LOGIN“อ้าว! มาแล้วเหรอปลายฟ้า!” นวลจันทร์ส่งเสียงทักอย่างดีใจ แต่สำหรับปลายฟ้าแล้วภาพตรงหน้าคือภาพฝันร้ายที่กลับมาเยือน
โอมยิ้มกว้างอย่างเจ้าเล่ห์ เขาไม่ได้ดูสำนึกผิดเลยแม้แต่น้อย แต่กลับดูดีใจที่ได้เจอเธอ
ปลายฟ้าเดินเข้าไปนั่งลงตรงข้ามพวกเขาด้วยสีหน้าเย็นชา
“ทำไมไม่รับสายไม่ตอบข้อความพี่เขาเลย!” นวลจันทร์เริ่มต้นตำหนิเธออย่างรวดเร็ว โดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดอะไร
“จนโอมเขาต้องไปหาแม่ที่บ้าน! ทำอะไรหัดโตได้แล้วนะปลายฟ้า!”
คำพูดตำหนิของแม่ราวกับมีคนมาบีบคั้นสมองของปลายฟ้าให้แน่น เธอเริ่มรู้สึกหูอื้อ ภาพตรงหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย ความรู้สึกหวาดกลัวและคลื่นไส้ปั่นป่วนอยู่ในท้อง
“พี่เขามาหาแกด้วยความหวังดี เขารักแกจะตาย” นวลจันทร์พูดต่อโดยไม่สนใจสีหน้าของลูกสาว
“ปลายฟ้า พี่อุตส่าห์มาหาถึงที่นี่นะ” โอมเสริมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนจนน่าขยะแขยง
“รู้ไหมว่าพี่คิดถึงปลายฟ้ามากแค่ไหน”
ความกดดันจากแม่และโอมที่ประดังเข้ามาพร้อมกัน ทำให้ปลายฟ้าแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ หัวของเธอเหมือนโดนบีบแน่น และความรู้สึกอยากอาเจียนก็แล่นขึ้นมา
ปลายฟ้าพยายามรวบรวมสติทั้งหมดไว้ และเปล่งเสียงออกมาเบาที่สุด เสียงที่สั่นเครือแต่แฝงไว้ด้วยความเจ็บปวด
“แม่อยากให้หนูไปเป็น เมียน้อย เขาเหรอคะ”
นวลจันทร์ชะงักไปเล็กน้อย แต่โอมกลับฉวยโอกาสนั้นพูดขึ้นทันที
“ยัยนี้! พี่กำลังจะหย่าแล้วนะ!” โอมรีบแก้ตัวอย่างมีหวัง
“ตอนนี้ความสัมพันธ์กับภรรยาพี่มันแย่มากแล้ว! เราอยู่ด้วยกันไม่ได้! อีกไม่นานพี่ก็จะหย่าขาดแน่นอน!” นวลจันทร์รีบสนับสนุนโอมทันที
“เห็นไหมปลายฟ้า! โอมเขากำลังจะหย่า! พี่เขาจะมาอยู่กับแก! แกทำตัวเป็นเด็กไม่รู้เรื่องแบบนี้ไม่ได้นะ! โอมเขารักแกจริง ๆ และจะดูแลแกได้ดีกว่าไอ้ผู้จัดการที่ไหนก็ไม่รู้”
ปลายฟ้ามองแม่ของตัวเองด้วยความรู้สึกว่างเปล่า เธอไม่เหลือความเคารพหรือความรักใดๆ ให้ผู้หญิงคนนี้อีกต่อไป การที่แม่แท้ๆ สนับสนุนผู้ชายที่เคยคิดจะทำร้ายลูกสาวของตัวเองให้มาเป็น 'เมียน้อย' ทั้งที่เธอหวาดกลัวเขาจนแทบจะยืนไม่ไหว คือจุดที่ทำให้ความผูกพันในครอบครัวของเธอขาดสะบั้นลง
เธอจ้องมองทั้งสองคนด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า
ปลายฟ้ามองแม่ของตัวเองด้วยความรู้สึกว่างเปล่า ความหวาดกลัวและคลื่นไส้ในช่องท้องถูกแทนที่ด้วยความเจ็บปวดที่บาดลึกในหัวใจ เธอจ้องมองแม่และโอมที่นั่งอยู่ตรงหน้าด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
“แค่นี้ชีวิตหนูยังแย่ไม่พออีกเหรอคะ” ปลายฟ้าถามเสียงแผ่วเบา แต่คำพูดนั้นหนักอึ้งราวกับหินผา “ทำไมแม่ต้องมาตอกย้ำลงไปอีก”
เธอไม่ได้พยายามกลั้นน้ำตาอีกต่อไป ปลายฟ้าปล่อยให้น้ำตาไหลริน อย่างเงียบๆ ลงอาบแก้มที่ซีดเซียว ความรู้สึกของเธอตอนนี้เหมือนกับแก้วที่กำลังจะปริแตก ทุกอย่างที่ถูกเก็บกดมาตลอดชีวิตถูกบรรจุไว้จนเต็มความจุ แค่น้ำอีกหนึ่งหยด... มันก็ใส่ลงไปอีกไม่ได้แล้ว
“หนูไม่ต้องการเป็นภรรยาน้อยใครทั้งนั้น! หนูไม่ได้รักเขา และหนูไม่อยากเห็นหน้าเขา!” ปลายฟ้าพูดอย่างเด็ดขาด
“หรือเป็นเพราะมัน ไอนายแบบนั้น” โอมโวยวายถึงธีร์ เธอมองโอมด้วยสายตาเย็นชา
นวลจันทร์โกรธจัดที่ลูกสาวไม่ยอมทำตามที่เธอบงการ แต่ก่อนที่แม่ของเธอจะได้ตำหนิอะไรออกมา ปลายฟ้าก็พูดสิ่งที่อัดอั้นในใจออกมาทั้งหมด ประโยคสุดท้ายที่เป็นการตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก
“เราสองคนแม่ลูก... ควรจะพอกันเพียงเท่านี้ค่ะ”
สิ้นคำพูดนั้น ความเงียบก็เข้าปกคลุมร้านกาแฟ แม้แต่เสียงซุบซิบของคนในร้านก็หยุดลงทันที นวลจันทร์จ้องมองลูกสาวอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ความโกรธที่ผสมกับความอับอายขายหน้าต่อหน้าโอมทำให้เธอควบคุมตัวเองไม่ได้
เพี๊ยะ!
