Masukในช่วงที่ปลายฟ้าเพิ่งเริ่มทำงานเป็นผู้ช่วยของธีร์ใหม่ๆ และยังมีความเกร็งในความสัมพันธ์กับเขา
ปลายฟ้าได้รับมอบหมายให้ติดตามธีร์ไปร่วมงานแฟชั่นโชว์ระดับประเทศในฐานะนายแบบหลักของคอลเลกชัน งานนี้เต็มไปด้วยแสงสี เสียงเพลง และผู้คนในวงการที่เต็มไปด้วยสีสัน
ปลายฟ้ายืนอยู่ด้านข้างเวที ดูแลคิวและเสื้อผ้าให้ธีร์อย่างเคร่งเครัด เธอพยายามรักษาระยะห่างจากเขาอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดหรือทำให้ความกลัวผู้ชายของเธอปะทุขึ้นมา
ธีร์เดินออกจากห้องแต่งตัวเพื่อเตรียมขึ้นแคทวอล์ก เขาอยู่ในชุดสูทสีเข้มที่ขับเน้นรูปร่างให้ดูสง่างามและอันตราย ในขณะที่กำลังเดินผ่านปลายฟ้า ธีร์ก็หยุดเล็กน้อย
“มือถือของผมอยู่ไหนครับปลายฟ้า” ธีร์ถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นทางการ แต่ดวงตาของเขากำลังมองสำรวจใบหน้าของเธอ
“อยู่... อยู่ในกระเป๋าสำรองค่ะคุณธีร์” ปลายฟ้าตอบอย่างตะกุกตะกัก พยายามหลบสายตา
ธีร์รู้ดีว่าเธอพยายามหลีกเลี่ยงเขา และนั่นทำให้เขารู้สึกแปลกใจระคนไม่พอใจ เพราะปกติผู้หญิงทุกคนต่างพยายามเข้าหาเขา ธีร์ยื่นมือออกไปแล้ว แกล้งแตะที่ไหล่ของปลายฟ้าเบาๆ ก่อนจะชักมือกลับอย่างรวดเร็ว
ปลายฟ้าสะดุ้งตัวเล็กน้อยทันที แม้จะเป็นเพียงการสัมผัสเพียงเสี้ยววินาที
“รีบเอามาให้ผมด้วยนะครับ” ธีร์กล่าวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กน้อย “ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวผมจะไม่มีกำลังใจนะครับ” ยิ่งเธอหลบเลี่ยงเขาก็ยิ่งอย่าแหย่
เขาเดินจากไปขึ้นแคทวอล์ก ทิ้งให้ปลายฟ้ายืนหายใจติดขัดอยู่ตรงนั้น ธีร์ไม่ได้ทำไปเพราะความชอบ แต่ทำไปเพราะอยากเห็นปฏิกิริยาที่แปลกแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่น การกระทำที่ดูเหมือนเป็นการรังเกียจของเธอ กลับเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขามากกว่าการเข้าหาใดๆ ทั้งหมด
ยัยนี่แปลกจริง
ปลายฟ้าปรากฏตัวที่คอนโดหรูของธีร์ในเช้าวันรุ่งขึ้นในชุดทำงานเรียบร้อย เธอรู้สึกประหม่าเมื่อยืนอยู่ตรงหน้าธีร์ ที่รอเธออยู่ในห้องทำงานส่วนตัวที่เต็มไปด้วยจอคอมพิวเตอร์และเอกสาร เขาไม่ได้มองเธอด้วยความอ่อนโยนเหมือนเมื่อวาน แต่สวมมาดนักธุรกิจที่เย็นชาและเคร่งครัด
ธีร์พูดเสียงเรียบว่า "ผมได้ให้เอกสรุปตารางงานให้คุณแล้ว วันนี้เรามีงานสำคัญสองอย่าง และผมมีเรื่องให้คุณต้องจัดการทันที"เขาเลื่อนสมุดแพลนเนอร์สีดำเล่มหนาให้ปลายฟ้า
"เอกสรุปตารางงานของผมมา แต่มันผิดพลาดไปหมด คุณต้องแก้ไขและยืนยันทุกอย่างใหม่ภายในหนึ่งชั่วโมง" ธีร์บอก
"ผิดพลาดตรงไหนคะ" ปลายฟ้าถามด้วยความไม่เข้าใจ
"แน่นอนว่ามันผิดพลาด! ในตารางมีนัดทานมื้อค่ำกับคุณริต้า เจนนิเฟอร์อยู่ด้วย" ธีร์ยิ้มเยาะเล็กน้อย
"แล้วมันผิดตรงไหนคะ" ปลายฟ้าถามต่อด้วยความสงสัย
