LOGINทัศนัยชะงักไปเมื่อได้ยินประโยคนั้นของหญิงสาว เขาไม่รู้ว่าเด็กนี่ไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้พูดจาแก่แดดแบบนี้ออกมาได้
“คิกคิก ล้อเล่นค่ะ” ก่อนที่เสียงหัวเราะของกรรณิการ์จะดังขึ้น ร่างเล็กสั่นเทิ้มจากการพยายามกลั้นเสียงขำไว้ ท่าทางของเขาตอนที่เธอพูดประโยคนั้นไป ทำเอาหญิงสาวรู้สึกขบขันไม่น้อย เธอก็แค่อยากรู้ว่าต้องทำยังไงหน้านิ่ง ๆ แสนหยิ่งของเขาถึงจะเปลี่ยนอารมณ์บ้าง แต่ทัศนัยที่รู้สึกคล้ายถูกปั่นหัวนั้นเริ่มมีสีหน้าแววตาอึมครึมลงไม่น้อย เขาสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วผ่อนออกมาช้า ๆ ก่อนจะจ้องใบหน้าเนียนสวยของหญิงสาวตัวป่วนไว้คล้ายกำลังนับหนึ่งถึงสิบในใจ ไม่ให้ลุกขึ้นไปจับตัวผู้หญิงน่ารำคาญคนนี้มาฟาดให้เข็ดหลาบ “เธอต้องการอะไรกันแน่” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างอดกลั้น วันนี้ทั้งวันเขารู้สึกชีวิตวุ่นวายมากเสียจนน่าปวดหัว แค่เพราะผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เพียงคนเดียวที่เพิ่งเจอกันยังไม่ทันถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ และเพราะผู้หญิงคนนี้ตลอดทั้งวันเขาเลยแทบไม่มีสมาธิเรียน คอยพะวงห่วงกลัวว่าแหวนวงสำคัญจะหายไป แต่ทว่าคำถามนั้นของเขาก็ทำเอาคนตัวเล็กหยุดเสียงหัวเราะลง ดวงตาคู่สวยมองสบนัยน์ตาของรุ่นพี่หนุ่มแล้วคลี่ยิ้มบางออกมา “พี่ไทม์หักหน้ากรีน ทำกรีนหน้าแตก กรีนก็แค่อยากเอาคืนเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เท่านั้นเอง” เสียงหวานเอ่ยเรียบเรื่อยแต่ก็จงใจยั่วประสาทเขาไปในตัว “ทำแบบนั้นไปทำไม” เขาอดสงสัยไม่ได้ กับแค่การที่เขาปฏิเสธเรื่องที่เธอเข้าใจผิด มันทำให้เธอแค้นฝังใจขนาดไหนกันเชียว “ถ้าอย่างนั้นก็ขอโทษกรีนก่อนสิ กรีนจะได้เลิกยุ่งกับพี่” หญิงสาวเอ่ยอย่างเอาแต่ใจ นับแต่เกิดมาเธอไม่เคยถูกขัดใจหรือโดนใครปฏิเสธมาก่อน ครั้งนี้มันจึงน่าเจ็บใจมาก เธอถึงต้องมาตามทำตัววุ่นวายใส่เขาอย่างนี้ เพื่อหวังคลายความหงุดหงิดและลบเลือนความอับอายในวันนี้ลง “เอาแต่ใจ” ทัศนัยต่อว่าคนอ่อนกว่า การที่เธอจะเอาแต่ใจนั้นมันไม่ได้แปลก แต่การที่เธอกำลังทำตัวเอาแต่ใจกับคนอื่นที่ไม่ใช่ครอบครัว หรือแม้แต่คนสนิท เขาคิดว่ามันค่อนข้างไม่ปกติ เขาไม่เข้าใจตรรกะของเธอเลยจริง ๆ “ถ้าอย่างนั้นก็รอจนกว่ากรีนจะอารมณ์ดี