อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเวลาก็ล่วงเลยไปตอนสิบโมงกว่า ตะวันลงมาชั้นล่างก็ต้องยกมือไหว้ขอโทษผู้ใหญ่“ขอโทษนะคะที่หนูตื่นสาย” เธอละอายมากที่ทำตัวไม่น่ารัก อยู่บ้านจะนอนนานแค่ไหนก็ไม่มีใครเคยว่า หากที่นี่เธอมาเป็นแขก ทิ้งลูกไว้ให้คนอื่นดูแลมาครึ่งค่อนวันแล้วตัวเองดันนอนทิ้งตัวได้อย่างไร“ไม่เป็นไรลูก หนูทำตัวได้ตามสบายเลย ทำงานเหนื่อย ๆ ไหนจะเลี้ยงลูกอีก นาน ๆ ได้พักทีหนูนอนได้เลยนะอย่าคิดมาก ถือซะว่าที่นี่เป็นบ้านหนูเอง พ่อกับแม่ไม่ซีเรียสเลยจ้ะ” นางปาริฉัตรไม่เคยคิดต่อว่า แถมยังปลอบใจให้หญิงสาวอย่าคิดมาก“แล้วเมื่อกี้ร้องไห้ทำไมกันครับพี่แจ็ค” หญิงสาวหันไปถามลูกที่ยังนั่งอยู่บนตักบิดา ทั้งคู่เล่นเกมอะไรสักอย่างที่ปรมะเพิ่งซื้อมาเล่นแข่งกันทั้งเขา แจ็คสันและลุง ๆ อา ๆ ของหลาน“รองเท้าตกน้ำครับ แต่ปะป๊าเก็บให้แล้ว กระโดดลงไปเก็บให้เลย เท่มาก” เด็กชายอวยคนเป็นพ่อยกใหญ่ ตะวันแอบเบะปากไปหนึ่งกรุบ หากก็ไม่คิดสบตาชายหนุ่มที่ละสายตาจากจอเกมมามองเธอด้วยสายตาคมกริบหยาดเยิ้มเป็นประกายไม่สิ ไม่รู้จะเรียกว่าหยาดเยิ้มได้ไหม เพราะมองดูดี ๆ ปรมะดูหื่นกระหายมากกว่า“คราวหน้าคราวหลังลูกต้องระวังนะครับ” กำลังจ
เช้าวันหยุดอันแสนสดใส เหมือนจะสดใสที่สุดในรอบหลายปีของปรมะเลยก็ว่าได้ ชายหนุ่มเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านพร้อมรอยยิ้มพรายไปทั้งหน้า ทำสมาชิกในบ้านมองกันอย่างแปลกใจ คงมีแค่วิศรุตคนเดียวที่พอจะเดาได้ว่าลูกชายยิ้มกว้างขนาดนี้เพราะอะไร“ตะวันล่ะปลื้ม” นางปาริฉัตรถามหาแม่ของหลานชาย สายมากแล้วตะวันยังไม่ได้ลงมารับประทานอะไรเลย จะขึ้นไปปลุกก็ไม่อยากรบกวน เผื่อกำลังนอนหลับสบาย“หลับอยู่ครับ”“หิวหรือเปล่าไม่รู้” คนเป็นแม่บ่น“ให้นอนไปก่อนเถอะ ตะวันเพลียมาก”“เอ็งมันร้าย” วิศรุตว่าลูกชาย ปรมะยักคิ้วให้ท่าน เป็นอันรู้กัน คนเป็นแม่ที่ไม่ทันได้สังเกตจึงไม่เอะใจว่าสองพ่อลูกคุยอะไรกัน มัวแต่ปอกผลไม้ให้หลานกิน“แจ็คสันไปไหนครับ” ปรมะถามเมื่อไม่เห็นเจ้าแสบแจ็คสันอยู่ในบ้าน“อยู่กับเจ้าปริ๊นที่ศาลาท่าน้ำ ไปให้อาหารปลาอยู่มั้ง ตามไปสิลูก”ปรมะเดินตามไปก็พบว่าแจ็คสันกำลังให้อาหารปลาอยู่กับน้องชายตน แต่เดินเข้าไปใกล้ฉับพลันก็ได้ยินเสียงร้องไห้โวยวายจนต้องวิ่งเร็ว ๆ ไปหาลูกชายที่ตอนนี้ปริญอุ้มขึ้นแนบอกแล้ว“เกิดอะไรขึ้น”“แง... รองเท้าของผม ฮือ” แจ็คสันร้องไห้เสียงดังชี้ไปยังริมตลิ่งที่รองเท้าแตะคู่รักลอยไป