"เพราะผมไม่อยากเจอเขาแล้ว" ธีร์ตอบอย่างไม่ใส่ใจ ริต้าเป็นคู่ขาเก่าของเขา เพราะตอนนี้เขารู้สึกสนใจคนตรงหน้านี้มากกว่า
"คุณริต้าเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงในเรื่อง ความพยายามที่จะเข้าถึงผม และผมไม่ต้องการให้เธอใช้ตารางงานของผมเพื่อสร้างข่าวลือ"
"คุณต้องโทรไปยกเลิกนัดนั้นซะ แต่ต้ต้องไม่ทำให้คุณริต้าหรือผู้จัดการของเธอรู้สึกว่าถูกดูหมิ่น บอกว่าผมติดงานด่วน ส่งของขวัญขอโทษเขาครับ แล้วหลังจากนี้ถ้าเขาติดต่อมาอีกให้ให้ปฏิเสธได้เลย"
ขณะที่ปลายฟ้ากำลังพยายามรวบรวมสติเพื่อจัดการปัญหาแรก ธีร์ก็ลากกล่องกระดาษขนาดใหญ่มาวางตรงหน้าเธอ
"นี่คือของขวัญที่ส่งมาถึงผมเมื่อวาน มีทั้งของขวัญจากแฟนคลับ ของจากแบรนด์ต่างๆ " ธีร์ชี้ไปที่กล่องกำมะหยี่สีแดงสดใสที่ดูแพง
"คุณเห็นกล่องนั้นไหม" ธีร์ถาม "มันมาจากผู้หญิงที่ผมเคยเป็นคู่ขาผม"
คำสั่งที่กร้านโลกและทำให้ปลายฟ้าอับอายแทน
"งานของคุณคือกันพวกเขาออกจากผมให้หมดครับ" ธีร์สั่งอย่างเย็นชา
ปลายฟ้ามองธีร์ด้วยความตกตะลึง การจัดการกับความรู้สึกของผู้หญิงคนอื่นที่ถูกเขาปฏิเสธอย่างเย็นชาเช่นนี้ เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคิดว่าจะต้องทำ
ธีร์นั่งลงที่โต๊ะทำงานอย่างสบายอารมณ์ เขายกกาแฟขึ้นจิบ
"และสุดท้าย" ธีร์เริ่มพูด "เช้านี้มีข่าวลือเล็กน้อยในกลุ่มปาปารัสซี่ว่า ผมไปเที่ยวบาร์หรูเมื่อสองอาทิตย์ก่อนกับผู้หญิงคนหนึ่งที่รูปร่างหน้าตาคล้ายคุณมาก" ปลายฟ้าหน้าซีด
"คุณไม่ต้องตกใจหรอก ข่าวไม่ได้มีหลักฐานอะไร" ธีร์บอกอย่างไม่ใส่ใจ
"แต่ผมต้องการให้คุณหาสำนักพิม์ของนิตยสารเล่มนั้น แล้วส่งภาพชุดใหม่ล่าสุดของผมไปให้พวกเขาลง เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของสาธารณะ "
ปลายฟ้ากำสมุดแพลนเนอร์แน่น เธอรู้สึกปวดหัวกับความซับซ้อนและความเย็นชาของโลกที่ธีร์อยู่ เงินก้อนโตนั้นคุ้มค่าแต่การต้องมานั่งจัดการกับความสัมพันธ์ที่แตกหักและข่าวลือของเขานั้นเป็นภาระทางจิตใจที่หนักอึ้งเกินกว่าที่เธอเคยเจอม
การทำงานในฐานะผู้ช่วยส่วนตัวของ ธีร์ วรโชติสกุล ทำให้ปลายฟ้าได้เห็นบุคลิกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงของเขาบทจะจริงจังกับงานก็เปลี่ยนเป็นที่จริงจังและเด็ดขาด
แต่บทจะไม่สนโลกของเขาก็ทำให้เธอแทบจะเลือดขึ้นหน้าบ่อยๆ ต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อเตรียมอาหารคลีนตามตารางที่ธีร์กำหนด ความยุ่งยากที่สุดคือการตามเก็บซาก 'ชีวิตปกติ' ที่แสนกร้านโลกของธีร์ และความพยายามจัดการ บุคลิกสองโหมด ของเขา
แต่นี้ก็เข้าเกือบสองสัปดาห์แล้วที่เธอทำหน้าที่นี้ มันก็ทำให้เธอเริ่มปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเจ้านายเธอได้บ้างแล้ว
“คุณไม่จำเป็นต้องนั่งนิ่งเหมือนตุ๊กตาให้ผมบูชาหรอก”
