“อ๊ะ” ตาคู่สวยเบิกโพลงเมื่อรับรู้ได้ถึงความเจ็บตรงซอกคอ ม่านตาของเธอยิ่งขยายเพิ่มขึ้นเมื่อเห็นว่าใครคนหนึ่งกำลังซุกไซร้และฝากรอยรักไว้ที่ซอกคอของเธอ“ตื่นแล้วเหรอ” เขาถามด้วยเสียงกระเส่า‘ตื่นเพราะนายนั่นแหละ’ เธอบ่นในใจก่อนจะสะดุ้งเฮือก เมื่อเรื่องราวก่อนที่เธอจะหลับไปมันวิ่งเข้ามาในหัว ใบหน้าร้อนผ่าวราวกับยืนอยู่หน้าเปลวไป“คุณจะทำอะไร” เธอเอามือดันอกของเขาไว้“มาต่อกันเถอะ เมื่อหัวค่ำเธอหนีหลับไปก่อน” ไม่รู้เพราะอะไรเขาถึงนอนไม่หลับ ร่างกายเกิดปฏิกิริยาแปลก ๆ ตลอดเวลา จะโทษว่าเธอแอบใส่ไวอาก้าในเหล้าให้เขาดื่มก็ไม่ได้เพราะตอนอยู่ในคลับเธอไม่ได้รินเหล้าให้เขาแม้แต่แก้วเดียว“พอแล้ว” น้ำตาลพยายามถอยหนี แต่กลับโดนเขาจับขาไว้ “อ๊ะ...อ๊า”น้ำตาลเผลอครางออกมา เมื่ออยู่ ๆ ไคล์ก็ดันเอ็นร้อนเข้ามาในคราวเดียวและไม่ได้เว้นจังหวะให้เธอได้หายใจ เขาขยับเอวสอบเร็วและแรงเหมือนใกล้จะเสร็จ เธอต้องยอมให้เขาสอดใส่เข้ามากี่ครั้งกี่หนเขาถึงจะพอใจ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้าเขาก็ทำไปหลายรอบแล้ว ที่เธอหลับก็ไม่ใช่ความผิดของเธอ เขานั่นแหละที่ไม่ยอมหยุดเธอเลยทนไม่ไหวจนหมดแรงแล้วหลับไปแขนเรียวสองข้างโอบกอดรอบแผ่นหลัง
กึด!“อ๊ะ” น้ำตาแห่งความเจ็บปวดเอ่อล้นขึ้นภายในดวงตาคู่สวยที่กำลังเบิกกว้าง ตอนนี้ในสมองของเธอขาวโพลนไปหมด แล้วหยดน้ำใส ๆ ก็ค่อย ๆ ไหลลงไปทางหางตาเมื่อดวงตาคู่นั้นปิดสนิทลง น้ำตาลทำได้แต่คร่ำครวญอยู่ในใจเพราะเวลานี้เธอคงแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว คงต้องปล่อยให้มันเป็นไปไคล์ก้มมองหน้าคนตรงหน้า นี่มันเกิดอะไรขึ้นทำไมเขาถึงเกิดความรู้สึกบางอย่าง จึงก้มมองส่วนที่เชื่อมต่อกัน‘เป็นไปได้ยังไง’ เขาไม่อยากจะเชื่อสายตา“ฮึก ๆ” เสียงสะอื้นทำให้ไคล์ละสายตาจากส่วนนั้นมามองหน้าเจ้าของเสียงอีกครั้ง ใบหน้าเหยเกของเธอยิ่งทำให้เขาเริ่มสับสน“เจ็บใช่มั้ย” เขาโน้มตัวลงไปแล้วใช้มือข้างหนึ่งรองศีรษะของน้ำตาลเอาไว้ ความคับแน่นทำให้เขารู้สึกปวดมันแน่นจนเขาขยับต่อแทบไม่ได้น้ำตาลไม่ได้ตอบ แต่เธอพยักหน้าทั้ง ๆ ที่ยังคงหลับตาอยู่ เธอไม่คิดว่ามันจะเจ็บถึงขนาดนี้ ฉะนั้นเธอต้องอดทนให้ถึงที่สุด“อย่าเกร็งสิ” นี่คงเป็นเหตุผลที่เขาไม่สามารถดันเข้าไปได้จนสุด เขาสัมผัสได้ว่าเธอเกร็งไปทั้งตัว “ผ่อนคลายหน่อย พอฉันดันเข้าไปจนสุดเธอก็จะรู้สึกดีขึ้น”เสียงกระซิบข้างหูทำให้ใบหน้าหวานเห่อร้อน เธอรู้สึกว่าน้ำเสียงของเขามันช่างแต