“อยากเอาอีก ได้ไหม” ถามตรงก็ตอบตรง ไม่คิดอ้อมค้อม“แสบ” ตะวันตอบแล้วก้มลงมองร่องรักกลางกายที่แดงขึ้นกว่าปกติมากของเธอร้างมานานหลายปีไม่เคยมีอะไรมาย่างกราย ตอนคลอดแจ็คสัน หมอบอกจะเย็บฝีเย็บให้เล็ก ๆ เหมือนสาวแรกแย้ม ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะเล็กจนแม้แต่นิ้วของเขายังเข้าแทบไม่ได้แล้วนี่ ไอ้นั่นของปรมะมันโคตรใหญ่ เขาเล่นสอดเข้ามาทีเดียวไม่กลัวเธอขาดใจตายเลยหรืออย่างไร แม้จะเสียวมากในตอนขยับ แต่พอเสร็จแล้วมันแสบชะมัด“ฉันก็เจ็บเหมือนกัน ของเธอรัดฉัน”ตะวันชำระล้างร่องรักเสร็จแล้วก็ลุกยืนด้วยขาสั่น ๆ หากไม่ทันได้เดินกลับไปนอนชายหนุ่มก็อุ้มตัวเธอลอยหวือขึ้นมานั่งบนเคาน์เตอร์หน้ากระจกบานใหญ่เขาสอดตัวไปอยู่กลางหว่างขาขาว ลูบไล้ขาอ่อนด้านในของเธอแผ่วเบา ก้มลงอ้าปากครอบครองยอดอกชูชัน ลิ้นเรียวปัดป่ายกระตุ้นความเสียวซ่านจากยอดถันสองข้างสลับกันอย่างเอาแต่ใจ แรงดูดเพิ่มแรงขึ้นจนตะวันสั่นสะท้าน เขาทิ้งรอยคิสมาร์กไว้บนเต้างามทั้งสองข้าง แล้วค่อย ๆ ลดตัวลงไปปาดเลียเกสรกลางกายแผ่วเบา แต่เสียวซ่าน ทุกครั้งที่ลิ้นเขาแตะสัมผัสทำตะวันต้องวี้ดปากคราง ขาสองข้างยกขึ้นอ้ากว้างอย่างอัตโนมัติเพื่อเปิดทางให้ปรม
“อืม...” ตะวันหลับตาพริ้มแล้วข่มกลั้นเสียงครวญคราง มือบางสวยขยุ้มกลุ่มผมดกดำของชายหนุ่ม ยิ่งเขาตะโบมดูดดุนกลีบดอกแรงขึ้นเท่าไหร่หญิงสาวก็ยิ่งเสียวแทบขาดใจ“อื้อ... ปลื้ม ซี้ด...” ตะวันกัดปากจนแดงก่ำหากก็ไม่ได้ช่วยให้ความเสียวซ่านลดลงได้“ครางเลยตะวัน” เขาพูดเท่านั้นก่อนจะรวบข้อมือทั้งสองข้างของตะวันมาวางใต้ข้อพับ บอกให้เธอจับขาตัวเองให้ถ่างกว้างเพื่อที่เขาได้ถนัดในการสอดเรียวลิ้นและนิ้วร้ายกาจเข้าไป“แน่นมาก” ไม่เจอกันหลายปี ตะวันน้อยในตอนนี้เหมือนตอนที่เธอยังสดใหม่ ขาว อวบ อูม และคับจนเรียวนิ้วของเขาที่สอดเข้าไปยากจะขยับ“อื้อ!” ตะวันกัดปากครางอีกครั้งเมื่อเขาสอดนิ้วใส่เข้าไป จากหนึ่งเป็นสอง“เจ็บ! อ๊า...”“ทนหน่อย” ปรมะเริ่มขยับข้อมือเข้าออกช้า ๆ และรัวลิ้นร้อนบนเกสร งอนิ้วไปตรงจุดจีสปอตเน้นย้ำซ้ำ ๆ ไม่นานตะวันก็หวีดร้อง ร่างสวยกระตุกเกร็งแอ่นโค้งจนโพรงสาวบีบรัดแน่นปรมะรั้งขอบกางเกงนอนของตนลงไปกองที่หน้าขา ชักรูดเอนกายผงาดสองสามครั้งให้ยิ่งชูชัน ก่อนจะรีบถอดถอนนิ้วออกจากร่องสวาทจนหญิงสาวต้องยกสะโพกขยับตาม ไม่รอให้ความวูบโหวงเกิดขึ้นนาน ฉับพลันก็ยัดเอ็นกายผงาดใหญ่กลับเข้าไปแทนที่“อ