ธีร์พูดพร้อมกับหัวเราะ เป็นเสียงหัวเราะที่แตกต่างจากตอนทำงานอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้เขากำลังเล่นเกมมือถือเสียงดังอยู่ในห้องพักส่วนตัวหลังเลิกงาน
ปลายฟ้าถอดแว่นตาหนาออก เธอใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดเลนส์อย่างละเอียด เพื่อหลบเลี่ยงการสบตาตรง ๆ เธอไม่ได้ตอบโต้ แต่กำลังสรุปตารางงานอาทิตย์หน้าอย่างเงียบ ๆ
“ผมว่าคุณมานั่งดูผมเล่นเกมดีกว่านะ มันน่าสนใจกว่าไอ้ตารางงานน่าเบื่อพวกนี้เป็นไหน ๆ”
ธีร์ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เขาเป็นคนที่ไม่เคยคิดจะทำอะไรตามความคาดหวังของใคร ปลายฟ้าเงยหน้ามองเขาเล็กน้อย ก่อนจะพูดประชดด้วยน้ำเสียงที่พยายามควบคุมไว้
“ดิฉันต้องทำตามคำสั่งของคุณธีร์ที่อยู่ในโหมดทำงานค่ะ ไม่ใช่คำสั่งของคุณธีร์ในโหมดไม่สนโลก”
เธอพูดเน้นโหมดที่แตกต่างของชายหนุ่ม เธอไม่ได้รับเสียงตอบรับอื่นใดกลับมานอกจากเสียงหัวเราะในลำคอ
ธีร์หยุดเล่นเกมทันที เขาวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะข้างๆ แล้วเดินเข้าหาปลายฟ้าอย่างช้าๆ กลิ่นน้ำหอมเย็นๆ ของเขาลอยเข้ามาใกล้ทำให้ปลายฟ้าตัวเกร็งทันที ปฏิกิริยาอัตโนมัติของความหวาดกลัวผู้ชายปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน
ธีร์เห็นอาการเกร็งตัวของเธออย่างชัดเจน แววตาที่เจ้าชู้ของเขาเปลี่ยนเป็นความสนใจมากขึ้น เขาใช้มือปัดผ่านนิ้วของเธอเบา ๆ ขณะที่กำลังหยิบปากกา ปลายฟ้าชักมือกลับทันทีราวกับถูกไฟช็อต สีหน้าของเธอซีดเผือด
“ไวดีนี่... กลัวผมขนาดนั้นเลยเหรอ?” ธีร์ยิ้มเยาะอย่างเจ้าเล่ห์ เขาไม่ได้แสดงความเห็นใจแต่เป็นการ ตั้งคำถามเพื่อสำรวจบาดแผลของเธอ
เธอไม่ได้เล่นละคร... เธอเป็นแบบนี้จริง ๆ
ความคิดของธีร์ขัดแย้งกับสิ่งที่เขาตัดสินเธอในคืนนั้นอย่างรุนแรง
23:00 น. บาร์ลับใจกลางย่านทองหล่อ
ปลายฟ้ายืนพิงเสาอยู่ด้านนอกร้านเหล้าชื่อดังมาเกือบชั่วโมงแล้ว ความง่วงเข้าครอบงำอย่างรุนแรง เพราะช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเธอต้องทำงานอย่างหนักเพื่อจัดการตารางงานที่แสนวุ่นวายของธีร์ เวลาที่ธีร์นัดให้มารับนั้นเลยมานานแล้ว แต่เขายังไม่มีทีท่าว่าจะออกมาเลย ความไม่พอใจเริ่มก่อตัวขึ้น เธอรู้สึกว่าถึงแม้จะเป็นผู้ช่วยส่วนตัว แต่เขาก็ไม่ควรจะปล่อยให้เธอต้องรออย่างไร้จุดหมายเช่นนี้ ปลายฟ้าตัดสินใจก้าวเข้าไปในบาร์
เธอสวมชุดสีดำเรียบๆ ที่ทำให้เธอดูกลืนหายไปในความมืด เธอไม่ต้องการความสนใจ และเธอต้องการให้เรื่องนี้จบลงเร็วที่สุด
เธอเดินตรงไปยังมุมวีไอพีที่มืดสลัวและเห็นธีร์กำลังนั่งอยู่ เขาดูผ่อนคลายและมีเสน่ห์ดึงดูดอย่างร้ายกาจ ที่โต๊ะของเขามีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งเบียดอยู่ข้างๆ เธอคนนั้นอยู่ในชุดเดรสสีแดงรัดรูปและหัวเราะคิกคักกับคำพูดของธีร์
