟ้าพยายามรวบรวมสติทั้งหมดไว้ และเปล่งเสียงออกมาเบาที่สุด เสียงที่สั่นเครือแต่
ปลายฟ้าหน้าซีดเผือด เธอเข้าใจในทันทีว่า ธีร์ ไม่ได้แค่ขอร้อง แต่กำลังใช้สถานการณ์นี้บีบบังคับเธอ เธอไม่สามารถเป็นต้นเหตุให้บริษัทต้องเสียหายได้ เธอพยักหน้าอย่างช้า ๆ ด้วยใบหน้าที่จำนนต่ออำนาจและความต้องการของเขาสุดท้ายธีร์ก็กดดันให้ปลายฟ้าถ่ายแบบจนได้ ธีร์คลี่ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ แต่รอยยิ้มนั้นไม่ได้แสดงความอ่อนโยนเลยแม้แต่น้อย เขามองไปที่ช่างภาพ“โอเคครับ ทีมงาน!” ธีร์ประกาศเสียงดัง “นางแบบคนใหม่ของเราคือคุณปลายฟ้า เตรียมเปลี่ยนชุดและแต่งหน้าทำผมให้เธอเดี๋ยวนี้! เราจะเริ่มถ่ายทำภายในสิบห้านาที”ธีร์ปล่อยให้ปลายฟ้ายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ก่อนจะเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง ทิ้งให้ปลายฟ้ารับรู้ว่าเกมนี้เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะชนะเขาได้เลยหลังจากที่ปลายฟ้าได้รับการแปลงโฉมและกลับมาพร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจ ธีร์ ก็ตัดสินใจที่จะเข้าร่วมถ่ายแบบคู่กับเธอในทันทีปลายฟ้าถูกพาตัวมาพักหลังจากถ่ายแบบเดี่ยวเสร็จ ก่อนจะเริ่มถ่ายคู่กับธีร์ เธอเห็นตัวเองในกระจก... ใบหน้าที่สวยสง่าและเปี่ยมด้วยพลังอำนาจ แต่ดวงตาของเธอยังคงมีความไม่พอใจและกังวลอย่างชัดเจนธีร์ดูปลายฟ้าที่กำลังแต่งหน้า เขานั่งอยู่บ
ปลายฟ้าและธีร์นั่งอยู่ในห้องประชุมขนาดใหญ่ที่มีเครื่องปรับอากาศเย็นเฉียบ พวกเขากำลังจัดการประชุมคัดเลือกนางแบบสำหรับแบรนด์เครื่องสำอางและเสื้อผ้าไลน์ใหม่ของบริษัทชื่อว่า Zenithปลายฟ้าสวมชุดทำงานที่ดูเนี้ยบและเป็นทางการ เธอรักษาระยะห่างจากธีร์อย่างเคร่งครัด หลังจากเหตุการณ์ในคอนโด แม้ธีร์จะเข้าใจความรู้สึกของเธอแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นอีก และปลายฟ้าเองก็ยังคงอยู่ในโหมด 'มืออาชีพที่เย็นชา'เบื้องหน้าของธีร์คือโต๊ะที่เต็มไปด้วยแฟ้มประวัตินางแบบหลายสิบคน ธีร์เป็นผู้นำในการคัดเลือกทั้งหมดเพราะโจทย์คือต้องหานางแบบที่มีภาพลักษณ์แข็งแกร่งและดูดีพอที่เหมาะกับงานและคู่กับนายแบบอย่างเขาปลายฟ้าเป็นผู้เรียกชื่อนางแบบทีละคน เธอถือคลิปบอร์ดไว้แน่น พยายามไม่สบตากับธีร์“คนต่อไปค่ะ คุณลินนา มณีรัตน์” ปลายฟ้าประกาศเสียงเรียบประตูเปิดออก ลินนา ก้าวเข้ามาด้วยความมั่นใจ เธอเป็นนางแบบสาวสวยที่มีใบหน้าคมกริบ การแต่งกายและรอยยิ้มของเธอดูไร้ที่ติและมีความทะเยอทะยานสูง“สวัสดีค่ะคุณธีร์ สวัสดีค่ะทีมงาน” ลินนากล่าวด้วยน้ำเสียงที่พยายามดัดให้หวานกว่าปกติลินนาเริ่มแสดงท่าทางโพสตามที่ทีมงานต้องกา
ข้อความที่ถูกส่งมาโดยตรงระบุชัดเจน "ฉันคือเจ้าของของปริ๊นเซสค่ะ"ใจของปลายฟ้าหล่นวูบ ปลายฟ้ารู้สึกใจหายมากๆ ราวกับหัวใจถูกบีบอัดจนหายใจไม่ออก เธอเคยคิดว่าเรื่องนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้น หรืออย่างน้อยก็คงไม่เกิดขึ้นเร็วขนาดนี้ เพราะธีร์เองก็ผูกพันกับเจ้าแมวน้อยตัวนี้ไปแล้วปลายฟ้าอ่านข้อความซ้ำหลายครั้ง เจ้าของตัวจริงให้รายละเอียดของแมวได้อย่างถูกต้องทุกประการ รวมถึงประวัติการรักษาและเครื่องหมายพิเศษที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน การโกหกหรือการเข้าใจผิดจึงเป็นไปไม่ได้เธอเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่นอย่างช้า