แล้วอยากคืนแหวนพี่เองแล้วกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนไหนนะคะเพราะกรีนอารมณ์เสียบ่อย” ร่างเล็กหยัดกายขึ้นยืนกอดอก มองชายหนุ่มอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า เสียงลมหายใจดังกระแทกออกมาแรง ๆ ก่อนที่ร่างสูงจะผุดลุกขึ้นยืน แววตาภายใต้แว่นตาไร้ขอบจ้องมองยังเธอด้วยความหงุดหงิดรำคาญใจ “น่ารำคาญ” สิ้นคำร่างสูงก็เดินเลี่ยงออกมาทันที เขาพาตัวเองออกไปจากร้านหนังสือ โดยปล่อยให้หญิงสาวยืนค้างอยู่ที่เดิม กรรณิการ์หันมองตามแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มรุ่นพี่ไปด้วยความหัวเสีย สองครั้งแล้วที่เขาหันหลังใส่เธอก่อนแบบนี้ “คอยดูเถอะ ถ้าหลงฉันเมื่อไหร่นะ จะเททันทีเลย!” สองมือเรียวกำแน่น พลางเอ่ยไล่หลังชายหนุ่มไปเสียงดัง จนถูกคนในร้านซึ่งกำลังใช้สมาธิเอ่ยตำหนิ “รบกวนเบาเสียงลงด้วยค่ะ” “ขะ ขอโทษค่ะ” กรรณิการ์รีบขอโทษขอโพยลูกค้าในร้าน ก่อนจะเดินฟึดฟัดออกมา ยิ่งนึกถึงใบหน้าหล่อ ๆ ของเขาเธอก็ยิ่งหงุดหงิด วันต่อมา... ระหว่างเรียนคลาสเช้า กรรณิการ์กลับหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูอะไรไปเรื่อย เพราะไม่มีสมาธิจดจ่อกับการเรียนสักเท่าไหร่ หลังจากที่เมื่อวานเจอกับชายหนุ่มในร้านหนังสือ เธอก็ไม่ได้ทักไปกวนเขาอย่างที่ตั้งใจไว้ เพราะพอกลับถึงเพ้นท์เฮ้าส์ ก็มัวแต่ยุ่งอยู่กับการอาบน้ำและประโคมผิวจนสุดท้ายก็หลับไป นิ้วเรียวปัดหน้าจอมือถือไปเรื่อย ๆ เลื่อนดูโพสต์ต่าง ๆ ในเพจมหา’ลัยที่ถูกสร้างขึ้นโดยกลุ่มนักศึกษาสายเม้าท์มอย และยามนี้ก็กำลังมีประเด็นร้อนอยู่ ซึ่งประเด็นนั้นก็เป็นเรื่องของเธอเอง “แค่ทะเลาะกับคนคุยเก่าก็ต้องเอามาลงด้วยหรือไง” เสียงหวานบ่นพึมพำกับตัวเองเบา ๆ การเป็นคนดังก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป เพราะนามสกุลที่เธอใช้และใบหน้าที่ดูโดดเด่น จึงทำให้เธอกลายเป็นที่จับตามอง หากถามว่าเธอชื่นชอบไหม มันก็ชอบแค่บางครั้ง แต่หลาย ๆ ครั้งที่เรื่องส่วนตัวของเธอถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างสนุกปากมันไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกชอบสักนิด ติ๊ง! พลันเสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้น แชตกลุ่มรวมของมหา’ลัย ซึ่งมีไว้เพื่อพูดคุยเรื่องราวบันเทิงต่าง ๆ นิ้วเรียวเปิดเข้าไปดูว่าใครส่งอะไรมาก่อน ก่อนที่กรรณิการ์จะเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ X0X : (ส่งรูปภาพ) GIGI : ใครอ่ะ หล่อเวอร์ XOX : พี่ไทม์หนุ่มนิติ สมศรี : โห ของดี แต่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย กรรณิการ์ไล่สายตาอ่านข้อความที่ถูกส่งมาเรื่อย ๆ ด้วยความสนใจ ก่อนจะไปสะดุดตาเข้ากับประโยคหนึ่ง XOX : เห็นว่าพี่เขาจะมาช่วยสอนตอนเสรีด้วย คลาสจารย์ปราโมทย์ เธออ่านทวนข้อความนั้นอยู่สองสามครั้งก่อนจะปิดหน้าจอมือถือลง แล้วหันไปสะกิดเรียกเพื่อนทั้งสองคนซึ่งนั่งประกบอยู่ทั้งสองข้าง “พวกแก” เสียงหวานกระซิบเอ่ยเบา ๆ เพราะตอนนี้อาจารย์กำลังบรรยายอยู่ “มีอะไร” เป็นลลิตาที่ถามขึ้นก่อน ในขณะที่เพื่อนชายเพียงคนเดียวในกลุ่มยังคงตั้งใจฟังบรรยายอย่างใจจดใจจ่อ “ย้ายเซคเสรีกัน” “อะไรของแกเนี่ย จะย้ายทำไม” “นั่นสิ วิชาที่ลงเทอมนี้ก็ดีอยู่แล้ว จะย้ายทำไม” คุณากรที่ได้ยินก็หันมาท้วงถามด้วยความไม่เข้าใจ “เถอะน่า ย้ายเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ นะ ๆ” คนถูกถามยังคงคะยั้นคะยอต่อ ทำเอาสองเพื่อนสนิทต่างหันมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ เพิ่งเปิดเทอมมาได้ไม่กี่วัน ยัยตัวแสบประจำกลุ่มก็สร้างเรื่องอีกแล้ว และต่อให้ปฏิเสธไปสุดท้ายก็โดนลากไปลงทะเบียนย้ายคลาสอยู่ดี เพราะทันทีที่เลิกคลาส กรรณิการ์ก็รีบพาเพื่อนสนิททั้งสองคนไปทำเรื่องโดยไม่แม้แต่จะฟังเสียงบ่นของเพื่อนที่ทักท้วงตลอดทั้งทาง ก่อนจะถึงเวลาพักเที่ยง เมื่อจัดการเรื่องราวสุดแสนจะวุ่นวายที่มีต้นเหตุมาจากยัยตัวแสบประจำกลุ่มเรียบร้อยแล้ว ทั้งสามคนก็พากันมาพักทานอาหารเที่ยงที่โรงอาหารรวมใกล้กับตึกคณะ “เอาไงดีอ่ะ มัวแต่ไปทำเรื่องย้ายคลาสจนลงมาช้าเลยเนี่ย ไม่มีที่นั่งแล้ว” ระหว่างที่กำลังมองหาที่นั่ง ลลิตาก็บ่นออกมาด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะโต๊ะที่ว่างนั้นแทบไม่มีเหลือแล้ว เนื่องจากยามนี้นักศึกษาส่วนใหญ่กำลังพักทานอาหารกันอยู่ ซึ่งทุนเดิมพวกเธอก็ไม่ได้ชื่นชอบพื้นที่ที่แออัดไปด้วยผู้คนอยู่แล้ว ทำให้ทั้งคุณากรและลลิตาต่างมีสีหน้าอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด กรรณิการ์มองท่าทางของทั้งสองคนแล้วก็แอบรู้สึกผิดอยู่บ้าง เธอกวาดสายตามองหาเผื่อว่าจะเจอโต๊ะว่าง แล้วสายตาก็ดันไปหยุดอยู่ที่โต๊ะของกลุ่มทัศนัยเข้าพอดี หญิงสาวไม่รอช้าคว้าข้อมือของเพื่อนทั้งสองแล้วเดินตรงเข้าไปหาพวกเขาทันที “ขอโทษนะคะ พวกเราขอนั่งด้วยได้ไหมคะ?” ใบหน้าสวยแจกจ่ายรอยยิ้มกว้างให้กับชายหนุ่มทั้งสาม ซึ่งกำลังนั่งทานอาหารอยู่ เมื่อได้ยินเสียงของเธอพวกเขาก็ต่างเงยหน้าขึ้นมามองแล้วยิ้มตอบ จะมีก็แต่คนหน้านิ่งประจำกลุ่มที่ทำเพียงปรายตามองมาแล้วก้มหน้าลงไปทานอาหารต่อ “ได้สิครับน้องกรีน นั่งได้เลยครับ ไอ้ไทม์มึงย้ายมานั่งกับพวกกูดิ ให้น้องเขานั่งด้วย” พชรซึ่งเป็นบุคคลที่อัธยาศัยดีที่สุดในบรรดาชายหนุ่มทั้งสามเอ่ยขึ้น ก่อนจะหันไปเรียกทัศนัยให้ย้ายที่มานั่งกับเขาและศุภวิชญ์ เพื่อที่จะได้ให้กลุ่มของกรรณิการ์นั่งฝั่งตรงข้ามได้ทั้งสามคน แต่ดูเหมือนเพื่อนจอมนิ่งของเขานั้นไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นง่าย ๆ เพราะเจ้าตัวยังเอาแต่นั่งกินข้าวอยู่เงียบ ๆ ไม่ยอมกระดิกตัวไปไหนเลยสักนิด จนพชรเริ่มมีสีหน้าลำบากใจ “ไม่เป็นไรค่ะ สงสัยพี่ไทม์เขาอยากนั่งกับกรีน นิคแกไปนั่งกับพวกพี่เขาเถอะ” คนตัวเล็กว่าพร้อมทั้งเดินเข้ามาหย่อนกายลงนั่งข้างร่างสูงของทัศนัย ใบหน้าสวยหันมองคนข้างกายซึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้วส่งยิ้มกว้างไปให้ แต่คนพี่ก็ยังคงไม่หันมามองเธอสักนิด แถมยังขยับตัวไปนั่งจนสุดขอบเก้าอี้อีก กรรณิการ์เห็นแบบนั้นก็ขยับตามเข้าไปจนสะโพกแนบชิดกับชายหนุ่ม เมื่อนั้นคนโตกว่าจึงขมวดคิ้วมุ่นแล้วหันกลับมามองอย่างไม่เข้าใจ “แกจะไปนั่งเบียดพี่เขาทำไมล่ะ ขยับมาหาฉันนี่” ลลิตาเอ่ยท้วงเมื่อเห็นการกระทำของเพื่อน ดูท่าแล้วยัยตัวแสบนี่เตรียมจะสร้างเรื่องอีกอย่างแน่นอน“ไม่เป็นไรหรอกน่า พี่ไทม์เขาอยากให้ฉันนั่งใกล้นี่นา ฉันฝากแกซื้อข้าวด้วยสิ เอากระเพราหมูกรอบไม่เผ็ดเหมือนเดิมเลย” สาวลูกครึ่งเอ่ยบอกกับเพื่อนสนิทด้วยสีหน้ายิ้มแย้มซึ่งคุณากรที่ลอบมองอยู่ ก็แอบอยากดุเพื่อนอยู่เหมือนกัน แต่พอคิดว่า ถึงบ่นไปเพื่อนสาวตัวดีก็คงไม่ยอมฟังอยู่แล้ว จึงไม่ได้พูดอะไร ออกมา แต่เลือกที่จะเดินไปซื้อข้าวกับลลิตาด้วยกันสองคนแทน“น้องกรีนสนใจเพื่อนพี่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ พี่ไม่เห็นมันจะมีอะไรน่าสนใจเลยนะ นิ่งเหมือนรูปปั้นขนาดนี้” พอมีโอกาสพชรก็ชิงถามรุ่นน้องสาวคนสวยในทันทีเขาไม่ได้อิจฉาเพื่อนแต่อย่างใด เพียงแค่อยากใส่ใจเรื่องของเพื่อนก็เท่านั้น“แรก ๆ กรีนก็สนใจที่หน้าตาก่อนน่ะค่ะพี่พอร์ช แต่ว่าตอนนี้ก็คงต้องค่อย ๆ ดูไปก่อน ยังมีอีกหลายอย่างที่กรีนยังไม่เคยเห็น