ฝ่ามือของนวลจันทร์ตบลงบนใบหน้าสวยของปลายฟ้าอย่างแรงทันที เสียงตบดังสนั่นไปทั่วร้านกาแฟ จนทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว
ใบหน้าของปลายฟ้าหันไปตามแรงตบ ความเจ็บปวดทางกายไม่ได้รุนแรงเท่าความเจ็บปวดทางใจที่ถูกแม่แท้ๆ ทำร้ายเป็นครั้งสุดท้าย น้ำตายังคงไหลริน แต่แววตาของเธอว่างเปล่าไร้ความรู้สึกใดๆ แล้ว
“แกกล้าดีขนาดนี้เลยเหรอปลายฟ้า!” นวลจันทร์ขึ้นเสียงสูงอย่างบ้าคลั่ง
ปลายฟ้าลูบแก้มที่ชาของตัวเองอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองแม่ด้วยดวงตาที่ไร้ซึ่งความเคารพ
เธอไม่ได้โกรธ... แต่เธอสิ้นหวังและยอมแพ้ต่อความสัมพันธ์นี้แล้วจริงๆ
ปลายฟ้าไม่พูดอะไรแม้แต่น้อยหลังจากถูกตบ เธอหันหลังกลับอย่างช้า ๆ แล้วเดินออกจากคาเฟ่แห่งนั้นอย่างเงียบเชียบ ทิ้งให้แม่และโอมนั่งมองตามด้วยความฉงนผสมความโกรร่างกายของเธอตอนนี้เหมือนกับ ร่างที่ไร้วิญญาณ ที่ถูกลากจูงไปด้วยเพียงแค่ความเคยชินและความรับผิดชอบต่อหน้าที่ เธอรู้ว่าไม่ไหวแล้ว แต่ด้วยความดื้อรั้นและไม่มีที่ไป ทำให้เธอต้องลากตัวเองกลับมายังที่ทำงาน
ทันทีที่ก้าวเข้าสู่บริเวณออฟฟิศ เสียงซุบซิบก็ดังขึ้นทันที ดังกว่าครั้งไหนๆ ที่เธอเคยได้ยิน สายตาของคนรอบข้างมองมาที่เธออย่างเปิดเผยด้วยความอยากรู้อยากเห็น ผสมความสมเพชและรังเกียจ ใบหน้าของเธอที่ยังมีรอยแดงจากการถูกตบยิ่งกลายเป็นจุดสนใจ
ขณะที่เธอพยายามก้มหน้าเดินไปยังโต๊ะทำงานของธีร์ เพชร ช่างแต่งหน้าของกองถ่าย ที่มักจะแสดงความเป็นปฏิปักษ์กับเธออยู่เสมอ ก็เดินตรงเข้ามาขวางหน้า
“อ้าว! มาทำงานได้ด้วยเหรอคะ” เพชรพูดเสียงดังเย้ยหยัน พลางยื่นโทรศัพท์มือถือที่เปิดหน้าจอโซเชียลมีเดียมาตรงหน้าเธอ “เห็นโพสต์รึยังคะ? นี่ไง! เป็นเมียน้อยก็ไม่บอก! แหม...”