หมั่บ!!ไคล์ก้าวเท้าออกจากลิฟต์ เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ากำลังหมุนตัวกลับ‘คิดจะปฏิเสธฉันอย่างนั้นเหรอ มาถึงขั้นนี้แล้วคิดว่าฉันจะปล่อยไปง่าย ๆ หรือไง’“มานี่เลย” เขาจับแขนน้ำตาลไว้แล้วดึงเข้ามาในลิฟต์“ปล่อยนะ คุณจะทำอะไรเนี่ย”“ฉันจะจ่ายให้เธอสิบเท่า” เขาโพล่งออกมา“สิบเท่า?” น้ำตาลตาลุกวาว “หนึ่งล้านเลยเหรอ”‘นี่มันเกินกว่าที่ฉันคิดไว้อีก’ น้ำตาลชำเลืองมองคนที่กำลังรั้งเธออยู่ ‘แปลกคน ตอนที่ฉันเสนอตัวให้ฟรี ๆ ไม่เอา มาตอนนี้เป็นอะไรของเขานะถึงได้บอกว่าจะจ่ายให้เยอะขนาดนั้น’“ที่ทำเป็นเล่นตัวเพราะจะอัพค่าตัวเหรอ ที่ฉันกล้าทุ่มขนาดนี้อย่าคิดว่าฉันจะหลงใหลในตัวเธอนะ”“ห๊ะ...” น้ำตาลหันไปมองใบหน้าของชายหนุ่มก่อนจะบ่นพึมพำคนเดียว “ฉันคิดแบบนั้นตอนไหน”“แล้วอย่าคิดว่าเธอมีค่าเท่ากับเงินที่ฉันจะให้”“...” เธอไม่ทันได้พูดอะไรสักคำ ยังไม่ทันคิดอะไรด้วยซ้ำ‘ปากร้ายชะมัดผู้ชายคนนี้’ถึงจะคิดแบบนั้น แต่สุดท้ายน้ำตาลก็ยอมขึ้นไปบนห้องของไคล์ ทั้งคู่เดินมาหยุดอยู่ตรงโซฟาหลังใหญ่โดยไม่มีใครเอ่ยประโยคใด ๆ ออกมา ความเงียบกำลังครอบคลุมพื้นที่ หัวใจของน้ำตาลเริ่มเต้นรัวราวกับกลองรบที่ดังกึกก้องในห้วงอกอี
ดูเหมือนจะไม่ได้เกิดปัญหาระหว่างที่ทั้งคู่นั่งร่วมโต๊ะดื่มเหล้ากันเลยแม้แต่น้อย มีเพียงน้ำตาลเท่านั้นที่เธอมองว่านี่เป็นปัญหา เธอคิดว่าผู้ชายที่นั่งข้างเธอสมองของเขาต้องมีปัญหาแน่ ๆ เพราะเขาเอาแต่พูดว่ารู้จักกับเธอเหมือนพยายามจะโอ้อวดซีห่าว ส่วนซีห่าวก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวหรือตามไม่ทันก็ไม่รู้ เพราะเขาก็เอาแต่เล่าเรื่องของตัวเอง สรุปพูดคนละเรื่องกัน“ฉันว่าคุณคงจะเมาแล้ว”“ยัง” เขาหันมามองน้ำตาลก่อนจะหันกลับไปพูดกับซีห่าว “ดื่มต่อเถอะครับ”“ครับ ครับ” ซีห่าวชูแก้วในมือขึ้น เหมือนทั้งคู่จะเข้าขากันดี“หมอเดี๋ยวนี้ชอบจีบคนไข้นะครับ” ไคล์พูดประโยคแปลก ๆ ออกมา“คุณพูดถึงผมหรือเปล่า หรือพูดถึงหมอที่คุณรู้จัก” ซีห่าวเอียงหน้ามอง ทำไมพอได้ยินประโยคนั้นแล้วมันทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ“ก็...อุ๊ป” น้ำตาลรีบเอามือปิดปากไคล์ไว้ ทำไมอยู่ ๆ ถึงได้พูดเรื่องไร้สาระกันนะ“ผมน่ะ ยังไม่เคยจีบคนไข้สักคนเลยนะ แต่ที่คุณพูดมาก็ถูกเพราะหมอในโรงพยาบาลที่ผมรู้จักก็มีหลายคนที่แต่งงานกับคนไข้ เขาคงอยากฝากผีฝากไข้กับหมอแหละครับ”“หมอซี ฉันว่าคุณแยกออกมาจากกลุ่มของคุณนานแล้วนะคะ” น้ำตาลพูดตัดบทก่อนที่เรื่องมันจะวุ่นวายไ
