Masukปลายฟ้าพยายามใช้ชีวิตเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอจมอยู่กับกองงานเบื้องหลังที่หนักหน่วง และหลีกเลี่ยงการดื่มอย่างเด็ดขาดเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองควบคุมไม่ได้อีก
วันนี้กองถ่ายโฆษณาของแบรนด์นาฬิกาหรูดูวุ่นวายกว่าปกติและพระเอกของงานคือ ธีร์ วรโชติสกุล
ธีร์ไม่ได้จำได้แม่นยำว่าผู้หญิงในคืนนั้นคือใคร ใบหน้าของเธอภายใต้แสงไฟสลัวและฤทธิ์แอลกอฮอล์นั้นเลือนราง แต่เขายังคงจำความหงุดหงิดที่ต้องตื่นมาพบว่าเธอหนีไป
เขามองไปยังปลายฟ้าที่กำลังจัดอุปกรณ์อยู่มุมหนึ่งของฉาก เขาจำเสื้อผ้าและท่าทางที่ดูคุ้นตาได้เพียงเลือนรางเท่านั้น เขาจ้องมองเธอด้วยสายตาที่สงสัยและพยายามประเมินอยู่เงียบ ๆ
ผู้หญิงคนนี้... มันคุ้นตาอย่างน่าประหลาด ธีร์คิด
“ฟ้า มาช่วยฉันยกกล่องนี้หน่อยสิ” เสียงเรียกจากเพชรสไตลิสต์สาวดังขึ้นอย่างไม่เป็นมิตรนัก
ขณะที่ปลายฟ้ากำลังพยายามยกกล่องอุปกรณ์ขนาดใหญ่ออกมา เพชรก็แกล้งสะดุดขาตัวเองเบา ๆ ทำให้ร่างของเธอชนเข้ากับปลายฟ้าอย่างจัง
โครม!
ปลายฟ้าเซถลาพร้อมกับกล่องอุปกรณ์ร่วงลงพื้น ข้อศอกและหัวเข่าของเธอครูดไปกับพื้นคอนกรีตอย่างแรง
“โอ๊ย! เธอเดินยังไงของเธอเนี่ยยัยฟ้า! ดูสิ อุปกรณ์ฉันเกือบพัง!” เพชรโวยวายเสียงดังทันที
ปลายฟ้ากัดริมฝีปากแน่นด้วยความเจ็บปวด เลือดสีแดงเริ่มซึมออกมาจากหัวเข่าที่ถลอกของเธอ ท่ามกลางความวุ่นวายนั้น ธีร์ ที่เพิ่งเสร็จจากการถ่ายทำเซ็ตแรก เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขาทันที
“เกิดอะไรขึ้นครับ” เสียงทุ้มต่ำของธีร์เย็นเยียบจนทุกคนเงียบกริบ
ธีร์ไม่ได้สนใจเรื่องอุปกรณ์ เขาจ้องมองไปที่ปลายฟ้าที่กำลังพยายามใช้มือพยุงตัวเอง ใบหน้าสวยซีดเผือดเพราะความเจ็บ
“ลุกไหวไหม” ธีร์ยื่นมือมาตรงหน้าปลายฟ้า แต่ไม่ได้สัมผัสตัวเธอ ปลายฟ้ามองมือที่ยื่นมาด้วยความลังเล
“มะ ไม่เป็นไรค่ะ ฉัน... ลุกเองได้” ปลายฟ้าตอบเสียงแผ่วเบาด้วยความรู้สึกตื่นตระหนกทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับเขา
ขณะที่ปลายฟ้ากำลังพยายามลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ธีร์ก็เหลือบไปเห็น บาดแผล ที่หัวเข่าของเธอ ซึ่งมีรอยถลอกเป็นแนวเส้นตรงขนาดใหญ่