ปลายฟ้ามองภาพในโทรศัพท์อย่างเลื่อนลอย มันคือภาพของ โอม ที่อยู่กับเธอเมื่อครู่ และยังมีภาพของโอมที่ถ่ายคู่กับภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ถูกนำมาตัดต่อรวมกัน พร้อมข้อความที่ประจานเธอว่าเป็น มือที่สามและเมียน้อย
ปลายฟ้าไม่สามารถทนอยู่ในออฟฟิศแม้แต่วินาทีเดียวหลังจากการถูกประจานอย่างเลือดเย็น เธอพุ่งตัวออกจากตรงนั้นทันที ราวกับว่าการวิ่งหนีคือกลไกเดียวที่สมองสั่งให้ทำได้เพื่อเอาตัวรอดจากการถูกทำลาย
เสียงหัวเราะเยาะเย้ยของเพชร เสียงซุบซิบกระซาบกระซาบของพนักงานทุกคน และภาพใบหน้าของโอมกับภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์มันยังคงก้องอยู่ในโสตประสาท ภาพใบหน้าแม่ที่ตบเธอ... ภาพใบหน้าพ่อเลี้ยงที่พยายามทำลายเธอ... ทุกอย่างประดังเข้ามาจนเธอแทบจะเสียสติ
ไม่นานหลังจากนั้น ธีร์กลับมาจากประชุม สำคัญ การเดินของเขามั่นคงและดูมีอำนาจเหมือนปกติ แต่เมื่อเขาเดินตรงมาที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไม่พบปลายฟ้าที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
ความรู้สึกแปลก ๆ เข้าจู่โจมธีร์ทันที เขารู้ว่าปลายฟ้าไม่ใช่คนที่จะทิ้งโต๊ะไปโดยไม่มีเหตุผล และความรู้สึกดี ๆ ที่เพิ่งก่อตัวขึ้นก็ทำให้เขาใจเสียได้อย่างง่ายดาย
“ปลายฟ้าไปไหน” ธีร์ถามเสียงเข้ม สายตาของเขากวาดมองไปรอบ ๆ สำนักงาน ทุกคนก้มหน้าก้มตาทำงาน ไม่มีใครกล้าสบตาเขา ไม่มีใครกล้าตอบเขา ทุกคนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่มีใครอยากอยู่ตรงความไม่พอใจของเจ้านาย
แต่แล้ว เพชรตอบมาด้วยเสียงเยาะเย้ยและดูถูก เหยียดหยามอย่างชัดเจน
“อ๋อ! คุณปลายฟ้าเหรอคะคุณธีร์” เพชรตอบเสียงสูง
“เธอคงทนแรงกดดันไม่ได้มั้งคะ หรืออาจจะเป็นเมียน้อยชาวบ้านด้วยค่ะ” เพชรยกยิ้มอย่างร้ายกาจ “เธอน่าจะวิ่งหนี ‘ความจริง’ ไปแล้วล่ะค่ะ”
ใบหน้าของธีร์เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันที เขาไม่สนใจเรื่องซุบซิบนินทา แต่เขาสนใจที่ว่า ปลายฟ้า กำลังตกอยู่ในอันตรายทางอารมณ์ และใครบางคนในบริษัทกล้าที่จะทำลายความรู้สึกของเธอ
เพชรหวังว่าธีร์จะได้ตาสว่างว่า นังปลายฟ้าที่ดูอ่อนหวาน มันแรดกว่าที่เห็น
“ดูสิคะท่านประธาน รูปอดีตแฟนเก่ากับเมียที่กำลังท้องของเขา นี่มันหลักฐานชั้นดีว่ายัยนี่เป็นยังไง” เพชรพยายามพูดกรอกหูเขาอย่างต่อเนื่อง
“ผู้หญิงคนนี้น่ะค่ะ... สร้างปัญหาได้ทุกที่ที่ไป แรดจริงๆ” เธอพยายามพูดกรอกหูว่าปลายฟ้าแรดจริง ๆ เลยนะ”
เธอหันไปคุยกับคนอื่นที่โต๊ะของเธอด้วยเสียงที่ดังพอให้ธีร์ได้ยิน
“สงสัยว่าที่เจ้านายเราใจดีกับเธอเป็นพิเศษ ขนาดนางแบบอย่างคุณลินนายังถูกเด้งเลย เพราะอะไรน้า... อาจจะถูกใจลีลา”
ธีร์มองดูรูปเงียบ ๆ บนหน้าจอโทรศัพท์ของเพชร ภาพนั้นทำให้ความโกรธเดือดพล่านในตัวเขาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เขามองดูก็นึกออกว่า มันคือโอม แฟนเก่าของปลายฟ้า เพราะเขาเคยมีเรื่องกันมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อหลายเดือนก่อน รวมถึงข่าวที่เธอถ่ายแบบกับธีร์ รูปที่พวกเธอไปทานอาหารด้วยกันแม้ว่าธีร์จะใส่หมวกบังหน้าอยู่แต่ก็มีคนจับได้ว่านั้นเป็นเขา ข้อความในโพสต์ คือเธอเป็นมือที่สามของธีร์และรินลดา คู่หมั้น
ใบหน้าสวยหลับตาสูดหายใจเข้าลึก พยายามสะกดอารมณ์โกรธ ที่พุ่งพล่าน การลงโทษเพชรตอนนี้เป็นเรื่องง่าย แต่สิ่งสำคัญกว่าคือการตามหาปลายฟ้าที่กำลังเจ็บปวด
ธีร์ลืมตาขึ้น ดวงตาคมกริบของเขาจ้องไปที่เพชรอย่างเย็นยะเยือก
“คุณเพชร” ธีร์เรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่ต่ำและเย็นจัด
เพชรหัวเราะ “อะไรนะคะท่านประธาน? ไล่ฉันออกเหรอคะ? ด้วยเรื่องที่ฉันพูดความจริงเนี่ยนะ!”
“หุบปากบ้างก็ดีนะครับ” ธีร์ตอบอย่างเด็ดขาด เพชรหน้าถอดสีทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น
ธีร์ไม่รอคำตอบ เขาหยิบโทรศัพท์ส่วนตัวออกมาแล้วโทรออกอย่างรวดเร็ว
“เอก ฟังให้ดี ปลายฟ้าออกจากบริษัทไปแล้ว ตามหาเธอตอนนี้ ตามหาเธอให้เจอ ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนก็ตาม!”