ภายในห้องเช่าราคาถูกขนาดเล็ก แสงแดดสลัวลอดผ่านหน้าต่างบานเก่าที่ปิดทึบด้วยผ้าม่านสีซีด พื้นห้องปูด้วยกระเบื้องเย็นชื้น มีกลิ่นเหม็นอับชื้นลอยอบอวลไปทั่ว หญิงสาวที่เพิ่งลืมตาตื่นควานหาโทรศัพท์ที่เธอวางมันไว้ตรงไหนสักที่บนที่นอนเล็ก ๆ นี้ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด“ใครนะโทรมาตั้งแต่เช้า” เธอบ่นพลางพลิกหน้าจอโทรศัพท์ดูชื่อที่ถูกบันทึกไว้ ทันทีที่เห็นว่าเป็นสายของใครเธอก็รีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งตัวตรง “สะ...สวัสดีค่ะ”‘คืนนี้เตรียมตัวให้พร้อม’“คะ...คืนนี้เหรอคะ”‘ใช่ เธอมีปัญหาอะไร’“คือว่า...” น้ำตาลหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพูดประโยคถัดไป “เขาไม่ยอมให้ฉันเข้าใกล้เลย แล้วแบบนี้ฉันจะทำมันสำเร็จได้ยังไง”‘นั่นมันเป็นปัญหาของเธอ ตอนแรกฉันให้เวลาเธอแค่หนึ่งอาทิตย์ซึ่งมันอาจจะน้อยไป แต่ตอนนี้เวลามันล่วงเลยมาจนเข้าอาทิตย์ที่สามแล้ว เธอควรจะทำมันให้สำเร็จได้แล้ว’“ขอเวลาอีกหน่อยไม่ได้เหรอคะ”‘ฉันให้เวลาเธอมามากแล้ว ถ้าเธออยากหยุดฉันก็มีทางเลือกให้’"ฉันต้องทำยังไงคะ” เธอรู้เหมือนมีความหวัง‘ไม่ต้องทำไง แค่รอจัดงานศพก็พอ เพราะฉันจะขายอวัยวะภายน้องชายของเธอใช้หนี้ แล้วค่อยส่งร่างไร้วิญญาณให้เธอ’“ไม่นะ ฉันจะทำมันเอ
“เรียบร้อยแล้วใช่มั้ย”“คุณยังไม่กลับอีกเหรอ” น้ำตาลเอียงหน้ามองคนที่ยืนกอดอกแล้วพิงผนังบริเวณหน้าห้องตรวจ เธอเข้าใจว่าเขากลับไปตั้งแต่เดินออกจากห้องตรวจแล้ว “ฉันจะไปรอรับยา"“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันให้ลูกน้องไปรับแทน”“ฉันไปรอรับเองดีกว่า จะได้จ่ายค่ายาด้วย”“ไม่ได้ยินที่ฉันบอกหรือไง”“ฉันต้องไปจ่ายค่ายา” เธอย้ำกับเขา“ฉันจัดการให้แล้ว เธอแค่ตามฉันมา” ก่อนที่น้ำตาลจะออกมา เขาได้แจ้งกับพยาบาลว่าค่าใช้จ่ายในการรักษาของเธอให้เรียกเก็บจากเขาน้ำตาลนิ่งคิด เมื่อเขาว่าแบบนั้นก็คงต้องเป็นแบบนั้น ถึงเธอจะโต้แย้งไปก็ไม่มีประโยชน์ คิดในแง่ดีเขาคงเริ่มชอบเธอบ้างแล้ว ถึงจะเป็นเรื่องมโนก็เถอะ“ไปไหนคะ”“...” ไม่มีคำตอบใด ๆ ให้น้ำตาลแต่เขากลับเดินนำหน้าเธอไปด้วยความมั่นใจ เขาคิดว่าเธอคงเดินตามหลังเขามาเงียบ ๆ แต่พอใกล้ถึงทางออกเขากลับหันไปมองว่าคนด้านหลังทำไมถึงได้เงียบผิดปกติ“หายไปไหน” เมื่อเห็นว่าด้านหลังไม่มีใครเดินตามเขามา เขาเลยเดินย้อนกลับไปทางเดิม แต่เดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าวก็เห็นน้ำตาลเดินสวนมา “หายไปไหนมา”“ไม่ได้ไปไหนค่ะ”“แล้วทำไมไม่เดินตามมา”“ก็คุณไม่ยอมบอกว่าจะไปไหน ฉันเลยคิดว่าไม่เดินตามไ