ปลายฟ้ายืนรออยู่พักหนึ่งเพื่อให้เกียรติความเป็นส่วนตัวของเจ้านาย แต่เมื่อเวลาล่วงเลยไปอีกสิบนาที เธอก็ก้าวเข้าไปใกล้โต๊ะ
“คุณธีคะ ถ้าคุณยังไม่อยากกลับตอนนี้ คุณน่าจะบอกฟ้าก่อนนะคะ” ปลายฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงที่ควบคุมความหงุดหงิดไว้ได้อย่างยากลำบาก เธอไม่ใช้สรรพนามเป็นทางการนัก เพราะความง่วงทำให้มารยาทของเธอตกหล่นไปบ้าง
ธีร์หันมามองเธอ เขาน่าจะลืมไปแล้วว่านัดให้ใครมารับ เขาผลักร่างของผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ออกไปเล็กน้อยเพื่อหันหน้ามาหาปลายฟ้า
ผู้หญิงชุดแดงมองปลายฟ้าตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร
“เธอเป็นใครน่ะ? เข้ามาขัดจังหวะอะไร”
“กลับก็กลับสิ” ธีร์เมินคำถามของผู้หญิงคนนั้น เขาหยิบเสื้อแจ็คเก็ตขึ้นมาพาดบ่า
ธีร์เดินออกมาจากโต๊ะ เขาทำเป็นเซถลาเล็กน้อย ราวกับจะแกล้งว่าเมา และเดินเข้ามาใกล้ปลายฟ้า เขาทำท่าจะเอนตัวลงมาซบไหล่ของเธอ ทันทีที่ร่างกายของธีร์สัมผัสกับปลายฟ้า ร่างกายของเธอก็แข็งเกร็งขึ้นอย่างรุนแรง
ความทรงจำอันเลวร้ายในคืนนั้นพุ่งกลับเข้ามา กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ปนกับกลิ่นน้ำหอมผู้ชาย... สัมผัสที่ไม่ได้รับอนุญาต...
ปลายฟ้าไม่สามารถควบคุมปฏิกิริยาของตัวเองได้อีกต่อไป สัญชาตญาณในการป้องกันตัวถูกกระตุ้นขึ้นอย่างฉับพลัน เธอออกแรงผลักธีร์ออกจากตัวอย่างแรง “อย่า!” เธอหลุดอุทานออกมาเสียงดัง
ผลักโครม!
ธีร์ที่ไม่ทันระวังตัวจากแรงผลักที่รุนแรงของเธอ ถึงกับเสียหลักล้มลงไปนั่งกับพื้นอย่างไม่เป็นท่า
เสียงร้อง “ว้าย!” ของผู้หญิงชุดแดงและเสียงซุบซิบของแขกในบาร์ดังขึ้นทันที เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและน่าอับอาย ด้วยแรงกระแทกที่พื้น ทำให้ธีร์ตื่นเต็มตาจากอาการมึนเมาทันที
เขาลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว เขาไม่เคยถูกผู้หญิงคนไหนทำเช่นนี้มาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ช่วยส่วนตัว
ธีร์จ้องมองปลายฟ้าด้วยสายตาที่เปลี่ยนจากความอ่อนโยนเมื่อวันก่อน กลับมาเป็นความเคืองและอำนาจที่ควบคุมไม่ได้ แววตาของเขาบ่งบอกว่า เธอได้ก้าวข้ามเส้นบางๆ ที่เขากำหนดไว้แล้ว
ส่วนปลายฟ้ารู้สึกผิดและความหวาดกลัวที่ปะปนกัน เธอเพิ่งตระหนักว่าปฏิกิริยาอัตโนมัติของเธอได้ทำลายทุกสิ่งที่ธีร์พยายามจะสร้างขึ้นระหว่างพวกเขา
“คุณ...” เขาเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่กดต่ำและเย็นชา ก่อนที่จะหันหลังเดินออกจากบาร์ไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่พูดอะไรกับเธออีก ปลายฟ้ายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ราวกับถูกตรึงด้วยสายตาของผู้คนรอบข้าง