เธอวิ่งอย่างไร้จุดหมายไปตามโถงทางเดินของตึก วิ่งผ่านกลุ่มคนที่มองตามมาด้วยความตกตะลึจนกระทั่งพบกับ ซอกซอยแคบๆ ที่รกร้าง ระหว่างอาคารเก่าสองหลัง ที่นี่มืดสลัวและไร้ผู้คน ราวกับเป็นพื้นที่หลบภัยที่ซ่อนตัวจากโลกที่โหดร้าย
ปลายฟ้าทรุดตัวลงซุกอยู่ตรงมุมกำแพง ทันทีที่ร่างกายสัมผัสพื้น ความพังทลายที่ถูกกักเก็บไว้ทั้งหมดก็ทะลักออกมา
เธอไม่ได้ร้องไห้เป็นเสียงสะอื้น แต่เป็นการกรีดร้องเงียบๆ จากภายใน น้ำตาไหลทะลักออกมาเป็นสายอย่างควบคุมไม่ได้ ร้อนผ่าวไปทั่วทั้งใบหน้าและลำคอ ร่างกายบอบบางสั่นเทิ้มอย่างรุนแรงจากการช็อกทางอารมณ์
สกปรก! สกปรก! สกปรก!
เสียงของตัวเองที่เคยพูดไว้เมื่อวานนี้ดังก้องในหัว คำพูดของคนอื่น คำพูดของแม่ คำพูดของพ่อเลี้ยง ทุกอย่างย้ำเตือนว่าเธอคือสิ่งที่แปดเปื้อน
ปลายฟ้าก้มตัวลงกอดเข่าตัวเองแน่น พยายามจะบีบอัดความเจ็บปวดทั้งหมดไว้ไม่ให้มันทะลักออกมา แต่ยิ่งกอดแน่นเท่าไหร่ ความเจ็บปวดก็ยิ่งอัดแน่นมากขึ้นเท่านั้น เธอจิกเล็บลงบนเนื้อหนังของตัวเองที่ต้นแขนอย่างบ้าคลั่ง แรงจิกที่รุนแรงจนผิวหนังเริ่มเป็นรอยบุ๋มและมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย
เธอไม่รู้สึกเจ็บ
ความเจ็บปวดทางกายเล็กน้อยนี้ ไม่สามารถเทียบได้กับ ความเจ็บปวดที่จุดศูนย์กลางของหัวใจ ที่กำลังถูกฉีกกระชากออกเป็นเสี่ยงๆ เธอสูญเสียความรักจากแม่, ถูกประณามจากสังคม, และความหวาดกลัวในอดีตก็กลับมาทุบตีเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ฉันควรทำอย่างไรดี? ฉันไปอยู่ที่ไหนได้บ้าง?
ในห้วงแห่งความมืดมิดนั้น ปลายฟ้าได้แต่ภาวนาให้มีที่แห่งหนึ่ง... ที่ที่เธอจะสามารถหายไปได้จริง ๆ และไม่ต้องเผชิญหน้ากับความจริงอันโหดร้ายอีกต่อไป เธอร้องไห้จนแทบจะหมดแรง หายใจติดขัดราวกับว่าอากาศในซอกซอยแคบๆ นั้นกำลังหมดลง
ธีร์ออกจากห้องทำงานอย่างเร่งรีบหลังจากรับโทรศัพท์จากลูกน้องที่รายงานเรื่องความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในออฟฟิศ เขาสาบานว่าจะต้องจัดการกับรินลดาที่กล้าทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้ แต่เมื่อเห็นโต๊ะทำงานของปลายฟ้าว่างเปล่า และได้รับรายงานว่าเธอวิ่งหนีออกไปแล้ว ความโกรธทั้งหมดก็มลายหายไป เหลือเพียงความ หวาดกลัวอย่างที่สุด
เขารู้ดีว่าบาดแผลในใจของปลายฟ้าลึกซึ้งเพียงใด การถูกประจานและตอกย้ำด้วยเรื่องราวอันเลวร้ายนี้อาจทำให้เธอแตกสลายได้จริงๆ
“ทุกคน! ออกไปตามหาปลายฟ้าเดี๋ยวนี้! ใครก็ตามที่เจอเธอ ให้โทรหาผมทันที!” ธีร์ออกคำสั่งเสียงเข้มก่อนจะวิ่งออกจากออฟฟิศไปเอง เขาไม่ไว้ใจให้ใครทำหน้าที่นี้แทนเขาได้
ธีร์วิ่งไปตามทางที่พนักงานชี้บอกอย่างรวดเร็ว สายตาของเขากวาดมองไปทุกซอกมุมอย่างบ้าคลั่ง ริมถนน ร้านกาแฟ ทางเดินเท้าไม่มีวี่แววของเธอ
เธออยู่ไหนปลายฟ้า! อย่าเป็นอะไรนะ! ความรู้สึกผิดที่ปล่อยให้เธอต้องเผชิญหน้ากับเรื่องแบบนี้คนเดียวจู่โจมเขาอย่างรุนแรง
ธีร์วิ่งลงมายังซอยด้านหลังตึก ซึ่งเป็นที่จอดรถและเป็นพื้นที่รกร้างที่คนไม่ค่อยใช้สัญจร เขาหยุดหอบหายใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เสียงสะอื้นไห้ที่ถูกเก็บกดอย่างหนักจะแว่วเข้าโสตประสาท
