“ก็...” ฉันนิ่งไป ก่อนที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ “นิ้งพอเข้าใจแล้วค่ะ”[...]“แต่ฉลามก็ใจร้อนจนบางทีนิ้งก็เหนื่อยที่จะพูดแล้วอ่ะพี่เพทาย” ฉันเม้มริมฝีปากแน่น “นิ้งก็แค่อยากปล่อยให้ฉลามลองมีอิสระดูบ้างก็เท่านั้น”[...]“นิ้งไม่อยากได้ยินคำว่าขี้บ่นจากฉลามแล้ว”[CHALAMDU : SIDE]ผ่านไปห้าวันนิ้งแม่งไม่โทรตามผมจริงๆ ด้วยว่ะเอาจริงๆ สี่ห้าวันที่ผ่านมาผมไปนั่งกินเหล้าเหมือนปกติ ใช้ชีวิตเหมือนเดิม กลับตีสองตีสาม ทั้งๆ ที่นิ้งต้องทักมาถามไม่ก็เคาท์ดาวน์ผมไปแล้ว แต่นี่แม่งไม่มีเลยเอาจริงๆ หลังจากที่ทะเลาะกันวันนั้น รู้สึกว่าเจ๊มันจะไปพูดอะไรสักอย่างให้เธอฟัง วันต่อมาพอผมขับรถไปหานิ้งก็กลับมาคุยกับผมเหมือนเดิม เราไม่ได้เลิกกันอย่างที่ผมกลัว แต่แม่งก็มีอะไรเปลี่ยนไปนิดหน่อยอย่างเช่น ก็นั่นไง ที่ไม่โทรไม่บอกอะไรผมเลยเวลาจะเลิกเรียนก็ไม่โทรตามให้มารับ ไม่ทักมาบอก ก็มีผมนี่ไงที่ต้องทักไปถามเธอถึงจะตอบกลับมาว่าเลิกแล้ว“ทำไมไม่โทรมาบอกวะว่าเลิกแล้วอ่ะ” ผมพูดกับเธอแล้วขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิดก็วันนี้ผมมารับเธอแล้วเห็นว่านิ้งกำลังจะเดินออกจากมหาลัยโดยที่ไม่รอผมมารับเหมือนทุกวัน เพราะเธอไม่ยอมบอกไ
“ฉะ... ฉลาม” ฉันเบ้หน้าออกมาเพราะกลั้นน้ำตาเอาไว้อีกไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ฉันพยายามแล้วแต่มันทำไม่ได้จริงๆ เขาพูดออกมาได้ยังไงอ่ะ เขาคิดได้ยังไง “ถ้าฉลามจะพูดแบบนี้กับเรา...”“...”“งั้นก็เพิ่งอย่ามายุ่งกับเราเลย” ฉันพูดแล้วดันเขาออกด้วยมือที่สั่นเทา แล้วฉลามดุก็มองหน้าฉันเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง “แล้วตั้งแต่นี้เราจะไม่ยุ่งกับชีวิตของฉลามแล้ว”“...”“เราจะกลับบ้าน... ไปส่งเราที่บ้านได้มั้ย”[CHALAMDU : SIDE]แม่งเอ้ยผมทึ้งหัวตัวเองอย่างแรงหลังจากที่ขับมอไซต์มาส่งนิ้งที่หอพักเธอตามที่เธอขอ ตอนแรกก็ไม่อยากทำ แต่พอเห็นว่าถ้าไม่ไปส่งนิ้งจะกลับเองแล้วจะออกไปจากชีวิตผมจริงๆ ผมก็เลยไม่มีทางเลือก เลยต้องตามมาส่งเธอที่นี่คนตัวเล็กไม่มองหน้าผมเลยตอนที่ลงจากรถแล้วผมหันกลับไปจ้องหน้าเธอตลอดเวลา ตอนที่นั่งมาก็ไม่พูดกับผมสักคำ ผมอยากจะถามว่าทำไม แต่พอเห็นว่าเธอไม่แม้แต่จะมองหน้าผมก็ไม่ได้ถามผมรู้สึกว่าตัวเองพลาดว่ะ โคตรพลาดเลยก็ไม่ได้ตั้งใจจะพาลใส่เธอ แต่แม่งทนไม่ได้ ก็นิ้งจะขอผมเลิก ถึงผมจะเหี้ยแต่ผมก็ไม่ใช่คนที่ได้ผู้หญิงแล้วทิ้งนะเว้ย ผมรักเธอไปแล้ว ทำไมผมต้องเลิกมันไม่ใช่เหตุผลที่ควรจะขอเลิกเลย