วินาทีนั้นเอง ภาพในความทรงจำของธีร์ก็ย้อนกลับไปถึงคืนวันนั้น เขาจดจำได้ถึงรายละเอียดทุกสัมผัส มือหนา ของเขารวบ เรียวขาของปลายฟ้าขึ้นสูงทั้งสองข้าง ล็อกมันไว้แน่นกับบ่าของตนเองในท่าน่าอาย
เขากระแทกแก่นกาย เข้าออกอย่างรุนแรงและรวดเร็วไม่หยุดหย่อนท่ามกลางเสียงสะอื้นที่แปรเปลี่ยนเป็นเสียงครางปนความเจ็บปวดและวาบหวามของเธอ ปลายฟ้า ถูกพายุอารมณ์ของเขาโจมตีอย่างต่อเนื่องจนไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีก หลังจากที่เขาส่งเธอถึงจุดสุดยอดครั้งที่สาม อย่างรุนแรงและเร่งเร้าร่างของปลายฟ้าก็พลันอ่อนปวกเปียก หมดสติ ไป
ธีร์ค่อยๆ ผละออกจากเธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาลุกขึ้นยืนข้างเตียง คว้า ผ้าเช็ดตัวผืนหนามาคลุมร่างที่เปลือยเปล่าของเธอไว้ ก่อนจะสำรวจร่างกายของเธอด้วยความรู้สึกผิดที่แล่นเข้ามา
ดวงตาของเขาเห็น แผลเป็นขนาดใหญ่ เป็นแนวตรงยาวที่บริเวณหัวเข่าทั้งสองข้างของเธอ
ความวุ่นวายเล็กน้อยจากเหตุการณ์ล้มของปลายฟ้าเงียบลงในทันทีที่ธีร์ออกคำสั่งให้เธอไปทำแผล ทุกคนต่างแยกย้ายกันทำงานต่อ ทิ้งให้ปลายฟ้าเดินกะเผลกตามธีร์เข้าไปในห้องพักรับรองส่วนตัวด้วยหัวใจที่เต้นรัว ความรู้สึกตื่นตระหนกยามอยู่ใกล้ธีร์นั้นไม่เคยจางหายไป
ธีร์หยิบกล่องปฐมพยาบาลออกมาวางบนโต๊ะกลางห้องอย่างคล่องแคล่ว ท่าทางของเขาไม่ได้ดูเหมือนซูเปอร์สตาร์ที่เพิ่งเสร็จงาน แต่เหมือน... ใครบางคนที่คุ้นเคยกับการดูแลคนอื่น ซึ่งขัดกับภาพลักษณ์เย็นชาที่เขามีต่อสาธารณะ
“นั่งลงครับ” เขาออกคำสั่งสั้นๆ
ปลายฟ้านั่งลงบนโซฟาอย่างเงียบเชียบ เธอถอดมวยผมออก ปล่อยให้ผมลอนยาวสีแดงอมน้ำตาลสยายลงมา เธอยกชายกระโปรงขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นบาดแผลที่หัวเข่าที่เลือดเริ่มแห้งกรัง
ธีร์ทรุดตัวนั่งยองๆ ลงตรงหน้าเธอ เขาใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดแผลอย่างเบามือที่สุดเท่าที่คนเข้มงวดอย่างเขาจะทำได้ แต่ปลายฟ้าก็ยังสะดุ้งเล็กน้อยจากความเจ็บ
“ทำไมไม่ร้อง” ธีร์ถามเสียงเบา ไม่ได้ตำหนิ แต่เหมือนพึมพำกับตัวเอง