คงต้องรอให้พี่ไทม์ถอด อุ้ย หมายถึงเปิดเผยออกมาให้ดูค่ะ” กรรณิการ์ตอบกลับหนุ่มรุ่นพี่อย่างเป็นกันเอง โดยเธอจงใจพูดประโยคเหล่านี้ให้เพื่อน ๆ ของเขาได้คิดจินตนาการไปเรื่อย และแน่นอนว่ามีเจตนาจะก่อกวนคนที่นั่งอยู่ข้างกันไปพร้อม ๆ กันจากแชตกลุ่มมหา’ลัยเมื่อเช้านี้ ก็ทำให้เธอได้รู้ชื่อของพวกเขาทุกคน เพราะทั้งกลุ่ม
ทัศนัยชะงักไปเมื่อได้ยินประโยคนั้นของหญิงสาว เขาไม่รู้ว่าเด็กนี่ไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้พูดจาแก่แดดแบบนี้ออกมาได้“คิกคิก ล้อเล่นค่ะ” ก่อนที่เสียงหัวเราะของกรรณิการ์จะดังขึ้น ร่างเล็กสั่นเทิ้มจากการพยายามกลั้นเสียงขำไว้ท่าทางของเขาตอนที่เธอพูดประโยคนั้นไป ทำเอาหญิงสาวรู้สึกขบขันไม่น้อย เธอก็แค่อยากรู้ว่าต้องทำยังไงหน้านิ่ง ๆ แสนหยิ่งของเขาถึงจะเปลี่ยนอารมณ์บ้างแต่ทัศนัยที่รู้สึกคล้ายถูกปั่นหัวนั้นเริ่มมีสีหน้าแววตาอึมครึมลงไม่น้อย เขาสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วผ่อนออกมาช้า ๆ ก่อนจะจ้องใบหน้าเนียนสวยของหญิงสาวตัวป่วนไว้คล้ายกำลังนับหนึ่งถึงสิบในใจ ไม่ให้ลุกขึ้นไปจับตัวผู้หญิงน่ารำคาญคนนี้มาฟาดให้เข็ดหลาบ“เธอต้องการอะไรกันแน่” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างอดกลั้นวันนี้ทั้งวันเขารู้สึกชีวิตวุ่นวายมากเสียจนน่าปวดหัว แค่เพราะผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เพียงคนเดียวที่เพิ่งเจอกันยังไม่ทันถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ และเพราะผู้หญิงคนนี้ตลอดทั้งวันเขาเลยแทบไม่มีสมาธิเรียน คอยพะวงห่วงกลัวว่าแหวนวงสำคัญจะหายไปแต่ทว่าคำถามนั้นของเขาก็ทำเอาคนตัวเล็กหยุดเสียงหัวเราะลง ดวงตาคู่สวยมองสบนัยน์ตาของรุ่นพี่หนุ่มแล้วคลี่ยิ้ม
ตลอดทั้งวัน ทุกครั้งที่หันไปมองหน้าเพื่อนสนิททั้งสองเธอก็มักจะได้รับสายตาล้อเลียน และท่าทางกลั้นขำเหมือนคนเส้นตื้น จากทั้งสองคนอยู่เสมอ จนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนเลิกเรียนในคลาสสุดท้ายของวัน“นี่ พวกแกหยุดหัวเราะได้แล้ว มันมีอะไรน่าขำขนาดนั้น?” เรียวคิ้วสวยขมวดมยุ่งอย่างขัดใจ เพราะยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ“ก็มันตลกนี่ ปกติแกไม่เคยต้องหัวเสียเพราะเรื่องผู้ชายมาก่อน แล้วดูวันนี้สิ เพิ่งเปิดเทอมแต่แกหงุดหงิดผู้ชายไปแล้วสองคน” ลลิตาพูดพลางกลั้นขำไปด้วยมันอาจจะดูไม่ใช่เรื่องตลกอะไรมากมาย