ท่าทางสุดแสนเซ็กซี่ของชายหนุ่มเป็นธรรมชาติ น่าดึงดูดใจ เขาไม่เคยเปลี่ยนเลยกับความน่าหลงใหล ปรมะเป็นผู้ชายที่น่าค้นหา และน่ากินมากไม่ว่าจะมองมุมไหนมือหนาลูบใบหน้าสวยที่แสนรัก เกี่ยวเก็บผมทัดใบหูขาว สองคนสบตากันท่ามกลางความมืดมิดที่มีเพียงแสงจันทร์สาดส่อง หากทว่าแววตาคู่สวยกลับสว่างวาบขึ้นกลางใจเขา“คิดถึงเธอว่ะตะวัน”“นายแค่อยากเอาฉัน”“ไม่ใช่” อยากเอาเขายอมรับ แต่เพราะรักมาก เพราะคิดถึงมาก ๆ ต่างหาก ไม่ใช่เอาในแบบที่ตะวันหมายความ ไม่ใช่แค่อยากได้ร่างกาย เขาอยากได้ทั้งตัวทั้งหัวใจ“งั้นแค่กอดก็ได้” หมดกันอารมณ์ชายหนุ่มที่กำลังพุ่งพล่าน สุดท้ายก็ต้องทิ้งตัวลงนอน แม้หนอนใต้ร่มผ้าจะแข็งขืนแทบปริแตกขนาดไหนก็ตามข่มใจไว้ก่อนไอ้ปลื้ม ข่มใจไว้กลัวเหลือเกินว่าเธอจะตีความผิดไปอีก ไม่ได้ตอนนี้ไม่เป็นไร เขาแค่อยากกอด อยากซบ แค่ให้ได้ชิดใกล้ นานเท่าไหร่แล้วนะที่ทำได้แค่แหงนหน้ามองตะวันจากที่ไกลแสนไกล นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้ใกล้ชิดกัน“ฉันรักเธอตะวัน” ใบหน้าซุกซบลาดไหล่บอบบาง สูดกลิ่นหอมเย้ายวนจากเนื้อนางเข้าปอดซ้ำ ๆ อยากเก็บทุกความรู้สึกไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากเธอจะมองว่าเขาฉวยโอกาสก็ช
ปรมะเป็นคนชอบอะไรเรียบ ๆ เขาตกแต่งห้องสไตล์นี้อยู่แล้วเธอเผลอลืมไปได้อย่างไร“งั้นห้องรับรองแขกอยู่ไหน” คราวนี้หญิงสาวที่เริ่มมีอารมณ์โมโหก็ลดสองมือที่ปิดเต้าลงไปเปลี่ยนเป็นเท้าสะเอวแทน ปิดไปก็เท่านั้นเพราะมันไม่มีทางปิดมิด ปิดข้างบนแต่สามเหลี่ยมเมอร์บิวดาข้างล่างไม่ได้ปิดแล้วมันจะต่างจากยืนแก้ผ้าตรงไหน“ถ้าแขกที่ว่าคือเธอ ก็ห้องนี้แหละ นอนไป” ปรมะเอื้อมมือผ่านหน้าหญิงสาวเล่นเอาตะวันที่เมาเล็กน้อยเซจนถอยหลังไปชนตู้เสื้อผ้า ปรมะใช้ฝ่ามือหนาค้ำข้างไหล่ ปิดทางไม่ให้หญิงสาวขยับหนีได้ อีกมือก็เอื้อมไปเปิดตู้เพื่อหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่ออกมา เขายื่นไปตรงหน้าหญิงสาวแล้วถามว่า“ห่มผ้าซะถ้าไม่อยากโดนฉันเอา” เห็นไรขนบนผิวขาว ๆ ลุกซู่ ไม่รู้จากความเย็นของเครื่องปรับอากาศหรือเพราะขลาดกลัวเขา แต่ทุกอย่างบนร่างกายหญิงสาวทำส่วนล่างของเขาลุกตามอย่างง่ายดายส่วนล่างที่ใหญ่กว่าขนไม่รู้กี่ล้านเท่า“กลัวมากมั้ง”ก็แค่โดนเอา จะกลัวอะไร ใช่ว่าไม่เคยโดนเสียหน่อย ตะวันหมั่นไส้คนที่อ้างว่าเป็นเจ้าของห้องเธอนี่อยากจะบอกเหลือเกินว่าระวังตัวไว้เถอะ ไม่รู้ใครจะเอาใครกันแน่เห็นกรามแกร่งกดกันจนเป็นสันนูนก็รู้ทันทีว่า