ฉันเหลียวไปมองเขาอย่างตกใจ แล้วก็เห็นว่าฉลามกำลังจ้องหน้าฉันอยู่ ก่อนที่เขาจะละสายตาไปมองชินที่ทำสีหน้าเหมือนตกใจ ตอนแรกฉันก็กลัวว่าฉลามจะโมโหใส่ฉันอีกที่อยู่กับชิน แต่ต่อมาก็เห็นว่าเขาทำแค่ดึงข้อมือของฉันให้ลุกขึ้น แล้วจูงให้ไปที่รถด้วยกันฉันพยายามแกะมือเขาออก ในขณะที่คนตัวโตเองก็ไม่ยอมปล่อย“ฉะ... ฉลาม เราไม่กลับ”ฉันพูดเสียงสั่นเพราะเดาอารมณ์ของเขาในตอนนี้ไม่ออก แต่ร่างสูงก็ไม่สนใจที่จะฟัง เขาดึงฉันให้มานั่งข้างหน้าในขณะที่ตัวเองก็นั่งคร่อมหลังไว้ ทุกคนมองมาที่เราทั้งคู่แต่ก็ดูเหมือนว่าฉลามจะไม่สนใจเลย พอฉันจะลงเขาก็รั้งเอวฉันให้เข้ามาจนชิดตัว ก่อนที่จะสตาร์ทเครื่องแล้วขับออกไปทั้งอย่างนั้นฉันทำหน้าตื่น พอจะแกะมือเขาออกฉลามก็ยิ่งรั้งเอวฉันเอาไว้แน่นขึ้นอีก แล้วก็เหมือนเขาจะเลี้ยวรถไปที่อื่นที่ไม่ใช่หอพักของฉันด้วยฉันเบิกตากว้าง พูดไม่ออกเลยตอนที่ลมตีเข้าหน้าแล้วฉลามก็รัดเอวฉันเอาไว้แน่นขึ้นกว่าเดิมเขาไม่พูดอะไรด้วยเลยตอนที่เลี้ยวเข้าซอยคอนโดของเขาเอง ฉันเคยมาที่นี่มาก่อนฉันก็เลยจำได้ จนเขามาจอดอยู่หน้าคอนโดของเขาเองจริงๆ ฉันถึงแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองตอนที่เขาดับเครื่องแล้วนั่งนิ
ผมขับมาจอดรอนิ้งหน้ามหาลัยสรุปวันนี้ผมก็ไม่ได้นอน แม่งนอนไม่หลับ ในหัวคิดแต่เรื่องเธอวนไปวนมา ไม่รู้จะคิดมากเหี้ยไรนักหนา ผมก็ไม่รู้ว่าผมเป็นบ้าอะไรถึงชอบพาล พาลไปหมดทุกอย่าง ตอนที่จีบเธอแรกๆ ผมก็ไม่กล้าพอที่จะพาลเธอเพราะยังคะแนนไม่สูงพอ อยากให้เธอไว้ใจ อยากให้เธอรัก แต่พอเธอรักแล้วผมก็แค่รู้สึกว่า... เออ ทำไงเธอก็ยังรักอยู่ดี จะไม่แคร์บางทียังไงนิ้งก็ยังสนใจผมอยู่ปะเหี้ยดีว่ะ ความคิดแบบนี้ผมแค่นหัวเราะออกมาตอนที่ทึ้งหัวตัวเองแล้วกลับหลังนั่งพิงแฮนด์รถระหว่างรอเธอ พอเห็นว่ามันนานผมก็เลยยกโทรศัพท์ขึ้นมากดดูไปด้วยก็ไม่ใช่ไม่แคร์เลยถ้าไม่แคร์จริงคงไม่มานั่งคิดเรื่องเธออยู่งี้หรอก[SALAMDU : SIDE END]“ช่วงหมดโปรแน่นอน”“เอ่อ... มันคืออะไรเหรอ” ฉันถามพลอยที่นั่งอยู่อีกฝั่งอย่างไม่เข้าใจตอนนี้ฉันเลิกเรียนแล้ว เลิกเร็วกว่าเวลานิดหน่อย แล้วก็ได้เรียนคลาสเดียวกับพลอยและชินด้วย ก็เลยมานั่งคุยกัน พลอยเห็นฉันซึมๆ ก็เลยถามเรื่องฉลามขึ้นมา ฉันก็เลยเล่ายาวเลยอ่ะ แล้วมันก็จบลงที่พลอยมีคำตอบแบบนี้ให้แต่ฉันไม่รู้เลยว่าช่วงหมดโปรที่ว่ามันคืออะไร“ก็แบบ... ช่วงแรกๆ ที่มาจีบเค้าก็ดีกับนิ้งมากใช่มั