แต่สำหรับเธอที่เห็นเพื่อนรักปั่นหัวผู้ชายเล่นมาตลอดก็อดรู้สึกตลกไม่ได้ ที่เห็นว่าเพื่อนถูกผู้ชายสร้างเรื่องให้กลุ้มใจบ้าง“นี่ยัยเลิฟ แกเส้นตื้นเกินไปแล้วนะ” หญิงสาวหน้าลูกครึ่งปรี่เข้าไปตวัดแขนกอดคอของเพื่อนสาวที่ตัวเล็กกว่า แล้วเอ่ยเสียงลอดไรฟันคล้ายกำลังข่มขู่“นี่แกจะฆาตกรรมฉันหรือไง ฮ่าฮ่า” คนถูกกอดรัดยังคงหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจแม้จะดูอันตรายไปสักหน่อยที่สองสาวเล่นกันระหว่างเดินลงบันได แต่ด้านหลังของหญิงสาวทั้งสองมีร่างของคุณากรเดินตามมาไม่ห่าง ซึ่งทำให้สองสาวไม่ค่อยระวังตัวมากนัก เพราะเชื่อว่าเพื่อนหน
“เราสนใจนายอ่ะ จีบได้ป้ะ?”คำพูดของกรรณิการ์สร้างความตกตะลึงระคนตกใจให้กับสองหนุ่มที่นั่งฟังอยู่ทั้งพชรและศุภวิชญ์ต่างหันมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างทัศนัยซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าอึ้ง ๆ ปนงุนงงสาวฮอตเป็นฝ่ายรุกว่าอึ้งแล้ว แต่นี่เพื่อนพวกเขายังโดนสาวสวยดีกรีอดีตดาวมหา’ลัยขอจีบซึ่ง ๆ หน้าอีก มันจะหล่อเท่เสน่ห์แรงอะไรเบอร์นั้นแต่คนถูกขอจีบกลับไม่แสดงสีหน้าอาการอะไรออกมาแม้แต่น้อย เขาทำเพียงจ้องหน้าหญิงสาวนิ่ง ๆ ก่อนจะพูดออกมาด้วยสีหน้าที่เริ่มเปลี่ยนจากนิ่งสุขุมเป็นเบื่อหน่ายแทน“ไร้สาระ” เขาเอ่ยเสียงเรียบกรรณิการ์นึกหมั่นไส้ท่าทางไม่สนใจอะไรของชายหนุ่มไม่น้อย แต่เธอก็ยังทำทียิ้มแย้มแล้วตื๊อเขาต่อมาถึงขนาดนี้แล้วเรื่องอะไรที่เธอจะถอยกลับไปมือเปล่า เขาทำเธอหน้าแตกละเอียดชนิดหมอไม่รับเย็บขนาดนั้น เธอคงจะยอมได้อยู่หรอก!“เราจริงจังนะ ถือว่านายอนุญาตก็แล้วกัน งั้นขอไอจีหน่อยสิ แลกกับแหวนวงนี้” หญิงสาวยกเรื่องแหวนเข้ามาเป็นข้อต่อรองทัศนัยนึกเหนื่อยใจอยู่ไม่น้อย เขาไม่เคยเจอผู้หญิงน่ารำคาญขนาดนี้มาก่อน หากเป็นปกติป่านนี้เขาคงลุกหนีไปแล้ว ไม่ยอมนั่งอยู่กับตัววุ่นวายอย่างนี้เป็นแน่แต่เ
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ” เสียงทุ้มโทนต่ำค่อนไปทางเรียบนิ่งเอ่ยถามคนในอ้อมแขนวินาทีนั้นกรรณิการ์คล้ายตกอยู่ในภวังค์ เมื่อลืมตาขึ้นมาเห็นใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติในระยะใกล้ รูปหน้าของเขาดูคมคาย ริมฝีปากหยักบางสีชมพูธรรมชาติ ดวงตาคมดุสีถ่านด้านหลังเลนส์แว่นใสไร้ขอบดูมีเสน่ห์ยากจะต้านทานเรือนผมสีดำถูกเซ็ตขึ้นเปิดหน้าผากกว้าง