ๆ ธีร์ยังคงนั่งทำงานอยู่บนโซฟา โดยมีปริ๊นเซสนอนหลับอย่างสบายอยู่บนตักของเขา“คุณธีร์คะ” ปลายฟ้าเอ่ยเรียกเสียงสั่นธีร์เงยหน้าขึ้นมองเธออย่างแปลกใจเมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือดของปลายฟ้า เธอชูโทรศัพท์ให้เขาดูข้อความนั้น ธีร์ก้มลงอ่าน ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปเป็นความตกใจและเศร้าสร้อยเช่นกัน“เขา... เขานัดเจอที่ไหนครับ” ธีร์ถามเสียงแผ่ว พลางลูบหัวปริ๊นเซสอย่างอ่อนโยน ราวกับเป็นการบอกลาล่วงหน้า“ที่สวนสาธารณะ ตรงข้ามกับคอนโดฯ ค่ะ เขาอยากเจอน้อง แล้วก็อยากจะคุยเรื่องรับน้องกลับ”ปลายฟ้ารู้ว่าถึงเวลาที่ต
ปลายฟ้าซบหน้าเข้ากับแผงอกที่เปลือยเปล่าของธีร์อย่างเต็มใจ เธอได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นอย่างช้า ๆ และสม่ำเสมอ เป็นจังหวะที่ช่วยปลอบประโลมจิตใจของเธอได้เป็นอย่างดีในอ้อมกอดที่แน่นหนานี้ปลายฟ้าไม่ได้รู้สึกว่าเธอกำลังนอนอยู่กับเจ้านายที่เย็นชา แต่เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องการเพียงความรักและการปลอบโยนเท่านั้นความเงียบปกคลุมทั่วห้อง ปลายฟ้าหลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย ขณะที่ธีร์ก็หลับตาลงอย่างเจ็บปวด โดยหวังว่าเมื่อตื่นขึ้นมา แสงสว่างจากวันใหม่จะช่วยพาเขากลับไปยังจุดที่เขาทิ้งรอยยิ้มที่หายไปไว้เบื้องหลังได้แสงแดดยามเช้าลอดผ่านม่านทึบเข้ามาได้เพียงน้อยนิด ทว่าเพียงพอที่จะทำให้ปลายฟ้าค่อย ๆ ลืมตาตื่นจากห้วงนิทราที่แสนเหนื่อยล้า ปลายฟ้าตื่นขึ้นมาก็สบตาเข้ากับดวงตาคมเข้ม ที่อยู่ห่างออกไปเพียงคืบดวงตาคู่นั้นกำลังจ้องมองเธออยู่ อย่างเงียบงันธีร์ตื่นได้สักพักแล้วเขาไม่ได้ขยับตัว เพียงแค่นอนมองใบหน้าของคนในอ้อมแขนมาเนิ่นนาน เขามองคนตัวเล็กตรงหน้าอย่างละเอียดถี่ถ้วนขนตาของปลายฟ้ายาวหนา เป็นแพสวยงามจมูกเล็กๆ ที่ดูดื้อรั้น รับกับปากอวบอิ่มที่เขาเคยประทับ รสชาติหวานละมุนนั้นยังคงติดอยู่ในความทรงจำลึกๆ ขอ
“ฉันต้องขอโทษแทนคุณเทวาด้วยนะคะ” อรัญญากล่าวอย่างรู้สึกผิด “ฉันรู้สึกผิดกับธีร์ และฉันเหนื่อยมาก ๆ เลย ค่ะ”อรัญญาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอย่างอ่อนล้า“ฉันเข้ามาเป็นเมียน้อยในตอนแรก และยอมทนอยู่เพื่อรอให้ แม่ของธีร์เสีย ไป ก่อนที่ฉันจะได้ขึ้นมาเป็นคุณนายที่ถูกต้อง”คำสารภาพของอรัญญาดังก้องอยู่ในความเงียบงันของศาลาริมน้ำ กลิ่นหอมของดอกไม้ดูเหมือนจะเจือด้วยความขมขื่น ปลายฟ้านิ่งงันไป น้ำเสียงของอรัญญาไม่แสดงความรู้สึกผิดบาป แต่เป็นความเหนื่อยล้าจนถึงที่สุด ราวกับว่าการพูดความจริงออกมาเป็นภาระหนักอึ้งที่เธอแบกมานานปลายฟ้าจ้องมองใบหน้าของอรัญญาที่เงยขึ้นมองท้องฟ้าอย่างอ่อนล้า ใบหน้าที่มีร่องรอยความงามสง่า แต่ก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้ฉากหน้าของ 'คุณนาย'“คุณ คุณอรัญญา” ปลายฟ้าเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา เธอไม่รู้ว่าควรจะปลอบใจหรือควรจะถามคำถามใดออกไปอรัญญาค่อย ๆ ก้มหน้าลงมองมือของตัวเองที่ประสานกันบนตัก เธอพยายามควบคุมน้ำเสียงให้มั่นคง “ใช่ค่ะ ฉันอยากจะโกหกคุณ แต่ฉันเลือกที่จะบอกความจริง เพราะฉันรู้ว่าคุณเป็นคนเดียวที่จะเข้าใจความรู้สึกของธีร์”“การเป็น 'คุณนาย' ไม่ได้สวยง