“ฉัน... ฉันทนได้ค่ะ” ปลายฟ้าตอบเสียงแผ่ว เธอพยายามจดจ่ออยู่กับการระงับความเจ็บปวดทางกาย เพื่อไม่ต้องรับรู้ถึงความตื่นตระหนกจากกลิ่นกายที่คุ้นเคยของเขาที่ล้อมรอบตัวเธอ
ขณะที่ธีร์กำลังบรรจงแปะพลาสเตอร์ให้เธอ สายตาของเขาก็จ้องมองบาดแผลนั้นอย่างพิจารณาอีกครั้ง รอยถลอกใหม่นั้นคล้ายกับรอยที่เขาเห็นในคืนวันนั้นมาก... และที่สำคัญกว่านั้นคือ รอยแผลเป็นสีจางๆ ที่อยู่ข้างรอยถลอกใหม่ มันเป็นแผลเป็นแนวตรงยาวที่หัวเข่าด้านใน
เขากลับมาจดจำเธอได้
ธีร์เงยหน้าขึ้นมองดวงตาที่ซ่อนอยู่หลังแว่นตาของเธอ ความหงุดหงิดที่สะสมมาถูกแทนที่ด้วยความตระหนกปนสำนึกผิดอย่างรุนแรง
แล้วสายตาของเขาก็ปะทะเข้ากับสิ่งหนึ่งบนนิ้วนางข้างซ้ายของเธอ แหวนวงเล็ก ๆ ที่ทำจากโลหะสีขาว ที่มีลวดลายแกะสลักคล้ายกิ่งไม้
ความทรงจำในอดีตพุ่งเข้าสู่สมองของธีร์อย่างรวดเร็ว
ตอนนั้นเขาอายุยี่สิบสองปีเป็นวัยที่คงเรียกได้ว่าวัยต่อต้านตัวพ่อเลยเขามักจะเที่ยวกลางคืนถึงปกติเขาจะอยู่ที่อังกฤษเป็นหลัก เป็นวันนั้นดันเป็นวันที่เขากลับบ้านมาวันครบรอบวันตายของแม่ของเขา และบังเอิญทะเลาะกับบิดาบังเกิดเกล้าเพราะทนเห็น อดีตพี่เลี้ยงตัวเองที่ตอนนี้ได้เป็นคุณนายใหญ่เมียพลเอกมงคล พิพัฒน์พงศ์ รักใคร่กัน มันทำให้เขาอยากจะอาเจียนออกมาตรงนั้นทันทีที่เห็น
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมวันนั้นธีร์ถึงได้ไปโผล่อยู่บริเวณนย่านชานเมือง มือหนาคีบบุหรี่นอกราคาแพง เขาได้ยินเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือจากเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ในตรอกซอยมืดตรงข้าม เด็กสาววัย ม.ปลาย ที่วิ่งหนีอะไรสักอย่างพร้อมร้องไห้เหมือนพร้อมที่จะแตกสลาย ตามร่างกายมีร่องรอยการต่อสู้ และมีรอยถลอกที่หัวเข่า เขาจำได้ว่าตอนที่เขาวิ่งไปช่วยเธอ เขาจำได้ว่าเขาพาเด็กผู้หญิงคนนั้นไปส่งที่สถานีตำรวจ แล้วเรื่องเหมือนจะจบตรงที่รอพ่อแม่ของเด็กสาวคนนั้นมารับ
แต่หลังจากจบเรื่องนั้นทำแหวนวงนี้หลุดมือไป และเขาก็หาไม่เจออีกเลย
เด็กผู้หญิงคนนั้น... คือผู้หญิงคนเดียวกันกับที่มาที่ห้องของฉันในคืนนั้นงั้นเหรอ?