เผยให้เห็นโครงหน้าหล่อได้อย่างชัดเจน ผิวของเขาค่อนข้างขาว แต่ดูเหมือนจะสว่างน้อยกว่าผิวของเธอสักหน่อยกรรณิการ์มองสำรวจใบหน้าดุจพระเจ้าสร้างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรู้ตัวว่าเผลอจ้องเขานานเกินไป แต่เพราะกลิ่นโคโลญจน์อ่อน ๆ ผสมกับกลิ่นน้ำหอมจาง ๆ จากร่างสูงตรงหน้าทำให้เธอไม่อยากผละออก“ได้ยินรึเปล่าครับ?” เขาถามซ้ำขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าหญิงสาวดูเหม่อลอยคนที่เพิ่งได้สติขึ้นมารีบผละตัวออกจากอ้อมแขนหนา กรรณิการ์กระแอมเบา ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองสบตาเขาชายหนุ่มตรงหน้าจัดว่าหล่อมาก น่าแปลกที่เธอไม่ค่อยคุ้นหน้าคุ้นตาเขาเท่าไหร่นัก หรือจะเป็นเด็กใหม่ก็ไม่แน่ใจแต่ดูจากสถานการณ์แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า...“ขอโทษนะคะ”“ไม่เป็นระ-” แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดจบ หญิงสาวก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนแล้ว
ลูกคุณหนูตระกูลผู้ดีอันมีประวัติยาวนานในแวดวงสังคม หญิงสาวที่ถูกจับตามองและเพียบพร้อมไปด้วยฐานะทางสังคมสวย หุ่นดี มีชื่อเสียง ถูกรายล้อมด้วยผู้ชายที่พากันเข้ามาหยอดคำหวาน นั่นอาจจะเป็นชีวิตที่สาว ๆ หลายคนใฝ่ฝันแต่ไม่ใช่กับเธอ!“ให้โอกาสธันอีกสักครั้งไม่ได้เหรอครับ”“เราบอกว่าจบก็คือจบไงธัน เธอจะมาเรียกร้องอะไรอีก”“ทำไมล่ะกรีน ธันไม่ดีตรงไหน ทำไมกรีนถึงตัดธันง่าย ๆ แบบนี้”กรีน หรือ กรรณิการ์ สาวลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส ของดีประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ ดีกรีอดีตดาวมหา’ลัยหญิงสาวรูปร่างอรชรซึ่งมีส่วนสูงกว่าหนึ่งร้อยหกสิบแปดเซนติเมตร ใบหน้าสวยตามแบบฉบับลูกครึ่งสาว เรือนผมถูกย้อมเป็นสีบลอนด์ทอง รับกับรูปหน้าอันโดดเด่นขับให้หญิงสาวดูมาดมั่นและมีเสน่ห์น่าหลงใหลเครื่องหน้ารูปไข่ประดับไว้ด้วยเรียวคิ้วสวยได้รูป ดวงตาเรียวรีซึ่งมีนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกาย ปลายจมูกโด่งรั้นดูน่าหยิก ริมฝีปากอวบอิ่มเคลือบลิปสติกสีแดงเรื่อ มุมปากสวยยกขึ้นเล็กน้อยดูซุกซน“มันไม่ใช่ว่าเธอไม่ดี แต่เราก็คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าถ้าเบื่อก็จบ” กรรณิการ์ตอบกลับชายหนุ่มร่างสูงโปร่งตรงหน้าด้วยน้ำเสียงหวานเจือความหงุดหงิดธันว