เสียงนั้นเบามาก แต่ธีร์จำเสียงสะอื้นที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดนั้นได้ดี
ธีร์เดินตามเสียงนั้นไปอย่างระมัดระวัง เขาเลี้ยวเข้าสู่ซอกซอยแคบๆ ระหว่างกำแพงอิฐเก่าๆ แล้วก็พบร่างของปลายฟ้าที่กำลังนั่งกอดเข่าตัวเองอยู่ตรงมุมมืด เธอสั่นเทิ้มทั้งตัว ผมเผ้ากระเซิง ใบหน้าเปียกปอนไปด้วยน้ำตา และที่แขนของเธอมีรอยเล็บจิกจนเป็นรอยแดงช้ำ
ภาพนั้นทำให้หัวใจของธีร์บีบรัดอย่างรุนแรง ความอ่อนแอและความสิ้นหวังของเธอชัดเจนเกินกว่าที่เขาจะทนมองได้
ธีร์ทรุดตัวลงคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเธออย่างช้าๆ พยายามไม่ทำเสียงดังเพื่อไม่ให้เธอตกใจ
“ปลายฟ้า...” เขาเรียกชื่อเธอด้วยเสียงที่อ่อนโยนที่สุดในชีวิต “ผมอยู่นี่แล้วนะครับ”
ปลายฟ้าไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง แต่ร่างกายของเธอสั่นหนักกว่าเดิม เมื่อเธอรู้สึกถึงการปรากฏตัวของเขา ราวกับว่าการมีอยู่ของธีร์ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยพอที่จะปลดปล่อยความเจ็บปวดออกมาทั้งหมด เธอเริ่มกรีดร้องออกมาเป็นเสียงสะอื้นอย่างรุนแรง
ธีร์ไม่ลังเลอีกต่อไป เขายื่นมือเข้าไปช้อนร่างบอบบางของเธอเข้ามากอดไว้แน่น กอดที่ไม่ได้ต้องการความรักแบบคู่รัก แต่ต้องการถ่ายทอดความปลอดภัยและความเข้มแข็งทั้งหมดที่เขามีไปให้เธอ
“ไม่เป็นไรนะ... ไม่เป็นไรแล้ว” ธีร์กระซิบซ้ำ ๆ พลางลูบหลังของเธออย่างอ่อนโยน
“ผมอยู่นี่แล้ว ผมจะปกป้องคุณเอง” ธีร์ทรุดตัวลงคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเธออย่างช้า ๆ พยายามไม่ทำเสียงดังเพื่อไม่ให้เธอตกใจ
“ปลายฟ้า...” เขาเรียกชื่อเธอด้วยเสียงที่อ่อนโยนที่สุดในชีวิต “ผมอยู่นี่แล้วนะครับ”
ปลายฟ้ายังคงก้มหน้า ร่างกายสั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่ได้ เสียงสะอื้นยังดังลอดออกมาอย่างหนักหน่วง สิ่งที่เธอเห็นในโทรศัพท์ได้ฉีกทึ้งบาดแผลเก่า ๆ ในใจจนเหวอะหวะ
ธีร์มองเห็นเล็บมือของปลายฟ้าที่จิกลงไปบนแขนตัวเองจนเกิดรอยแดงช้ำลึกอย่างน่ากลัว เป็นการทำร้ายตัวเองเพื่อระบายความเจ็บปวดที่ไม่มีทางออก หัวใจของเขาร้าวราน
ธีร์พยายามดึงมือของปลายฟ้าไว้ ไม่ให้เธอข่วนแขนตัวเองอีก เขาจับข้อมือเล็ก ๆ นั้นอย่างแผ่วเบา แต่ก็หนักแน่น
ปลายฟ้าพยายามดิ้นรนที่จะดึงมือกลับเพื่อระบายอารมณ์ต่อไป แต่ธีร์ไม่ยอมปล่อย เขาจับมือเล็กไว้มั่น ความอบอุ่นจากมือใหญ่ของเขาทำให้ปลายฟ้าสะอื้นหนักยิ่งขึ้น
ปลายฟ้ายังไม่หยุดร้องไห้ ความเจ็บปวด ความอับอาย ความรู้สึกผิดต่อแม่ และความทรงจำที่เลวร้ายจากแฟนเก่าได้กลืนกินเธอจนหมดสิ้น เธอจิกเล็บเข้ากับมือหนา ของธีร์อย่างแรงด้วยความโกรธแค้นในโชคชะตา
เลือดเริ่มซึมจากรอยเล็บที่จิกบนฝ่ามือของธีร์ แต่ ธีร์ไม่ได้ปัดมือของปลายฟ้า ออกแม้แต่น้อย เขามองเพียงดวงตาของเธอด้วยความเข้าใจ เขาปล่อยให้เธอระบายอารมณ์ได้เต็มที่ โดยมีมือของเขาเป็นที่รองรับความโกรธและความเจ็บปวดทั้งหมดของเธอ
“ระบายออกมาให้หมดเลยนะครับ... ไม่เป็นไร” ธีร์กระซิบปลอบโยน เขาค่อย ๆ รวบตัวปลายฟ้าที่กำลังสั่นเทิ้มเข้ามากอดไว้แน่น โดยที่มือของเขายังคงแนบไปกับฝ่ามือเล็ก ๆ ของเธอที่กำลังจิกเล็บอยู่