ความสับสนปนสำนึกผิดเข้าจู่โจมธีร์ การที่เขาตัดสินผู้หญิงคนนี้ไปแล้วในคืนนั้น แต่ความจริงเธอกลับเป็นคนที่เขาเคยช่วยเหลือไว้ในอดีต มันทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นคนที่กระทำซ้ำรอยแผลเก่าของเธอโดยไม่รู้ตัว
ธีร์คลายมือจากการทำแผล เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วก้าวถอยหลังออกไปเล็กน้อย ใบหน้าของเขาซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด
“คุณ... ปลายฟ้า” เขาเรียกชื่อเธออย่างแผ่วเบา เป็นครั้งแรกที่ชื่อเธอถูกเรียกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนแบบนี้
ปลายฟ้าเงยหน้าขึ้น ดวงตาที่ซ่อนอยู่หลังเลนส์หนาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและตื่นตระหนก
“ผม... ผมจำได้แล้ว ผมจำรอยแผลที่เข่าคุณ” เขามองแหวนของเธออีกครั้ง
ปลายฟ้าเบิกตากว้าง สีหน้าของเธอเผยความตระหนกออกมา การอำพรางตัวตนที่เธอพยายามสร้างมาถูกทำลายลงทั้งหมด
ธีร์กลับมาทรุดตัวนั่งยองๆ ตรงหน้าเธออีกครั้ง
ความโกรธที่เคยมีต่อการถูกหักหน้า มลายหายไปจนสิ้น เมื่อเขาได้เห็นความหวาดกลัวที่บริสุทธิ์ในดวงตาของเธอ การที่เธอวิ่งหนีไปไม่ใช่การดูหมิ่น แต่คือการหลีกหนีจากความเจ็บปวด
“ผมขอถามแค่คำเดียวครับ... ทำไมคุณถึงหนีไปจากห้องของผมในเช้าวันนั้นครับ ปลายฟ้า” เขาถามอย่างแผ่วเบา เสียงของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดมากกว่าการทวงถาม
ปลายฟ้าเงียบไปครู่หนึ่ง
“ฉัน... ฉันกลัวค่ะ”
ปลายฟ้า ไม่ได้ให้เหตุผลที่ซับซ้อน เธอแค่บอกความรู้สึกที่แท้จริงที่ครอบงำเธอในเช้าวันนั้น
“ฉันกลัวค่ะ... ฉันกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับความจริง”
ธีร์มองใบหน้าของเธอที่ซีดเผือด และเห็นความหวาดกลัวที่ยังคงเกาะกินอยู่ คำว่า ‘กลัว’ เพียงคำเดียว ปลดปล่อยทุกความรู้สึกขุ่นเคืองที่เขามีมานานกว่าสองสัปดาห์ให้สิ้นไป เขาเข้าใจแล้วว่าการวิ่งหนีของเธอไม่ใช่การปฏิเสธเขาในฐานะผู้ชาย แต่เป็นการปฏิเสธความจริงที่เจ็บปวด
เขาไม่ได้ถามต่อว่าเธอหนีอะไร หรือกลัวอะไร แต่เขากลับกระชับมือของเธอแน่นขึ้น เป็นการให้กำลังใจมากกว่าการควบคุม
“ไม่เป็นไรนะครับ” ธีร์มองปลายฟ้าที่นั่งตับลีบเล็กที่สุดที่จะทำได้ ไม่รู้ว่าเพราะส่งสารหรือรู้สึกอยากรับผิดชอบเรื่องในคืนวันนั้น รวมถึงปลายฟ้าคือเด็กในตอนนั้น เขาตัดสินใจที่จะรับผิดชอบเธอ
ธีร์ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่กระเป๋าเอกสารของเขา เขาหยิบสัญญาที่เตรียมไว้ล่วงหน้าออกมาวางบนโต๊ะ
“คุณมาทำงานเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของผมนะครับ ปลายฟ้า” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดแต่สุภาพ
ปลายฟ้ามองสัญญาด้วยความลังเล การเงินคือเหตุผลที่เธอปฏิเสธไม่ได้ แต่การต้องอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้คือความเสี่ยงที่น่ากลัว
วันต่อมา ธีร์สั่งให้ผู้จัดการส่วนตัวของเขาย้ายตารางงานของปลายฟ้ามาอยู่ในความดูแลของเขา และโกหกว่าต้องการให้เธอมาเป็นผู้ช่วยพิเศษในกองถ่ายของเขาโดยเฉพาะ
ปลายฟ้าไม่อยากรับงานนี้ เพราะเธอรู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขา แต่เงินค่าจ้างที่ถูกเสนอมาในอัตราที่สูงมากนั้น เป็นสิ่งที่เธอปฏิเสธไม่ได้เลย เงินจำนวนนี้สามารถช่วยแม่และตัดขาดจากหนี้สินได้เร็วขึ้น
“คุณธีร์ต้องการอะไรจากฟ้ากันแน่คะ” ปลายฟ้าถามเขาตรง ๆ ในห้องแต่งตัวขณะที่เธอกำลังช่วยจัดเสื้อผ้าสำหรับการถ่ายแบบครั้งต่อไป
ธีร์มองใบหน้าของเธอผ่านกระจก เขาไม่ตอบคำถามนั้น แต่กลับถามถึงแหวนบนนิ้วเธอ
“แหวนวงนั้น... คุณได้มาจากไหน”
ปลายฟ้าก้มลงมองแหวนที่เธอสวมติดตัวมาตั้งแต่ช่วงมัธยมปลาย เธอนึกไปถึงผู้ชายคนที่เคยช่วยเธอในวันที่เธอหนีจากการลวนลามของพ่อเลี้ยง
ชายคนนั้นพาเธอไปส่งที่สถานี่ตำรวจ และรอให้พ่อแม่มารับแล้วหลังจากนั้นผู้ชายคนนั้นก็หายไป แต่เรื่องวันเหมือนจะจบดีนะที่ได้ไปเจอตำรวจ แต่ใครจะคิดละ ว่าแม่ของเธอบอกตำรวจว่าเป็นการเข้าใจผิดกัน ตอนนั้นเธอรู้สึกเหมือนแสงสว่างของเธอมันจบลงด้วยมือของแม่แท้ๆของเธอ
หลังจากวันนั้นเธอก็พบว่าแหวนของผู้ชายคนนั้นมันอยู่ในกระเป๋าเสื้อของเธอ
“ไม่ทราบค่ะ แหวนของแฟนฟ้าค่ะ”
ธีร์เงียบไป เขาไม่ต้องการกดดันเธอ แต่ก็เข้าใจว่าเธอกำลังโกหก หรือไม่ก็จำที่มาที่แท้จริงของมันไม่ได้
“หลังจากนี้คุณมาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวให้ผม” ธีร์เปลี่ยนเรื่องทันที
“งานของคุณคือดูแลตารางงานผมทั้งหมด” อาจจะด้วยความสนใจร่างบางตรงนั้น เลยตัดสินใจให้เธอมาเป็นผู้จัดการแทน ผู้จัดการคนเก่าที่เพิ่งออกไป
ปลายฟ้าได้แต่มองธีร์ด้วยความสับสน แต่ก็พยักหน้ารับคำอย่างจำนนต่อโชคชะตา ที่กำลังโยนเธอเข้าไปในวงโคจรของ ธีร์ วรโชติสกุล อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