หลังเหตุการณ์วุ่นวายในบาร์ ธีร์เลือกที่จะเดินออกไปจากร้านทันทีโดยไม่สนใจสายตาใคร ปลายฟ้าวิ่งตามออกไปอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นตระหนกและสำนึกผิด เธอรีบเปิดประตูรถของตัวเอง
“คุณธีร์คะ... ให้ฟ้าขับไปส่งที่คอนโดนะคะ” ธีร์ที่ยืนพิงเสาอยู่สูดลมหายใจเข้าลึก เขามองเธอด้วยสายตาเย็นชา แต่แววตาไม่ได้แสดงความอาฆาต
“ไม่จำเป็นครับ” เขาตอบสั้นๆ ธีร์โบกมือเรียกแท็กซี่ที่วิ่งผ่านมาทันที เขาเปิดประตูรถแล้วหันกลับมามองปลายฟ้า
“กลับไปพักผ่อนได้เลยครับ” ธีร์พูดด้วยน้ำเสียงที่ลดระดับลง แต่ยังคงสั่งการ “พรุ่งนี้เช้า... อย่ามาสาย”
พูดจบ ธีร์ก็ทรุดตัวลงบนเบาะหลังของแท็กซี่ เขายังไม่ทันปิดประตูดี ก็ทำเป็นหลับไปในทันที โดยไม่เปิดโอกาสให้ปลายฟ้าได้พูดอะไรอีก
ปลายฟ้าได้แต่มองตามรถแท็กซี่ที่เคลื่อนออกไปจนลับตา เธอรู้ว่าเขาไม่ได้หลับจริง แต่เขากำลัง ‘ลงโทษ’ เธอด้วยการปฏิเสธการพูดคุย
ตลอดการขับรถกลับไปยังหอพักของตัวเอง ปลายฟ้าจมอยู่กับความคิดและความรู้สึกผิด
เช้าวันต่อมา ปลายฟ้ามาถึงคอนโดของธีร์ตรงเวลา เธอจัดเตรียมตารางงาน เอกสาร และอาหารเช้าไว้ตามปกติ แต่บรรยากาศในห้องทำงานเงียบกริบจนน่าอึดอัด
ธีร์เข้ามาในห้องทำงาน เขาหยิบกาแฟขึ้นจิบ เขาทำงาน อ่านเอกสาร และสั่งงานปลายฟ้าเป็นประโยคสั้นๆ เท่านั้น
“ย้ายนัดสัมภาษณ์ไปเป็นบ่ายโมง” ธีร์พูดขึ้นเสียงเรียบ ปลายฟ้าหันไปมองต้นเสียง ธีร์นั่งทำงานไม่แม้จะเงยหน้าขึ้นมาสบตาเธอ
“ตรวจสอบเอกสารการเงินนี้อีกครั้ง”
“ส่งอีเมลนี้ถึงเอก” เขาใช้คำพูดที่จำเป็นเท่านั้น และ เขาไม่สบตาเธอเลย
“คุณธีร์คะ เรื่องเมื่อคืน...” ปลายฟ้าพยายามที่จะขอโทษหลายครั้ง
“ไม่เป็นไรครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขัดเธอทันที
ความเงียบที่แผ่ซ่านออกมาจากธีร์มันทำให้ปลายฟ้าทรมานยิ่งกว่าการถูกตะคอก เธอรู้ว่าเขาไม่ได้โกรธแบบพลุ่งพล่านแล้ว แต่เขากำลังปิดกั้นตัวเองจากเธอ
ปลายฟ้ารู้สึกว่าเธอต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อทำลายกำแพงแห่งความเงียบนี้ ความอึดอัดนี้ทำให้เธอหายใจลำบาก
เธอรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี เธอเดินเข้าไปใกล้เก้าอี้ทำงานของธีร์ ที่กำลังจดจ่ออยู่กับการตรวจสอบบทภาพยนตร์
ปลายฟ้าตัดสินใจใช้แผนที่เสี่ยงที่สุด การสัมผัส เธอโน้มตัวลงไปเล็กน้อย ยื่นมือออกไปสัมผัสที่ไหล่กว้างของเขาอย่างแผ่วเบา แม้จะเป็นการสัมผัสที่สั่นเครือ
“คุณธีร์คะ...” เธอพูดเสียงเบาที่สุด เธอก้มหน้ามองเท้าตัวเอง
“ฟ้าขอโทษจริงๆ ค่ะ เรื่องเมื่อคืน... มันเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติของฟ้าเอง... ฟ้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายคุณเลยนะคะ”
ทันทีที่ปลายนิ้วของเธอแตะลงบนเสื้อเชิ้ตของธีร์ ร่างกายของธีร์ก็แข็งเกร็งขึ้นทันที เขาหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมด และค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองปลายฟ้า