ปลายฟ้าซบหน้าลงกับไหล่ของเขา และร้องไห้ออกมาอย่างบ้าคลั่ง เป็นการปลดปล่อยครั้งใหญ่ที่ไม่เคยมีใครได้รับอนุญาตให้เห็นมาก่อน ธีร์กอดเธอไว้แน่น ปล่อยให้เธอจมดิ่งอยู่ในความเจ็บปวดนั้น โดยที่ไม่พยายามถามหรือขัดขวาง... เขารู้ว่าสิ่งที่เธอต้องการตอนนี้คือ ที่พักพิง ที่ปลอดภัยที่สุดในโลกใบนี้
ปลายฟ้าร้องไห้ออกมาอย่างบ้าคลั่ง ธีร์กอดเธอไว้แน่น ไม่สนใจรอยเล็บที่จิกบนมือของตัวเอง
ในห้วงของการร้องไห้ที่รุนแรงนั้น ในหัวของปลายฟ้า ภาพในอดีตมันค่อย ๆ ไหลเข้ามา อย่างรวดเร็วราวกับฟิล์มภาพยนตร์ที่ฉายซ้ำไม่รู้จบ ความเจ็บปวดที่ถูกเก็บกดมานานระเบิดออกมาพร้อมกัน
เธอเห็นภาพของ คนเป็นแม่ ที่ไม่เคยปกป้องเธอ ยืนอยู่ห่าง ๆ ด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายและรำคาญใจ
เสียงด่าทอ ที่บอกว่าเธอสร้างเรื่องใส่ร้ายพ่อเลี้ยง ดังแว่วเข้ามาในหู ราวกับว่าเหตุการณ์นั้นเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ว่าพยายามข่มขืนเธอ
ความหวาดกลัวเริ่มกัดกินร่างกายของเธออีกครั้ง สัมผัสของพ่อเลี้ยงที่พยายามลูบคลำเธอ กลับมาหลอกหลอนเธอ ตามมาด้วยภาพที่เลวร้ายกว่านั้น แม่กับแฟนเก่าที่พยายามยัดบทเมียน้อยให้เธอ เพื่อแลกกับเงินก้อนโต และสุดท้าย คำดูถูกของเทวา ผู้มีอำนาจ และ รินลดา หญิงสาวที่เต็มไปด้วยความริษยา เข้ามาในหัว ของเธอ ภาพทั้งหมดนี้กลายเป็นพายุที่โหมกระหน่ำในจิตใจของปลายฟ้า จนร่างกายของเธอเริ่มสั่นอย่างรุนแรง และหายใจถี่กระชั้น
ธีร์รู้สึกได้ถึงการสั่นเทิ้มที่รุนแรงของปลายฟ้า เขาค่อย ๆ คลายอ้อมกอดออกเล็กน้อย และจับใบหน้าเปียกปอนของเธอไว้
“อ้าว! มาแล้วเหรอปลายฟ้า!” นวลจันทร์ส่งเสียงทักอย่างดีใจ แต่สำหรับปลายฟ้าแล้วภาพตรงหน้าคือภาพฝันร้ายที่กลับมาเยือนโอมยิ้มกว้างอย่างเจ้าเล่ห์ เขาไม่ได้ดูสำนึกผิดเลยแม้แต่น้อย แต่กลับดูดีใจที่ได้เจอเธอปลายฟ้าเดินเข้าไปนั่งลงตรงข้ามพวกเขาด้วยสีหน้าเย็นชา“ทำไมไม่รับสายไม่ตอบข้อความพี่เขาเลย!” นวลจันทร์เริ่มต้นตำหนิเธออย่างรวดเร็ว โดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดอะไร“จนโอมเขาต้องไปหาแม่ที่บ้าน! ทำอะไรหัดโตได้แล้วนะปลายฟ้า!”คำพูดตำหนิของแม่ราวกับมีคนมาบีบคั้นสมองของปลายฟ้าให้แน่น เธอเริ่มรู้สึกหูอื้อ ภาพตรงหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย ความรู้สึกหวาดกลัวและคลื่นไส้ปั่นป่วนอยู่ในท้อง“พี่เขามาหาแกด้วยความหวังดี เขารักแกจะตาย” นวลจันทร์พูดต่อโดยไม่สนใจสีหน้าของลูกสาว“ปลายฟ้า พี่อุตส่าห์มาหาถึงที่นี่นะ” โอมเสริมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนจนน่าขยะแขยง“รู้ไหมว่าพี่คิดถึงปลายฟ้ามากแค่ไหน”ความกดดันจากแม่และโอมที่ประดังเข้ามาพร้อมกัน ทำให้ปลายฟ้าแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ หัวของเธอเหมือนโดนบีบแน่น และความรู้สึกอยากอาเจียนก็แล่นขึ้นมาปลายฟ้าพยายามรวบรวมสติทั้งหมดไว้ และเปล่งเสียงออกมาเบาที่สุด เสียงที่สั่นเครือแต่