หลายวันผ่านไป กิจวัตรของปลายฟ้ายังคงเหมือนเดิม ตื่นเช้ามาทำอาหารคลีนให้ธีร์ จัดตารางงานที่แสนจะยุ่งเหยิงของเขา และคอยตามเก็บซากเขาที่ชอบไปเมาที่บาร์ การทุ่มเททำงานอย่างหนักทำให้ปลายฟ้าดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัดธีร์เห็นปลายฟ้าที่สวมเสื้อเชิ้ตเชยๆ กับกางเกงทำงานตัวหลวม ๆ พร้อมแว่นตาหนา ๆ ก็นึกถึงวันแรกที่เจอกันไม่ได้“ฟ้าครับ!” ธีร์เรียกเสียงดังขณะที่เขากำลังเล่นเกมมือถืออยู่ “วันนี้งานผมว่างทั้งวัน ตารางงานคุณก็ว่างใช่ไหม”“ค่ะ”“ดี งั้นไปดูชุดกัน” ธีร์สั่งอย่างเอาแต่ใจ “การที่ผู้จัดการของผมดูไม่ดี มันกระทบต่อภาพลักษณ์ของผมด้วยนะครับ”ปลายฟ้าไม่สามารถปฏิเสธคำสั่งของเขาได้ ธีร์พาเธอไปช้อปปิ้งใน ห้างสรรพสินค้าหรูทันที เขาใช้เวลาเลือกเสื้อผ้าและเครื่องประดับให้เธออย่างพิถีพิถันราวกับกำลังเลือกเสื้อผ้าให้ตัวเองเขาบังคับให้เธอเปลี่ยนจากแว่นตาหนาๆ เป็น คอนแทคเลนส์ ทำให้ดวงตาคู่สวยแต่เศร้าของเธอปรากฏออกมาอย่างชัดเจน ตามด้วยการพาไปตัดผมและแต่งหน้าใหม่“ใส่ชุดนี้” ธีร์ยื่น เดรสเข้ารูปสีน้ำเงินเข้มที่โชว์เรียวขา ให้เธอ “ผมเสียดายความสวยของคุณ”กว่าจะได้ชุดที่ถูกใจและธีร์จะอนุมัติก็เกือบเย็นปล
วันรุ่งขึ้น ธีร์สั่งให้คนจัดการย้ายของใช้ที่จำเป็นของปลายฟ้ามาที่เพนเฮ้าส์ของเขาทันที ด้วยข้ออ้างว่าที่พักเธอมันไม่ปลอดภัยเพนเฮ้าส์นี้ของธีร์ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองเป็นห้องเพนเฮ้าส์ขนาดใหญ่บนชั้นสูง มองเห็นวิวเมืองยามค่ำคืนได้อย่างตระการตา ลักษณะของห้องเป็นสไตล์โมเดิร์นลอฟท์ที่เน้นความโปร่งโล่ง ผนังส่วนใหญ่เป็นกระจกใสจากพื้นจรดเพดาน เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นหนังสีเข้มและโลหะ ซึ่งสะท้อนรสนิยมที่ดูดีและเรียบง่ายแต่แฝงความหนักแน่นของเขาภายในห้องมีพื้นที่จัดสรรไว้อย่างเป็นสัดส่วน มีห้องนอนแยกกันสองห้องโดยห้องหนึ่งเป็นห้องนอนใหญ่ของธีร์ และอีกห้องเป็นห้องนอนที่จัดเตรียมไว้สำหรับปลายฟ้า ห้องทำงานขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ถ่ายภาพและเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัย พื้นที่นั่งเล่นขนาดกว้าง ที่ปูด้วยพรมสีเทาเข้มขนาดใหญ่ปลายฟ้าจัดข้าวของเพียงเล็กที่เธอเอามา น้อยเข้ามาในห้องรับรองของเพนเฮ้าส์หรูของธีร์เรียบร้อยแล้วเธอออกมาจากห้องและกำลังเดินผ่านห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งอย่างหรูหรา จู่ๆ สายตาของเธอก็ปะทะเข้ากับสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่นอนแผ่หลาอยู่บนพรมขนแกะนั่นคือฟีนิกซ์แมวพันธุ์เบงกอลตัวอ้วนกลม ที่ม
แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องนอนใหญ่ ธีร์ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างเชื่องช้า เขายังคงอยู่ในท่าเดิม โอบกอดปลายฟ้าไว้แนบชิด ร่างกายของเธออุ่นขึ้นมากแล้ว แต่เธอยังคงซุกตัวอยู่กับอกของเขาด้วยความไว้ใจอย่างเต็มที่โดยไม่รู้ตัวธีร์รู้สึกว่านี่เป็นเช้าที่สงบที่สุดในรอบหลายปี เขาไม่ปรารถนาที่จะลุกขึ้น ไม่ปรารถนาที่จะกลับไปสู่โลกที่กร้านโลกภายนอก เขาเพียงแค่อยากกอดผู้หญิงที่เปราะบางคนนี้ไว้เฉยๆเขาลูบเส้นผมที่แห้งแล้วของเธอเบาๆ ปลายฟ้าในอ้อมกอดของเขาบอบบางเหลือเกิน เหมือนกับแก้วที่พร้อมจะแตกสลาย มันทำให้เขามีความรู้สึกอยากปกป้องปลายฟ้าค่อยๆ ขยับตัว เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ไม่คุ้นเคย เธอลืมตาขึ้นช้าๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมอง เห็นใบหน้าคมคายของธีร์อยู่ใกล้แค่ปลายจมูกสติของเธอพลันกลับมาครบถ้วน เธอจำได้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน และใครกำลังกอดเธออยู่! ร่างของปลายฟ้าแข็งเกร็งขึ้นทันทีเธอรีบถอยห่างอย่างรวดเร็ว เหมือนกับลูกแมวตัวน้อยที่ถูกปลุกจากภวังค์ ร่างกายของเธอทำท่าจะตั้งขนขู่ แต่เธอไม่มีพละกำลังพอที่จะผลักเขาได้ เธอทำได้เพียงใช้ข้อศอกดันหน้าอกเขาไว้เบาๆ เพื่อสร้างระยะห่างเท่านั้นเขาเห็นแววตาที่เต็มไปด
หลายวันผ่านไปแสงบ่ายอ่อนๆ สาดเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่ของคอนโด ธีร์ออกไปถ่ายแบบนิตยสารตั้งแต่เช้า และน่าจะกลับมาในช่วงเย็น ปล่อยให้ปลายฟ้าอยู่คนเดียวในห้องทำงานที่เงียบสงบปลายฟ้ากำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ทำงานที่น่าเบื่อที่สุดอย่างการ จัดการเอกสารค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้รับการอนุมัติ ซึ่งหลายรายการเป็นของใช้ส่วนตัวของธีร์ที่ฟุ่มเฟือยจนน่าตกใจ เธอสวมเสื้อเชิ้ตเรียบๆ และทำงานด้วยสมาธิเต็มที่โทรศัพท์มือถือของเธอที่ตั้งเป็นระบบสั่นอยู่บนโต๊ะทำงาน ดังขึ้นเบาๆ ชื่อ ‘โอม’ ปรากฏขึ้นบนหน้าจออีกครั้งปลายฟ้าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ความรู้สึกผิดที่ไม่ได้คุยกับแฟนหนุ่มอย่างจริงจังมาหลายวัน ทำให้เธอตัดสินใจรับสาย เธอหยิบโทรศัพท์แล้วลุกเดินออกไปยังระเบียงห้องทำงานที่ติดกับวิวเมือง เพื่อสร้างพื้นที่ส่วนตัวเล็กๆ“ฮัลโหลค่ะพี่โอม” เธอพูดเสียงเบา“ทำไมเพิ่งรับสาย ฟ้า พี่คิดถึง” “ฟ้าทำงานอยู่ค่ะ เลยรับช้า พี่โอมว่างหรอคะ” ปลายฟ้าได้ยินเสียงกรุกกรักมาจากปลายสายแทนเสียงคำพูด“ใช่ครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ออกเวร ฟ้าว่างไหม ไปกินข้าวกัน”“เอิ่ม แปปนะคะพี่โอม ฟ้าดูตารางแปปนึง” ปลายฟ้าเช็คตารางงารข