แววตาของธีร์ที่เคยเย็นชาเมื่อครู่ เปลี่ยนเป็นความประหลาดใจอย่างรุนแรง เพราะตลอดเวลาที่รู้จักกัน ปลายฟ้าเป็นฝ่ายที่พยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสตัวเขามาโดยตลอด แต่การสัมผัสในตอนนี้... เป็นการสัมผัสที่เธอริเริ่มเอง
เขากำลังมองเธอด้วยสายตาที่ซับซ้อน รอคอยว่าเธอจะทำอะไรต่อไป... และรอคอยว่าเธอจะหนีไปอีกหรือไม่
หลายวันผ่านไป กิจวัตรของปลายฟ้ายังคงเหมือนเดิม ตื่นเช้ามาทำอาหารคลีนให้ธีร์ จัดตารางงานที่แสนจะยุ่งเหยิงของเขา และคอยตามเก็บซากเขาที่ชอบไปเมาที่บาร์ การทุ่มเททำงานอย่างหนักทำให้ปลายฟ้าดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัดธีร์เห็นปลายฟ้าที่สวมเสื้อเชิ้ตเชยๆ กับกางเกงทำงานตัวหลวม ๆ พร้อมแว่นตาหนา ๆ ก็นึกถึงวันแรกที่เจอกันไม่ได้“ฟ้าครับ!” ธีร์เรียกเสียงดังขณะที่เขากำลังเล่นเกมมือถืออยู่ “วันนี้งานผมว่างทั้งวัน ตารางงานคุณก็ว่างใช่ไหม”“ค่ะ”“ดี งั้นไปดูชุดกัน” ธีร์สั่งอย่างเอาแต่ใจ “การที่ผู้จัดการของผมดูไม่ดี มันกระทบต่อภาพลักษณ์ของผมด้วยนะครับ”ปลายฟ้าไม่สามารถปฏิเสธคำสั่งของเขาได้ ธีร์พาเธอไปช้อปปิ้งใน ห้างสรรพสินค้าหรูทันที เขาใช้เวลาเลือกเสื้อผ้าและเครื่องประดับให้เธออย่างพิถีพิถันราวกับกำลังเลือกเสื้อผ้าให้ตัวเองเขาบังคับให้เธอเปลี่ยนจากแว่นตาหนาๆ เป็น คอนแทคเลนส์ ทำให้ดวงตาคู่สวยแต่เศร้าของเธอปรากฏออกมาอย่างชัดเจน ตามด้วยการพาไปตัดผมและแต่งหน้าใหม่“ใส่ชุดนี้” ธีร์ยื่น เดรสเข้ารูปสีน้ำเงินเข้มที่โชว์เรียวขา ให้เธอ “ผมเสียดายความสวยของคุณ”กว่าจะได้ชุดที่ถูกใจและธีร์จะอนุมัติก็เกือบเย็นปล
วันรุ่งขึ้น ธีร์สั่งให้คนจัดการย้ายของใช้ที่จำเป็นของปลายฟ้ามาที่เพนเฮ้าส์ของเขาทันที ด้วยข้ออ้างว่าที่พักเธอมันไม่ปลอดภัยเพนเฮ้าส์นี้ของธีร์ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองเป็นห้องเพนเฮ้าส์ขนาดใหญ่บนชั้นสูง มองเห็นวิวเมืองยามค่ำคืนได้อย่างตระการตา ลักษณะของห้องเป็นสไตล์โมเดิร์นลอฟท์ที่เน้นความโปร่งโล่ง ผนังส่วนใหญ่เป็นกระจกใสจากพื้นจรดเพดาน เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นหนังสีเข้มและโลหะ ซึ่งสะท้อนรสนิยมที่ดูดีและเรียบง่ายแต่แฝงความหนักแน่นของเขาภายในห้องมีพื้นที่จัดสรรไว้อย่างเป็นสัดส่วน มีห้องนอนแยกกันสองห้องโดยห้องหนึ่งเป็นห้องนอนใหญ่ของธีร์ และอีกห้องเป็นห้องนอนที่จัดเตรียมไว้สำหรับปลายฟ้า ห้องทำงานขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ถ่ายภาพและเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัย พื้นที่นั่งเล่นขนาดกว้าง ที่ปูด้วยพรมสีเทาเข้มขนาดใหญ่ปลายฟ้าจัดข้าวของเพียงเล็กที่เธอเอามา น้อยเข้ามาในห้องรับรองของเพนเฮ้าส์หรูของธีร์เรียบร้อยแล้วเธอออกมาจากห้องและกำลังเดินผ่านห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งอย่างหรูหรา จู่ๆ สายตาของเธอก็ปะทะเข้ากับสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่นอนแผ่หลาอยู่บนพรมขนแกะนั่นคือฟีนิกซ์แมวพันธุ์เบงกอลตัวอ้วนกลม ที่ม
แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องนอนใหญ่ ธีร์ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างเชื่องช้า เขายังคงอยู่ในท่าเดิม โอบกอดปลายฟ้าไว้แนบชิด ร่างกายของเธออุ่นขึ้นมากแล้ว แต่เธอยังคงซุกตัวอยู่กับอกของเขาด้วยความไว้ใจอย่างเต็มที่โดยไม่รู้ตัวธีร์รู้สึกว่านี่เป็นเช้าที่สงบที่สุดในรอบหลายปี เขาไม่ปรารถนาที่จะลุกขึ้น ไม่ปรารถนาที่จะกลับไปสู่โลกที่กร้านโลกภายนอก เขาเพียงแค่อยากกอดผู้หญิงที่เปราะบางคนนี้ไว้เฉยๆเขาลูบเส้นผมที่แห้งแล้วของเธอเบาๆ ปลายฟ้าในอ้อมกอดของเขาบอบบางเหลือเกิน เหมือนกับแก้วที่พร้อมจะแตกสลาย มันทำให้เขามีความรู้สึกอยากปกป้องปลายฟ้าค่อยๆ ขยับตัว เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ไม่คุ้นเคย เธอลืมตาขึ้นช้าๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมอง เห็นใบหน้าคมคายของธีร์อยู่ใกล้แค่ปลายจมูกสติของเธอพลันกลับมาครบถ้วน เธอจำได้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน และใครกำลังกอดเธออยู่! ร่างของปลายฟ้าแข็งเกร็งขึ้นทันทีเธอรีบถอยห่างอย่างรวดเร็ว เหมือนกับลูกแมวตัวน้อยที่ถูกปลุกจากภวังค์ ร่างกายของเธอทำท่าจะตั้งขนขู่ แต่เธอไม่มีพละกำลังพอที่จะผลักเขาได้ เธอทำได้เพียงใช้ข้อศอกดันหน้าอกเขาไว้เบาๆ เพื่อสร้างระยะห่างเท่านั้นเขาเห็นแววตาที่เต็มไปด
หลายวันผ่านไปแสงบ่ายอ่อนๆ สาดเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่ของคอนโด ธีร์ออกไปถ่ายแบบนิตยสารตั้งแต่เช้า และน่าจะกลับมาในช่วงเย็น ปล่อยให้ปลายฟ้าอยู่คนเดียวในห้องทำงานที่เงียบสงบปลายฟ้ากำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ทำงานที่น่าเบื่อที่สุดอย่างการ จัดการเอกสารค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้รับการอนุมัติ ซึ่งหลายรายการเป็นของใช้ส่วนตัวของธีร์ที่ฟุ่มเฟือยจนน่าตกใจ เธอสวมเสื้อเชิ้ตเรียบๆ และทำงานด้วยสมาธิเต็มที่โทรศัพท์มือถือของเธอที่ตั้งเป็นระบบสั่นอยู่บนโต๊ะทำงาน ดังขึ้นเบาๆ ชื่อ ‘โอม’ ปรากฏขึ้นบนหน้าจออีกครั้งปลายฟ้าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ความรู้สึกผิดที่ไม่ได้คุยกับแฟนหนุ่มอย่างจริงจังมาหลายวัน ทำให้เธอตัดสินใจรับสาย เธอหยิบโทรศัพท์แล้วลุกเดินออกไปยังระเบียงห้องทำงานที่ติดกับวิวเมือง เพื่อสร้างพื้นที่ส่วนตัวเล็กๆ“ฮัลโหลค่ะพี่โอม” เธอพูดเสียงเบา“ทำไมเพิ่งรับสาย ฟ้า พี่คิดถึง” “ฟ้าทำงานอยู่ค่ะ เลยรับช้า พี่โอมว่างหรอคะ” ปลายฟ้าได้ยินเสียงกรุกกรักมาจากปลายสายแทนเสียงคำพูด“ใช่ครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ออกเวร ฟ้าว่างไหม ไปกินข้าวกัน”“เอิ่ม แปปนะคะพี่โอม ฟ้าดูตารางแปปนึง” ปลายฟ้าเช็คตารางงารข