ปลายฟ้าหน้าซีดเผือด เธอเข้าใจในทันทีว่า ธีร์ ไม่ได้แค่ขอร้อง แต่กำลังใช้สถานการณ์นี้บีบบังคับเธอ เธอไม่สามารถเป็นต้นเหตุให้บริษัทต้องเสียหายได้ เธอพยักหน้าอย่างช้า ๆ ด้วยใบหน้าที่จำนนต่ออำนาจและความต้องการของเขาสุดท้ายธีร์ก็กดดันให้ปลายฟ้าถ่ายแบบจนได้ ธีร์คลี่ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ แต่รอยยิ้มนั้นไม่ได้แสดงความอ่อนโยนเลยแม้แต่น้อย เขามองไปที่ช่างภาพ“โอเคครับ ทีมงาน!” ธีร์ประกาศเสียงดัง “นางแบบคนใหม่ของเราคือคุณปลายฟ้า เตรียมเปลี่ยนชุดและแต่งหน้าทำผมให้เธอเดี๋ยวนี้! เราจะเริ่มถ่ายทำภายในสิบห้านาที”ธีร์ปล่อยให้ปลายฟ้ายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ก่อนจะเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง ทิ้งให้ปลายฟ้ารับรู้ว่าเกมนี้เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะชนะเขาได้เลยหลังจากที่ปลายฟ้าได้รับการแปลงโฉมและกลับมาพร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจ ธีร์ ก็ตัดสินใจที่จะเข้าร่วมถ่ายแบบคู่กับเธอในทันทีปลายฟ้าถูกพาตัวมาพักหลังจากถ่ายแบบเดี่ยวเสร็จ ก่อนจะเริ่มถ่ายคู่กับธีร์ เธอเห็นตัวเองในกระจก... ใบหน้าที่สวยสง่าและเปี่ยมด้วยพลังอำนาจ แต่ดวงตาของเธอยังคงมีความไม่พอใจและกังวลอย่างชัดเจนธีร์ดูปลายฟ้าที่กำลังแต่งหน้า เขานั่งอยู่บ
ปลายฟ้าและธีร์นั่งอยู่ในห้องประชุมขนาดใหญ่ที่มีเครื่องปรับอากาศเย็นเฉียบ พวกเขากำลังจัดการประชุมคัดเลือกนางแบบสำหรับแบรนด์เครื่องสำอางและเสื้อผ้าไลน์ใหม่ของบริษัทชื่อว่า Zenithปลายฟ้าสวมชุดทำงานที่ดูเนี้ยบและเป็นทางการ เธอรักษาระยะห่างจากธีร์อย่างเคร่งครัด หลังจากเหตุการณ์ในคอนโด แม้ธีร์จะเข้าใจความรู้สึกของเธอแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นอีก และปลายฟ้าเองก็ยังคงอยู่ในโหมด 'มืออาชีพที่เย็นชา'เบื้องหน้าของธีร์คือโต๊ะที่เต็มไปด้วยแฟ้มประวัตินางแบบหลายสิบคน ธีร์เป็นผู้นำในการคัดเลือกทั้งหมดเพราะโจทย์คือต้องหานางแบบที่มีภาพลักษณ์แข็งแกร่งและดูดีพอที่เหมาะกับงานและคู่กับนายแบบอย่างเขาปลายฟ้าเป็นผู้เรียกชื่อนางแบบทีละคน เธอถือคลิปบอร์ดไว้แน่น พยายามไม่สบตากับธีร์“คนต่อไปค่ะ คุณลินนา มณีรัตน์” ปลายฟ้าประกาศเสียงเรียบประตูเปิดออก ลินนา ก้าวเข้ามาด้วยความมั่นใจ เธอเป็นนางแบบสาวสวยที่มีใบหน้าคมกริบ การแต่งกายและรอยยิ้มของเธอดูไร้ที่ติและมีความทะเยอทะยานสูง“สวัสดีค่ะคุณธีร์ สวัสดีค่ะทีมงาน” ลินนากล่าวด้วยน้ำเสียงที่พยายามดัดให้หวานกว่าปกติลินนาเริ่มแสดงท่าทางโพสตามที่ทีมงานต้องกา
ข้อความที่ถูกส่งมาโดยตรงระบุชัดเจน "ฉันคือเจ้าของของปริ๊นเซสค่ะ"ใจของปลายฟ้าหล่นวูบ ปลายฟ้ารู้สึกใจหายมากๆ ราวกับหัวใจถูกบีบอัดจนหายใจไม่ออก เธอเคยคิดว่าเรื่องนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้น หรืออย่างน้อยก็คงไม่เกิดขึ้นเร็วขนาดนี้ เพราะธีร์เองก็ผูกพันกับเจ้าแมวน้อยตัวนี้ไปแล้วปลายฟ้าอ่านข้อความซ้ำหลายครั้ง เจ้าของตัวจริงให้รายละเอียดของแมวได้อย่างถูกต้องทุกประการ รวมถึงประวัติการรักษาและเครื่องหมายพิเศษที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน การโกหกหรือการเข้าใจผิดจึงเป็นไปไม่ได้เธอเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่นอย่างช้า ๆ ธีร์ยังคงนั่งทำงานอยู่บนโซฟา