ในช่วงที่ปลายฟ้าเพิ่งเริ่มทำงานเป็นผู้ช่วยของธีร์ใหม่ๆ และยังมีความเกร็งในความสัมพันธ์กับเขาปลายฟ้าได้รับมอบหมายให้ติดตามธีร์ไปร่วมงานแฟชั่นโชว์ระดับประเทศในฐานะนายแบบหลักของคอลเลกชัน งานนี้เต็มไปด้วยแสงสี เสียงเพลง และผู้คนในวงการที่เต็มไปด้วยสีสันปลายฟ้ายืนอยู่ด้านข้างเวที ดูแลคิวและเสื้อผ้าให้ธีร์อย่างเคร่งเครัด เธอพยายามรักษาระยะห่างจากเขาอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดหรือทำให้ความกลัวผู้ชายของเธอปะทุขึ้นมาธีร์เดินออกจากห้องแต่งตัวเพื่อเตรียมขึ้นแคทวอล์ก เขาอยู่ในชุดสูทสีเข้มที่ขับเน้นรูปร่างให้ดูสง่างามและอันตราย ในขณะที่กำลังเดินผ่านปลายฟ้า ธีร์ก็หยุดเล็กน้อย“มือถือของผมอยู่ไหนครับปลายฟ้า” ธีร์ถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นทางการ แต่ดวงตาของเขากำลังมองสำรวจใบหน้าของเธอ“อยู่... อยู่ในกระเป๋าสำรองค่ะคุณธีร์” ปลายฟ้าตอบอย่างตะกุกตะกัก พยายามหลบสายตาธีร์รู้ดีว่าเธอพยายามหลีกเลี่ยงเขา และนั่นทำให้เขารู้สึกแปลกใจระคนไม่พอใจ เพราะปกติผู้หญิงทุกคนต่างพยายามเข้าหาเขา ธีร์ยื่นมือออกไปแล้ว แกล้งแตะที่ไหล่ของปลายฟ้าเบาๆ ก่อนจะชักมือกลับอย่างรวดเร็วปลายฟ้าสะดุ้งตัวเล็กน้อยทันที แม้จะเป
ปลายฟ้าพยายามใช้ชีวิตเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอจมอยู่กับกองงานเบื้องหลังที่หนักหน่วง และหลีกเลี่ยงการดื่มอย่างเด็ดขาดเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองควบคุมไม่ได้อีกวันนี้กองถ่ายโฆษณาของแบรนด์นาฬิกาหรูดูวุ่นวายกว่าปกติและพระเอกของงานคือ ธีร์ วรโชติสกุลธีร์ไม่ได้จำได้แม่นยำว่าผู้หญิงในคืนนั้นคือใคร ใบหน้าของเธอภายใต้แสงไฟสลัวและฤทธิ์แอลกอฮอล์นั้นเลือนราง แต่เขายังคงจำความหงุดหงิดที่ต้องตื่นมาพบว่าเธอหนีไปเขามองไปยังปลายฟ้าที่กำลังจัดอุปกรณ์อยู่มุมหนึ่งของฉาก เขาจำเสื้อผ้าและท่าทางที่ดูคุ้นตาได้เพียงเลือนรางเท่านั้น เขาจ้องมองเธอด้วยสายตาที่สงสัยและพยายามประเมินอยู่เงียบ ๆผู้หญิงคนนี้... มันคุ้นตาอย่างน่าประหลาด ธีร์คิด“ฟ้า มาช่วยฉันยกกล่องนี้หน่อยสิ” เสียงเรียกจากเพชรสไตลิสต์สาวดังขึ้นอย่างไม่เป็นมิตรนักขณะที่ปลายฟ้ากำลังพยายามยกกล่องอุปกรณ์ขนาดใหญ่ออกมา เพชรก็แกล้งสะดุดขาตัวเองเบา ๆ ทำให้ร่างของเธอชนเข้ากับปลายฟ้าอย่างจังโครม!ปลายฟ้าเซถลาพร้อมกับกล่องอุปกรณ์ร่วงลงพื้น ข้อศอกและหัวเข่าของเธอครูดไปกับพื้นคอนกรีตอย่างแรง“โอ๊ย! เธอเดินยังไงของเธอเนี่ยยัยฟ้า! ดูสิ อุปกรณ์ฉันเกือบพัง!” เพช