“จูบเราหน่อยดิ” ผมกระซิบชิดกับปลายจมูกเธอตอนที่นิ้งกำลังหน้าแดงก่ำ เธอสบตาผมกลับ คะนิ้งตัวสั่นตอนที่ขยับใบหน้าขึ้นมาจูบผมตามที่ผมบอก“อะ... อื้อ!” ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกตอนที่ผมรุกเธอกลับ ตอนนั้นผมก็ค่อยๆ ลากกางเกงในเธอลงจากต้นขาไปด้วยมือของผมสัมผัสกับส่วนที่เป็นของผู้หญิงของเธอ ผมขยับปลายนิ้วนิดหน่อยเธอก็กระตุกไปหมดแล้วว่ะ คะนิ้งนอนตัวเกร็งจนผมต้องจูบแก้มเธอแล้วดึงเธอขึ้นมากอดไว้ไม่ให้เธอเกร็งอีก เพราะเดี๋ยวแม่งจะเจ็บผมเคยทำกับแฟนเก่าไง ทำไมจะไม่รู้ผมดึงขาเธอให้แยกออกจากกันตอนที่ช้อนเธอขึ้นมานั่งบนตัก คะนิ้งมีสีหน้าตื่นกลัวเหมือนเธอไม่เคยไปซะแม่งทุกอย่าง จนผมแทรกปลายนิ้วเข้าไปนิดหน่อยคะนิ้งก็สะดุ้งเฮือกแล้วเริ่มกระตุกเกร็ง เธอทึ้งเสื้อผมไว้แล้วเอาหน้าซุกกับอกผมอย่างอายๆ ตอนที่ผมขยับมือช้าๆ เพราะมันแน่น“อะ... เฮือก” เธอสะดุ้งอยู่ซ้ำๆ จนผมต้องลูบหลังเธอ แล้วเริ่มขยับให้เร็วขึ้นอีกนิดหน่อย “อื้อ”“เจ็บเหรอวะนิ้ง” ผมถาม แล้วคะนิ้งก็ขมวดคิ้วตอนที่ตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนผม“จะ... เจ็บอ่ะ” นิ้งพึมพำ ก่อนที่เธอจะครางออกมาเบาๆ “อื้อ... นิ้งเจ็บ”ผมถึงบอกไงว่าเธอต้องคุ้นมือผมก่อน ถ้ารีบใส่ไปตอนน
“สะ... ส้ม” ร่างเล็กเบิกตาโตตอนที่เพื่อนเธอพับผ้าเช็ดหน้ายัดใส่กระเป๋าสะพายแล้วหันมาฉีกยิ้มให้ผมที่เริ่มขมวดคิ้วเหมือนรู้ทัน ส้มหวานโบกมือลานิ้งที่นั่งทำหน้าเหวออยู่แล้วเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว เวลานั้นผมเลยหันกลับไปมองนิ้งบ้างร่างเล็กก้มหน้างุดทันที“เป็นไรมากมั้ย” ผมพยายามไม่สนใจเรื่องที่เธอทำกับผมเมื่อวานแล้วเดินเข้ามาหาเธออย่างเป็นห่วง พอเห็นว่าเธอเงียบผมก็เลยแตะหลังมืออังที่หน้าผากกับแก้มเธอเบาๆ ดูว่ามีไข้มั้ยจนคะนิ้งต้องสะดุ้งน้อยๆ แล้วผมก็เห็นว่าตัวเธอก็อุ่นๆ ปกติ “ก็ไม่ได้เป็นไข้ปะ”“...”“เเล้วทำไมถึงเป็นลมวะ”“เรา...” ร่างเล็กอึกอัก แต่สุดท้ายก็พูด “เราไม่ได้เป็นลมหรอก เราแค่วูบๆ นิดนึงอ่ะ”“เอ้า” ผมทำหน้างง “แล้วส้มบอกว่าเธอเป็นลม”“ส้มมาเห็นตอนเรานอนอยู่ในห้องพยาบาลก็เลยคิดว่างั้นแหละ” คะนิ้งอธิบาย ในขณะที่เริ่มกุมมือตัวเอง “มะ... เมื่อคืนเรานอนไม่ค่อยหลับ มันก็เลยเพลียๆ”“งั้นกลับมั้ย” ผมถามเธอสั้นๆ แล้วลูบผมเธอไปด้วย “เดี๋ยวเราไปส่ง”คะนิ้งมองหน้าผม เธอทำสีหน้าเหมือนไม่รู้จะตอบยังไงแล้วพยักหน้ารับเบาๆ ผมก็เลยไม่รออะไรแล้วประคองเธอให้ลุกขึ้นเดินดีๆ คะนิ้งเองก็ไม่ได้ข