โดยมีปริ๊นเซสนอนหลับอย่างสบายอยู่บนตักของเขา“คุณธีร์คะ” ปลายฟ้าเอ่ยเรียกเสียงสั่นธีร์เงยหน้าขึ้นมองเธออย่างแปลกใจเมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือดของปลายฟ้า เธอชูโทรศัพท์ให้เขาดูข้อความนั้น ธีร์ก้มลงอ่าน ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปเป็นความตกใจและเศร้าสร้อยเช่นกัน“เขา... เขานัดเจอที่ไหนครับ” ธีร์ถามเสียงแผ่ว พลางลูบหัวปริ๊นเซสอย่างอ่อนโยน ราวกับเป็นการบอกลาล่วงหน้า“ที่สวนสาธารณะ ตรงข้ามกับคอนโดฯ ค่ะ เขาอยากเจอน้อง แล้วก็อยากจะคุยเรื่องรับน้องกลับ”ปลายฟ้ารู้ว่าถึงเวลาที่ต
ปลายฟ้าซบหน้าเข้ากับแผงอกที่เปลือยเปล่าของธีร์อย่างเต็มใจ เธอได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นอย่างช้า ๆ และสม่ำเสมอ เป็นจังหวะที่ช่วยปลอบประโลมจิตใจของเธอได้เป็นอย่างดีในอ้อมกอดที่แน่นหนานี้ปลายฟ้าไม่ได้รู้สึกว่าเธอกำลังนอนอยู่กับเจ้านายที่เย็นชา แต่เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องการเพียงความรักและการปลอบโยนเท่านั้นความเงียบปกคลุมทั่วห้อง ปลายฟ้าหลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย ขณะที่ธีร์ก็หลับตาลงอย่างเจ็บปวด โดยหวังว่าเมื่อตื่นขึ้นมา แสงสว่างจากวันใหม่จะช่วยพาเขากลับไปยังจุดที่เขาทิ้งรอยยิ้มที่หายไปไว้เบื้องหลังได้แสงแดดยามเช้าลอดผ่านม่านทึบเข้ามาได้เพียงน้อยนิด ทว่าเพียงพอที่จะทำให้ปลายฟ้าค่อย ๆ ลืมตาตื่นจากห้วงนิทราที่แสนเหนื่อยล้า ปลายฟ้าตื่นขึ้นมาก็สบตาเข้ากับดวงตาคมเข้ม ที่อยู่ห่างออกไปเพียงคืบดวงตาคู่นั้นกำลังจ้องมองเธออยู่ อย่างเงียบงันธีร์ตื่นได้สักพักแล้วเขาไม่ได้ขยับตัว เพียงแค่นอนมองใบหน้าของคนในอ้อมแขนมาเนิ่นนาน เขามองคนตัวเล็กตรงหน้าอย่างละเอียดถี่ถ้วนขนตาของปลายฟ้ายาวหนา เป็นแพสวยงามจมูกเล็กๆ ที่ดูดื้อรั้น รับกับปากอวบอิ่มที่เขาเคยประทับ รสชาติหวานละมุนนั้นยังคงติดอยู่ในความทรงจำลึกๆ ขอ
“ฉันต้องขอโทษแทนคุณเทวาด้วยนะคะ” อรัญญากล่าวอย่างรู้สึกผิด “ฉันรู้สึกผิดกับธีร์ และฉันเหนื่อยมาก ๆ เลย ค่ะ”อรัญญาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอย่างอ่อนล้า“ฉันเข้ามาเป็นเมียน้อยในตอนแรก และยอมทนอยู่เพื่อรอให้ แม่ของธีร์เสีย ไป ก่อนที่ฉันจะได้ขึ้นมาเป็นคุณนายที่ถูกต้อง”คำสารภาพของอรัญญาดังก้องอยู่ในความเงียบงันของศาลาริมน้ำ กลิ่นหอมของดอกไม้ดูเหมือนจะเจือด้วยความขมขื่น ปลายฟ้านิ่งงันไป น้ำเสียงของอรัญญาไม่แสดงความรู้สึกผิดบาป แต่เป็นความเหนื่อยล้าจนถึงที่สุด ราวกับว่าการพูดความจริงออกมาเป็นภาระหนักอึ้งที่เธอแบกมานานปลายฟ้าจ้องมองใบหน้าของอรัญญาที่เงยขึ้นมองท้องฟ้าอย่างอ่อนล้า ใบหน้าที่มีร่องรอยความงามสง่า แต่ก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้ฉากหน้าของ 'คุณนาย'“คุณ คุณอรัญญา” ปลายฟ้าเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา เธอไม่รู้ว่าควรจะปลอบใจหรือควรจะถามคำถามใดออกไปอรัญญาค่อย ๆ ก้มหน้าลงมองมือของตัวเองที่ประสานกันบนตัก เธอพยายามควบคุมน้ำเสียงให้มั่นคง “ใช่ค่ะ ฉันอยากจะโกหกคุณ แต่ฉันเลือกที่จะบอกความจริง เพราะฉันรู้ว่าคุณเป็นคนเดียวที่จะเข้าใจความรู้สึกของธีร์”“การเป็น 'คุณนาย' ไม่ได้สวยง