ในช่วงที่ปลายฟ้าเพิ่งเริ่มทำงานเป็นผู้ช่วยของธีร์ใหม่ๆ และยังมีความเกร็งในความสัมพันธ์กับเขาปลายฟ้าได้รับมอบหมายให้ติดตามธีร์ไปร่วมงานแฟชั่นโชว์ระดับประเทศในฐานะนายแบบหลักของคอลเลกชัน งานนี้เต็มไปด้วยแสงสี เสียงเพลง และผู้คนในวงการที่เต็มไปด้วยสีสันปลายฟ้ายืนอยู่ด้านข้างเวที ดูแลคิวและเสื้อผ้าให้ธีร์อย่างเคร่งเครัด เธอพยายามรักษาระยะห่างจากเขาอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดหรือทำให้ความกลัวผู้ชายของเธอปะทุขึ้นมาธีร์เดินออกจากห้องแต่งตัวเพื่อเตรียมขึ้นแคทวอล์ก เขาอยู่ในชุดสูทสีเข้มที่ขับเน้นรูปร่างให้ดูสง่างามและอันตราย ในขณะที่กำลังเดินผ่านปลายฟ้า ธีร์ก็หยุดเล็กน้อย“มือถือของผมอยู่ไหนครับปลายฟ้า” ธีร์ถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นทางการ แต่ดวงตาของเขากำลังมองสำรวจใบหน้าของเธอ“อยู่... อยู่ในกระเป๋าสำรองค่ะคุณธีร์” ปลายฟ้าตอบอย่างตะกุกตะกัก พยายามหลบสายตาธีร์รู้ดีว่าเธอพยายามหลีกเลี่ยงเขา และนั่นทำให้เขารู้สึกแปลกใจระคนไม่พอใจ เพราะปกติผู้หญิงทุกคนต่างพยายามเข้าหาเขา ธีร์ยื่นมือออกไปแล้ว แกล้งแตะที่ไหล่ของปลายฟ้าเบาๆ ก่อนจะชักมือกลับอย่างรวดเร็วปลายฟ้าสะดุ้งตัวเล็กน้อยทันที แม้จะเป
ปลายฟ้าพยายามใช้ชีวิตเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอจมอยู่กับกองงานเบื้องหลังที่หนักหน่วง และหลีกเลี่ยงการดื่มอย่างเด็ดขาดเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองควบคุมไม่ได้อีกวันนี้กองถ่ายโฆษณาของแบรนด์นาฬิกาหรูดูวุ่นวายกว่าปกติและพระเอกของงานคือ ธีร์ วรโชติสกุลธีร์ไม่ได้จำได้แม่นยำว่าผู้หญิงในคืนนั้นคือใคร ใบหน้าของเธอภายใต้แสงไฟสลัวและฤทธิ์แอลกอฮอล์นั้นเลือนราง แต่เขายังคงจำความหงุดหงิดที่ต้องตื่นมาพบว่าเธอหนีไปเขามองไปยังปลายฟ้าที่กำลังจัดอุปกรณ์อยู่มุมหนึ่งของฉาก เขาจำเสื้อผ้าและท่าทางที่ดูคุ้นตาได้เพียงเลือนรางเท่านั้น เขาจ้องมองเธอด้วยสายตาที่สงสัยและพยายามประเมินอยู่เงียบ ๆผู้หญิงคนนี้... มันคุ้นตาอย่างน่าประหลาด ธีร์คิด“ฟ้า มาช่วยฉันยกกล่องนี้หน่อยสิ” เสียงเรียกจากเพชรสไตลิสต์สาวดังขึ้นอย่างไม่เป็นมิตรนักขณะที่ปลายฟ้ากำลังพยายามยกกล่องอุปกรณ์ขนาดใหญ่ออกมา เพชรก็แกล้งสะดุดขาตัวเองเบา ๆ ทำให้ร่างของเธอชนเข้ากับปลายฟ้าอย่างจังโครม!ปลายฟ้าเซถลาพร้อมกับกล่องอุปกรณ์ร่วงลงพื้น ข้อศอกและหัวเข่าของเธอครูดไปกับพื้นคอนกรีตอย่างแรง“โอ๊ย! เธอเดินยังไงของเธอเนี่ยยัยฟ้า! ดูสิ อุปกรณ์ฉันเกือบพัง!” เพช







